สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 46

รู้สึกสมเพชทุกครั้งที่เห็นคนอย่างคุณออกมา "โทษเกม"
เวลาเห็น "วัยรุ่น/ผู้ใหญ่" ที่ยังไม่แก่ (ยังไม่35+) ออกมาเล่าเรื่องราวว่าได้รับผลเสียจากเกมอย่างไรบ้าง เรามักจะสงสัยทุกครั้ง
ต้องเป็นเด็กแบบไหนกันถึงได้ไร้ความรับผิดชอบต่อชีวิตเช่นนี้? พ่อแม่สอนมาแบบไหน? ตอนลูกยังเล็กไม่เคยอบรมเสริมสร้างกระบวนการคิด สอนให้รู้จักแบ่งเวลา รับผิดชอบตัวเองเลยหรืออย่างไร? ลูกบางคนอาจจะเถียง "ฉันเลวของฉันเอง อย่าแตะพ่อแม่ฉัน" แต่เราคิดต่าง นั่นสิ ลูกแย่ ลูกเลว แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่ที่เบ่งเขาออกมาไม่รู้จักลูกของเขาเลยหรือ? ทำไมไม่มีวิธีคุยกับลูกของตัวเอง ปล่อยให้ลูกเป็นคนแบบนั้นได้อย่างไร?
ถามว่าทำไมเน้นเรื่องนี้ เน้นเรื่องการอบรมเลี้ยงดูจากผู้ปกครอง คือถ้าพื้นฐานเด็กมันดี จะกี่ร้อยกี่พันเกมก็ทำอะไรเด็กมันไม่ได้
เรื่องการแบ่งเวลา การใช้เงินในเกม การอยากเก่งอยากเทพ อยากเอาชนะ แม้แต่การปฏิบัติตัว สังคมในเกม การโกง การให้เกียรติผู้หญิงไม่พูดจาลวนลาม พฤติกรรม คือถ้าพ่อแม่ปลูกฝังเด็กไว้ได้ดี เขาก็จะเล่นเกมแบบพอดีๆ เป็นผู้ดีมีมารยาท ไม่ใช่กาก เกรียน และกลายเป็นคนติดเกมทุเรศๆ ไปวันๆ
อย่างในกรณีคุณ จขท. นี่ อ่านแล้วรู้สึกว่าคุณน่าสมเพชด้วยตัวคุณเองล้วนๆ เลย เกมมันเป็นแค่สิ่งดึงดูด คนที่ก้าวขาเข้าไปก็คือคุณ คุณอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่ เดินพ้นออกมาจากขุมนรกนั้นแล้ว อยากมาเตือนสติคนอื่นๆ แต่ขอโทษนะ ถ้าเล่นเกมอย่างมีสติตั้งแต่แรก เหตุการณ์น่าสมเพชพวกนั้นจะเกิดกับชีวิตคุณมั้ย?
คือมันอยู่ที่คนล้วนๆ แล้ว แล้วใครสร้างคน? ก็คนเป็นพ่อแม่นี่แหละ ในยุคนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เกมออนไลน์หรือเกมคอนโซลหรอกนะ เกมมือถือมันก็มี ข่าวที่เด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์หมดเงินไปเป็นแสนๆ อีกล่ะ? มันชี้ให้เห็นเลยนะว่าเด็กถูกที่บ้านเลี้ยงดูมาแบบไหน คนที่เอาแต่เล่นเกม กดซื้อของหมดเป็นแสนๆ แปลว่าอะไร? ว่างมาก เล่นตลอด อยากเอาชนะสุดๆ แพ้ไม่ได้ มันแสดงถึงจิตใจเค้าพอสมควร
แน่นอนเล่นเกมใครก็อยากเทพอยากเอาชนะ แต่ใครล่ะที่จะหยุดความอยากของตัวเองได้ "เออ เราพอแค่นี้ก็ได้ เก่งแค่นี้ เล่นได้เท่านี้ก็พอแล้ว" มันต้องมีโมเมนต์แบบนี้กันบ้าง ซึ่งจุดที่คนเราจะคิดได้ก็แตกต่างกัน บางคนรู้ตัวตลอดเวลา บางคนมีเป้าของตัวเอง บางคนต้องรอให้มีเรื่องสูญเสียเกินขึ้นจังๆ แบบเจ้าของกระทู้ที่ต้องรอให้ลุงตาย
ซึ่งการหยุดตัวเอง การมีสติรับรู้ ตระหนักรู้สิ่งรอบๆ ตัวของตัวเองมีประโยชน์มากนะ มันเป็นทักษะชีวิตที่สำคัญตัวนึง เช่นอ่านคอมเมนต์ที่ตัวเองตั้งกระทู้ล่อเป้าแล้วเค้าไม่เห็นด้วยแล้วเกิดความรู้สึกแบบนี้ "เฮ้ยฉันโกรธ อยากด่ามันกลับจัง! เอ้ยไม่ทำดีกว่า มันไม่ดี" เป็นต้น
สิ่งสำคัญไม่ใช่เกม ไม่ใช่การไม่หยุดเล่นเกม แต่เป็นการสร้างคนที่มีคุณภาพพอจะมีสติเวลาเล่นเกม
ซึ่งคนที่มีคุณภาพนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในสังคมเกม หรือสังคมจริงๆ เค้าก็จะจรรโลงสังคมได้ไม่ยาก แตกต่างกับพวก loser คนพวกนี้ต่อให้อยู่ที่ไหนก็จะโทษบริบทรอบๆ ตัวอยู่ร่ำไป โทษทุกสิ่งโดยไม่เคยมองตัวเอง ไม่คิดปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองให้รับมือกับเรื่องต่างๆ เลย ได้แต่เรียกร้องให้สังคมเป็นอย่างที่ตัวเองต้องการ
ยกตัวอย่าง "ทำไมสุ่มของออกยากจัง ฉันเติมหมดเป็นหมื่นๆ แล้วแต่ยังไม่ได้ของ" ก็รู้อยู่ของสุ่มออกยาก ดวงตัวเองไม่ดี แต่ผีพนันเข้าสิง หน้ามืด พอหมดตัวก็ออกมาโวยวาย ไม่มีขีดจำกัดไว้ตั้งแต่แรกว่าจะเติมเท่าไหร่ สุ่มได้แค่ไหนก็เอาเท่านั้น

รู้สึกสมเพชทุกครั้งที่เห็นคนอย่างคุณออกมา "โทษเกม"
เวลาเห็น "วัยรุ่น/ผู้ใหญ่" ที่ยังไม่แก่ (ยังไม่35+) ออกมาเล่าเรื่องราวว่าได้รับผลเสียจากเกมอย่างไรบ้าง เรามักจะสงสัยทุกครั้ง
ต้องเป็นเด็กแบบไหนกันถึงได้ไร้ความรับผิดชอบต่อชีวิตเช่นนี้? พ่อแม่สอนมาแบบไหน? ตอนลูกยังเล็กไม่เคยอบรมเสริมสร้างกระบวนการคิด สอนให้รู้จักแบ่งเวลา รับผิดชอบตัวเองเลยหรืออย่างไร? ลูกบางคนอาจจะเถียง "ฉันเลวของฉันเอง อย่าแตะพ่อแม่ฉัน" แต่เราคิดต่าง นั่นสิ ลูกแย่ ลูกเลว แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่ที่เบ่งเขาออกมาไม่รู้จักลูกของเขาเลยหรือ? ทำไมไม่มีวิธีคุยกับลูกของตัวเอง ปล่อยให้ลูกเป็นคนแบบนั้นได้อย่างไร?
ถามว่าทำไมเน้นเรื่องนี้ เน้นเรื่องการอบรมเลี้ยงดูจากผู้ปกครอง คือถ้าพื้นฐานเด็กมันดี จะกี่ร้อยกี่พันเกมก็ทำอะไรเด็กมันไม่ได้
เรื่องการแบ่งเวลา การใช้เงินในเกม การอยากเก่งอยากเทพ อยากเอาชนะ แม้แต่การปฏิบัติตัว สังคมในเกม การโกง การให้เกียรติผู้หญิงไม่พูดจาลวนลาม พฤติกรรม คือถ้าพ่อแม่ปลูกฝังเด็กไว้ได้ดี เขาก็จะเล่นเกมแบบพอดีๆ เป็นผู้ดีมีมารยาท ไม่ใช่กาก เกรียน และกลายเป็นคนติดเกมทุเรศๆ ไปวันๆ
อย่างในกรณีคุณ จขท. นี่ อ่านแล้วรู้สึกว่าคุณน่าสมเพชด้วยตัวคุณเองล้วนๆ เลย เกมมันเป็นแค่สิ่งดึงดูด คนที่ก้าวขาเข้าไปก็คือคุณ คุณอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่ เดินพ้นออกมาจากขุมนรกนั้นแล้ว อยากมาเตือนสติคนอื่นๆ แต่ขอโทษนะ ถ้าเล่นเกมอย่างมีสติตั้งแต่แรก เหตุการณ์น่าสมเพชพวกนั้นจะเกิดกับชีวิตคุณมั้ย?
คือมันอยู่ที่คนล้วนๆ แล้ว แล้วใครสร้างคน? ก็คนเป็นพ่อแม่นี่แหละ ในยุคนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เกมออนไลน์หรือเกมคอนโซลหรอกนะ เกมมือถือมันก็มี ข่าวที่เด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์หมดเงินไปเป็นแสนๆ อีกล่ะ? มันชี้ให้เห็นเลยนะว่าเด็กถูกที่บ้านเลี้ยงดูมาแบบไหน คนที่เอาแต่เล่นเกม กดซื้อของหมดเป็นแสนๆ แปลว่าอะไร? ว่างมาก เล่นตลอด อยากเอาชนะสุดๆ แพ้ไม่ได้ มันแสดงถึงจิตใจเค้าพอสมควร
แน่นอนเล่นเกมใครก็อยากเทพอยากเอาชนะ แต่ใครล่ะที่จะหยุดความอยากของตัวเองได้ "เออ เราพอแค่นี้ก็ได้ เก่งแค่นี้ เล่นได้เท่านี้ก็พอแล้ว" มันต้องมีโมเมนต์แบบนี้กันบ้าง ซึ่งจุดที่คนเราจะคิดได้ก็แตกต่างกัน บางคนรู้ตัวตลอดเวลา บางคนมีเป้าของตัวเอง บางคนต้องรอให้มีเรื่องสูญเสียเกินขึ้นจังๆ แบบเจ้าของกระทู้ที่ต้องรอให้ลุงตาย
ซึ่งการหยุดตัวเอง การมีสติรับรู้ ตระหนักรู้สิ่งรอบๆ ตัวของตัวเองมีประโยชน์มากนะ มันเป็นทักษะชีวิตที่สำคัญตัวนึง เช่นอ่านคอมเมนต์ที่ตัวเองตั้งกระทู้ล่อเป้าแล้วเค้าไม่เห็นด้วยแล้วเกิดความรู้สึกแบบนี้ "เฮ้ยฉันโกรธ อยากด่ามันกลับจัง! เอ้ยไม่ทำดีกว่า มันไม่ดี" เป็นต้น
สิ่งสำคัญไม่ใช่เกม ไม่ใช่การไม่หยุดเล่นเกม แต่เป็นการสร้างคนที่มีคุณภาพพอจะมีสติเวลาเล่นเกม
ซึ่งคนที่มีคุณภาพนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในสังคมเกม หรือสังคมจริงๆ เค้าก็จะจรรโลงสังคมได้ไม่ยาก แตกต่างกับพวก loser คนพวกนี้ต่อให้อยู่ที่ไหนก็จะโทษบริบทรอบๆ ตัวอยู่ร่ำไป โทษทุกสิ่งโดยไม่เคยมองตัวเอง ไม่คิดปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองให้รับมือกับเรื่องต่างๆ เลย ได้แต่เรียกร้องให้สังคมเป็นอย่างที่ตัวเองต้องการ
ยกตัวอย่าง "ทำไมสุ่มของออกยากจัง ฉันเติมหมดเป็นหมื่นๆ แล้วแต่ยังไม่ได้ของ" ก็รู้อยู่ของสุ่มออกยาก ดวงตัวเองไม่ดี แต่ผีพนันเข้าสิง หน้ามืด พอหมดตัวก็ออกมาโวยวาย ไม่มีขีดจำกัดไว้ตั้งแต่แรกว่าจะเติมเท่าไหร่ สุ่มได้แค่ไหนก็เอาเท่านั้น
ความคิดเห็นที่ 9
ในมุมส่วนตัว คิดว่า มันมีทั้งโทษและประโยชน์นะคะ
การที่จะบอกว่า มีแต่โทษอย่างเดียว ให้มองแต่ผลเสีย มันก็ดูแปลกๆอยู่นะ
ส่วนตัวก็เป็นคนชอบเล่นเกมส์มาก ตั้งแต่จำความได้ก็เล่นเกมมาตลอด
จนมาถึงยุค online ตอน ro เปิดแข่งแฟนพันธุ์แท้ ก็แข่งชนะอยู่นะ
บางทีว่างๆก็เขียนไกด์ไลน์เกมส์บ้าง จะเรียกว่าเป็นเกมเมอร์ไหม ก็ไม่รู้ซิ สมัยนั้นคำนี้ไม่ได้บูมนี่
ปัจจุบันถ้านับเล่นเกมถ้าออฟไลน์ก็คง 25 ปี ถ้าออนไลน์ก็เกือบ 16 ปีมั้ง
ที่ผ่านมาก็ได้รางวัลและเงินพอสมควรจากการเล่นน่ะ คิดว่าหลักแสนได้มั้ง
ทุกวันนี้ก็ยังเล่นเกมส์อยู่ค่ะ ก็คิดว่า เกมเมอร์ หลายคน เขาก็รู้นะว่า เล่นไปเพื่ออะไร
อาชีพ e-sport หรือ cast gamer หรือ game tester ไม่ได้แย่อย่างที่ว่านะคะ
ส่วนตัวเคยดูงานหน่วยงาน NIA ของเกาหลี(คล้ายๆ ICT ของไทย) เขาก็สนับสนุนในด้าน e-sport เช่นกัน
ในขณะเดียวกันเขาก็มีมาตรการบัญญัติแนวทางควบคุมอุตสาหกรรมเกมและกฎหมายคุ้มครองเด็ก
ส่วนตัวมองว่า "เกม เป็นแค่สื่อ" เพราะงั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่เกม แต่อยู่ที่ผู้ใช้ตังหาก ถ้าเปรียบไปแล้วก็เหมือนมีดทำครัวค่ะ
ถ้าคุณใช้มันเป็น คุณก็เป็นพ่อครัวชั้นเลิศได้ แต่ถ้าใช้ไม่ถูกเอาไปทำเรื่องร้ายๆ ก็อาจพลิกกลับเป็นฆาตกร
การที่ใช้สื่อได้ไม่เหมาะ แล้วตนเองเจอปัญหา ก็เลยบอกว่า มันมีโทษ อย่าไปใช้ ก็ออกจะดูไม่สมเหตุไปหน่อยนะ
แต่ตัวสื่อเอง ก็ไม่ได้มีแค่ประโยชน์อย่างเดียว โทษมันก็มี ถ้าใช้ไม่ถูก ไม่เหมาะสม และใช้แบบขาดวินัยน่ะ
อะไรที่มากเกินไป มันก็ย่อมไม่ดีทั้งนั้นแหล่ะ ไม่ว่าจะสื่อ หรือ อาหาร มันก็เหมือนๆกัน เพราะงั้นมันอยู่ที่ตัวคนใช้เป็นหลักเลย
สื่อเกม ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่ที่น่ากลัวคือ ผู้ใช้ ที่ไม่รู้จักวิธีใช้สื่อตังหาก
ยอมโดดเรียน ทิ้งงาน ขาดระเบียบในการใช้ชีวิตไปล่ะ แต่เรียกตัวเองว่า เกมเมอร์
กลุ่มนี้ล่ะที่เป็นปัญหา เพราะการเล่นส่วนใหญ่ เล่นเพื่อตอบสนองแค่กับความอยากตามสัญชาตญาณ
อยากเด่น อยากดัง อยากได้รับการยอมรับ อารมณ์มันก็ถูกกระตุ้นมากๆ จนเกิดเป็นการเสพติดไป
ซึ่งมันคนละเรื่องกับคนที่เป็นเกมเมอร์ หรือ ใช้เกมประกอบอาชีพล่ะ
ที่เขาเล่นอย่างมีเป้าหมาย หรือบางคนเล่นเพื่อผ่อนคลายเบาๆ เป็นแค่งานอดิเรก
แต่จากประสบการณ์ที่เจอมานะ เด็กติดเกม ส่วนใหญ่มักถูกผลักดันจากโลกจริงที่เขาอยู่นี่ล่ะ เขาไม่มีตัวตน ไม่ได้รับการยอมรับในโลกนี้
ถึงพาตัวเองหนีเข้าไปอยู่ในเกม จิตใจเด็กกลุ่มนี้มันร้าวมันเปราะมาแล้ว พอเข้ามาในเกม เจอสิ่งที่ตามหา สิ่งที่ต้องการ ก็หลงไปกับมัน
บางทีเห็นแล้วก็น่าสงสาร ถ้าถามว่า ทำไมเด็กถึงใช้เวลาอยู่ในเกมตั้งนาน
บางทีก็ต้องถามนะ แล้วผู้ใหญ่นอกเกมข้างตัวเด็ก ใช้เวลาไปกับอะไรอยู่ ถึงไม่ได้มาใช้เวลาอยู่กับเด็กน่ะ
การที่จะบอกว่า มีแต่โทษอย่างเดียว ให้มองแต่ผลเสีย มันก็ดูแปลกๆอยู่นะ
ส่วนตัวก็เป็นคนชอบเล่นเกมส์มาก ตั้งแต่จำความได้ก็เล่นเกมมาตลอด
จนมาถึงยุค online ตอน ro เปิดแข่งแฟนพันธุ์แท้ ก็แข่งชนะอยู่นะ
บางทีว่างๆก็เขียนไกด์ไลน์เกมส์บ้าง จะเรียกว่าเป็นเกมเมอร์ไหม ก็ไม่รู้ซิ สมัยนั้นคำนี้ไม่ได้บูมนี่
ปัจจุบันถ้านับเล่นเกมถ้าออฟไลน์ก็คง 25 ปี ถ้าออนไลน์ก็เกือบ 16 ปีมั้ง
ที่ผ่านมาก็ได้รางวัลและเงินพอสมควรจากการเล่นน่ะ คิดว่าหลักแสนได้มั้ง
ทุกวันนี้ก็ยังเล่นเกมส์อยู่ค่ะ ก็คิดว่า เกมเมอร์ หลายคน เขาก็รู้นะว่า เล่นไปเพื่ออะไร
อาชีพ e-sport หรือ cast gamer หรือ game tester ไม่ได้แย่อย่างที่ว่านะคะ
ส่วนตัวเคยดูงานหน่วยงาน NIA ของเกาหลี(คล้ายๆ ICT ของไทย) เขาก็สนับสนุนในด้าน e-sport เช่นกัน
ในขณะเดียวกันเขาก็มีมาตรการบัญญัติแนวทางควบคุมอุตสาหกรรมเกมและกฎหมายคุ้มครองเด็ก
ส่วนตัวมองว่า "เกม เป็นแค่สื่อ" เพราะงั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่เกม แต่อยู่ที่ผู้ใช้ตังหาก ถ้าเปรียบไปแล้วก็เหมือนมีดทำครัวค่ะ
ถ้าคุณใช้มันเป็น คุณก็เป็นพ่อครัวชั้นเลิศได้ แต่ถ้าใช้ไม่ถูกเอาไปทำเรื่องร้ายๆ ก็อาจพลิกกลับเป็นฆาตกร
การที่ใช้สื่อได้ไม่เหมาะ แล้วตนเองเจอปัญหา ก็เลยบอกว่า มันมีโทษ อย่าไปใช้ ก็ออกจะดูไม่สมเหตุไปหน่อยนะ
แต่ตัวสื่อเอง ก็ไม่ได้มีแค่ประโยชน์อย่างเดียว โทษมันก็มี ถ้าใช้ไม่ถูก ไม่เหมาะสม และใช้แบบขาดวินัยน่ะ
อะไรที่มากเกินไป มันก็ย่อมไม่ดีทั้งนั้นแหล่ะ ไม่ว่าจะสื่อ หรือ อาหาร มันก็เหมือนๆกัน เพราะงั้นมันอยู่ที่ตัวคนใช้เป็นหลักเลย
สื่อเกม ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่ที่น่ากลัวคือ ผู้ใช้ ที่ไม่รู้จักวิธีใช้สื่อตังหาก
ยอมโดดเรียน ทิ้งงาน ขาดระเบียบในการใช้ชีวิตไปล่ะ แต่เรียกตัวเองว่า เกมเมอร์
กลุ่มนี้ล่ะที่เป็นปัญหา เพราะการเล่นส่วนใหญ่ เล่นเพื่อตอบสนองแค่กับความอยากตามสัญชาตญาณ
อยากเด่น อยากดัง อยากได้รับการยอมรับ อารมณ์มันก็ถูกกระตุ้นมากๆ จนเกิดเป็นการเสพติดไป
ซึ่งมันคนละเรื่องกับคนที่เป็นเกมเมอร์ หรือ ใช้เกมประกอบอาชีพล่ะ
ที่เขาเล่นอย่างมีเป้าหมาย หรือบางคนเล่นเพื่อผ่อนคลายเบาๆ เป็นแค่งานอดิเรก
แต่จากประสบการณ์ที่เจอมานะ เด็กติดเกม ส่วนใหญ่มักถูกผลักดันจากโลกจริงที่เขาอยู่นี่ล่ะ เขาไม่มีตัวตน ไม่ได้รับการยอมรับในโลกนี้
ถึงพาตัวเองหนีเข้าไปอยู่ในเกม จิตใจเด็กกลุ่มนี้มันร้าวมันเปราะมาแล้ว พอเข้ามาในเกม เจอสิ่งที่ตามหา สิ่งที่ต้องการ ก็หลงไปกับมัน
บางทีเห็นแล้วก็น่าสงสาร ถ้าถามว่า ทำไมเด็กถึงใช้เวลาอยู่ในเกมตั้งนาน
บางทีก็ต้องถามนะ แล้วผู้ใหญ่นอกเกมข้างตัวเด็ก ใช้เวลาไปกับอะไรอยู่ ถึงไม่ได้มาใช้เวลาอยู่กับเด็กน่ะ
ความคิดเห็นที่ 7
เกมเมอร์ไม่ใช่คนติดเกมส์ครับ ผิดตั้งแต่คำนิยามแล้ว 
เกมเมอร์คือคนที่เล่นเกมส์อย่างจริงจัง ซึ่งจริงนั้นนั้นไม่ได้หมายถึงเล่นอย่างบ้าคลั้งไม่รู้จักเวล่ำเวลา แต่เป็นจริงจังที่หมายถึงรู้ลึกรู้จริง เล่นจนเซียน(ซึ่งไม่ได้เล่นแค่ 2 - 3 เดือนเล่นเป็นปีๆ เพราะชีวิตไม่ได้มีแค่เกมส์)
ดังนี้จึงมีคำว่า Casual gamer ขึ้น คือคนเล่นเกมส์สนุกๆ เพลิดๆ ไม่คิดมาก เป็นเกมส์ง่ายๆ เล่นได้ไวๆ ก็ได้แต่ขอให้เล่นสนุกเป็นพอซึ่งไม่ได้สนในที่จะรู้ลึกอะไรเกี่ยวกับเกมส์
ส่วนเกมส์เมอร์เดิมนั้นก็แตกสายออกมาเรียกกันว่า Hardcore gamer ซะมาก
การติดเกมส์เล่นไม่รู้จักพอจนมีปัญหากับชีวิตนั้นส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับกับใครก็ได้ แม้แต่คนที่เล่นเกมส์มือถือแต่เล่นไม่รู้จักพอก็เกิดปัญหาเช่นคุณได้ ไม่จำเป็นต้องนั่งหน้าคอมแต่อย่างใด และตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นเกมส์ด้วยซ้ำเช่น Line และ facebook เป็นต้น(ผมคิดว่าน่าจะเคยเห็นคนก้มหน้าใช้แอพพวกนี้จนลืมคนใกล้ตัวรอบข้างที่เคยสนิทกันไปบ้างนะครับ)
สุดท้ายแล้วอยู่ที่ตัวคนนั่นแหละครับ ยิ่งคนในฐานะผู้ปกครองด้วยแล้วการสอนลูกหลานแบ่งเวลาและรับผิดชอบต่อหน้าที่การเรียนของตัวเองนั้นจำเป็นอย่างมาก มัวแต่ไปห้ามเด็กเล่นเกมส์สมัยนี้นะไม่ทันแล้วละครับเพราะมันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ติดแทนกันได้สบายๆ หากเด็กนั้นไม่รู้จักการแบ่งเวลาและความรับผิดชอบ

เกมเมอร์คือคนที่เล่นเกมส์อย่างจริงจัง ซึ่งจริงนั้นนั้นไม่ได้หมายถึงเล่นอย่างบ้าคลั้งไม่รู้จักเวล่ำเวลา แต่เป็นจริงจังที่หมายถึงรู้ลึกรู้จริง เล่นจนเซียน(ซึ่งไม่ได้เล่นแค่ 2 - 3 เดือนเล่นเป็นปีๆ เพราะชีวิตไม่ได้มีแค่เกมส์)
ดังนี้จึงมีคำว่า Casual gamer ขึ้น คือคนเล่นเกมส์สนุกๆ เพลิดๆ ไม่คิดมาก เป็นเกมส์ง่ายๆ เล่นได้ไวๆ ก็ได้แต่ขอให้เล่นสนุกเป็นพอซึ่งไม่ได้สนในที่จะรู้ลึกอะไรเกี่ยวกับเกมส์
ส่วนเกมส์เมอร์เดิมนั้นก็แตกสายออกมาเรียกกันว่า Hardcore gamer ซะมาก
การติดเกมส์เล่นไม่รู้จักพอจนมีปัญหากับชีวิตนั้นส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับกับใครก็ได้ แม้แต่คนที่เล่นเกมส์มือถือแต่เล่นไม่รู้จักพอก็เกิดปัญหาเช่นคุณได้ ไม่จำเป็นต้องนั่งหน้าคอมแต่อย่างใด และตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นเกมส์ด้วยซ้ำเช่น Line และ facebook เป็นต้น(ผมคิดว่าน่าจะเคยเห็นคนก้มหน้าใช้แอพพวกนี้จนลืมคนใกล้ตัวรอบข้างที่เคยสนิทกันไปบ้างนะครับ)
สุดท้ายแล้วอยู่ที่ตัวคนนั่นแหละครับ ยิ่งคนในฐานะผู้ปกครองด้วยแล้วการสอนลูกหลานแบ่งเวลาและรับผิดชอบต่อหน้าที่การเรียนของตัวเองนั้นจำเป็นอย่างมาก มัวแต่ไปห้ามเด็กเล่นเกมส์สมัยนี้นะไม่ทันแล้วละครับเพราะมันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ติดแทนกันได้สบายๆ หากเด็กนั้นไม่รู้จักการแบ่งเวลาและความรับผิดชอบ
ความคิดเห็นที่ 16
ดราม่าเปล่าๆครับ
อารมเหมือนหวยครับ โอกาศถูกเลขท้าย 2 ตัว 1/100
คนถูกก็คุยโวใหญ่
แต่อีก 99 คน เงียบกริบ
ผมก็ยังมองเหมือนเดิมว่าเกมมีข้อดีคือ สนุก ผ่อนคลาย แก้เครียด
นอกนั้นข้อเสียล้วนๆ
คนที่ได้ประโยช์จากเกม เป็นคนที่ผมมองว่า
เค้าเป็นคนที่มีระเบียบ มีวินัย มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว
ต่อให้ไม่ติดเกม / ไปติดอย่างอื่น
ก็ได้ประโยชน์อยู่ดีครับ
อารมเหมือนหวยครับ โอกาศถูกเลขท้าย 2 ตัว 1/100
คนถูกก็คุยโวใหญ่
แต่อีก 99 คน เงียบกริบ
ผมก็ยังมองเหมือนเดิมว่าเกมมีข้อดีคือ สนุก ผ่อนคลาย แก้เครียด
นอกนั้นข้อเสียล้วนๆ
คนที่ได้ประโยช์จากเกม เป็นคนที่ผมมองว่า
เค้าเป็นคนที่มีระเบียบ มีวินัย มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว
ต่อให้ไม่ติดเกม / ไปติดอย่างอื่น
ก็ได้ประโยชน์อยู่ดีครับ
แสดงความคิดเห็น
เชิญชวนเพื่อนๆอดีตเกมเมอร์ เข้ามาเล่าประสบการณ์ในหัวข้อ "คุณเสียอะไรไปบ้างกับการเล่นเกมส์"เพื่อเป็นวิทยาทานให้น้องๆ
อย่าพึ่งร้อนพี่เข้าใจว่ามันร้อนแค่ไหนเมื่อมีคนมาชี้หน้าด่าว่าไอ้เด็กติดเกมส์
มาเริ่มที่ผมก่อนเลยละกัน ผมขอแยกเป็นข้อๆดังนี้
1.สิ่งที่เสียใจที่สุดในช่วงเวลาที่ติดเกมส์
มันคือการที่ผมไม่ได้ไปงานศพของคุณลุงไม่ได้ไปแม้กระทั่งดูใจท่านครั้งสุดท้าย เหตุการนี้เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน สมัยที่ผมเรียนมหาลัยวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ แม่โทรมาบอกว่าลุงอาการหนักคงไม่รอดคืนนี้ให้รีบกลับมาดูอาการท่าน อาจเพราะอะไรก็ตามแต่ผมโกหกแม่ว่าผมไปไม่ได้พรุ่งนี้อาจารย์นัดสอบFinal นอกตาราง ซึ่งแน่นอนว่าแม่ก็เชื่อ แต่จริงๆแล้วผมไม่ได้ไปเหตุเพราะติดเกมส์ออนไลน์ และคืนวันอาทิตย์นั้นมี Even ที่ GM แจกไอเทมระดับ Rare ซึ่งผมเลือกที่จะอยู่กับมัน จากนั้นผมก็มัวยุ่งอยู่กับเกมส์อีกหลายวัน จนกระทั่งคุณลุงเสียแม่ก็ไม่โทรบอกจนงานศพคุณลุงเสร็จ แม่โทรมาบอกว่าคุณลุงเสียไปแล้วนะเมื่อสามวันที่แล้ว ผมถามแม่ด้วยความโกรธว่าทำใมไม่บอกผม คำตอบที่ได้คือ แม่ไม่อยากให้ลูกเสียสมาธิในการอ่านหนังสือสอบ ตัวผมเองในวันนั้นได้แต่โกรธแม่ และไม่สำนึกในความผิดตัวเองเลยด้วยซ้ำก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์ต่อไป จนกระทั่งหลายปีต่อมาวันที่ผมเลิกเล่นเกมส์ผมได้มาึครุ่นคิดถึงสิ่งที่ผมได้ทำลงไปผมรู้สึกผิดและเสียใจทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการนี้ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่อาจให้อภัยตัวเองได้เลย โดยเฉพาะตอนที่เจอคนซ่อมนาฬิกา(ลุงผมเป็นช่างซ่อมนาฬิกา) จะนึกถึงภาพเก่าๆของลุงแล้ว รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรลงไปทุกครั้ง ผมเสียใจมากๆได้แต่เก็บความลับนี้ไว้คนเดียวไม่เคยพูดให้ใครรู้เพราะละอายในสิ่งที่กระทำลงไป
2.ทุกวันนี้เลิกเล่นแล้วมีแนวคิดอย่างไรบ้างกับคนที่กำลังติดเกมส์
สำหรับเพื่อนๆรุ่นเดียวกันที่เล่นเกมส์อยู่ ซึ่งตอนนี้เหลือไม่กี่คนที่ยังเล่นอยู่ รู้สึกสมเพศทุกครั้งที่เวลาผ่านไปเขายังไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้หลุดพ้นจากการเป็นทาสเกมส์ได้ วันๆการงานไม่ทำขอเงินพ่อแม่เล่นแต่เกมส์กินเหล้าเมายาไปวันๆเห็นแล้วอนาถใจ แต่ช่างเถอะมันเพื่อนเราก็ได้แต่คิดในใจไม่ได้ไปต่อว่าอะไรออกไปทั้งนั้น............และมุมมองที่มีให้กับน้องๆเด็กเล็กและเด็กโตทั่วไปคือ ถ้าไม่ไช่ลูกหลานจะไม่ยุ่งมันจะติดเกมส์จนไม่ได้เล่นจะคลุ้มคลั่งก็ช่างมัน เพราะเผมเคยผ่านช่วงนี้มารู้ดีว่าใครบอกอะไรไม่ได้ หัวรุนแรงและกร้าวร้าว
3. สิ่งที่ผมกลัว "เกมเป็นอาชีพได้"
จะมีผู้ใหญ่กลุ่มนึงที่สนับสนุนแนวคิดนี้ ผมบอกเลยว่ามันเป็นแนวคิดที่ผิดมากผิดมหันต์ เกมไม่สามารถเลี้ยงชีพได้...ทุกครั้งที่ผมพูดคำพูดนี้ออกไปจะมีพวกโชว์ป้ายเด็กที่รับรางวัลชนะเลิศเกมส์อะไรซักอย่าง แล้วมันจะมีกี่คนหละครับที่ชนะไปถึงจุดนั้น หรือพวกบอกเล่นเกมส์ขายไอเทมนั่นนี้ ผมถามหน่อยครับมันจะทำให้น้องๆใช้ประทังชีวิต เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียเมื่อมี หรือเลี้ยงพ่อแม่จนแก่เฒ่าได้ไหม
4. วันนี้ไม่ได้อยากให้น้องๆเลิกเล่นเกมส์
ยังอยากให้น้องๆเล่นต่อไปตามใจที่ชอบ(ก็มันสนุกเรียนรู้รสชาติชีวิตไปครับ) แต่ผมไม่อยากให้น้องๆเลิกเล่นเกมส์ในวันนี้ควรเลิก วันที่ชีวิตจะโตไปเป็นผู้ใหญ่ มีภาระหน้าที่ต้อรับผิดชอบ ถึงเวลาต้องตัดเรื่องพวกนี้ให้ได้ และในวันที่คิดได้(วันที่เป็นผู้ใหญ่) ขอภาวนาน้องๆโชคดีให้อย่าได้สูญเสียอะไรที่สำคัญมากๆไปให้กับการเล่นเกมส์ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์สำนึกได้เมื่อสายไปเหมือนผมแล้ว ก็ขอให้น้องๆอดทนและแข้มแข็งให้สิ่งที่สูญเสียไปนั้นเป็นอุทาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป
ขอบคุณที่อ่านครับ