นี่คือหัวใจสำคัญ ควรจัดทำก่อนร่วงหน้า และ บรรจุ ในแผน อพยบในกรณีเกิดภัยพิบัติหรือน้ำท่วม

ถอดบทเรียน น้ำท่วมหาดใหญ่ ในครั้งนี้
คำถาม
ในการช่วยเหลือผู้ประสพภัย เราจะหาข้อมูล ได้อย่างไร ว่า บ้านนั้นมีผู้ป่วย คน แก่ และเด็กเล็ก เพื่อเข้าช่วยเหลือก่อน

คำตอบ
ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย การ “รู้ล่วงหน้า” ว่าบ้านใดมีผู้ป่วย ผู้สูงอายุ หรือเด็กเล็ก เป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อจัดลำดับความสำคัญในการเข้าช่วยก่อน แนวทางที่สามารถใช้ได้ ได้แก่




 
1. ฐานข้อมูลจากหน่วยงานรัฐ / อปท.


องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (เช่น อบต., เทศบาล, กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน) มักมีข้อมูลทะเบียนราษฎร์และข้อมูลกลุ่มเปราะบาง เช่น

ผู้สูงอายุในเขต
ผู้ป่วยติดเตียง / ผู้ป่วยเรื้อรัง
เด็กเล็กในครัวเรือน
วิธีนี้ช่วยให้รู้ “ล่วงหน้า” ได้ชัดเจนว่า บ้านใดเป็นบ้านเสี่ยงสูง





 
2. ระบบ GIS / แผนที่ชุมชนผู้เปราะบาง


หลายพื้นที่จะทำ “แผนที่ชุมชน” ที่ระบุบ้านของ

ผู้สูงอายุ
ผู้ป่วย
คนพิการ
เด็กเล็ก


แผนที่นี้อาจอยู่ในรูปของ

Google Map ข้อมูลภายในชุมชน
ระบบ GIS ของ อบต./เทศบาล
แผนที่กระดาษที่ผู้นำชุมชนทำไว้





 
3. แบบสำรวจภาวะเสี่ยงล่วงหน้าก่อนเกิดภัยพิบัติ


หลายพื้นที่ใช้แบบฟอร์มสำรวจ เช่น

แบบสำรวจผู้มีภาวะพึ่งพิง
แบบสำรวจครัวเรือนเปราะบาง (Vulnerable Households Checklist)
ซึ่งทำไว้ก่อนหน้าฤดูภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วมหรือพายุ





 
4. การรายงานจากอาสาสมัครชุมชน / อปพร. / อสม.


อาสาสมัครในพื้นที่รู้ข้อมูลชุมชนดีที่สุด เช่น

อสม. → รู้ว่าบ้านไหนมีผู้ป่วย
อปพร. → รู้พื้นที่เสี่ยง
ทีมกู้ภัยท้องถิ่น → รู้จุดที่เข้าถึงยาก


ให้ใช้ระบบสื่อสารรวดเร็ว เช่น ไลน์กลุ่ม, วิทยุสื่อสาร




 
5. ระบบแจ้งเหตุจากประชาชน


เปิดช่องให้ประชาชนแจ้งข้อมูล เช่น

แบบฟอร์มออนไลน์ Google Form
สายด่วนท้องถิ่น
จุดรวมพลที่ให้ประชาชนแจ้งว่ามีคนป่วยติดอยู่ในบ้าน





 
6. การประมวลผลจากข้อมูลสัญญาณโทรศัพท์ / โซเชียล (กรณีจำเป็น)


หน่วยงานรัฐที่มีอำนาจอาจใช้ข้อมูล

การเช็คอินขอความช่วยเหลือ
แจ้งพิกัดผ่านมือถือ
แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล





📌 
สรุปวิธีเร่งด่วนในสถานการณ์จริง


ลำดับที่ควรทำทันทีคือ

ขอข้อมูลจุดเสี่ยงและรายชื่อบ้านกลุ่มเปราะบางจาก อบต./เทศบาล
ขอข้อมูลเสริมจาก อสม. และผู้ใหญ่บ้าน
ทำสัญลักษณ์หน้าบ้านเสี่ยง เช่น สติ๊กเกอร์ “ผู้สูงอายุ”, “ผู้ป่วยติดเตียง” (ถ้าชุมชนอนุญาต)
ใช้แผนที่รวม “บ้านกลุ่มเสี่ยง” เป็นตัวลำดับความสำคัญการช่วยเหลือ

คำถาม
แต่ในบางครั้ง ถ้าเกิด พื้นที่นั้นประสพภัยทั้งหมดไม่สามารถมีไครไห้ข้อมูลได้ เรา ควรทำอย่างไร ควรเก็บข้อมูลไว้ส่วนไหน

คำตอบ
เมื่อเกิดภัยพิบัติที่ “ทุกพื้นที่ได้รับผลกระทบพร้อมกัน” และไม่สามารถติดต่อใครเพื่อขอข้อมูลได้ เราต้องมี ข้อมูลสำรองล่วงหน้า (Pre-disaster Data) ที่จัดเก็บไว้อย่างปลอดภัยและเข้าถึงได้แม้ในภาวะฉุกเฉิน

ด้านล่างคือแนวทางทั้งการเตรียมข้อมูลล่วงหน้า และวิธีค้นหาข้อมูลเมื่อข้อมูลเดิมสูญหายหรือใช้ไม่ได้




 
1. ควรเตรียมเก็บข้อมูลไว้ที่ไหน (ก่อนเกิดภัยพิบัติ)



(A) เก็บข้อมูลหลายแบบ หลายที่ (Multi-backup)


ควรมีสำเนาอย่างน้อย 3 แบบ

กระดาษ – แผนที่บ้านกลุ่มเสี่ยง, รายชื่อผู้ป่วย, ผู้สูงอายุ
USB / ฮาร์ดดิสก์สำรอง – เก็บไว้ที่ศูนย์ อบต./เทศบาล
ระบบเก็บข้อมูลออนไลน์ เช่น Google Drive, OneDrive (ถ้าสัญญาณอินเทอร์เน็ตกลับมา ก็ใช้ได้ทันที)


หลักสำคัญ: เก็บหลายที่เพื่อลดความเสี่ยง “สูญหายทั้งหมดพร้อมกัน”




(B) กระจายไปยังหลายหน่วยงาน


ข้อมูลควรมีสำเนาไว้ที่

อบต./เทศบาล
สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด
อสม. แต่ละหมู่บ้าน
ทีมกู้ภัยท้องถิ่น


เพื่อให้หากจุดหนึ่งเสียหาย ยังมีจุดสำรองอื่น




(C) ทำ “แผนที่ชุมชนแบบกระดาษ”


แผนที่ควรระบุ

บ้านผู้สูงอายุ
บ้านผู้ป่วย
บ้านคนพิการ
บ้านเด็กเล็ก
เส้นทางเข้าออกและจุดอพยพ


แผนที่กระดาษทำงานได้เสมอ ไม่ต้องพึ่งไฟ/อินเทอร์เน็ต




(D) จัดทำ “ทะเบียนบ้านกลุ่มเปราะบาง” ไว้ล่วงหน้าทุกปี


อัปเดตทุกปีโดย อสม./ผู้ใหญ่บ้าน
เก็บเป็น

ไฟล์
ปริ้นต์ 1 ชุด
แจกผู้ใหญ่บ้านถือไว้ 1 ชุด





 
2. ถ้าข้อมูลสูญหายทั้งหมดจริง ๆ ควรทำอย่างไร (ระหว่างภัยพิบัติ)


เมื่อ ไม่มีข้อมูลเลย ให้ใช้วิธี สำรวจเร่งด่วน (Rapid Assessment) ที่ใช้เวลาไม่เกิน 2–4 ชั่วโมง เพื่อระบุบ้านเสี่ยงก่อน


(A) สำรวจแบบ “เดินเท้า – ลาดตระเวน”


ทีมสำรวจแบ่งพื้นที่เป็นโซน เช่น

ทีม 1: หมู่ 1
ทีม 2: หมู่ 2
ทีม 3: หมู่ 3


จะใช้

โดรน
เรือ
รถยกสูง


เพื่อสังเกตป้ายหรือสัญญาณขอความช่วยเหลือ




(B) ใช้ “จุดรวมพล” ให้ชาวบ้านแจ้งข้อมูลสมาชิกในบ้าน


ทำจุดแจ้งข้อมูล เช่น

จุดอพยพ
วัด
โรงเรียน


ให้ชาวบ้านรายงานว่า

บ้านตัวเองมีผู้ป่วย/ผู้สูงอายุหรือไม่
ยังมีคนติดอยู่กี่คน





(C) ใช้ “สัญลักษณ์หน้าอาคาร” ให้ชาวบ้านทำเอง


แจ้งชาวบ้านให้ติดกระดาษหรือผ้า

X = ต้องการความช่วยเหลือ
O = ทุกคนปลอดภัย
สีแดง = มีผู้ป่วย / ผู้สูงอายุ
สีเหลือง = มีเด็กเล็ก
สีฟ้า = ต้องการยา


เป็นระบบง่ายที่สุดในภาวะสื่อสารขัดข้อง




(D) ข้อมูลจากโดรน/ภาพถ่ายทางอากาศ


หากเข้าพื้นที่ไม่ได้ โดรนสามารถเห็น

คนโบกมือ
ป้ายช่วยเหลือ
บ้านที่น้ำท่วมลึกมาก
หลังคามีคนอยู่





 
3. เก็บข้อมูลหลังการสำรวจลงในที่ใด (ในภาวะฉุกเฉิน)


ควรบันทึกไว้ทั้ง 2 แบบ


1) กระดาษ
 – แบบฟอร์ม Rapid Assessment



2) สมุดภาคสนามของแต่ละทีม
 – มักไม่สูญหายง่าย


ถ้ามีโทรศัพท์ที่ใช้งานได้


3) แอปหรือไฟล์บนมือถือ (ไม่ต้องใช้เน็ต)


บันทึกเป็นไฟล์ Excel/CSV
ถ่ายรูปบ้านเพื่ออ้างอิง


เมื่ออินเทอร์เน็ตกลับมาค่อยอัปโหลดขึ้นระบบกลาง




🟦 
สรุปสำคัญที่สุด


ต้องมีข้อมูลล่วงหน้าแบบกระดาษอยู่หลายที่
และเมื่อข้อมูลสูญหายต้องใช้

สำรวจเร่งด่วน
จุดแจ้งข้อมูล
สัญลักษณ์หน้าอาคาร
เพื่อระบุผู้ป่วย ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ให้ช่วยก่อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่