[Spoil] Domestic na Kanojo #95 - โศกตรม...

เอาภาพนี้มาแปะแทนเพราะตอนนี้ไม่มีภาพเปิดครับ









- ต่อจากตอนที่แล้วที่พระเอกมาถึงห้องพักของคนพี่ที่หอพักอาจารย์บนเกาะ

- คนพี่พอเห็นว่าคนที่มากดกริ่งเรียกคือพระเอกก็ตกใจ ทำท่าจะปิดประตูใส่หน้า พระเอกตกใจที่คนพี่จะปิดประตูหนี เลยขยับมือไปขวางประตูไว้ จนโดนประตูหนีบนิ้วร้องจ๊าก

- สุดท้ายเลยต้องเข้ามานั่งให้คนพี่พันแผลให้ในห้อง

- ระหว่างนั้นพระเอกก็พยายามชวนคุย แต่คนพี่กลับถามคำเดียวว่ามาทำไมด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

- พระเอกเห็นทีท่าคนพี่ก็ชะงักว่าทำไมได้เจอกันแล้วคนพี่ถึงไม่ดีใจล่ะ แต่ก็ยอมเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมดว่าตัวเองมาที่เกาะนี้ได้ยังไง

- คนพี่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดก็ร้องอ้อคำเดียว แล้วตัดบทไล่พระเอกให้กลับไปหาคนของชมรมวรรณศิลป์คนอื่น ท่าทางเฉยชาไม่เหมือนคนเคยรักกันมาก่อน

- เห็นคนพี่ทำท่าใส่ตัวเองแบบนั้น พระเอกก็หน้าเสีย ตรงเข้าไปกอดคนพี่ไว้แน่น แล้วพร่ำพรรณนาความรักความคิดถึงที่ตัวเองมีต่อคนพี่ให้คนพี่ฟัง จนคนพี่ทำท่าว่าจะใจอ่อน ก่อนจะจูบคนพี่แบบดูดดื่มให้สมกับความคิดถึง

- ทว่าสิ่งที่คนพี่บอกกับพระเอกหลังจากถอนริมฝีปากออกจากกันแล้ว กลับเป็นคำพูดเย็นชาเหมือนเป็นคนอื่นคนไกล ทำนองว่าตัวเองตอนนี้ไม่ได้รักพระเอกแล้ว แค่เผลอใจทำอะไรบ้าบอลงไปเพราะต้องแยกทางกับแฟนคนเก่าจนเขวไปกับคำหวานๆ ที่พระเอกมีให้เท่านั้น

- พระเอกช็อคที่คนพี่พูดแบบนั้น พยายามแย้งว่าแล้วที่เคยสัญญากันว่าจะแต่งงานกันล่ะ แล้วที่เขาทุ่มเทเขียนงานเพราะหวังจะประสบความสำเร็จจะได้ไปรับคนพี่มาอยู่ด้วยกันได้เร็วๆ ล่ะ นี่เขาพยายามจนได้รางวัลใหญ่มาแล้วนะ ทั้งหมดนั่นไม่มีความหมายอะไรกับคนพี่เลยเรหอ

- แต่คนพี่ก็ยังตีหน้ายิ้มแย้มเหมือนใส่หน้ากาก บอกพระเอกว่าก็ดีแล้วนี่ แบบนี้แสดงว่าที่เลิกกันในวันนั้นก็ไม่ได้สูญเปล่าใช่มั้ยล่ะ

- พระเอกได้ยินแบบนั้นก็อึ้ง คนพี่ก็พูดต่อไปว่าอยู่ด้วยกันไปเกิดข่าวลือเรื่องพวกเราคบกันกระจายออกไป มีหวังได้เป็นข่าวพาดหัวกันพอดีว่านักเขียนม.ปลายดีกรีรางวัลใหญ่มีสัมพันธ์สวาทต้องห้าม แบบนั้นตัวคนพี่เองก็ต้องเจอเรื่องวุ่นวายด้วย

- และสำทับทั้งรอยยิ้มกึ่งเฉยชากึ่งลำบากใจกับพระเอกว่า ตัวเองไม่คิดจะกลับไปอีกแล้วล่ะ

- เจอคนที่รักที่สุดตอกเป็นชุดๆ แบบนั้น พระเอกก็หมดปัญญาหาอะไรมาพูด ได้แต่เดินซมซานออกจากหอพักอาจารย์ของคนพี่ไป

- หลังพระเอกจากไปแล้ว คนพี่ก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับไปหยิบเอานิตยสารที่ลงนิยายที่พระเอกได้รางวัลออกมา

- ถึงตรงนี้หน้ากากที่คนพี่พยายามสวมไว้ก็ค่อยๆ พังทลายทีละน้อย เธอกอดนิตยสารเล่มนั้นไว้แนบอก ก่อนจะทรุดลงนั่งกับพื้น ปล่อยให้น้ำตาร่วงเผาะๆ พลางพร่ำบอกตัวเองซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นว่า "ดีแล้ว...แบบนี้แหละดีแล้ว..."




- ฉากตัดไปทางฝั่งโรงแรมที่ชมรมวรรณศิลป์พักอยู่ พวกเพื่อนๆ คนอื่นๆ มานั่งคุยกรี๊ดกร๊าดโน่นนี่กันตามประสาเด็กม.ปลายมารวมอยู่ด้วยกัน

- คุยกันไปได้สักพักหนึ่ง พวกเพื่อนๆ ก็เริ่มสงสัยว่าพระเอกกับคนน้องหายไปไหน ทำไมยังไม่กลับมา

- สุดท้ายยัยเอ๋อเลยลองโทรหาคนน้องดู คนน้องรับสายแล้วบอกว่าตอนนี้ตัวเองหลงทางอยู่ในเมืองหาทางกลับที่พักไม่ได้ ยัยเอ๋อเลยบอกให้คนน้องเปิด GPS ของสมาร์ทโฟนไว้ แล้วให้อัลออกไปตามหาทันที

- อัลวิ่งตามแผนที่ในมือถือตัวเองที่ระบุตำแหน่งของคนน้องไว้ จนมาเจอคนน้องนั่งเหม่อลอยอยู่หน้าร้านหนึ่ง ตาบวมแดงเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาหมาดๆ อัลเห็นแบบนั้นก็ทำท่าเป็นห่วง ก่อนจะพาคนน้องกลับไปโรงแรม

- ระหว่างทาง คนน้องก็เอาแต่ตีหน้าเศร้าตลอดจนอัลนึกเป็นห่วง พยายามจะยื่นมือออกไปจับมือไว้แต่ก็เกิดปอดแหกหดกลับทุกครั้ง

- จนมาถึงจังหวะหนึ่งคนน้องมัวแต่เหม่อจนไม่ทันระวังรถที่วิ่งมาข้างหลัง อัลเลยรีบดึงตัวหลบรถทันฉิวเฉียด ก่อนจะหันไปถามคนน้องว่าเป็นยังไงบ้าง กลายเป็นที่มาของภาพข้างล่างไป




- จากนั้นภาพก็ตัดกลับไปที่โรงแรม เห็นพระเอกกลับมาถึงโรงแรมมาเจอเพื่อน มานั่งกินข้าวกับเพื่อนคนอื่นๆ ด้วยสีหน้าไม่สดใสนัก

- ฉากตัดอีกครั้ง มาทางฝั่งอัลกำลังนั่งซดโค้กอยู่ตรงล็อบบี้โรงแรม ท่าทางยังคิดมากเรื่องที่เห็นคนน้องร้องไห้ไม่หาย

- ระหว่างนั้นคนน้องในชุดยูกาตะสำหรับนอนก็เดินมาซื้อน้ำเหมือนกันพอดี อัลเลยแถเข้าไปหา พยายามถามแบบกล้าๆ กลัวๆ ว่าไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย คนน้องก็ตอบรับไปแกนๆ พร้อมกับตัดบทจะเดินกลับห้องไป

- แต่คราวนี้อัลไม่ยอมปล่อยไป ตรงเข้าไปกอดคนน้องจากด้านหลังไว้แน่น แล้วถามด้วยน้ำเสียงเหมือนจะละลายว่า คนที่จะอยู่เคียงข้างคนน้องให้เป็นเขาไม่ได้เหรอ

- เจอคำถามนี้เข้าไปคนน้องถึงกับชะงัก ก่อนจะตีหน้าเหมือนกำลังเจ็บปวด แล้วหลุดปากออกมาว่า "ก็ใช่ว่าจะไม่ได้หรอกนะ..."












อ่านตอนนี้จบแล้วอย่าเพิ่งคลั่งกันไปล่ะครับ ยังมีเวลาลุ้นกันอีกยาวๆ ว่าคู่ไหนเป็นคู่ไหน

ถือซะว่าเป็บบททดสอบความหนักแน่นของคนน้อง กับจิตใจที่ยังตัดไม่ขาดของพระเอกว่าจะสลัดพ้นขื่อคาที่พันธนาการตัวเองไว้กับคนพี่ได้รึเปล่านั่นแหละครับ

ส่วนคนพี่...ถ้าจะพูดแบบนี้กับพระเอกในตอนนี้ละก็ ผมคิดแฮะว่าควรจะพูดให้ได้ตั้งแต่วันที่ตัดสินใจทิ้งพระเอกไปครั้งแรก ไม่ใช่หายตัวไปแบบไม่บอกอะไรซักคำ ทิ้งไว้แต่จดหมายลาเนื้อหาแทงกั๊กจะตัดขาดก็ไม่ใช่จะบอกรักก็ไม่เชิงจนพระเอกมันตัดใจไม่ลงจนปัญหาคาราคาซังมาถึงวันนี้

รอดูตอนหน้าโลดแฮะว่าจะเป็นอีท่าไหนต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่