หวานนักรักนี้...ที่แสนหวาน

กระทู้สนทนา
====================
หวานนักรักนี้...ที่แสนหวาน
====================

Psycho G.





             “น้ำตาลคะ...คุณต้องกินขนมให้หมดถ้วยนะคะ น้ำหวานอุตส่าห์ทำสุดฝีมือแล้ว อย่าทำให้น้ำหวานผิดหวังนะคะ”

             เสียงของน้ำหวาน ทำให้ชายหนุ่มฝืนยิ้มหวาน  เพราะไม่อยากขัดใจสาวคนรัก เธอชื่อน้ำหวาน และเธอก็หวานสมชื่อจริงๆ เสียงของเธอหวานชวนฟัง ขนาดด่าคนยังฟังว่าไพเราะ คนโดนน้ำหวานด่ามักจะชื่นหวานอย่างชื่นอกชื่นใจ รอยยิ้มของเธอก็หวานตาหวานใจ

             ความจริงชายหนุ่มไม่ได้ชื่อน้ำตาล เขาชื่อมะดัน (ส้มไม่รู้ถอย) แต่น้ำหวานคะยั้นคะยอให้เขาเปลี่ยนชื่อจากมะดันมาเป็นน้ำตาล เพื่อความสมดุลของความหวานรัก

            น้ำหวานมีพี่สาวสามคน คนแรกชื่อน้ำผึ้ง คนที่สองชื่อน้ำอ้อย คนน้องสุดชื่อน้ำเชื่อม เธอมีน้องชายชื่อซูการ์ คุณแม่ของเธอชื่อฝอยทอง คุณพ่อชื่อนายทองหยิบ  น้ำหวานมีหลานเล็กๆคนหนึ่งชื่อไอศกรีม เรียกว่าหวานกันทั้งบ้าน แม้แต่หน้าบ้าน ยังติดป้ายขนาดใหญ่ เขียนว่า  Home sweet home


             วันนี้ชายหนุ่มมีโอกาสแวะมาเที่ยวบ้านของสาวคนรัก ครอบครัวของน้ำหวานต้อนรับขับสู้เขาเป็นอย่างดีเพราะเห็นว่าทั้งคู่เหมาะสมกัน  อาหารบนโต๊ะมีผัดผักหวาน แกงเขียวหวาน มะม่วงน้ำปลาหวาน ยำแบะแซ  ขัณฑสกรสะดุ้งหวาน  น้ำตาลก้อนแช่น้ำผึ้ง  บัวลอยไข่หวาน ปลากะพงนึ่งน้ำตาล กุ้งชุบน้ำตาลทอด   อ้อยเชื่อม ลูกตาลลอยแก้ว   แอสปาร์เทมทะเล  โต๊ะอาหารมีเพียงสองหนุ่มสาวเพราะคนอื่นพากันหลบไปหวานที่อื่น เพื่อเปิดโอกาสให้คนทั้งสองหวานใส่กันเต็มที่

             “น้ำตาลต้องทานให้หมดนะคะ เพื่อความรักของเรา”

             เสียงหวานใสดังมาอีก ขณะชายหนุ่มนั่งมองอาหารบนโต๊ะด้วยสายตาหนักใจเพราะว่าปริมาณเยอะเหลือเกิน

             “น้ำหวานสัญญาค่ะว่า จะทำอาหารอร่อยๆแบบนี้ให้น้ำตาลกินทุกวันเลย วันหยุดเพิ่มรอบดึกอีกมื้อนะคะ  ทานไม่หมดน้ำหวานไม่ยอมด้วยนะคะ”

             “เอ้อ...น้ำหวานครับ เรียกคนอื่นมาช่วยกันทานดีไหมครับ ทานหลายๆคนอร่อยดีนะครับ”

             ชายหนุ่มพยายามหาตัวช่วย แต่คำพูดต่อมาของน้ำหวานก็ทำให้ความหวังอันน่าสงสารของเขาดับวูบลง

             “ไม่นะคะ น้ำหวานกลัวน้ำตาลทานไม่อิ่ม พอไม่อิ่มแล้วก็จะไม่หวานได้ที่ น้ำหวานอยากให้ความรักของเราตกผลึกเป็นน้ำตาลหวานแห่งรัก ให้คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นและต้อนรับน้ำตาลสู่บ้านแสนหวานของเราไงคะ”

             ว่าพลางน้ำตาลก็ใช้ทัพพีตักอ้อยเชื่อมขึ้นมาเต็มทัพพี ป้อนใส่ปากของเขาอย่างเอาอกเอาใจ

             “น้ำหวานขอใช้ทัพพีตักนะคะ น้ำตาลจะได้กินเต็มปากเต็มคำ ไม่ต้องตักหลายครั้ง ทานให้หมดเลยนะคะ อ้ำๆ...ค่ะที่รัก”

             ทำไมไม่ยกทั้งถ้วยมากรอกปากให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยนะ ชายหนุ่มคิดในใจ แต่ก็ยอมกัดฟันอ้าปากกินอ้อยเชื่อมจนหมด หญิงสาวมองดูคนรักเจริญอาหารอย่างพอใจ ก่อนหันไปตัก ข้าวอบน้ำตาล จากหม้อหุงข้าวใบใหญ่มาใส่ในจานของชายหนุ่มจนพูนจาน

             “ทานอีกจานนะคะ....ข้าวอบน้ำตาลนี่หว้านหวาน...ชื่นอกชื่นใจดีเลยล่ะค่ะ ถ้าน้ำตาลอยู่นี่ น้ำหวานจะทำให้ทานทุกมื้อเลย กินให้หมดจานนะคะ ไม่งั้นน้ำหวานไม่ยอมด้วย”

             “แต่ผมเพิ่งกินไปแล้วสองจานนะครับ”

             ชายหนุ่มพยายามบ่ายเบี่ยง แต่คนรักแสนหวานไม่สนใจ ตักผัดผักหวานมาให้อีกสามทัพพี เขามองอย่างสยดสยองเมื่อมองเห็นผักหวานแช่อิ่มอยู่ในน้ำเชื่อมเข้มข้นปนน้ำมัน

             “กินให้หมดนะคะ หวานไม่พอบอกนะคะ น้ำหวานจะเติมน้ำตาลให้อีกก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเกรงใจค่ะ”

             นี่มันวันซวยอะไรของเรา....ชายหนุ่มคิดในใจเพราะอิ่มจนท้องจะแตกตายอยู่แล้ว พยายามตักข้าวหวานมหาโหดใส่ปากได้สองคำก็ติดคอจนต้องหันไปคว้าแก้วน้ำ แต่พอยกมาดูก็ตาค้าง

             น้ำในแก้วไม่ใช่น้ำเปล่าธรรมดา แต่เป็นน้ำผึ้งเข้มข้นเต็มแก้ว เสียงหวานๆ แว่วเข้าหูว่า

             “น้ำตาลทานให้หมดนะคะ ไม่หมดน้ำหวานไม่รับรองความปลอดภัย เพราะคนแถวนี้ถือว่าดูถูกกัน”

             “หวานจะทำอะไรผมหรือครับ”  

             เขาถามอย่างรู้สึกใจคอไม่ดี มองไปด้านข้างไม่ไกลนัก คุณพ่อของน้ำหวานกำลังทำความสะอาดปืนลูกซองอยู่อย่างตั้งใจ แถมหันมามองเป็นระยะ

             “น้ำหวานไม่ทำอะไรหรอกค่ะ แต่คุณพ่อของน้ำหวานสิคะ ลองไม่กินมีเรื่องแน่วันนี้”

             งานเข้าแล้วเรา....ชายหนุ่มมองว่าที่พ่อตากับปืนในมือและเริ่มรู้สึกว่ารสหวานในปากเริ่มเปลี่ยนเป็นรสขมมากขึ้นเรื่อย และเริ่มมองเห็นหายนะแห่งความหวานรออยู่ในอนาคต

             แบบนี้แต่งงานไป ลูกเกิดมาคงต้องตั้งชื่อว่า ซูโครส ฟรุกโทส และเลี้ยงด้วยน้ำตาลข้นหวาน นมข้นหวาน แทนนมผงเป็นแน่แท้

             ส่วนเขาเองคงไม่พ้นเป็นเบาหวานเป็นแน่แท้  ฟันผุจนหมดปาก  นอนอยู่ดีๆ ตื่นขึ้นมาพบว่าทั้งผึ้ง มด แมลง เกาะเต็มตัว  และคงต้องตายเพราะน้ำตาลในเลือดสูง หันไปมองทางว่าที่พ่อตาก็เห็นลุกยืนทำท่าเล็งปากกระบอกปืนไปมาอย่างไม่น่าไว้ใจ เขากัดฟันยกแก้วน้ำผึ้งขึ้นมาดื่มได้เพียงครึ่งแก้วก็โก่งคออาเจียนออกมาน้ำหวานน้ำตาไหลพรากหายใจหายคอแทบไม่ทัน เพราะหวานจนฉี่แทบราด พอเริ่มอาการดีขึ้นก็ค่อยหันมามองสาวคนรักด้วยน้ำตาและน้ำตาลนองหน้า

             “หวานครับ...ผมไม่ไหวแล้ว ชาตินี้เราเลิกขาดจากกันนะครับ”

             พูดจบเขาก็ร้อง..ช่วยด้วย...!!สุดเสียงหันหลังวิ่งกระเซอะกระเซิงออกจากบ้านสาวคนรักอย่างไม่คิดชีวิตโดยมีเสียงปืนดังตามหลังมาหลายนัด



             “ทำแบบนี้จะดีหรือ นังหนู”

             ผู้เป็นพ่อถามลูกสาว ขณะพากันยืนมองชายหนุ่มผู้วิ่งหายไปในแสงแดดและสายลมยามบ่าย  ลูกสาวยิ้มแบบธรรมดาไม่ได้ยิ้มหวานอะไรอีกแล้วขณะตอบด้วยน้ำเสียงสาสมใจว่า

             “ดีแล้วค่ะคุณพ่อ มีลูกมีเมียแล้วยังมาทำเจ้าชู้ไม่ยอมเลิก เจอแบบนี้ไม่เลิกก็ให้รู้ไปค่ะ ถ้าไม่เข็ดจะเจอหนักกว่านี้”
             
             "หวานได้แสบไส้จริงๆ ลูกพ่อ"

             ทั้งสองหัวเราะให้กันในบ่ายของวันที่หวานๆ และสบายใจ




             ..............
             จบแล้วครับ
             ขอบคุณทุกท่าน ที่แวะมาเยี่ยมนิยายรักแสนหวานเรื่องนี้
             พยายามเขียนให้หวาน ได้เท่านี้เองครับ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่