“ศาลาแดงเหนือ หมู่บ้านที่ไม่คิดว่าในชีวิตจะได้มาเยือน"
แม้จะเป็นหมู้บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก แต่ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่ามีหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ในประเทศไทยด้วยซ้ำ55 อ้อลืมบอกไปเราชื่อไอซ์เราอยากเขียนกระทู้นี้เพื่ออยากให้ทุกคนได้รู้จักหมู่บ้านน่ารักๆสงบ เรียบง่ายของหมู่บ้านแห่งนี้
ต้องยอมรับเลยว่าครั้งแรกที่เรากับเพื่อนหาทางมาหมู่บ้านแห่งนี้ใช้เวลานานมาก วันแรกที่มาเรากับเพื่อนๆหลงทาง55555 ฟ้าก็ใกล้มืดเลยกลับบ้านกันก่อนแล้วมาใหม่ ด้วยความที่หมู่บ้านที่แทบไม่มีคนรู้จักและเหมือนหมู่บ้านลับแลก็ว่าได้555 เราจึงอยากแนะนำและพาทุกคนไปชมว่าเป็นอย่างไร
ก่อนอื่นเรามารู้จักหมู่บ้านแห่งนี้กันก่อน

ชุมชนมอญวัดศาลาแดงเหนือ
ชาวบ้านในชุมชนวัดศาลาแดงเหนือเป็นชาวบ้านที่อพยพมาจากเมืองเมาะตะมะ เนื่องจากในสมัยก่อนได้มีศึกสงครามเกิดขึ้นในพม่าบ่อยครั้งมาก ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจึงต้องหลบหนีสงครามมาทางด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อมาพึ่งพระโพธิสมพาน
ในสมัยรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ให้คนไปรับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนมา โดยให้ชาวบ้านได้เลือกพื้นที่ที่จะอาศัยเป็นหลักเป็นแหล่งจากพื้นที่เหล่า นี้คือ ชุมชนวัดศาลาแดงเหนือ ปากเกร็ด และพระประแดง ซึ่งชาวบ้านได้ตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยด้วยความสมัครใจของตนเอง สำหรับชุมชนวัดศาลาแดงเหนือได้ช่วยกันสร้างวัดขึ้นมาชื่อว่า "วัดศาลาแดงเหนือ" ให้เป็นศูนย์กลางของชุมชน ซึ่งคำว่า วัดศาลาแดงเหนือ แปลเป็นภาษามอญได้ว่า "ภียปราน" และชื่อของชุมชนนี้ได้ชื่อว่า ชุมชนวัดศาลาแดงเหนือมาตั้งแต่ก่อตั้งชุมชน
ชุมชนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 2 ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี 12160 ทางทิศตะวันตกติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ในชุมชนวัดศาลาแดงเหนือมีทั้งหมด 75 หลังคาเรือน ภายในวัดมีพระ 4 รูป
ลักษณะที่เด่นชัดของชาวบ้านในชุมชนวัดศาลาแดงเหนือ คือ จะสร้างบ้านเป็นทรงไทยที่มีใต้ถุนเสาสูงเหมือนกันทั้งหมู่บ้าน แม้ว่าจะมีการชำรุดหรือทรุดโทรมลงไปบ้าง แต่ส่วนที่ได้รับการซ่อมแซมหรือบ้านที่สร้างขึ้นใหม่ก็ยังคงสร้างเป็นทรงเดิมอยู่ เพราะต้องการที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของชาวมอญไว้เหลือให้ลูกหลานได้รู้และ รักษาความเป็นเอกลักษณ์ของชาวมอญไว้ให้คงไว้อย่างเดิม และป้องกันภัยน้ำท่วม เนื่องจากประสพการณ์ที่อยู่ริมน้ำมานาน ด้วยความที่ชาวมอญยึดเป็นหลักในการเลือกที่อยู่อาศัยคือ ที่อยู่อาศัยต้องติดกับแม่น้ำเพื่อจะได้สะดวกในการใช้น้ำในยามหน้าแล้ง

ชุมชนวัดศาลาแดงเหนือเป็นชุมชนขนาดกลาง ซึ่งอยู่กันเป็นกลุ่ม ภายในหมู่บ้านจะเน้นเรื่องความสะอาดเป็นสำคัญ และในหมู่บ้านของชุมชนวัดศาลาแดงเป็นชุมชนที่สะอาดมาก และเคยได้รับรางวัลหมู่บ้านดีเด่นด้านความสะอาดมาหลายครั้งด้วยกัน ในเรื่องความสะอาด ภายในหมู่บ้านได้จัดที่สำหรับเผาขยะโดยเฉพาะ ซึ่งจะให้ทุกบ้านมีถังขยะและเมื่อขยะเต็มส่วนที่เผาได้ก็จะนำไปเผา ชาวบ้านจะไม่ทิ้งขยะลงในแม่น้ำ เพราะชาวบ้านกลัวน้ำจะเสียและส่งกลิ่นเหม็น ทุกบ้านจึงมีการเข้มงวดกับเรื่องขยะเป็นอย่างมาก และอีกนัยหนึ่งคือต้องการที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย

เรามาเริ่มการเดินทางเลยดีกว่า

ที่แรกที่พวกเราไปคือ วัดศาลาแดงเหนือ นำรถไปจอดที่วัดและเดินไปชมทัศนียภาพริมแม่น้ำกัน


แม่น้ำค่อนข้างสะอาดไม่มีขยะเลย อากาศดีมากๆ มีผักตบชวาเต็มเลยยยย มีเรือแล่นผ่านไปมาบ่อยครั้ง เพราะเป็นชุมชนที่อยู่ริมแม่น้ำ บรรยากาศดีมากๆ มีท่าเรือด้วย

เดินเล่นไปได้สักพักพวกเราก็เจอคุณลุงกำลังล้างจานอยู่ริมมแม่น้ำ จึงได้เข้าไปพูดคุยกับคุณลุง ลุงน่ารักมาก แถมเล่าตำนานของที่นี่ให้ฟังด้วย
ลุงเขาบอกว่า ไม่มีเรือมาเทียบ ต้องจ้างเรือโนราห์มาฝรั่งชอบเหมามานอนในเรือ ประมาณว่าพักผ่อนและก็มาเที่ยว เวลาชาวบ้านทำบุญแต่ละบ้านก็จะเอาอาหารมาแชร์ๆกัน ส่วนเลยวัดไปตรงโน้นนนมีโบสถ์สร้างคนนำศพมาฝังไว้ ผีดุมากๆๆๆแต่ลุงไม่เคยเจอเลยลุงเลยไม่ค่อยเชื่อ55555
แล้วลุงก็ไป5555555555555555555 อ้อลุงบอกว่าประมาณบ่าย3โมงเย็นมีสวมนต์ที่วัด

วัดศาลาแดงเหนือ เป็นวัดที่มีความน่าสนใจตรงที่มีเจดีย์มอญบรรจุพระเกศธาตุของพระพุทธเจ้า มีหอพระไตรปิฎกศิลปะแบบมอญ และมีข้าวของเครื่องใช้โบราณอย่างเครื่องกรองน้ำโบราณ อันเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านให้ได้ชมกัน
เดินเล่น กินลม ชมวิว กันไปพอสมควรพวกเราก็เริ่มเดินทางเข้าหมู่บ้านกันก่อนที่จะกลับมาสวดมนต์กับชาวบ้านที่วัดในตอนบ่าย3โมงเย็น
เข้ามาในหมู่บ้านให้ความรู้สึกว่าทีนี่เป็นชุมชนที่สงบมาก ส่วนใหญ่จะผู้สูงอายุ เด็ก เยอะมากจึงไม่แปลกใจว่าทำไมที่นี่ถึงสงบขนาดนี้
รถที่เห็นจนชินตาของชุมชนนี้คือรถแบบนี้
ด้วยความที่อากาศร้อนและเดินเล่นกันนานพอสมควรก็มาเจอบ้านเลขที่ 28 ติดป้ายหน้าบ้านไว้ว่า "น้ำแข็งใสย้ายโจ้น" เลยจัดน้ำแข็งมาคนละถ้วย ถ้วยละ 5 บาท เองง (ยายโจ้นบอกว่า โจ้น เป็นภาษามอญแปลว่า น้ำแข็ง) แต่ลูกสาาวยายเป็นคนทำนะอิอิ
จากนั้นเราก็นั่งคุยกับยาย ยายคุยเก่งมากกกก อย่างกับ Rap is now แล้ว55555555
ยายบอกว่าที่นี่มีแต่คนมอญ ยายก็เป็นคนมอญส่วนมากคนที่นี่เขาพูดภาษามอญกัน บ้านส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านยกสูงมีใต้ถุน และบ้านยายเคยโดนน้ำท่วมด้วยต้องย้ายไปอยู่บนบ้านใต้ถุนบ้านน้ำท่วมมิด น้ำสูงขึ้นทุกปีต้องใช้เรือ ส่วนมากคนที่นี่จะใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย อยู่แบบพอเพียงทำเองกินเอง
เหลือบไปเห็นถั่วตากแดดพอดี5555
คุณยายกินหมาก นี่คืออุปกรณ์หมากของคุณยาย
แล้วก่อนจะลาเราไม่ลืมที่จะเรียนรู้ภาษามอญจากคุณยายเท่าที่จับใจความได้ เช่น
สบายดีไหม พูดว่า หม่อง หมิบ บร่ะ ฮา
ถ้าตอบว่าสบายดี พูดว่า หม่อง หมิบ บร่ะ
กินข้าวแล้ว พูดว่า เจี๊ยะ เปิง กอ
น่ารัก พูดว่า น่า ช้าน
น่าเกลียด พูดว่า ลูก เปรี้ยะ
จากนั้นก็ร่ำลาคุณยายกับคุณป้า พร้อมได้คำอวยพรกลับมา คุณยายน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
เมื่อทานของหวานดับร้อนแล้วแต่ แต่ยังไม่อิ่มท้องของพวกเราเลยเดินทางไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ริมน้ำตามคำแนะนำของคุณป้า
ระหว่างทางเราก็ได้พบกับผู้เฒ่าผู้แก่ หลายท่าน พวกท่านใจดีและทักทายพวกเราอย่างเป็นมิตรราวกับพวกเราเป็นลูกหลาน
เมื่อเดินมาถึงร้านก๋วยเตี๋ยวก็มีเจ้าตัวนี้มาต้อนรับ ได้ยินเสียงมาแต่ไกล
เมื่อเข้าไปในร้านมีอาหารตามสั่งทุกอย่างจริงๆพวกเราส่วนใหญ่สั่งก๋วยเตี๋ยว ชามละ 20 บาทเองเลยสั่งมาคนละ2ชาม อร่อยมากๆๆ ที่ร้านมีคุณป้ากับคุณลุงช่วยกันทำอาหาร
หลังจากกอิ่มท้องกันแล้วจึงออกมาเดินเล่นด้านนอก เป็นริมแม่น้ำมีผักตบชวามากมาย มีสะพานให้คนในชุมชนเดินไปมาแต่ที่สังเกตได้ชัดเจนคือ ที่นี่น้ำใสสะอาดแทบจะไม่มีขยะให้เห็น แสดงให้เห็นได้ว่าชุมชนนี้มีวินัยและรักษาความสะอาดของชุมชนตนเองได้ดีแค่ไหน
ชาวบ้านกำลังล้างจาน
มีปลาสลิดตากอยู่ด้วย
เดินไปบนสะพานเจอเด็กกำลังเล่นน้ำอยู่พอดี
มีคนให้อาหารปลาอยู่ด้วย พวกเราก็ไปยืนดูกัน ปลาเยอะมากๆ แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติที่ดีในชุมชนนี้
เดินเล่นไปเรื่อยๆ คุยกับชาวบ้านและถ่ายรูปเล่นได้สักพักใหญ่ๆพวกเราก็มาแวะพักที่ร้านขายของ พวกขนม น้ำ จะเรียกว่าขายของชำก็น่าจะได้
ซื้อขนมน้ำต่างๆมาแก้กระหายเพราะอากาศร้อนมาก ที่ร้านมี Wi-fi ด้วยนะอิอิ
[CR] ความสุขเหลือล้น ชุมชนศาลาแดงเหนือ
แม้จะเป็นหมู้บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก แต่ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่ามีหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ในประเทศไทยด้วยซ้ำ55 อ้อลืมบอกไปเราชื่อไอซ์เราอยากเขียนกระทู้นี้เพื่ออยากให้ทุกคนได้รู้จักหมู่บ้านน่ารักๆสงบ เรียบง่ายของหมู่บ้านแห่งนี้
ต้องยอมรับเลยว่าครั้งแรกที่เรากับเพื่อนหาทางมาหมู่บ้านแห่งนี้ใช้เวลานานมาก วันแรกที่มาเรากับเพื่อนๆหลงทาง55555 ฟ้าก็ใกล้มืดเลยกลับบ้านกันก่อนแล้วมาใหม่ ด้วยความที่หมู่บ้านที่แทบไม่มีคนรู้จักและเหมือนหมู่บ้านลับแลก็ว่าได้555 เราจึงอยากแนะนำและพาทุกคนไปชมว่าเป็นอย่างไร
ก่อนอื่นเรามารู้จักหมู่บ้านแห่งนี้กันก่อน
ชุมชนมอญวัดศาลาแดงเหนือ
ชาวบ้านในชุมชนวัดศาลาแดงเหนือเป็นชาวบ้านที่อพยพมาจากเมืองเมาะตะมะ เนื่องจากในสมัยก่อนได้มีศึกสงครามเกิดขึ้นในพม่าบ่อยครั้งมาก ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจึงต้องหลบหนีสงครามมาทางด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อมาพึ่งพระโพธิสมพาน
ในสมัยรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ให้คนไปรับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนมา โดยให้ชาวบ้านได้เลือกพื้นที่ที่จะอาศัยเป็นหลักเป็นแหล่งจากพื้นที่เหล่า นี้คือ ชุมชนวัดศาลาแดงเหนือ ปากเกร็ด และพระประแดง ซึ่งชาวบ้านได้ตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยด้วยความสมัครใจของตนเอง สำหรับชุมชนวัดศาลาแดงเหนือได้ช่วยกันสร้างวัดขึ้นมาชื่อว่า "วัดศาลาแดงเหนือ" ให้เป็นศูนย์กลางของชุมชน ซึ่งคำว่า วัดศาลาแดงเหนือ แปลเป็นภาษามอญได้ว่า "ภียปราน" และชื่อของชุมชนนี้ได้ชื่อว่า ชุมชนวัดศาลาแดงเหนือมาตั้งแต่ก่อตั้งชุมชน
ชุมชนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 2 ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี 12160 ทางทิศตะวันตกติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ในชุมชนวัดศาลาแดงเหนือมีทั้งหมด 75 หลังคาเรือน ภายในวัดมีพระ 4 รูป
ลักษณะที่เด่นชัดของชาวบ้านในชุมชนวัดศาลาแดงเหนือ คือ จะสร้างบ้านเป็นทรงไทยที่มีใต้ถุนเสาสูงเหมือนกันทั้งหมู่บ้าน แม้ว่าจะมีการชำรุดหรือทรุดโทรมลงไปบ้าง แต่ส่วนที่ได้รับการซ่อมแซมหรือบ้านที่สร้างขึ้นใหม่ก็ยังคงสร้างเป็นทรงเดิมอยู่ เพราะต้องการที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของชาวมอญไว้เหลือให้ลูกหลานได้รู้และ รักษาความเป็นเอกลักษณ์ของชาวมอญไว้ให้คงไว้อย่างเดิม และป้องกันภัยน้ำท่วม เนื่องจากประสพการณ์ที่อยู่ริมน้ำมานาน ด้วยความที่ชาวมอญยึดเป็นหลักในการเลือกที่อยู่อาศัยคือ ที่อยู่อาศัยต้องติดกับแม่น้ำเพื่อจะได้สะดวกในการใช้น้ำในยามหน้าแล้ง
ชุมชนวัดศาลาแดงเหนือเป็นชุมชนขนาดกลาง ซึ่งอยู่กันเป็นกลุ่ม ภายในหมู่บ้านจะเน้นเรื่องความสะอาดเป็นสำคัญ และในหมู่บ้านของชุมชนวัดศาลาแดงเป็นชุมชนที่สะอาดมาก และเคยได้รับรางวัลหมู่บ้านดีเด่นด้านความสะอาดมาหลายครั้งด้วยกัน ในเรื่องความสะอาด ภายในหมู่บ้านได้จัดที่สำหรับเผาขยะโดยเฉพาะ ซึ่งจะให้ทุกบ้านมีถังขยะและเมื่อขยะเต็มส่วนที่เผาได้ก็จะนำไปเผา ชาวบ้านจะไม่ทิ้งขยะลงในแม่น้ำ เพราะชาวบ้านกลัวน้ำจะเสียและส่งกลิ่นเหม็น ทุกบ้านจึงมีการเข้มงวดกับเรื่องขยะเป็นอย่างมาก และอีกนัยหนึ่งคือต้องการที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย
ที่แรกที่พวกเราไปคือ วัดศาลาแดงเหนือ นำรถไปจอดที่วัดและเดินไปชมทัศนียภาพริมแม่น้ำกัน
แม่น้ำค่อนข้างสะอาดไม่มีขยะเลย อากาศดีมากๆ มีผักตบชวาเต็มเลยยยย มีเรือแล่นผ่านไปมาบ่อยครั้ง เพราะเป็นชุมชนที่อยู่ริมแม่น้ำ บรรยากาศดีมากๆ มีท่าเรือด้วย
เดินเล่นไปได้สักพักพวกเราก็เจอคุณลุงกำลังล้างจานอยู่ริมมแม่น้ำ จึงได้เข้าไปพูดคุยกับคุณลุง ลุงน่ารักมาก แถมเล่าตำนานของที่นี่ให้ฟังด้วย
ลุงเขาบอกว่า ไม่มีเรือมาเทียบ ต้องจ้างเรือโนราห์มาฝรั่งชอบเหมามานอนในเรือ ประมาณว่าพักผ่อนและก็มาเที่ยว เวลาชาวบ้านทำบุญแต่ละบ้านก็จะเอาอาหารมาแชร์ๆกัน ส่วนเลยวัดไปตรงโน้นนนมีโบสถ์สร้างคนนำศพมาฝังไว้ ผีดุมากๆๆๆแต่ลุงไม่เคยเจอเลยลุงเลยไม่ค่อยเชื่อ55555
วัดศาลาแดงเหนือ เป็นวัดที่มีความน่าสนใจตรงที่มีเจดีย์มอญบรรจุพระเกศธาตุของพระพุทธเจ้า มีหอพระไตรปิฎกศิลปะแบบมอญ และมีข้าวของเครื่องใช้โบราณอย่างเครื่องกรองน้ำโบราณ อันเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านให้ได้ชมกัน
เดินเล่น กินลม ชมวิว กันไปพอสมควรพวกเราก็เริ่มเดินทางเข้าหมู่บ้านกันก่อนที่จะกลับมาสวดมนต์กับชาวบ้านที่วัดในตอนบ่าย3โมงเย็น
เข้ามาในหมู่บ้านให้ความรู้สึกว่าทีนี่เป็นชุมชนที่สงบมาก ส่วนใหญ่จะผู้สูงอายุ เด็ก เยอะมากจึงไม่แปลกใจว่าทำไมที่นี่ถึงสงบขนาดนี้
ด้วยความที่อากาศร้อนและเดินเล่นกันนานพอสมควรก็มาเจอบ้านเลขที่ 28 ติดป้ายหน้าบ้านไว้ว่า "น้ำแข็งใสย้ายโจ้น" เลยจัดน้ำแข็งมาคนละถ้วย ถ้วยละ 5 บาท เองง (ยายโจ้นบอกว่า โจ้น เป็นภาษามอญแปลว่า น้ำแข็ง) แต่ลูกสาาวยายเป็นคนทำนะอิอิ
จากนั้นเราก็นั่งคุยกับยาย ยายคุยเก่งมากกกก อย่างกับ Rap is now แล้ว55555555
ยายบอกว่าที่นี่มีแต่คนมอญ ยายก็เป็นคนมอญส่วนมากคนที่นี่เขาพูดภาษามอญกัน บ้านส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านยกสูงมีใต้ถุน และบ้านยายเคยโดนน้ำท่วมด้วยต้องย้ายไปอยู่บนบ้านใต้ถุนบ้านน้ำท่วมมิด น้ำสูงขึ้นทุกปีต้องใช้เรือ ส่วนมากคนที่นี่จะใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย อยู่แบบพอเพียงทำเองกินเอง
สบายดีไหม พูดว่า หม่อง หมิบ บร่ะ ฮา
ถ้าตอบว่าสบายดี พูดว่า หม่อง หมิบ บร่ะ
กินข้าวแล้ว พูดว่า เจี๊ยะ เปิง กอ
น่ารัก พูดว่า น่า ช้าน
น่าเกลียด พูดว่า ลูก เปรี้ยะ
จากนั้นก็ร่ำลาคุณยายกับคุณป้า พร้อมได้คำอวยพรกลับมา คุณยายน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
เมื่อทานของหวานดับร้อนแล้วแต่ แต่ยังไม่อิ่มท้องของพวกเราเลยเดินทางไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ริมน้ำตามคำแนะนำของคุณป้า
ระหว่างทางเราก็ได้พบกับผู้เฒ่าผู้แก่ หลายท่าน พวกท่านใจดีและทักทายพวกเราอย่างเป็นมิตรราวกับพวกเราเป็นลูกหลาน
เมื่อเข้าไปในร้านมีอาหารตามสั่งทุกอย่างจริงๆพวกเราส่วนใหญ่สั่งก๋วยเตี๋ยว ชามละ 20 บาทเองเลยสั่งมาคนละ2ชาม อร่อยมากๆๆ ที่ร้านมีคุณป้ากับคุณลุงช่วยกันทำอาหาร
หลังจากกอิ่มท้องกันแล้วจึงออกมาเดินเล่นด้านนอก เป็นริมแม่น้ำมีผักตบชวามากมาย มีสะพานให้คนในชุมชนเดินไปมาแต่ที่สังเกตได้ชัดเจนคือ ที่นี่น้ำใสสะอาดแทบจะไม่มีขยะให้เห็น แสดงให้เห็นได้ว่าชุมชนนี้มีวินัยและรักษาความสะอาดของชุมชนตนเองได้ดีแค่ไหน
มีคนให้อาหารปลาอยู่ด้วย พวกเราก็ไปยืนดูกัน ปลาเยอะมากๆ แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติที่ดีในชุมชนนี้
เดินเล่นไปเรื่อยๆ คุยกับชาวบ้านและถ่ายรูปเล่นได้สักพักใหญ่ๆพวกเราก็มาแวะพักที่ร้านขายของ พวกขนม น้ำ จะเรียกว่าขายของชำก็น่าจะได้
ซื้อขนมน้ำต่างๆมาแก้กระหายเพราะอากาศร้อนมาก ที่ร้านมี Wi-fi ด้วยนะอิอิ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น