10.
เพื่อบรรลุเป้าหมาย การได้มาซึ่งสุดยอดวิชา การได้จารึกบันทึกกระบวนท่าของตนไว้ในวรรณภพ จะถึงกับต้องใช้วิธีช่วงชิงลมปราณจากผู้อื่น หรือลอกเลียนกระบวนท่าอย่างไร้ยางอายเช่นนี้ แม้สิ่งที่ผู้หวังพ่ายพูดออกมาจะมีส่วนถูกต้องอยู่บ้าง แต่ก็นับเป็นเพียงข้อแก้ตัวมากกว่า
เพราะถึงที่สุดแล้ว วิถี กับ ผลลัพธ์ ย่อมไม่สมควรแยกจากกัน
“นี่ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับเจ้า” สารถีฝืนยิ้มให้ดรุณีน้อย คล้ายรู้ดีว่าเรื่องราวในครั้งนี้คงไม่อาจมีจุดจบอันดีงามตามต้องการ “เจ้ากับคุณชายท่านนี้รีบใช้รถม้าเร่งออกเดินทาง ม้าทั้งสองนับเป็นสุดยอดอาชา ย่อมรู้เส้นทางกลับคืนสู่หมู่ตึกของบิดาเจ้าได้เอง”
นางมองดูเหล่าผู้แปลกหน้าซึ่งไม่เคยใส่ใจในตอนแรก ยกเว้นเพียงเสี่ยวเอ้อชราที่นอนแน่นิ่งอยู่ผู้เดียวเท่านั้นที่ได้พูดคุยโต้ตอบกันเล็กน้อย
“...ข้าพเจ้าสามารถจากไปจริง” นางขบริมฝีปากน้อยๆ ถามขึ้นลอยๆ ไม่ได้เจาะจงที่ผู้ใด แต่สุดท้ายสายตาคู่งามนั้นกลับมาหยุดลงที่นักบู๊ไร้นาม
“สหายน้อย เรื่องในครั้งนี้ต้องรบกวนเจ้าแล้ว ถ้าหากวันหน้ายังมี...เราต้องตอบแทนเจ้าแน่” รอยยิ้มของสารถียิ่งมายิ่งฝืนกว่าเดิม “พวกเจ้าเร่งเดินทางเถิด”
ทั้งหลวงจีน และนักพรต ยังคงยึดแขนทั้งสองของสารถีไว้แน่น ไม่คิดประมาท ไม่ว่าหลวงจีนจะเคยพูดถึงเรื่องดีชั่วไว้อย่างไร ในตอนนี้กลับไม่นำพา ไม่ว่านักพรตจะเคยพูดถึงระเบียบวิถีที่เคร่งครัด ตอนนี้กลับไม่คิดยึดถือ สำหรับพวกมัน ขอเพียงค้นพบความลับแห่งสุดยอดกระบวนท่า สิ่งอื่นก็สามารถยกวางได้โดยง่าย
ผู้หวังพ่ายที่ยืนชมดูเรื่องราว ยิ่งมายิ่งพบว่าดรุณีน้อยนางนี้งดงามผุดผาด ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับสารถีก็ไม่รวบรัดชัดเจน ที่สำคัญมันเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วว่าตัวนาง และบิดาที่ถูกพูดถึงนั้นที่แท้เป็นผู้ใด มันใช่สมควรต้องรับทราบหรือไม่
นักบู๊ไร้นามพลันคิดทบทวนถึงเส้นทางที่เคยท่องผ่านมาบนถนนนักเขียน ที่แท้แล้วมันต้องการคิดค้นกระบวนท่าเช่นใด หรืออันที่จริงแล้ว สมควรต้องตั้งคำถามใหม่ให้ถูกต้อง ที่แท้มันต้องการคิดค้นกระบวนท่าสุดยอดนั้นไปเพื่อสิ่งใดกัน ใช่เป็นชื่อเสียง เงินทอง ความชื่นชม หรือการยอมรับนับถือหรือไม่
เงาของคู่ต่อสู้ลึกลับพร้อมเสียงหัวเราะอันเสียดแทงนั้นพลันหวนกลับมาเผชิญหน้ามันอีกครั้ง
นี่จึงนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของกระบวนเรื่องที่จู่โจมต่อเนื่องติดตามกันเรื่อยมา ในทุกกระบวนท่า ในทุกการบอกเล่าเรื่องราว จะมากน้อยล้วนมีจุดมุ่งหมายร่วมกันเพื่อเพาะสร้างสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น เรื่องที่บีบบังคับให้ผู้คนต้องตัดสินใจ ทั้งตัวละครที่สวมบทบาท ทั้งตัวผู้อ่านที่ต้องขบคิด และที่สำคัญ คือตัวผู้ถือกระบี่ร่ายอักษรนั้นเอง
สิบคน ร้อยความคิด พันคน หมื่นหนทาง ความคิดของผู้คนนั้นไร้ที่สุด แต่สุดท้ายก็จำต้องเลือกเส้นทางเดินเพียงสายเดียวเท่านั้น
นักบู๊ไร้นามพลันถามตนเองขึ้นภายในใจ
'ใช่ถึงเวลาต้องชักกระบี่แล้วหรือไม่'
พวกท่านที่เคลื่อนสายตามาถึงบรรทัดนี้ ใช่มีคำตอบภายในใจแล้วหรือไม่
จนถึงยามนี้ สารถีก็ยังคงไม่ยอมละทิ้งความหวัง ที่มันสามารถรอดชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ได้นอกจากอาศัยมีดบินแล้ว ก็ด้วยความคิดเช่นนี้ หากบอกว่ามันเป็นคนลึกซึ้งร้ายกาจ คิดใช้คำพูดหลอกล่อให้พวกของผู้หวังพ่ายเกิดความสงสัยกันเองขึ้น ใช้แผนนางงามล่อลวงบุรุษ ทั้งคิดให้ผู้หวังพ่ายเคลื่อนไหวพลาดผิด คิดให้เด็กหนุ่มวู่วามลงมือเพื่อฉกฉวยโอกาสในความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก็คงไม่ผิดนัก
'เจ้าหนุ่มผู้นี้พกพากระบี่ติดตัว จะดีชั่วย่อมมีอยู่สักท่าสองท่า'
พวกท่านที่เคลื่อนสายตามาจนถึงบรรทัดนี้ คำตอบภายในใจใช่เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นบ้างหรือไม่ ตอนจบที่พวกท่านขบคิด ตอนจบที่ผู้อื่นขบคิด เป้าหมายของคมกระบี่ที่แท้แล้วสมควรเป็นเช่นใด
11.
อันใดคือความหมายของคำ เดียวดายใต้เงาจอ และเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับการเดินทางของนักบู๊ไร้นาม ในโรงเตี๊ยมไร้นาม บนถนนนักเขียน ส่วนเสี้ยวเล็กๆ แห่งวรรณภพอันกว้างใหญ่ไร้ที่สุดแห่งนี้อย่างไร
นักบู๊ไร้นามพลันจ้องมองใบหน้างามของดรุณีน้อย ก่อนยืนขึ้นช้าๆ มันย่อมไม่ต้องการกระตุ้นให้ผู้ใดลงมือในตอนนี้ 'แต่หลังจากนั้นเล่า' ในความคิดของมันเกิดความเป็นไปได้ต่างๆ มากมายจนไม่สามารถแจกแจงจนครบถ้วน
จินตนาการนั้นไม่รู้จบ แต่เหตุการณ์กลับมีได้เพียงหนึ่งเดียว มีผู้ใดทราบชัดว่าที่แท้สมควรดำเนินเรื่องไปเช่นใด ที่แท้การกำหนดชะตากรรมให้กับผู้อื่นนับเป็นงานที่น่าปวดหัวถึงเพียงนี้
“วรรณภพกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ประกอบด้วยเส้นทางใหญ่น้อยมากมาย” ทุกผู้คนต่างงงงันไม่รู้ว่านักบู๊ไร้นามคิดพูดถึงสิ่งใด หรือมีลูกไม้ใดซุกซ่อนไว้กันแน่
นี่ใช่เป็นช่วงเวลาที่มันสมควรชักกระบี่ที่สุดแล้วหรือไม่
“...เหตุใดพวกท่านทั้งหมดจึงสามารถมาพบกันในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ได้”
ผู้หวังพ่าย นักบวช นักพรต ต่างเหลือบมองไปยังร่างของเสี่ยวเอ้อชรา ส่วนสารถีกลับเหม่อมองดรุณีน้อย สีหน้าของมันคล้ายพึ่งเคยพบเห็นนางเป็นครั้งแรกในชีวิต ผู้ที่ชักชวนทั้งหมดวางแผนดักรอสารถีคือ เสี่ยวเอ้อชรา ผู้ที่เลือกเส้นทาง ชักชวนสารถีให้เข้าพักในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็คือ ดรุณีน้อย
ไม่ทราบว่าทั้งสองที่แท้แล้วมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ อย่างไร ตอนนี้เสี่ยวเอ้อชราสิ้นชีพไปแล้ว จึงเหลือเพียงดรุณีน้อยเท่านั้น
ตอนนี้ใช่เป็นช่วงเวลาที่นักบู๊ไร้นามสมควรชักกระบี่ที่สุดแล้วหรือไม่ กระบี่นี้ที่สุดแล้วสมควรทิ่มแทงใส่ผู้ใด มันกลับไม่อาจตอบ มีผู้ใดสามารถตอบชัดได้
ดรุณีน้อยพลันส่งเสียงหัวร่อ ผู้หวังพ่ายก็หัวร่อ ทั้งนักพรต ทั้งหลวงจีนต่างพากันส่งเสียงหัวร่อ แม้แต่สารถีเองก็ยังแย้มยิ้ม ก่อนสุดท้ายจะแผดเสียงหัวร่อที่ดังยิ่งกว่าผู้ใดออกมา ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดชวนให้ขบขัน ไม่ทราบว่าเรื่องราวทั้งหมดจะยิ่งซับซ้อนไปกว่านี้อีกหรือไม่ ที่แท้แล้วเป็นแผนการอันใด ของผู้ใดกันแน่
ดรุณีน้อยพลันยกมือขึ้นกระชากดึงหน้ากากหนังมนุษย์ที่สวมใส่ไว้ออกมา ภายใต้หน้ากากกลับเป็นใบหน้าของ มนุษย์ผู้หนึ่ง นักพรต หลวงจีน ผู้หวังพ่าย และแม้แต่สารถีเองก็ทำเช่นเดียวกัน ตอนนี้แม้ต่างสวมใส่เสื้อผ้าที่แตกต่าง รับบทเป็นตัวละครที่แตกต่าง แต่กลับมีใบหน้าภายในเป็นมนุษย์คนเดียวกันทั้งสิ้น
ดรุณีน้อยพลันย่อกายลง กระชากดึงหน้ากากออกจากใบหน้าของเสี่ยวเอ้อชรา ภายใต้นั้นก็เป็นใบหน้าของมนุษย์คนเดียวกันนี้ นับเป็นความลี้ลับสยองขวัญเหลือประมาณ เบื้องนอกหน้าต่างที่สารถีชมชอบเหม่อมองออกไป จันทร์เต็มดวงนั้นก็กลับกลายเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า วางตัวอยู่ในแนวนอนอีกครั้ง
ดวงตาของมนุษย์ที่อยู่บนใบหน้าที่เหมือนกันทั้งหมดนั้นต่างพากันจ้องมองมายังนักบู๊ไร้นามราวกับต้องการตอบคำถามของมันเมื่อครู่ 'เหตุใดพวกท่านทั้งหมด' รวมทั้งตัวมันเองด้วย 'จึงสามารถมาพบกันในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ได้' ทั่วทั้งร่างของมันเย็นเฉียบราวกับถูกพิษร้ายแทรกซึม หรือว่าพิษที่เสี่ยวเอ้อชราใช้ขู่ขวัญเมื่อครู่นั้นกลับมีจริง
มือที่สั่นเทาของนักบู๊ไร้นามเริ่มขยับเคลื่อนไหวแล้ว
มือนั้นเอื้อมช้าๆ แต่ไม่ได้ไปที่ด้ามกระบี่ ตอนนี้มันไม่อาจควบคุมบังคับมือที่เคยคิดว่าเป็นของตนเองได้อีก มือนั้นกำลังเอื้อมขึ้นมาที่ใบหน้าของตัวมันเอง ก่อนจะกระชากดึงหน้ากากใบหนึ่งออกมา
ที่แท้ใบหน้าของมันเองก็สวมใส่หน้ากากไว้ผืนหนึ่งเช่นกัน ภายใต้หน้ากาก ใบหน้าที่แท้จริงของมันนั้นจะเป็นเช่นใด มันพลันจ้องเขม็งมองดูใบหน้ามนุษย์ที่เหมือนกันทั้งหมดนั้น
ใบหน้าเบื้องหลังหน้ากากของมัน ที่แท้ใช่เหมือนกับของผู้อื่นด้วยหรือไม่ หรือว่าที่จริงแล้วพวกมันทั้งหมดต่างมีใบหน้าเดียวกัน ล้วนเป็นบุคคลเดียวกันตลอดมา
เดียวดายใต้เงาจอ 10, 11, 12 (จบ...เถอะ)
เพื่อบรรลุเป้าหมาย การได้มาซึ่งสุดยอดวิชา การได้จารึกบันทึกกระบวนท่าของตนไว้ในวรรณภพ จะถึงกับต้องใช้วิธีช่วงชิงลมปราณจากผู้อื่น หรือลอกเลียนกระบวนท่าอย่างไร้ยางอายเช่นนี้ แม้สิ่งที่ผู้หวังพ่ายพูดออกมาจะมีส่วนถูกต้องอยู่บ้าง แต่ก็นับเป็นเพียงข้อแก้ตัวมากกว่า
เพราะถึงที่สุดแล้ว วิถี กับ ผลลัพธ์ ย่อมไม่สมควรแยกจากกัน
“นี่ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับเจ้า” สารถีฝืนยิ้มให้ดรุณีน้อย คล้ายรู้ดีว่าเรื่องราวในครั้งนี้คงไม่อาจมีจุดจบอันดีงามตามต้องการ “เจ้ากับคุณชายท่านนี้รีบใช้รถม้าเร่งออกเดินทาง ม้าทั้งสองนับเป็นสุดยอดอาชา ย่อมรู้เส้นทางกลับคืนสู่หมู่ตึกของบิดาเจ้าได้เอง”
นางมองดูเหล่าผู้แปลกหน้าซึ่งไม่เคยใส่ใจในตอนแรก ยกเว้นเพียงเสี่ยวเอ้อชราที่นอนแน่นิ่งอยู่ผู้เดียวเท่านั้นที่ได้พูดคุยโต้ตอบกันเล็กน้อย
“...ข้าพเจ้าสามารถจากไปจริง” นางขบริมฝีปากน้อยๆ ถามขึ้นลอยๆ ไม่ได้เจาะจงที่ผู้ใด แต่สุดท้ายสายตาคู่งามนั้นกลับมาหยุดลงที่นักบู๊ไร้นาม
“สหายน้อย เรื่องในครั้งนี้ต้องรบกวนเจ้าแล้ว ถ้าหากวันหน้ายังมี...เราต้องตอบแทนเจ้าแน่” รอยยิ้มของสารถียิ่งมายิ่งฝืนกว่าเดิม “พวกเจ้าเร่งเดินทางเถิด”
ทั้งหลวงจีน และนักพรต ยังคงยึดแขนทั้งสองของสารถีไว้แน่น ไม่คิดประมาท ไม่ว่าหลวงจีนจะเคยพูดถึงเรื่องดีชั่วไว้อย่างไร ในตอนนี้กลับไม่นำพา ไม่ว่านักพรตจะเคยพูดถึงระเบียบวิถีที่เคร่งครัด ตอนนี้กลับไม่คิดยึดถือ สำหรับพวกมัน ขอเพียงค้นพบความลับแห่งสุดยอดกระบวนท่า สิ่งอื่นก็สามารถยกวางได้โดยง่าย
ผู้หวังพ่ายที่ยืนชมดูเรื่องราว ยิ่งมายิ่งพบว่าดรุณีน้อยนางนี้งดงามผุดผาด ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับสารถีก็ไม่รวบรัดชัดเจน ที่สำคัญมันเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วว่าตัวนาง และบิดาที่ถูกพูดถึงนั้นที่แท้เป็นผู้ใด มันใช่สมควรต้องรับทราบหรือไม่
นักบู๊ไร้นามพลันคิดทบทวนถึงเส้นทางที่เคยท่องผ่านมาบนถนนนักเขียน ที่แท้แล้วมันต้องการคิดค้นกระบวนท่าเช่นใด หรืออันที่จริงแล้ว สมควรต้องตั้งคำถามใหม่ให้ถูกต้อง ที่แท้มันต้องการคิดค้นกระบวนท่าสุดยอดนั้นไปเพื่อสิ่งใดกัน ใช่เป็นชื่อเสียง เงินทอง ความชื่นชม หรือการยอมรับนับถือหรือไม่
เงาของคู่ต่อสู้ลึกลับพร้อมเสียงหัวเราะอันเสียดแทงนั้นพลันหวนกลับมาเผชิญหน้ามันอีกครั้ง
นี่จึงนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของกระบวนเรื่องที่จู่โจมต่อเนื่องติดตามกันเรื่อยมา ในทุกกระบวนท่า ในทุกการบอกเล่าเรื่องราว จะมากน้อยล้วนมีจุดมุ่งหมายร่วมกันเพื่อเพาะสร้างสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น เรื่องที่บีบบังคับให้ผู้คนต้องตัดสินใจ ทั้งตัวละครที่สวมบทบาท ทั้งตัวผู้อ่านที่ต้องขบคิด และที่สำคัญ คือตัวผู้ถือกระบี่ร่ายอักษรนั้นเอง
สิบคน ร้อยความคิด พันคน หมื่นหนทาง ความคิดของผู้คนนั้นไร้ที่สุด แต่สุดท้ายก็จำต้องเลือกเส้นทางเดินเพียงสายเดียวเท่านั้น
นักบู๊ไร้นามพลันถามตนเองขึ้นภายในใจ
'ใช่ถึงเวลาต้องชักกระบี่แล้วหรือไม่'
พวกท่านที่เคลื่อนสายตามาถึงบรรทัดนี้ ใช่มีคำตอบภายในใจแล้วหรือไม่
จนถึงยามนี้ สารถีก็ยังคงไม่ยอมละทิ้งความหวัง ที่มันสามารถรอดชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ได้นอกจากอาศัยมีดบินแล้ว ก็ด้วยความคิดเช่นนี้ หากบอกว่ามันเป็นคนลึกซึ้งร้ายกาจ คิดใช้คำพูดหลอกล่อให้พวกของผู้หวังพ่ายเกิดความสงสัยกันเองขึ้น ใช้แผนนางงามล่อลวงบุรุษ ทั้งคิดให้ผู้หวังพ่ายเคลื่อนไหวพลาดผิด คิดให้เด็กหนุ่มวู่วามลงมือเพื่อฉกฉวยโอกาสในความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก็คงไม่ผิดนัก
'เจ้าหนุ่มผู้นี้พกพากระบี่ติดตัว จะดีชั่วย่อมมีอยู่สักท่าสองท่า'
พวกท่านที่เคลื่อนสายตามาจนถึงบรรทัดนี้ คำตอบภายในใจใช่เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นบ้างหรือไม่ ตอนจบที่พวกท่านขบคิด ตอนจบที่ผู้อื่นขบคิด เป้าหมายของคมกระบี่ที่แท้แล้วสมควรเป็นเช่นใด
11.
อันใดคือความหมายของคำ เดียวดายใต้เงาจอ และเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับการเดินทางของนักบู๊ไร้นาม ในโรงเตี๊ยมไร้นาม บนถนนนักเขียน ส่วนเสี้ยวเล็กๆ แห่งวรรณภพอันกว้างใหญ่ไร้ที่สุดแห่งนี้อย่างไร
นักบู๊ไร้นามพลันจ้องมองใบหน้างามของดรุณีน้อย ก่อนยืนขึ้นช้าๆ มันย่อมไม่ต้องการกระตุ้นให้ผู้ใดลงมือในตอนนี้ 'แต่หลังจากนั้นเล่า' ในความคิดของมันเกิดความเป็นไปได้ต่างๆ มากมายจนไม่สามารถแจกแจงจนครบถ้วน
จินตนาการนั้นไม่รู้จบ แต่เหตุการณ์กลับมีได้เพียงหนึ่งเดียว มีผู้ใดทราบชัดว่าที่แท้สมควรดำเนินเรื่องไปเช่นใด ที่แท้การกำหนดชะตากรรมให้กับผู้อื่นนับเป็นงานที่น่าปวดหัวถึงเพียงนี้
“วรรณภพกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ประกอบด้วยเส้นทางใหญ่น้อยมากมาย” ทุกผู้คนต่างงงงันไม่รู้ว่านักบู๊ไร้นามคิดพูดถึงสิ่งใด หรือมีลูกไม้ใดซุกซ่อนไว้กันแน่
นี่ใช่เป็นช่วงเวลาที่มันสมควรชักกระบี่ที่สุดแล้วหรือไม่
“...เหตุใดพวกท่านทั้งหมดจึงสามารถมาพบกันในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ได้”
ผู้หวังพ่าย นักบวช นักพรต ต่างเหลือบมองไปยังร่างของเสี่ยวเอ้อชรา ส่วนสารถีกลับเหม่อมองดรุณีน้อย สีหน้าของมันคล้ายพึ่งเคยพบเห็นนางเป็นครั้งแรกในชีวิต ผู้ที่ชักชวนทั้งหมดวางแผนดักรอสารถีคือ เสี่ยวเอ้อชรา ผู้ที่เลือกเส้นทาง ชักชวนสารถีให้เข้าพักในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็คือ ดรุณีน้อย
ไม่ทราบว่าทั้งสองที่แท้แล้วมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ อย่างไร ตอนนี้เสี่ยวเอ้อชราสิ้นชีพไปแล้ว จึงเหลือเพียงดรุณีน้อยเท่านั้น
ตอนนี้ใช่เป็นช่วงเวลาที่นักบู๊ไร้นามสมควรชักกระบี่ที่สุดแล้วหรือไม่ กระบี่นี้ที่สุดแล้วสมควรทิ่มแทงใส่ผู้ใด มันกลับไม่อาจตอบ มีผู้ใดสามารถตอบชัดได้
ดรุณีน้อยพลันส่งเสียงหัวร่อ ผู้หวังพ่ายก็หัวร่อ ทั้งนักพรต ทั้งหลวงจีนต่างพากันส่งเสียงหัวร่อ แม้แต่สารถีเองก็ยังแย้มยิ้ม ก่อนสุดท้ายจะแผดเสียงหัวร่อที่ดังยิ่งกว่าผู้ใดออกมา ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดชวนให้ขบขัน ไม่ทราบว่าเรื่องราวทั้งหมดจะยิ่งซับซ้อนไปกว่านี้อีกหรือไม่ ที่แท้แล้วเป็นแผนการอันใด ของผู้ใดกันแน่
ดรุณีน้อยพลันยกมือขึ้นกระชากดึงหน้ากากหนังมนุษย์ที่สวมใส่ไว้ออกมา ภายใต้หน้ากากกลับเป็นใบหน้าของ มนุษย์ผู้หนึ่ง นักพรต หลวงจีน ผู้หวังพ่าย และแม้แต่สารถีเองก็ทำเช่นเดียวกัน ตอนนี้แม้ต่างสวมใส่เสื้อผ้าที่แตกต่าง รับบทเป็นตัวละครที่แตกต่าง แต่กลับมีใบหน้าภายในเป็นมนุษย์คนเดียวกันทั้งสิ้น
ดรุณีน้อยพลันย่อกายลง กระชากดึงหน้ากากออกจากใบหน้าของเสี่ยวเอ้อชรา ภายใต้นั้นก็เป็นใบหน้าของมนุษย์คนเดียวกันนี้ นับเป็นความลี้ลับสยองขวัญเหลือประมาณ เบื้องนอกหน้าต่างที่สารถีชมชอบเหม่อมองออกไป จันทร์เต็มดวงนั้นก็กลับกลายเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า วางตัวอยู่ในแนวนอนอีกครั้ง
ดวงตาของมนุษย์ที่อยู่บนใบหน้าที่เหมือนกันทั้งหมดนั้นต่างพากันจ้องมองมายังนักบู๊ไร้นามราวกับต้องการตอบคำถามของมันเมื่อครู่ 'เหตุใดพวกท่านทั้งหมด' รวมทั้งตัวมันเองด้วย 'จึงสามารถมาพบกันในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ได้' ทั่วทั้งร่างของมันเย็นเฉียบราวกับถูกพิษร้ายแทรกซึม หรือว่าพิษที่เสี่ยวเอ้อชราใช้ขู่ขวัญเมื่อครู่นั้นกลับมีจริง
มือที่สั่นเทาของนักบู๊ไร้นามเริ่มขยับเคลื่อนไหวแล้ว
มือนั้นเอื้อมช้าๆ แต่ไม่ได้ไปที่ด้ามกระบี่ ตอนนี้มันไม่อาจควบคุมบังคับมือที่เคยคิดว่าเป็นของตนเองได้อีก มือนั้นกำลังเอื้อมขึ้นมาที่ใบหน้าของตัวมันเอง ก่อนจะกระชากดึงหน้ากากใบหนึ่งออกมา
ที่แท้ใบหน้าของมันเองก็สวมใส่หน้ากากไว้ผืนหนึ่งเช่นกัน ภายใต้หน้ากาก ใบหน้าที่แท้จริงของมันนั้นจะเป็นเช่นใด มันพลันจ้องเขม็งมองดูใบหน้ามนุษย์ที่เหมือนกันทั้งหมดนั้น
ใบหน้าเบื้องหลังหน้ากากของมัน ที่แท้ใช่เหมือนกับของผู้อื่นด้วยหรือไม่ หรือว่าที่จริงแล้วพวกมันทั้งหมดต่างมีใบหน้าเดียวกัน ล้วนเป็นบุคคลเดียวกันตลอดมา