ณ บ้านริมทะเลอันเงียบสงบ ..แต่ภายในบ้านหลังน้อยกลับไม่เป็นเช่นนั้น
พ่อและลูกสาวอาศัยอยู่ด้วยกันสองคน.. เช้าวันหนึ่ง คนเป็นพ่อทำลายข้าวของในบ้านอย่างรุนแรง
มิหนำซ้ำยังทำร้ายตัวเองต่อหน้าลูก.. เธอพยายามเข้าไปห้ามพ่อแต่ก็ถูกผลักตกลงไปกองกับพื้น
..หญิงสาวคิดว่าเธอทนไม่ไหวอีกแล้วที่ต้องทนอยู่กับพ่อที่เป็นแบบนี้ เธอตัดสินใจเก็บกระเป๋าและเตรียมออกเดินทาง
แต่การเดินทางของเธอต้องหยุดชะงักเมื่อพบเธอพบว่ามีวาฬตัวใหญ่ มาเกยตื้นอยู่ที่ชายหาดหน้าบ้านของเธอ ..
ผู้พ่อเดินมาสมทบ ก่อนที่ทั้งคู่ตัดสินใจร่วมกันว่าจะต้องช่วยวาฬตัวนี้คืนสู่ท้องทะเล....
In the Shadow of the Cypress (ในภาษาเปอร์เซียว่า در سایهٔ سرو) เป็นภาพยนตร์สั้นแอนิเมชั่นสัญชาติอิหร่าน
เขียนบทและกำกับโดย Hossein Molayemi กับ Shirin Sohani ผลิตโดย Barfak Animation Studio
มีความยาวทั้งสิ้น 20 นาที เรื่องราวของพ่อลูกที่อาศัยอยู่ด้วยกัน โดยคนเป็นพ่อนั้นป่วยเป็นโรค PTSD
เรื่องราวอันเรียบง่ายที่ไม่ต้องห่วงว่าคุณจะชมแล้วเข้าใจได้หรือไม่
เพราะนี่คือแอนิเมชั่นที่ไม่มีบทพูดครับ เหมือน Flow น่ะล่ะ ทุกอย่างสื่อสารด้วยภาษากาย อารมณ์สีหน้า ท่าทาง
และภาพที่มีสัญญะมากพอสมควร ถามว่าดูยากมั้ย.. ต้องบอกเลยว่า นี่ไม่เหมาะกับเยาวชนครับ
เพราะถึงแม้จะเป็นแอนิเมชั่น แต่การเล่าเรื่องมีฉากที่เต็มไปด้วยความรุนแรงมากทีเดียว
สาระสำคัญที่หนังต้องการจะสื่อถึงเราก็คือการดูแล ทำความเข้าใจและอยู่ร่วมกับผู้ป่วยที่เป็นโรค PTSD ครับ
ย่อมาจาก Post-traumatic Stress Disorder หรืออาการภาวะเครียดจากเหตุการณ์ที่รุนแรง
ซึ่งอาการดังกล่าวนี้ทำให้ผู้ที่เป็นนั้นรู้สึกทุกข์ทรมานใจอย่างมากครับ
ส่งผลต่อการชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันก็แล้วแต่อาการของบุคคลนั้นๆด้วยล่ะ
โรคนี้มันมาจากคนที่เคยได้รับการกระทบกระเทือนทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรงในอดีต
และภาพเหตุการณ์นั้นมันก็ยังคงตามมาหลอกหลอนตลอดเวลา พยายามไม่คิด
แต่ถ้ามีอะไรมาสะกิดใจก็จะหวนกลับไปนึกถึง ส่งผลให้อาการที่ตามมามีมากมายทั้งโทษตัวเอง
หวาดกลัว หงุดหงิดง่าย กระวนกระวาย เสียใจบ่อยครั้ง ทุกอย่างมันทำให้ผู้ป่วยควบคุมตัวเองไม่ได้นั่นเอง
คนเป็นพ่อในเรื่องนี้ก็เช่นกัน เขาเคยผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายส่งผลให้เกิดความสูญเสีย
ซึ่งมันเป็นเรื่องในวัยเด็ก คนเป็นลูกสาวก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นเช่นกัน ส่งผลให้พ่อของเธอมีอาการดังกล่าว
ทำร้ายร่างกายตัวเอง ทำลายข้าวของ แม้ว่าเมื่อเขาตั้งสติได้ก็จะสำนึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปโดยขาดสติ
แต่ก็นั่นล่ะ บาดแผลไม่ได้เกิดแค่เฉพาะในใจของเขา กับตัวลูกสาวรอยแผลของพ่อก็มากรีดถึงใจลูกเช่นกัน..
ทุกวันๆ ทีละนิดๆ
จนเธอทนไม่ไหวและตัดสินใจจะไปจากพ่อนี่ล่ะ.. แต่ก็มีวาฬตาใสแบ๊วมาช่วยประวิงเวลาทำให้เธอยังไม่ได้ออกจากบ้านไปได้ง่ายๆ
สองพ่อลูกตัดสินใจที่จะพาวาฬยักษ์ตัวนี้ลงทะเลให้ได้ ช่วยเสร็จเมื่อไหร่ เธอจะไปตามทางของเธอ มีชีวิตที่อิสระสักที
รู้ดีว่าคนรอบข้างจะต้องเหนื่อยทั้งกายและใจมากแค่ไหน แต่ในเมื่อเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
การทำความเข้าใจกับผู้ป่วยจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากครับ พยายามเบี่ยงเบนความสนใจ
หาอะไรให้เขาได้ทำเพื่อผ่อนคลายจากความคิดเดิมที่เขามีอยู่
อย่างไรเสียรอยยิ้มของคนที่เรารักมันก็เป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดแล้วจริงมั้ย
ถือเป็นแอนิเมชั่นของอิหร่านที่กล้าหาญในการนำเสนอประเด็นที่ละเอียดอ่อนในความรู้สึกมากเช่นนี้
สร้างมาก็เพื่อที่จะให้เราได้ทำความเข้าใจกับผู้ที่ป่วยโรค PTSD ให้มากขึ้น..
เป็นการ์ตูนสั้นสำหรับผู้ใหญ่ที่แม้จะสั้นแต่ทรงพลังในการสื่อสารขั้นสุด
เหมาะสมอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์สั้นแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมจากงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 97 อย่างแท้จริง..
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== In the Shadow of the Cypress (2023) พ่อ.. ลูกสาว.. และวาฬ.. ==
ณ บ้านริมทะเลอันเงียบสงบ ..แต่ภายในบ้านหลังน้อยกลับไม่เป็นเช่นนั้น
พ่อและลูกสาวอาศัยอยู่ด้วยกันสองคน.. เช้าวันหนึ่ง คนเป็นพ่อทำลายข้าวของในบ้านอย่างรุนแรง
มิหนำซ้ำยังทำร้ายตัวเองต่อหน้าลูก.. เธอพยายามเข้าไปห้ามพ่อแต่ก็ถูกผลักตกลงไปกองกับพื้น
..หญิงสาวคิดว่าเธอทนไม่ไหวอีกแล้วที่ต้องทนอยู่กับพ่อที่เป็นแบบนี้ เธอตัดสินใจเก็บกระเป๋าและเตรียมออกเดินทาง
แต่การเดินทางของเธอต้องหยุดชะงักเมื่อพบเธอพบว่ามีวาฬตัวใหญ่ มาเกยตื้นอยู่ที่ชายหาดหน้าบ้านของเธอ ..
ผู้พ่อเดินมาสมทบ ก่อนที่ทั้งคู่ตัดสินใจร่วมกันว่าจะต้องช่วยวาฬตัวนี้คืนสู่ท้องทะเล....
In the Shadow of the Cypress (ในภาษาเปอร์เซียว่า در سایهٔ سرو) เป็นภาพยนตร์สั้นแอนิเมชั่นสัญชาติอิหร่าน
เขียนบทและกำกับโดย Hossein Molayemi กับ Shirin Sohani ผลิตโดย Barfak Animation Studio
มีความยาวทั้งสิ้น 20 นาที เรื่องราวของพ่อลูกที่อาศัยอยู่ด้วยกัน โดยคนเป็นพ่อนั้นป่วยเป็นโรค PTSD
เรื่องราวอันเรียบง่ายที่ไม่ต้องห่วงว่าคุณจะชมแล้วเข้าใจได้หรือไม่
เพราะนี่คือแอนิเมชั่นที่ไม่มีบทพูดครับ เหมือน Flow น่ะล่ะ ทุกอย่างสื่อสารด้วยภาษากาย อารมณ์สีหน้า ท่าทาง
และภาพที่มีสัญญะมากพอสมควร ถามว่าดูยากมั้ย.. ต้องบอกเลยว่า นี่ไม่เหมาะกับเยาวชนครับ
เพราะถึงแม้จะเป็นแอนิเมชั่น แต่การเล่าเรื่องมีฉากที่เต็มไปด้วยความรุนแรงมากทีเดียว
สาระสำคัญที่หนังต้องการจะสื่อถึงเราก็คือการดูแล ทำความเข้าใจและอยู่ร่วมกับผู้ป่วยที่เป็นโรค PTSD ครับ
ย่อมาจาก Post-traumatic Stress Disorder หรืออาการภาวะเครียดจากเหตุการณ์ที่รุนแรง
ซึ่งอาการดังกล่าวนี้ทำให้ผู้ที่เป็นนั้นรู้สึกทุกข์ทรมานใจอย่างมากครับ
ส่งผลต่อการชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันก็แล้วแต่อาการของบุคคลนั้นๆด้วยล่ะ
โรคนี้มันมาจากคนที่เคยได้รับการกระทบกระเทือนทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรงในอดีต
และภาพเหตุการณ์นั้นมันก็ยังคงตามมาหลอกหลอนตลอดเวลา พยายามไม่คิด
แต่ถ้ามีอะไรมาสะกิดใจก็จะหวนกลับไปนึกถึง ส่งผลให้อาการที่ตามมามีมากมายทั้งโทษตัวเอง
หวาดกลัว หงุดหงิดง่าย กระวนกระวาย เสียใจบ่อยครั้ง ทุกอย่างมันทำให้ผู้ป่วยควบคุมตัวเองไม่ได้นั่นเอง
คนเป็นพ่อในเรื่องนี้ก็เช่นกัน เขาเคยผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายส่งผลให้เกิดความสูญเสีย
ซึ่งมันเป็นเรื่องในวัยเด็ก คนเป็นลูกสาวก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นเช่นกัน ส่งผลให้พ่อของเธอมีอาการดังกล่าว
ทำร้ายร่างกายตัวเอง ทำลายข้าวของ แม้ว่าเมื่อเขาตั้งสติได้ก็จะสำนึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปโดยขาดสติ
แต่ก็นั่นล่ะ บาดแผลไม่ได้เกิดแค่เฉพาะในใจของเขา กับตัวลูกสาวรอยแผลของพ่อก็มากรีดถึงใจลูกเช่นกัน..
ทุกวันๆ ทีละนิดๆ
จนเธอทนไม่ไหวและตัดสินใจจะไปจากพ่อนี่ล่ะ.. แต่ก็มีวาฬตาใสแบ๊วมาช่วยประวิงเวลาทำให้เธอยังไม่ได้ออกจากบ้านไปได้ง่ายๆ
สองพ่อลูกตัดสินใจที่จะพาวาฬยักษ์ตัวนี้ลงทะเลให้ได้ ช่วยเสร็จเมื่อไหร่ เธอจะไปตามทางของเธอ มีชีวิตที่อิสระสักที
รู้ดีว่าคนรอบข้างจะต้องเหนื่อยทั้งกายและใจมากแค่ไหน แต่ในเมื่อเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
การทำความเข้าใจกับผู้ป่วยจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากครับ พยายามเบี่ยงเบนความสนใจ
หาอะไรให้เขาได้ทำเพื่อผ่อนคลายจากความคิดเดิมที่เขามีอยู่
อย่างไรเสียรอยยิ้มของคนที่เรารักมันก็เป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดแล้วจริงมั้ย
ถือเป็นแอนิเมชั่นของอิหร่านที่กล้าหาญในการนำเสนอประเด็นที่ละเอียดอ่อนในความรู้สึกมากเช่นนี้
สร้างมาก็เพื่อที่จะให้เราได้ทำความเข้าใจกับผู้ที่ป่วยโรค PTSD ให้มากขึ้น..
เป็นการ์ตูนสั้นสำหรับผู้ใหญ่ที่แม้จะสั้นแต่ทรงพลังในการสื่อสารขั้นสุด
เหมาะสมอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์สั้นแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมจากงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 97 อย่างแท้จริง..
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===