หัวใจสลายที่ปลายฟ้า ( 4)...โชค
หลังเสร็จการกล่าวลา รถลีมูซีนคันยาวขับออกจากบ้านหมอปราโมทย์มุ่งตรงสู่สนามบินชิคาโกโอแฮร์ พระอาทิตย์ทอแสงสดใสจับขอบฟ้ายามเช้า ดวงเนตรเรียนรู้ถึงการให้ทิปแก่ผู้ให้บริการ จากการบอกเล่าของญาติผู้พี่ที่เคยมาเรียนที่นี่ ตาเหลือบมองคนขับรถที่แต่งตัวด้วยสูทสีน้ำเงินเข้ม กับถุงมือสีขาวที่ใส่ กำลังประเมินค่าทิปอยู่ แต่งตัวซะโก้แถมรถคันใหญ่ แล้วดวงเนตรก็มองดูซองเงินที่ห้อยคอไว้ เจอ 10, 20, และ 100 เหรียญ เอาล่ะ20 เหรียญให้คนขับ ส่วน10 เหรียญ เอาไว้ให้คนยกกระเป๋าที่สนามบิน เธอแยกทิปออกมาใส่กระเป๋ากางเกง แล้วยัดซองเงินกลับไว้ในเสื้อ
ทันทีที่รถจอด...ดวงเนตรยื่นทิปให้คนขับ เขาเอ่ยขอบคุณ คนผิวดำร่างใหญ่ตรงเข้ามายกกระเป๋าออกใส่รถเข็น อย่างกระฉับกระเฉง ดวงเนตรตรวจ
เช็กกระเป๋าใหญ่ 2 ใบ ไปลงที่คาร์บอนเดล มลรัฐอิลลินอยส์ ผู้ชายผิวดำยังยืนรอทิปอยู่
“Oh! Sorry” ดวงเนตรขอโทษที่ทำให้เขาต้องรอ รอยยิ้มกว้างฟันขาวพูดขึ้นประโยคหนึ่ง คงแปลว่าไม่เป็นไร เธอฉวยโอกาสเอาตั๋วให้เขาดู ชายผิวดำชี้มือไปที่บันไดเลื่อนพร้อมยกนิ้วสองนิ้วทำท่าให้เลี้ยวขวา พร้อมชูนิ้วห้านิ้ว เป็นอันว่าเข้าใจกัน
ดวงเนตรเดินขึ้นไปชั้นสองแล้วเลี้ยวขวา และเดินไปอีกสักหน่อยก็เจอประตูหมายเลข 5 มองหาดูในตั๋วก็ตรงกัน เธอถอนหายใจและมองหาที่นั่ง
สักพักหนึ่งก็เริ่มมีคนตั้งแถว ดวงเนตรเดาว่าเขาคงเรียกขึ้นเครื่องแล้ว
สายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์เชิดหัวขึ้นอำลาเมืองชิคาโกมุ่งสู่เมืองเซนต์หลุยส์..ทั้งสองเมืองตั้งอยู่ในรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก
เฉียงเหนือของประเทศ ดวงเนตรนั่งติดกับชายวัยประมาณห้าสิบปี เขาแต่งกายสุภาพ เคราสีเงินแซมสีเข้มของเรียวหนวดถูกขลิบไว้สวยงาม
ดวงเนตรเดินขึ้นเครื่องทีหลังสุภาพบุรุษผู้นี้ เขาเห็นเธอทำท่าเหมือนไม่แน่ใจว่าใช่เก้าอี้ตัวนี้ไหม เสียงเข้มของคุณลุงคนนี้ออกสำเนียงช้าและชัดเจน
เธอเข้าใจคราว ๆ ว่าเขาขอดูตั๋ว ดวงเนตรยื่นตั๋วให้พร้อมรอยยิ้มสดใส เขาชี้ให้นั่งข้าง ๆ โดยกล่าวว่า” Yes...” ดวงเนตรกล่าวขอบคุณ
ครู่หนึ่งแอร์โฮสเตสเริ่มเสิร์ฟอาหารเป็นอเมริกันล้วน เกือบเที่ยงแล้ว เธอเลือกปลา น้ำส้ม และ น้ำเปล่า ชายวัยห้าสิบหันมารับถาดที่ดวงเนตร
ช่วยรับต่อมาจากพนักงานเสิร์ฟ แล้วส่งให้คุณลุงฝรั่งที่นั่งติดกัน เขารับถาดอาหารมา แล้วยิ้มกว้างให้เธอ
ระยะเวลาบินหนึ่งชั่วโมงพอดี อีกเที่ยวบินเดี๋ยวก็จะถึงปลายทางแล้ว แต่ความหวั่นไหวยังไม่จางหายจากความคิดของดวงเนตร อะไรจะเกิด
ขึ้นอีกในเที่ยวบินสุดท้ายและปลายทาง เสียงประกาศให้ผู้โดยสารปรับพนักที่นั่ง คุณลุงฝรั่งปรับเก้าอี้เรียบร้อย เขาหันมามองดวงเนตรด้วยรอยยิ้มสุภาพ
เธอกำลังปรับเก้าอี้เช่นกัน เพียงสิบห้านาทีเครื่องก็ลงจอดที่สนามบินเซนต์หลุยส์เป็นที่เรียบร้อย
ดวงเนตรเดินลงมา ท่าทางไม่ค่อยมั่นใจนัก และนั่งลงเพื่อรอต่อเครื่องเที่ยวสุดท้ายเข้าสู่มหาวิทยาลัย เป้ใบกะทัดรัดถูกถือกระชับไว้กับตัว
ในนั้นล้วนแต่เป็นเอกสารสำคัญ และของใช้จำเป็นระหว่างการเดินทาง มีทั้งยาสามัญจำเป็นหลายอย่างที่แม่เตรียมมาให้ แม้ความคิดถึงครอบครัวยัง
ไม่จางหายไป แต่ดวงเนตรคอยให้กำลังใจตัวเองให้เข้มแข็งไว้ เธอวางเป้สีน้ำเงินเข้มลงไว้ใกล้ ๆ เท้า หันมองทางขวา คุณลุงคนเดิมที่มาพร้อมกันนั่ง
อยู่ เขาคงมองดวงเนตรอยู่นานแล้ว พอสบตากัน เขายิ้มให้อีก รอยยิ้มนั้นอบอุ่นนัก แสดงออกถึงไมตรีที่ดี ดวงใจเล็ก ๆ ของเธอมีกำลังใจขึ้นมาอีก
มากมาย
ขณะที่รอเที่ยวบินสุดท้ายที่จะนำดวงเนตรเข้าสู่เมืองคาร์บอนเดล ซึ่งต้องใช้เวลารออีกสามสิบนาที เธอก้มมองดูเท้าที่บวมเพราะการนั่งเป็น
เวลานาน นึกว่าโชคดีที่เลือกรองเท้าผ้าใบเบอร์ใหญ่หน่อย ไม่อย่างนั้นพอถอดเพื่อพักเท้า และ ตอนใส่กลับคงลำบากแน่ แม้จะคิดอะไรอยู่ เธอเองก็
ไม่ละความสนใจกับเสียงประกาศเที่ยวบิน ดวงเนตรแทบตะแคงหูฟังอย่างตั้งใจ แต่สำเนียงที่พูดรัวและเร็ว มันยากสำหรับเธอที่จะจับความได้ สบตา
กับลุงฝรั่งเหมือนจะขอความช่วยเหลือ
ลุงกล่าว “Hello!, I’m Jack.” ยื่นมือมาให้ดวงเนตร เธอจับมือเชคแฮนด์เบา ๆ
“Hello! I’m Dungnet. I am a student.”เป็นการแนะนำง่าย ๆ เพราะขืนพูดมากกว่านี้ ลุงฝรั่งคิดว่าเธอคงไม่เข้าใจ ลุงพูดต่ออีกประโยคช้า
และชัดเจน
“จะไปเรียนต่อที่ไหน” ดวงเนตรตอบว่าจะไปต่อที่ มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ กว่าจะพูดจบประโยค เธอเว้นเป็นระยะ เพราะนึกคำศัพท์ไม่ออก
คุณลุงฝรั่งยื่นมือออกมาขอดูตั๋ว มองตั๋วของดวงเนตร แล้วทำท่าว่าไม่ได้ไปที่เดียวกัน เขาชี้ให้นั่งรอที่เดิม ส่วนตัวเองเดินไปที่กลุ่มคนที่รอต่อเครื่อง
แสดงตั๋วให้ดู หลายคนส่ายหน้า ใจดวงเนตรแป้วลงเหลือนิดเดียว...ชั่วครู่ เขาหยุดพูดกับชายวัยเดียวกันค่อนข้างนาน ดวงเนตรจับความไม่ชัดนัก
รู้แต่ลุงคนใหม่พยักหน้า แล้วพูด...yes , ok! ลุงJackเดินกลับมาหาเธอด้วยรอยยิ้ม พูดกับดวงเนตร เธอเดาว่าเขาพบคนที่จะไปที่เดียวกับเธอแล้ว
รวบกระเป๋า ออกเดินตามลุงแจ็คมาไม่ไกลนัก คุณลุงพามายืนหน้าลุงฝรั่งอีกคน รูปร่างสูง ไหล่กว้าง ผมที่ตัดสั้นเป็นระเบียบอย่างสวยงาม ตาโตสี
เทาอมฟ้า ใส่เสื้อสีฟ้าอ่อนแขนยาว ทับด้วยสูทสีเทาเข้มมองมาที่ดวงเนตรพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่ต้องห่วง” ลุงหน้าหล่อพูดกับลุง Jack เขาตบเบา ๆ ที่เก้าอี้ข้างตัวให้ดวงเนตรนั่งลงก่อนที่ลุงแจ็คจะเดินจากไป เขาหันมาพูดกับดวงเนตร
ให้ดูแลตัวเอง และเดินทางโดยปลอดภัย ดวงเนตรกล่าวขอบคุณด้วยสำเนียงกระเหรี่ยง เธอนึกถึงหมอไฉไลเพราะคำว่ากระเหรี่ยงที่เธอใช้ ป่านนี้
หมอคงถึงอินเดียนาแล้ว
ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากหมอไฉไลป่านนี้เธอจะอยู่ที่ไหนนะ ครั้งแรกที่มองหน้าหมอ ดวงเนตรไม่ไว้ใจเลย เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก สูงเพียง
ไหล่ของดวงเนตร ชุดที่หมอใส่เป็นชุดเสื้อติดกับกางเกง ผ้าบางสีชมพูโอรส ขับสีผิวเข้มของหมอ ผมยาวตรงเส้นใหญ่ถูกรวบไว้เรียบร้อย ดวงหน้า
ของหมอดูเป็นไทยแท้ เรียบไม่มีอะไรสะดุดตา แต่ไม่ขี้เหร่
กำลังคิดเพลินอยู่ คุณลุงรูปงามก็หันมาพูดกับดวงเนตร อย่างช้าและชัดเจน
“ขอโทษทีนะ ผมเห็นหนูนั่งเหม่ออยู่ คงคิดอะไรใช่ไหม? ”
“ ค่ะ” แล้วคุณลุงก็แนะนำตัวเอง
“ผมชื่อเจอรี่ เราจะเดินทางไปลงที่คาร์บอนเดล ผมไปสอนหนังสือที่นั้น”
“ฉันชื่อดวงเนตรค่ะ ฉันเป็นนักเรียน” เธอพูดได้ไม่มากนัก ซึ่งคุณลุงเจอรี่ (หรือดอกเตอร์เจอรี่)ก็เข้าใจดี เขายิ้ม มองใบหน้าของดวงเนตร...
สาวน้อยชาวเอเซีย ใบหน้ายาวรีได้รูปสวย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มดูแจ่มใส ผิวละเอียดขาวเนียน
ดอกเตอร์เจอรี่อดไม่ได้ที่จะถาม
“เธอมาจากประเทศอะไร?”
“ฉันมาจากประเทศไทย” เขาเดาผิดเพราะว่าครั้งแรกที่มองดู ดวงตายาวรี กับผิวขาว ทำให้เขาเดาว่ามาจากญี่ปุ่น สักครู่หลังการสนทนา
เสียงเจ้าหน้าที่ประกาศ ดวงเนตรหันมามองคุณลุงเจอรี่ ด้วยสีหน้าของคำถาม เขาผงกศีรษะ เป็นอันว่าเข้าใจกัน เธอรวบกระเป๋า แล้วออกเดินตาม
ดอกเตอร์เจอรี่ สิ่งที่ดวงเนตรเจอทำให้เธอถึงกับอึ้ง
เดินพ้นทางเดินมา ดวงเนตรเข้าใจว่าคงตรงไปตามทางขึ้นเครื่องบินเหมือนเคย แต่ให้ตายเถอะ โอ้! พระเจ้า ไหวไหมนี่...ดวงเนตรถามตัวเอง
พร้อมกับชะงักฝีเท้าดอกเตอร์เจอรี่หันมาเห็นอาการตกใจของเธอ เขาอมยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมาถือเป้ให้ ใจของดวงเนตรเต้นแรงแทบจะออกมานอกอก
“เกิดมาก็เพิ่งเห็นเครื่องบินเล็กขนาดนี้ มีแค่สิบสองที่นั่งเอง” ดวงเนตรคิด เจอรี่ชะลอฝีเท้า เขารู้สึกได้ถึงความกลัวของสาวน้อย “กลัวมากเหรอ”
ดวงเนตรเข้าใจคำถามของเจอรี่ดี แต่ไม่รู้ว่าจะตอบอะไร ได้แต่พยักหน้าแล้วยิ้ม
คาร์บอนเดลเป็นเมืองมหาวิทยาลัยเล็ก ๆ ซึ่งดอกเตอร์เจอรี่กับเธอกำลังจะเดินทางไป ประเทศอเมริกาสมัยบุกเบิก ชาวอังกฤษนำพวกนัก
โทษทางการเมือง ผู้มีความเชื่อแตกต่างทางศาสนา อาชญากร หรือกลุ่มคนชั้นสองมาปล่อยไว้ที่นี่ หรืออพยพกันมาเอง แล้วการตั้งอาณานิคมด้วย
การเข้ารุกรานชนพื้นเมืองเผ่าอินเดียแดงหลายเผ่าก็เริ่มขึ้น สูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อมากมายทั้งสองฝ่าย คงเหมือนนิทานชาวนากับงูเห่า เพราะแรก
ที่พวกฝรั่งมาถึงก็ได้อาศัยน้ำใจที่ชาวอินเดียแดงแบ่งปันอาหารให้ จึงเกิดมีวันขอบคุณพระเจ้า ที่ช่วยให้พวกเขาดำรงชีพอยู่บนแผ่นดินใหม่ได้
ความจริงแล้วคนที่ฝรั่งต้องขอบคุณ หรือสำนึกในบุญคุณคือชาวอินเดียแดงต่างหาก วิถีชีวิตชาวพื้นเมืองดั้งเดิมถูกเปลี่ยนและทำลาย ประวัติศาสตร์
หน้าใหม่ถูกเขียนขึ้นโดยผู้ชนะ
เมืองคาร์บอนเดลมีการขุดพบถ่านหินซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญอย่างหนึ่ง แต่เดิมจึงมีเหมืองถ่านหินหลายแห่ง จนมาถึงเดี๋ยวนี้เหมืองต่าง ๆ ปิด
ตัวลง เมืองนี้จึงเปลี่ยนเป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง “คาร์บอนแปลว่าถ่านหิน” “ส่วนคำว่า เดลแปลว่าเมือง”
ยังมีอีกหลายเมืองที่ลงท้ายว่า”เดล”
ในประเทศนี้
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (4)...โชค
หลังเสร็จการกล่าวลา รถลีมูซีนคันยาวขับออกจากบ้านหมอปราโมทย์มุ่งตรงสู่สนามบินชิคาโกโอแฮร์ พระอาทิตย์ทอแสงสดใสจับขอบฟ้ายามเช้า ดวงเนตรเรียนรู้ถึงการให้ทิปแก่ผู้ให้บริการ จากการบอกเล่าของญาติผู้พี่ที่เคยมาเรียนที่นี่ ตาเหลือบมองคนขับรถที่แต่งตัวด้วยสูทสีน้ำเงินเข้ม กับถุงมือสีขาวที่ใส่ กำลังประเมินค่าทิปอยู่ แต่งตัวซะโก้แถมรถคันใหญ่ แล้วดวงเนตรก็มองดูซองเงินที่ห้อยคอไว้ เจอ 10, 20, และ 100 เหรียญ เอาล่ะ20 เหรียญให้คนขับ ส่วน10 เหรียญ เอาไว้ให้คนยกกระเป๋าที่สนามบิน เธอแยกทิปออกมาใส่กระเป๋ากางเกง แล้วยัดซองเงินกลับไว้ในเสื้อ
ทันทีที่รถจอด...ดวงเนตรยื่นทิปให้คนขับ เขาเอ่ยขอบคุณ คนผิวดำร่างใหญ่ตรงเข้ามายกกระเป๋าออกใส่รถเข็น อย่างกระฉับกระเฉง ดวงเนตรตรวจ
เช็กกระเป๋าใหญ่ 2 ใบ ไปลงที่คาร์บอนเดล มลรัฐอิลลินอยส์ ผู้ชายผิวดำยังยืนรอทิปอยู่
“Oh! Sorry” ดวงเนตรขอโทษที่ทำให้เขาต้องรอ รอยยิ้มกว้างฟันขาวพูดขึ้นประโยคหนึ่ง คงแปลว่าไม่เป็นไร เธอฉวยโอกาสเอาตั๋วให้เขาดู ชายผิวดำชี้มือไปที่บันไดเลื่อนพร้อมยกนิ้วสองนิ้วทำท่าให้เลี้ยวขวา พร้อมชูนิ้วห้านิ้ว เป็นอันว่าเข้าใจกัน
ดวงเนตรเดินขึ้นไปชั้นสองแล้วเลี้ยวขวา และเดินไปอีกสักหน่อยก็เจอประตูหมายเลข 5 มองหาดูในตั๋วก็ตรงกัน เธอถอนหายใจและมองหาที่นั่ง
สักพักหนึ่งก็เริ่มมีคนตั้งแถว ดวงเนตรเดาว่าเขาคงเรียกขึ้นเครื่องแล้ว
สายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์เชิดหัวขึ้นอำลาเมืองชิคาโกมุ่งสู่เมืองเซนต์หลุยส์..ทั้งสองเมืองตั้งอยู่ในรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก
เฉียงเหนือของประเทศ ดวงเนตรนั่งติดกับชายวัยประมาณห้าสิบปี เขาแต่งกายสุภาพ เคราสีเงินแซมสีเข้มของเรียวหนวดถูกขลิบไว้สวยงาม
ดวงเนตรเดินขึ้นเครื่องทีหลังสุภาพบุรุษผู้นี้ เขาเห็นเธอทำท่าเหมือนไม่แน่ใจว่าใช่เก้าอี้ตัวนี้ไหม เสียงเข้มของคุณลุงคนนี้ออกสำเนียงช้าและชัดเจน
เธอเข้าใจคราว ๆ ว่าเขาขอดูตั๋ว ดวงเนตรยื่นตั๋วให้พร้อมรอยยิ้มสดใส เขาชี้ให้นั่งข้าง ๆ โดยกล่าวว่า” Yes...” ดวงเนตรกล่าวขอบคุณ
ครู่หนึ่งแอร์โฮสเตสเริ่มเสิร์ฟอาหารเป็นอเมริกันล้วน เกือบเที่ยงแล้ว เธอเลือกปลา น้ำส้ม และ น้ำเปล่า ชายวัยห้าสิบหันมารับถาดที่ดวงเนตร
ช่วยรับต่อมาจากพนักงานเสิร์ฟ แล้วส่งให้คุณลุงฝรั่งที่นั่งติดกัน เขารับถาดอาหารมา แล้วยิ้มกว้างให้เธอ
ระยะเวลาบินหนึ่งชั่วโมงพอดี อีกเที่ยวบินเดี๋ยวก็จะถึงปลายทางแล้ว แต่ความหวั่นไหวยังไม่จางหายจากความคิดของดวงเนตร อะไรจะเกิด
ขึ้นอีกในเที่ยวบินสุดท้ายและปลายทาง เสียงประกาศให้ผู้โดยสารปรับพนักที่นั่ง คุณลุงฝรั่งปรับเก้าอี้เรียบร้อย เขาหันมามองดวงเนตรด้วยรอยยิ้มสุภาพ
เธอกำลังปรับเก้าอี้เช่นกัน เพียงสิบห้านาทีเครื่องก็ลงจอดที่สนามบินเซนต์หลุยส์เป็นที่เรียบร้อย
ดวงเนตรเดินลงมา ท่าทางไม่ค่อยมั่นใจนัก และนั่งลงเพื่อรอต่อเครื่องเที่ยวสุดท้ายเข้าสู่มหาวิทยาลัย เป้ใบกะทัดรัดถูกถือกระชับไว้กับตัว
ในนั้นล้วนแต่เป็นเอกสารสำคัญ และของใช้จำเป็นระหว่างการเดินทาง มีทั้งยาสามัญจำเป็นหลายอย่างที่แม่เตรียมมาให้ แม้ความคิดถึงครอบครัวยัง
ไม่จางหายไป แต่ดวงเนตรคอยให้กำลังใจตัวเองให้เข้มแข็งไว้ เธอวางเป้สีน้ำเงินเข้มลงไว้ใกล้ ๆ เท้า หันมองทางขวา คุณลุงคนเดิมที่มาพร้อมกันนั่ง
อยู่ เขาคงมองดวงเนตรอยู่นานแล้ว พอสบตากัน เขายิ้มให้อีก รอยยิ้มนั้นอบอุ่นนัก แสดงออกถึงไมตรีที่ดี ดวงใจเล็ก ๆ ของเธอมีกำลังใจขึ้นมาอีก
มากมาย
ขณะที่รอเที่ยวบินสุดท้ายที่จะนำดวงเนตรเข้าสู่เมืองคาร์บอนเดล ซึ่งต้องใช้เวลารออีกสามสิบนาที เธอก้มมองดูเท้าที่บวมเพราะการนั่งเป็น
เวลานาน นึกว่าโชคดีที่เลือกรองเท้าผ้าใบเบอร์ใหญ่หน่อย ไม่อย่างนั้นพอถอดเพื่อพักเท้า และ ตอนใส่กลับคงลำบากแน่ แม้จะคิดอะไรอยู่ เธอเองก็
ไม่ละความสนใจกับเสียงประกาศเที่ยวบิน ดวงเนตรแทบตะแคงหูฟังอย่างตั้งใจ แต่สำเนียงที่พูดรัวและเร็ว มันยากสำหรับเธอที่จะจับความได้ สบตา
กับลุงฝรั่งเหมือนจะขอความช่วยเหลือ
ลุงกล่าว “Hello!, I’m Jack.” ยื่นมือมาให้ดวงเนตร เธอจับมือเชคแฮนด์เบา ๆ
“Hello! I’m Dungnet. I am a student.”เป็นการแนะนำง่าย ๆ เพราะขืนพูดมากกว่านี้ ลุงฝรั่งคิดว่าเธอคงไม่เข้าใจ ลุงพูดต่ออีกประโยคช้า
และชัดเจน
“จะไปเรียนต่อที่ไหน” ดวงเนตรตอบว่าจะไปต่อที่ มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ กว่าจะพูดจบประโยค เธอเว้นเป็นระยะ เพราะนึกคำศัพท์ไม่ออก
คุณลุงฝรั่งยื่นมือออกมาขอดูตั๋ว มองตั๋วของดวงเนตร แล้วทำท่าว่าไม่ได้ไปที่เดียวกัน เขาชี้ให้นั่งรอที่เดิม ส่วนตัวเองเดินไปที่กลุ่มคนที่รอต่อเครื่อง
แสดงตั๋วให้ดู หลายคนส่ายหน้า ใจดวงเนตรแป้วลงเหลือนิดเดียว...ชั่วครู่ เขาหยุดพูดกับชายวัยเดียวกันค่อนข้างนาน ดวงเนตรจับความไม่ชัดนัก
รู้แต่ลุงคนใหม่พยักหน้า แล้วพูด...yes , ok! ลุงJackเดินกลับมาหาเธอด้วยรอยยิ้ม พูดกับดวงเนตร เธอเดาว่าเขาพบคนที่จะไปที่เดียวกับเธอแล้ว
รวบกระเป๋า ออกเดินตามลุงแจ็คมาไม่ไกลนัก คุณลุงพามายืนหน้าลุงฝรั่งอีกคน รูปร่างสูง ไหล่กว้าง ผมที่ตัดสั้นเป็นระเบียบอย่างสวยงาม ตาโตสี
เทาอมฟ้า ใส่เสื้อสีฟ้าอ่อนแขนยาว ทับด้วยสูทสีเทาเข้มมองมาที่ดวงเนตรพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่ต้องห่วง” ลุงหน้าหล่อพูดกับลุง Jack เขาตบเบา ๆ ที่เก้าอี้ข้างตัวให้ดวงเนตรนั่งลงก่อนที่ลุงแจ็คจะเดินจากไป เขาหันมาพูดกับดวงเนตร
ให้ดูแลตัวเอง และเดินทางโดยปลอดภัย ดวงเนตรกล่าวขอบคุณด้วยสำเนียงกระเหรี่ยง เธอนึกถึงหมอไฉไลเพราะคำว่ากระเหรี่ยงที่เธอใช้ ป่านนี้
หมอคงถึงอินเดียนาแล้ว
ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากหมอไฉไลป่านนี้เธอจะอยู่ที่ไหนนะ ครั้งแรกที่มองหน้าหมอ ดวงเนตรไม่ไว้ใจเลย เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก สูงเพียง
ไหล่ของดวงเนตร ชุดที่หมอใส่เป็นชุดเสื้อติดกับกางเกง ผ้าบางสีชมพูโอรส ขับสีผิวเข้มของหมอ ผมยาวตรงเส้นใหญ่ถูกรวบไว้เรียบร้อย ดวงหน้า
ของหมอดูเป็นไทยแท้ เรียบไม่มีอะไรสะดุดตา แต่ไม่ขี้เหร่
กำลังคิดเพลินอยู่ คุณลุงรูปงามก็หันมาพูดกับดวงเนตร อย่างช้าและชัดเจน
“ขอโทษทีนะ ผมเห็นหนูนั่งเหม่ออยู่ คงคิดอะไรใช่ไหม? ”
“ ค่ะ” แล้วคุณลุงก็แนะนำตัวเอง
“ผมชื่อเจอรี่ เราจะเดินทางไปลงที่คาร์บอนเดล ผมไปสอนหนังสือที่นั้น”
“ฉันชื่อดวงเนตรค่ะ ฉันเป็นนักเรียน” เธอพูดได้ไม่มากนัก ซึ่งคุณลุงเจอรี่ (หรือดอกเตอร์เจอรี่)ก็เข้าใจดี เขายิ้ม มองใบหน้าของดวงเนตร...
สาวน้อยชาวเอเซีย ใบหน้ายาวรีได้รูปสวย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มดูแจ่มใส ผิวละเอียดขาวเนียน
ดอกเตอร์เจอรี่อดไม่ได้ที่จะถาม
“เธอมาจากประเทศอะไร?”
“ฉันมาจากประเทศไทย” เขาเดาผิดเพราะว่าครั้งแรกที่มองดู ดวงตายาวรี กับผิวขาว ทำให้เขาเดาว่ามาจากญี่ปุ่น สักครู่หลังการสนทนา
เสียงเจ้าหน้าที่ประกาศ ดวงเนตรหันมามองคุณลุงเจอรี่ ด้วยสีหน้าของคำถาม เขาผงกศีรษะ เป็นอันว่าเข้าใจกัน เธอรวบกระเป๋า แล้วออกเดินตาม
ดอกเตอร์เจอรี่ สิ่งที่ดวงเนตรเจอทำให้เธอถึงกับอึ้ง
เดินพ้นทางเดินมา ดวงเนตรเข้าใจว่าคงตรงไปตามทางขึ้นเครื่องบินเหมือนเคย แต่ให้ตายเถอะ โอ้! พระเจ้า ไหวไหมนี่...ดวงเนตรถามตัวเอง
พร้อมกับชะงักฝีเท้าดอกเตอร์เจอรี่หันมาเห็นอาการตกใจของเธอ เขาอมยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมาถือเป้ให้ ใจของดวงเนตรเต้นแรงแทบจะออกมานอกอก
“เกิดมาก็เพิ่งเห็นเครื่องบินเล็กขนาดนี้ มีแค่สิบสองที่นั่งเอง” ดวงเนตรคิด เจอรี่ชะลอฝีเท้า เขารู้สึกได้ถึงความกลัวของสาวน้อย “กลัวมากเหรอ”
ดวงเนตรเข้าใจคำถามของเจอรี่ดี แต่ไม่รู้ว่าจะตอบอะไร ได้แต่พยักหน้าแล้วยิ้ม
คาร์บอนเดลเป็นเมืองมหาวิทยาลัยเล็ก ๆ ซึ่งดอกเตอร์เจอรี่กับเธอกำลังจะเดินทางไป ประเทศอเมริกาสมัยบุกเบิก ชาวอังกฤษนำพวกนัก
โทษทางการเมือง ผู้มีความเชื่อแตกต่างทางศาสนา อาชญากร หรือกลุ่มคนชั้นสองมาปล่อยไว้ที่นี่ หรืออพยพกันมาเอง แล้วการตั้งอาณานิคมด้วย
การเข้ารุกรานชนพื้นเมืองเผ่าอินเดียแดงหลายเผ่าก็เริ่มขึ้น สูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อมากมายทั้งสองฝ่าย คงเหมือนนิทานชาวนากับงูเห่า เพราะแรก
ที่พวกฝรั่งมาถึงก็ได้อาศัยน้ำใจที่ชาวอินเดียแดงแบ่งปันอาหารให้ จึงเกิดมีวันขอบคุณพระเจ้า ที่ช่วยให้พวกเขาดำรงชีพอยู่บนแผ่นดินใหม่ได้
ความจริงแล้วคนที่ฝรั่งต้องขอบคุณ หรือสำนึกในบุญคุณคือชาวอินเดียแดงต่างหาก วิถีชีวิตชาวพื้นเมืองดั้งเดิมถูกเปลี่ยนและทำลาย ประวัติศาสตร์
หน้าใหม่ถูกเขียนขึ้นโดยผู้ชนะ
เมืองคาร์บอนเดลมีการขุดพบถ่านหินซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญอย่างหนึ่ง แต่เดิมจึงมีเหมืองถ่านหินหลายแห่ง จนมาถึงเดี๋ยวนี้เหมืองต่าง ๆ ปิด
ตัวลง เมืองนี้จึงเปลี่ยนเป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง “คาร์บอนแปลว่าถ่านหิน” “ส่วนคำว่า เดลแปลว่าเมือง” ยังมีอีกหลายเมืองที่ลงท้ายว่า”เดล”
ในประเทศนี้