ภาพหน้าเปิดตอนนี้
- เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่คนน้องทะเลาะกับแม่จนหนีออกจากบ้านไปโดยที่พระเอกตามไปไม่ทัน
- โดยหลังจากหนีออกจากบ้านมาเสร็จ คนน้องก็ไปที่ร้านของพ่อ แล้วโทรเรียกพ่อให้ออกมาหา ตาพ่อรับโทรศัพท์ลูกเสร็จก็ตาลีตาลานวิ่งออกมาหาที่ร้าน นั่งคุยกันซักพักจนได้ความว่าทะเลาะกับแม่จนหนีออกจากบ้านมา ขออาศัยอยู่ด้วยได้มั้ย
- ตัดกลับไปที่บ้าน พระเอกตามคนน้องไปไม่ทันก็พยายามโทรเข้ามือถือคนน้องตลอด แต่โทรเท่าไหร่คนน้องก็ไม่ยอมรับสาย
- สุดท้ายพอเห็นว่าคนน้องไม่ยอมรับสายแน่แล้ว (แถมยังมีการปิดมือถืออีก) พระเอกก็เลยยอมแพ้วางมือถือลงอย่างอ่อนแรง
- ตอนนั้นเอง พ่อพระเอกที่เข้าไปคุยกับแม่ของคนน้องก็เดินหน้าตาหมองออกมา พระเอกถามอะไรก็เอาแต่ส่ายหน้าอย่างเดียว บอกว่างานนี้ท่าจะงานช้างแล้ว เพราะแม่คนน้องท่าทางจะโกรธจริง พ่อพระเอกจะคุยจะอธิบายยังไงก็ไม่ยอมฟังเลย เนื่องจากครั้งนี้มีเรื่องพ่อของคนน้องที่หย่าร้างกันไป (แถมยังจากกันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่) มากเกี่ยวข้องด้วย
- พ่อพระเอกเล่าให้พระเอกฟังว่าทีแรกแม่คนน้องก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเรื่องที่คนน้องจะเป็นกุ๊กหรอก (เรียกว่าพอหยวนๆ ได้มากกว่า) แต่พอได้ยินว่าจะไปฝึกงานที่ร้านพ่อเท่านั้นก็เปลี่ยนทีท่าเป็นค้านหัวชนฝาทันที พระเอกเลยได้แต่เครียดด้วยความว้าวุ่นใจไม่รู้จะทำยังไง
- สุดท้ายพระเอกเลยต้องเก็บความว้าวุ่นใจไว้จนถึงวันรุ่งขึ้นไปเจอคนน้องที่โรงเรียน ก็เลยได้คุยกันจนรู้ว่าคนน้องตอนนี้ไปอยู่กับพ่อแล้ว โดยอาศัยกินนอนที่ร้านพ่อเอา
- พระเอกก็พยายามเกลี้ยกล่อมว่าถ้าอยากเป็นกุ๊กอยากฝึกงานจริงก็ไม่เห็นต้องไปที่ร้านพ่อเลยนี่ ไปหาเรียนที่อื่นเอาก็ได้ไม่ใช่เหรอ คนน้องก็ยืนยันเสียงแข็งว่าต้องเป็นที่ร้านพ่อเท่านั้น และเล่าเรื่องพาสต้าที่ตัวเองกินที่ร้านพ่อในตอนก่อนให้ฟัง บอกว่าที่ผ่านมาตัวเองไม่เคยกินพาสต้าร้านไหนแล้วประทับใจเท่าของพ่อเลย ดังนั้นถ้าไม่ได้ฝึกที่ร้านพ่อก็ไม่มีความหมายอะไรหรอก
- ได้ยินแบบนั้น พระเอกก็หมดแรงไม่รู้จะค้านยังไงต่อไปอีก
- เย็นวันนั้น พระเอกกลับมานั่งซดบะหมี่ถ้วยเป็นข้าวเย็นอยู่คนเดียวเพราะไม่มีคนน้องคอยทำอาหารให้ ไม่มีคนน้องมาคอยกินเป็นเพื่อน ตอนนั่งปั่นนิยายก็ไม่มีคนน้องคอยเอาของว่างมาบริการถึงห้องเหมือนอย่างเคย
- สุดท้ายพอทนจิตงุ่นง่านไม่ไหว พระเอกก็แล่นพรวดออกจากบ้านไปหาคนน้องถึงร้านพ่อทันที (โทรไปถามทางคนน้องเอา)
- และปฏิกิริยาแรกที่คนน้องแสดงออกเมื่อพบหน้าพระเอกก็คือ...โผเข้ากอดด้วยความคิดถึง
- หลังจากนั้นก็ชวนไปนั่งคุยกันในห้องสำนักงานของร้านซึ่งคนน้องใช้เป็นที่นอน
- ระหว่างนั้นพระเอกก็ถามโน่นถามนี่อยู่ตลอดเวลา (นอนโซฟาแบบนี้ไม่เป็นหวัดแย่เหรอ? นอนร้านคนเดียวไม่อันตรายเหรอ? แล้วเรื่องข้าวหากินยังไง?) จนคนน้องทักว่าขี้เป็นห่วงจังนะ พระเอกก็บอกว่าก็ห่วงน่ะสิ เป็นครอบครัวเดียวกันนี่หว่า คนน้องเลยแกล้งยื่นหน้ามาใกล้แล้วถามว่า
"แค่นั้นเหรอ?"
- เจอท่านี่เข้าไป พระเอกก็ลมปราณแตกซ่านจนหน้าแดงแปร๊ดไปถึงหู คนน้องเห็นปฏิกิริยาของพระเอกก็ดีใจ ตรงเข้ากอดเอวพระเอกไว้แน่น
- คนน้องก็ยอมรับว่าตัวเองรู้สึกเหงาที่ต้องมาอยู่ที่นี่แค่คนเดียว ไม่มีพระเอกอยู่ด้วย และบอกว่าสมัยอยู่กับแม่กับพี่สาวสามคนนั้นแม่กับพี่สาวกลับบ้านดึกบ่อย ก็เลยไม่เคยรู้สึกเหงาเวลากินข้าวคนเดียว แต่พอมาอยู่กับพระเอก ก็เริ่มใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับพระเอกมากขึ้น ได้กินข้าวกับพระเอกบ่อยๆ จนเป็นเรื่องปกติ และบอกว่าตั้งแต่ได้เจอกับพระเอก ตัวคนน้องก็รู้สึกเหมือนได้เรียนรู้ถึงความรู้สึกต่างๆ ที่หลากหลายกว่าก่อนมาก
- ไม่ได้พูดเปล่ามีการทำตาเชื่อมใส่พระเอกอีก งานนี้พระเอกเลยหน้าแดงยิ่งกว่าเก่าอีก และทำท่าจะพูดตอบคนน้อง
- แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป พ่อคนน้องก็เข้ามาขัดจังหวะซะก่อน กลายเป็นฉากฮาปนหวานไปเลย
- จากนั้นก็มานั่งคุยกัน แนะนำตัวกันว่าใครเป็นใคร (มีโดนพ่อคนน้องแซวด้วยว่านึกว่าแฟนคนน้องซะอีก แถมคนน้องยังแกล้งรับลูกแบบไม่รับคำพูดอีก เล่นเอาพระเอกถึงกับเป๋อไปเลย)
- พระเอกแสดงความเป็นห่วงคนน้องออกมาอย่างชัดเจนจนพ่อคนน้องประทับใจ รินไวน์แก้วเบ้อเริ่มใส่แก้วให้พระเอกซดโดยบอกว่าเป็นน้ำผลไม้ พระเอกก็พาซื่อซดเข้าไปเต็มคำจนหวิดน็อคไปเลย
- ลงเอยเลยต้องให้ว่าที่พ่อตาลากออกมาคุยกันที่หลังบ้าน ระหว่างคุยกัน พระเอกที่ตอนนั้นเริ่มเมาแบบกรึ่มๆ ก็หลุดปากถามพ่อคนน้องออกมาว่าแม่คนน้องนี่ท่าทางจะแค้นพ่อน่าดูเลยนะ ถึงขนาดเอาความฝันของลูกสาวมาแลกก็ไม่ยอมแบบนี้
- พ่อคนน้องได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะแห้งๆ ว่าก็ไม่แปลกละนะ ตอนแยกทางกันก็ไม่ได้แยกกันด้วยดีเท่าไหร่ด้วย พระเอกก็ถามว่าเรื่องที่พ่อนอกใจจนแยกทางน่ะเหรอ พ่อคนน้องก็ถามกลับแบบแปลกใจว่าอ้าว ตกลงเค้าเล่าเรื่องให้ฟังแบบนั้นหรอกเหรอ และบอกต่อว่า
"ที่จริงมันไม่ใช่แบบนั้นหรอก"
- ได้ยินพ่อพระเอกพูดแบบนั้นพระเอกก็สะกิดใจขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้ถาม พ่อคนน้องก็เปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องความฝันซะก่อน โดยถามพระเอกว่า คิดว่าสำหรับมนุษย์แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้มีความสุขที่สุด
- พระเอกนิ่งคิดอยู่นิดนึงก็ตอบว่าการที่ความฝันกับเป้าหมายเป็นจริงล่ะมั้ง พ่อคนน้องก็หัวเราะบอกว่านั่นก็จริงอยู่ในแง่ของผลลัพธ์ปลายทาง แต่ถ้าว่ากันตั้งแต่พื้นฐานแล้ว สิ่งที่ทำให้มนุษย์มีความสุขมากที่สุดก็คือ
"การได้เดินไปตามเส้นทางที่เลือกด้วยขาของตัวเอง ไม่ได้โดนใครขู่บังคับให้ไป ไม่ไหลไปตามกระแสของอะไร ไม่ถูกผูกมัดด้วยอะไร" นั่นแหละ
- ดังนั้นพ่อของคนน้องจึงดีใจที่คนน้องเติบโตมาเป็นคนที่แน่วแน่กับความฝันของตนเอง กล้าเลือกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แม้จะต้องแตกหักกับแม่ก็ตาม
- ว่าถึงตรงนี้ก็ทำท่าจะหันไปบอกอะไรกับพระเอกต่อ แต่พระเอกดันเมาน็อคไปซะก่อน เล่นเอาพ่อตาถึงกับเก๊กเก้อไปเลย
- วันรุ่นขึ้นระหว่างกลับจากโรงเรียน คนน้องก็ถามพระเอกว่าเมื่อคืนคุยอะไรกับพ่อเหรอ พระเอกก็บอกปัดว่าแค่คุยเรื่องอยากให้คนน้องพยายามมุ่งมั่นเท่านั้นเอง คนน้องก็ทำท่าเหมือนไม่ติดใจอะไร
- แต่ในใจพระเอกแอบข้องใจกับคำพูดสุดท้ายก่อนพ่อตาจะเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อคืนที่บอกว่าเรื่องแยกทางกันน่ะ
"ที่จริงมันไม่ใช่แบบนั้นหรอก" มาก แต่ก็ไม่รู้จะไปถามเอากับใครได้ และไม่รู้ว่าควรจะบอกกับคนน้องดีมั้ย ก็เลยนิ่งเงียบอยู่ไม่ได้บอกอะไร
- โดยวันนี้พระเอกก็มีแพลนว่าจะไปกินข้าวที่ร้านของพ่อคนน้อง เพราะคืนนี้พ่อกับแม่คนน้องกลับบ้านดึก
- เมื่อมาถึงร้าน ทั้งคู่ก็เห็นว่าที่หน้าร้านมีเด็กผู้หญิงใส่ชุดนักเรียนท่าทางเป็นคุณหนูยืนอยู่ คนน้องนึกว่าเป็นลูกค้ามารอร้านเปิดก็จะเข้าไปรับ
- เด็กผู้หญิงคนนั้นได้ยินคนทักก็หันมา ปรากฏว่าเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวกับที่พระเอกเคยเจอที่ศาลเจ้าตอนไปไหว้พระปีใหม่ (ราวๆ ตอน 67 ได้)
- เด็กคนนั้นพอเห็นคนน้องก็ตีหน้าเข้มขึ้น ก่อนจะพูดกับคนน้องด้วยภาษาสุภาพแต่แฝงแววแข็งกร้าวเล็กๆ ว่า
"ขอโทษนะคะ แต่อย่ามาพบคุณพ่ออีกได้ไหมคะ?"
อ่านตอนพ่อตาคุยกับพระเอกตอนนี้แล้วแล้วรู้สึกเหมือนได้กลิ่นดราม่าราโชมอนลอยมานิดหน่อยแฮะ ฟังแล้วชักอยากรู้เหมือนกันว่าตกลงเรื่องมันยังไงกันแน่ แล้วทำไมแม่คนน้องถึงได้พูดให้คนเข้าใจไปทั่วว่าแยกทางกับแฟนเพราะแฟนนอกใจ
อนึ่ง ก็นึกอยู่แฮะว่าน้องหนูที่พระเอกเคยให้ขี่คอตอนไปไหว้พระในตอน 67 หายไปไหน ไม่นึกว่าจะให้กลับมาออกโรงอีกในลักษณะนี้ (เป็นลูกติดเมียใหม่พ่อคนน้อง)
รอดูตอนหน้าแฮะว่างานนี้รายการเดชลูกเมียใหม่ที่ฮึ่มๆ อยู่ในตอนนี้จะออกมาอีท่าไหน
[Spoil] Domestic na Kanojo #87 - แตกแยก
- เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่คนน้องทะเลาะกับแม่จนหนีออกจากบ้านไปโดยที่พระเอกตามไปไม่ทัน
- โดยหลังจากหนีออกจากบ้านมาเสร็จ คนน้องก็ไปที่ร้านของพ่อ แล้วโทรเรียกพ่อให้ออกมาหา ตาพ่อรับโทรศัพท์ลูกเสร็จก็ตาลีตาลานวิ่งออกมาหาที่ร้าน นั่งคุยกันซักพักจนได้ความว่าทะเลาะกับแม่จนหนีออกจากบ้านมา ขออาศัยอยู่ด้วยได้มั้ย
- ตัดกลับไปที่บ้าน พระเอกตามคนน้องไปไม่ทันก็พยายามโทรเข้ามือถือคนน้องตลอด แต่โทรเท่าไหร่คนน้องก็ไม่ยอมรับสาย
- สุดท้ายพอเห็นว่าคนน้องไม่ยอมรับสายแน่แล้ว (แถมยังมีการปิดมือถืออีก) พระเอกก็เลยยอมแพ้วางมือถือลงอย่างอ่อนแรง
- ตอนนั้นเอง พ่อพระเอกที่เข้าไปคุยกับแม่ของคนน้องก็เดินหน้าตาหมองออกมา พระเอกถามอะไรก็เอาแต่ส่ายหน้าอย่างเดียว บอกว่างานนี้ท่าจะงานช้างแล้ว เพราะแม่คนน้องท่าทางจะโกรธจริง พ่อพระเอกจะคุยจะอธิบายยังไงก็ไม่ยอมฟังเลย เนื่องจากครั้งนี้มีเรื่องพ่อของคนน้องที่หย่าร้างกันไป (แถมยังจากกันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่) มากเกี่ยวข้องด้วย
- พ่อพระเอกเล่าให้พระเอกฟังว่าทีแรกแม่คนน้องก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเรื่องที่คนน้องจะเป็นกุ๊กหรอก (เรียกว่าพอหยวนๆ ได้มากกว่า) แต่พอได้ยินว่าจะไปฝึกงานที่ร้านพ่อเท่านั้นก็เปลี่ยนทีท่าเป็นค้านหัวชนฝาทันที พระเอกเลยได้แต่เครียดด้วยความว้าวุ่นใจไม่รู้จะทำยังไง
- สุดท้ายพระเอกเลยต้องเก็บความว้าวุ่นใจไว้จนถึงวันรุ่งขึ้นไปเจอคนน้องที่โรงเรียน ก็เลยได้คุยกันจนรู้ว่าคนน้องตอนนี้ไปอยู่กับพ่อแล้ว โดยอาศัยกินนอนที่ร้านพ่อเอา
- พระเอกก็พยายามเกลี้ยกล่อมว่าถ้าอยากเป็นกุ๊กอยากฝึกงานจริงก็ไม่เห็นต้องไปที่ร้านพ่อเลยนี่ ไปหาเรียนที่อื่นเอาก็ได้ไม่ใช่เหรอ คนน้องก็ยืนยันเสียงแข็งว่าต้องเป็นที่ร้านพ่อเท่านั้น และเล่าเรื่องพาสต้าที่ตัวเองกินที่ร้านพ่อในตอนก่อนให้ฟัง บอกว่าที่ผ่านมาตัวเองไม่เคยกินพาสต้าร้านไหนแล้วประทับใจเท่าของพ่อเลย ดังนั้นถ้าไม่ได้ฝึกที่ร้านพ่อก็ไม่มีความหมายอะไรหรอก
- ได้ยินแบบนั้น พระเอกก็หมดแรงไม่รู้จะค้านยังไงต่อไปอีก
- เย็นวันนั้น พระเอกกลับมานั่งซดบะหมี่ถ้วยเป็นข้าวเย็นอยู่คนเดียวเพราะไม่มีคนน้องคอยทำอาหารให้ ไม่มีคนน้องมาคอยกินเป็นเพื่อน ตอนนั่งปั่นนิยายก็ไม่มีคนน้องคอยเอาของว่างมาบริการถึงห้องเหมือนอย่างเคย
- สุดท้ายพอทนจิตงุ่นง่านไม่ไหว พระเอกก็แล่นพรวดออกจากบ้านไปหาคนน้องถึงร้านพ่อทันที (โทรไปถามทางคนน้องเอา)
- และปฏิกิริยาแรกที่คนน้องแสดงออกเมื่อพบหน้าพระเอกก็คือ...โผเข้ากอดด้วยความคิดถึง
- หลังจากนั้นก็ชวนไปนั่งคุยกันในห้องสำนักงานของร้านซึ่งคนน้องใช้เป็นที่นอน
- ระหว่างนั้นพระเอกก็ถามโน่นถามนี่อยู่ตลอดเวลา (นอนโซฟาแบบนี้ไม่เป็นหวัดแย่เหรอ? นอนร้านคนเดียวไม่อันตรายเหรอ? แล้วเรื่องข้าวหากินยังไง?) จนคนน้องทักว่าขี้เป็นห่วงจังนะ พระเอกก็บอกว่าก็ห่วงน่ะสิ เป็นครอบครัวเดียวกันนี่หว่า คนน้องเลยแกล้งยื่นหน้ามาใกล้แล้วถามว่า "แค่นั้นเหรอ?"
- เจอท่านี่เข้าไป พระเอกก็ลมปราณแตกซ่านจนหน้าแดงแปร๊ดไปถึงหู คนน้องเห็นปฏิกิริยาของพระเอกก็ดีใจ ตรงเข้ากอดเอวพระเอกไว้แน่น
- คนน้องก็ยอมรับว่าตัวเองรู้สึกเหงาที่ต้องมาอยู่ที่นี่แค่คนเดียว ไม่มีพระเอกอยู่ด้วย และบอกว่าสมัยอยู่กับแม่กับพี่สาวสามคนนั้นแม่กับพี่สาวกลับบ้านดึกบ่อย ก็เลยไม่เคยรู้สึกเหงาเวลากินข้าวคนเดียว แต่พอมาอยู่กับพระเอก ก็เริ่มใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับพระเอกมากขึ้น ได้กินข้าวกับพระเอกบ่อยๆ จนเป็นเรื่องปกติ และบอกว่าตั้งแต่ได้เจอกับพระเอก ตัวคนน้องก็รู้สึกเหมือนได้เรียนรู้ถึงความรู้สึกต่างๆ ที่หลากหลายกว่าก่อนมาก
- ไม่ได้พูดเปล่ามีการทำตาเชื่อมใส่พระเอกอีก งานนี้พระเอกเลยหน้าแดงยิ่งกว่าเก่าอีก และทำท่าจะพูดตอบคนน้อง
- แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป พ่อคนน้องก็เข้ามาขัดจังหวะซะก่อน กลายเป็นฉากฮาปนหวานไปเลย
- จากนั้นก็มานั่งคุยกัน แนะนำตัวกันว่าใครเป็นใคร (มีโดนพ่อคนน้องแซวด้วยว่านึกว่าแฟนคนน้องซะอีก แถมคนน้องยังแกล้งรับลูกแบบไม่รับคำพูดอีก เล่นเอาพระเอกถึงกับเป๋อไปเลย)
- พระเอกแสดงความเป็นห่วงคนน้องออกมาอย่างชัดเจนจนพ่อคนน้องประทับใจ รินไวน์แก้วเบ้อเริ่มใส่แก้วให้พระเอกซดโดยบอกว่าเป็นน้ำผลไม้ พระเอกก็พาซื่อซดเข้าไปเต็มคำจนหวิดน็อคไปเลย
- ลงเอยเลยต้องให้ว่าที่พ่อตาลากออกมาคุยกันที่หลังบ้าน ระหว่างคุยกัน พระเอกที่ตอนนั้นเริ่มเมาแบบกรึ่มๆ ก็หลุดปากถามพ่อคนน้องออกมาว่าแม่คนน้องนี่ท่าทางจะแค้นพ่อน่าดูเลยนะ ถึงขนาดเอาความฝันของลูกสาวมาแลกก็ไม่ยอมแบบนี้
- พ่อคนน้องได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะแห้งๆ ว่าก็ไม่แปลกละนะ ตอนแยกทางกันก็ไม่ได้แยกกันด้วยดีเท่าไหร่ด้วย พระเอกก็ถามว่าเรื่องที่พ่อนอกใจจนแยกทางน่ะเหรอ พ่อคนน้องก็ถามกลับแบบแปลกใจว่าอ้าว ตกลงเค้าเล่าเรื่องให้ฟังแบบนั้นหรอกเหรอ และบอกต่อว่า "ที่จริงมันไม่ใช่แบบนั้นหรอก"
- ได้ยินพ่อพระเอกพูดแบบนั้นพระเอกก็สะกิดใจขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้ถาม พ่อคนน้องก็เปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องความฝันซะก่อน โดยถามพระเอกว่า คิดว่าสำหรับมนุษย์แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้มีความสุขที่สุด
- พระเอกนิ่งคิดอยู่นิดนึงก็ตอบว่าการที่ความฝันกับเป้าหมายเป็นจริงล่ะมั้ง พ่อคนน้องก็หัวเราะบอกว่านั่นก็จริงอยู่ในแง่ของผลลัพธ์ปลายทาง แต่ถ้าว่ากันตั้งแต่พื้นฐานแล้ว สิ่งที่ทำให้มนุษย์มีความสุขมากที่สุดก็คือ "การได้เดินไปตามเส้นทางที่เลือกด้วยขาของตัวเอง ไม่ได้โดนใครขู่บังคับให้ไป ไม่ไหลไปตามกระแสของอะไร ไม่ถูกผูกมัดด้วยอะไร" นั่นแหละ
- ดังนั้นพ่อของคนน้องจึงดีใจที่คนน้องเติบโตมาเป็นคนที่แน่วแน่กับความฝันของตนเอง กล้าเลือกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แม้จะต้องแตกหักกับแม่ก็ตาม
- ว่าถึงตรงนี้ก็ทำท่าจะหันไปบอกอะไรกับพระเอกต่อ แต่พระเอกดันเมาน็อคไปซะก่อน เล่นเอาพ่อตาถึงกับเก๊กเก้อไปเลย
- วันรุ่นขึ้นระหว่างกลับจากโรงเรียน คนน้องก็ถามพระเอกว่าเมื่อคืนคุยอะไรกับพ่อเหรอ พระเอกก็บอกปัดว่าแค่คุยเรื่องอยากให้คนน้องพยายามมุ่งมั่นเท่านั้นเอง คนน้องก็ทำท่าเหมือนไม่ติดใจอะไร
- แต่ในใจพระเอกแอบข้องใจกับคำพูดสุดท้ายก่อนพ่อตาจะเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อคืนที่บอกว่าเรื่องแยกทางกันน่ะ "ที่จริงมันไม่ใช่แบบนั้นหรอก" มาก แต่ก็ไม่รู้จะไปถามเอากับใครได้ และไม่รู้ว่าควรจะบอกกับคนน้องดีมั้ย ก็เลยนิ่งเงียบอยู่ไม่ได้บอกอะไร
- โดยวันนี้พระเอกก็มีแพลนว่าจะไปกินข้าวที่ร้านของพ่อคนน้อง เพราะคืนนี้พ่อกับแม่คนน้องกลับบ้านดึก
- เมื่อมาถึงร้าน ทั้งคู่ก็เห็นว่าที่หน้าร้านมีเด็กผู้หญิงใส่ชุดนักเรียนท่าทางเป็นคุณหนูยืนอยู่ คนน้องนึกว่าเป็นลูกค้ามารอร้านเปิดก็จะเข้าไปรับ
- เด็กผู้หญิงคนนั้นได้ยินคนทักก็หันมา ปรากฏว่าเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวกับที่พระเอกเคยเจอที่ศาลเจ้าตอนไปไหว้พระปีใหม่ (ราวๆ ตอน 67 ได้)
- เด็กคนนั้นพอเห็นคนน้องก็ตีหน้าเข้มขึ้น ก่อนจะพูดกับคนน้องด้วยภาษาสุภาพแต่แฝงแววแข็งกร้าวเล็กๆ ว่า "ขอโทษนะคะ แต่อย่ามาพบคุณพ่ออีกได้ไหมคะ?"
อ่านตอนพ่อตาคุยกับพระเอกตอนนี้แล้วแล้วรู้สึกเหมือนได้กลิ่นดราม่าราโชมอนลอยมานิดหน่อยแฮะ ฟังแล้วชักอยากรู้เหมือนกันว่าตกลงเรื่องมันยังไงกันแน่ แล้วทำไมแม่คนน้องถึงได้พูดให้คนเข้าใจไปทั่วว่าแยกทางกับแฟนเพราะแฟนนอกใจ
อนึ่ง ก็นึกอยู่แฮะว่าน้องหนูที่พระเอกเคยให้ขี่คอตอนไปไหว้พระในตอน 67 หายไปไหน ไม่นึกว่าจะให้กลับมาออกโรงอีกในลักษณะนี้ (เป็นลูกติดเมียใหม่พ่อคนน้อง)
รอดูตอนหน้าแฮะว่างานนี้รายการเดชลูกเมียใหม่ที่ฮึ่มๆ อยู่ในตอนนี้จะออกมาอีท่าไหน