สวัสดีค่ะ เราอยากมาแชร์ประสบการณ์ความรักของเราให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน ต้องบอกเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่เรามาเขียนเล่าเรื่องราวอะไรแบบนี้ อาจเขียนบรรยายไม่เก่งเท่าไหร่นะคะ แต่อยากให้ลองอ่านกันค่า
ขอเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องก่อนจะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ความรักไปต่อไม่ได้ก่อนนะคะ เราเคยคบกับผู้ชายแสนดีคนหนึ่งเป็นระยะเวลาประมาณ 4 ปี เริ่มตั้งแต่ประมาณปี 2555 ซึ่งมันอาจจะดูไม่นานมากแต่ก็ไม่ใช่ระยะเวลาน้อยๆเลยใช่มั๊ยคะ เรากับผู้ชายคนนั้นเจอกันเพราะรุ่นน้องที่เรารู้จักเป็นคนแนะนำ ก็เลยคุยกันมาเรื่อยๆ ในช่วงที่เค้าจีบเราใหม่ๆ เวลาเราเจอกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหลังเลิกงานของเรา กิจกรรมก็จะเป็นเรื่องของการทานอาหารด้วยกันซะส่วนใหญ่ ซึ่งสิ่งที่เค้ามักทำให้เราประทับใจเสมอนั่นคือการที่เค้ามักจะไปส่งเราโดยขับรถเรากลับไปด้วยกันแล้วยอมนั่งแท๊กซี่กลับ ทั้งๆที่ตัวเองก็มีรถ จริงๆมันคงเป็นเรื่องเบสิคที่ตอนคบกันแรกๆเค้าจะทุ่มเททำอะไรแบบนี้ใช่มั๊ย แต่เค้าก้อทำมาเรื่อยๆแล้วมันก็เป็นเรื่องที่เรารู้สึกดีๆ และการที่เค้าทำดีๆมาเรื่อยๆก็ทำให้เราแพ้ใจ ตกลงคบกับเค้าค่ะ
เอาหล่ะค่ะ...หลังจากที่เราตกลงคบกัน เค้าก็ยังเป็นผู้ชายที่แสนดีของเราเสมอ เพื่อนๆทุกคนของเราชอบเค้ามากๆ เค้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเรา ไปไหนไปด้วยกันตลอดๆ เหมือนเป็นเพื่อนที่สนิทกันมานานกับเพื่อนของเรา นอกจากนี้ครอบครัวของเราทั้ง 2 คนรู้จักกัน เราเองก็เข้ากับทางบ้านของเค้าได้ดี เค้าเองก็เข้ากับคุณย่าของเราเป็นอย่างดี (เราอยู่กับคุณย่าแค่ 2 คนค่ะ) ทำให้ปัญหาเรื่องครอบครัวระหว่างคู่เราไม่มีเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ตลอดเวลาที่คบกันผู้ชายคนนี้คอยสอนให้เราเป็นคนใจเย็นขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น รวมถึงผลักดันให้เรามีชีวิตที่ดีโดยการผลักดันให้เราเรียนปริญญาโท ทั้งๆที่เราไม่ค่อยจะคิดถึงเรื่องเรียนเท่าไหร่ จน ปี 2557 เราก็ตัดสินใจเรียนปริญญาโทพร้อมกับทำงานไปด้วย การเรียนของเรา จะเรียนแค่เสาร์-อาทิตย์ ซึ่งการเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ขอบอกเลยมันเหนื่อยมาก แต่ก็ยังดีที่เค้าจะตื่นแต่เช้าไปส่งและมารับในตอนเย็นเสมอ นอกจากนี้ยังเป็นที่ปรึกษาในการทำรายงานต่างๆอีกด้วย ตลอดเวลาการเรียนปริญญาโททำให้วันหยุดที่เคยมีเวลาทำอะไร หรือไปไหนมาไหนด้วยกันมันค่อยๆ หายไป แต่ เราเองก็อาจละเลยในการใส่ใจเค้า เรียนเสร็จ ประชุม ทำรายงานต่อ เวลามันก็เลยไปถึงมืดค่ะ ทำให้เรามักบ่น และไม่ดูแลเอาใจใส่เค้าเท่าที่ควร (ซึ่งเค้าบอกเราเสมอ) และนี่เองคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ช่วงหลังๆ เค้าไปมีคนอื่น ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ จนกระทั่งปลายเดือนพฤศจิกายนปี 2557 เพื่อนเราคนหนึ่งส่งรูปมาให้ ซึ่งในรูปนั้นเป็นรูปของผู้ชายที่แสนดีของเราเดินอยู่กับผู้หญิงที่ตลาดคลองถม ตอนกลางคืน (เพื่อนเราก็ช่างไปเจอเนอะว่ามั๊ย) ตอนนั้นเราไม่ได้อยู่กรุงเทพ เพราะเป็นช่วงที่เราต้องไปทำงานต่างจังหวัดประมาน 3-4 วัน ทรมานแค่ไหนลองคิดดูค่ะ
ตอนที่เห็นรูปขอบอกว่าช๊อคมาก ถึงมากที่สุด ตอนนั้นเรานั่งกินข้าวอยู่กับหัวหน้าและพี่ๆที่ไปทำงานด้วยกัน ตอนเห็นรูปต้องขอตัวคนอื่นๆออกมานอกร้านแล้วนั่งเงียบๆอยู่คนเดียวสักพัก เลยลองโทรหาเพื่อนที่ส่งรูปมา ตอนนั้นเพื่อนเราคิดอยู่นานว่าจะส่งมาดีมั๊ย สรูปแล้วก็ส่งมา ซึ่งต้องขอบคุณมากๆจริงๆที่เพื่อนคนนั้นทำให้เราได้รู้ความจริง หลังจากที่ได้คุยกับเพื่อน เราก็ตั้งสติสักพักแต่น้ำตายังคงไหลอยู่ตลอดเวลา จนตัดสินใจโทรไปหา และเค้าก็รับโทรศัพท์ค่ะ เราพยายามใจเย็นมากๆ แล้วถามเค้าว่าอยู่ที่ไหน เค้าก็บอกอยู่คลองถม มากับพี่อีกคนหนึ่ง ซึ่งเราก็รู้จัก
ได้ยินแบบนี้ เราเงียบไปสักพักแล้วถามเค้าไปว่า เค้ามีอะไรที่อยากบอกเราก่อนมั๊ย แต่เค้าก็ยังยืนยันว่าไม่มีอะไร จนเราพูดออกไปเองว่าเค้าไม่ได้ไปกับพี่คนนั้นจริงๆใช่มั๊ย ไปกับใครบอกเรามาเถอะ จนสุดท้ายเค้ายอมบอกเรา ช็อตนั้นเราระงับอารมไม่อยู่ทั้งร้องไห้ฟูมฟายอยู่ริมถนน ได้แต่ถามว่าทำไมเค้าทำกับเราแบบนี้ และเราก็ได้คำตอบแต่ว่าเค้าขอโทษ ตอนนั้นเราบอกให้เค้าไล่ผู้หญิงคนนั้นกลับไป ซึ่งเค้าก็ให้กลับไปจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าผู้ชายมีเราอยู่แล้ว หลังจากตอนนั้นเราก็เลือกที่จะวางสายไปแล้วไม่รับสายเค้าอีกสักระยะหนึ่ง ตอนนั้นเรารู้สึกจะมีน้องอีกคนเดินมาตามแต่ไม่มีใครกล้าถามเราเลยว่าเราเป็นอะไร เราเอาแต่ร้องไห้แล้วกลับไปที่ร้าน โดยนั่งก้มหน้าร้องไห้เงียบๆ ไม่พูดกับใครทั้งนั้น นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราเจออะไรแบบนี้ เราเสียใจมาก เพราะเราหวังจะฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนนี้ แต่ไม่คิดว่าผู้ชายที่แสนดี ไม่เคยมีเรื่องราวให้เราต้องมานั่งจับผิดเลยแม้แต่น้อย กลับทำให้ชีวิตรักของเราเป็นแบบนี้ไปได้ น้ำตายังคงไหลอยู่ตลอดเวลาถึงแม้จะข้ามวันมาแล้ว โชคดีที่วันรุ่งขึ้นคือวันที่เดินทางกลับกรุงเทพ เราไม่ต้องทำงานอะไรแล้ว ไม่งั้นเราคงทำคนอื่นเสียงานไปหมด ในช่วงที่เราไม่รับโทรศัพท์ เค้ายังคงส่งข้อความมาด้วยความเป็นห่วง
ทุกครั้งที่อ่านข้อความ น้ำตาก็ไหลออกมาทุกครั้ง ในหัวมีแต่คำว่า “ทำไมเค้าถึงทำกับเราแบบนี้แล้วต่อจากนี้ชีวิตเราจะไปยังไงต่อ จะบอกกับย่าเรายังไง” อยู่ตลอดเวลา ด้วยความที่เราทนไม่ไหว ทำให้เรารับสายเค้าตอนที่เค้าโทรมาระหว่างเดินทางกลับกรุงเทพ ซึ่งเค้าบอกว่าเค้าจะมาหาเรา เราก็ตอบตกลงให้เค้ามาหา เพราะในใจของเราก็ทนไม่ไหวที่จะต้องอยู่แบบนี้ และยังไม่อยากให้คุณย่าเราต้องมารับรู้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันยากจริงๆที่จะอธิบายอะไรในตอนนั้น...เดี๋ยวมาต่อนะคะ ขอไปทานข้าวกลางวันก่อนค่า
เมื่อความรักไปต่อไม่ได้ เราเลือกที่จะจมอยู่กับความทุกข์หรือเลือกจะก้าวเดินไปพบกับความสุข
ขอเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องก่อนจะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ความรักไปต่อไม่ได้ก่อนนะคะ เราเคยคบกับผู้ชายแสนดีคนหนึ่งเป็นระยะเวลาประมาณ 4 ปี เริ่มตั้งแต่ประมาณปี 2555 ซึ่งมันอาจจะดูไม่นานมากแต่ก็ไม่ใช่ระยะเวลาน้อยๆเลยใช่มั๊ยคะ เรากับผู้ชายคนนั้นเจอกันเพราะรุ่นน้องที่เรารู้จักเป็นคนแนะนำ ก็เลยคุยกันมาเรื่อยๆ ในช่วงที่เค้าจีบเราใหม่ๆ เวลาเราเจอกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหลังเลิกงานของเรา กิจกรรมก็จะเป็นเรื่องของการทานอาหารด้วยกันซะส่วนใหญ่ ซึ่งสิ่งที่เค้ามักทำให้เราประทับใจเสมอนั่นคือการที่เค้ามักจะไปส่งเราโดยขับรถเรากลับไปด้วยกันแล้วยอมนั่งแท๊กซี่กลับ ทั้งๆที่ตัวเองก็มีรถ จริงๆมันคงเป็นเรื่องเบสิคที่ตอนคบกันแรกๆเค้าจะทุ่มเททำอะไรแบบนี้ใช่มั๊ย แต่เค้าก้อทำมาเรื่อยๆแล้วมันก็เป็นเรื่องที่เรารู้สึกดีๆ และการที่เค้าทำดีๆมาเรื่อยๆก็ทำให้เราแพ้ใจ ตกลงคบกับเค้าค่ะ
เอาหล่ะค่ะ...หลังจากที่เราตกลงคบกัน เค้าก็ยังเป็นผู้ชายที่แสนดีของเราเสมอ เพื่อนๆทุกคนของเราชอบเค้ามากๆ เค้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเรา ไปไหนไปด้วยกันตลอดๆ เหมือนเป็นเพื่อนที่สนิทกันมานานกับเพื่อนของเรา นอกจากนี้ครอบครัวของเราทั้ง 2 คนรู้จักกัน เราเองก็เข้ากับทางบ้านของเค้าได้ดี เค้าเองก็เข้ากับคุณย่าของเราเป็นอย่างดี (เราอยู่กับคุณย่าแค่ 2 คนค่ะ) ทำให้ปัญหาเรื่องครอบครัวระหว่างคู่เราไม่มีเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ตลอดเวลาที่คบกันผู้ชายคนนี้คอยสอนให้เราเป็นคนใจเย็นขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น รวมถึงผลักดันให้เรามีชีวิตที่ดีโดยการผลักดันให้เราเรียนปริญญาโท ทั้งๆที่เราไม่ค่อยจะคิดถึงเรื่องเรียนเท่าไหร่ จน ปี 2557 เราก็ตัดสินใจเรียนปริญญาโทพร้อมกับทำงานไปด้วย การเรียนของเรา จะเรียนแค่เสาร์-อาทิตย์ ซึ่งการเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ขอบอกเลยมันเหนื่อยมาก แต่ก็ยังดีที่เค้าจะตื่นแต่เช้าไปส่งและมารับในตอนเย็นเสมอ นอกจากนี้ยังเป็นที่ปรึกษาในการทำรายงานต่างๆอีกด้วย ตลอดเวลาการเรียนปริญญาโททำให้วันหยุดที่เคยมีเวลาทำอะไร หรือไปไหนมาไหนด้วยกันมันค่อยๆ หายไป แต่ เราเองก็อาจละเลยในการใส่ใจเค้า เรียนเสร็จ ประชุม ทำรายงานต่อ เวลามันก็เลยไปถึงมืดค่ะ ทำให้เรามักบ่น และไม่ดูแลเอาใจใส่เค้าเท่าที่ควร (ซึ่งเค้าบอกเราเสมอ) และนี่เองคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ช่วงหลังๆ เค้าไปมีคนอื่น ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ จนกระทั่งปลายเดือนพฤศจิกายนปี 2557 เพื่อนเราคนหนึ่งส่งรูปมาให้ ซึ่งในรูปนั้นเป็นรูปของผู้ชายที่แสนดีของเราเดินอยู่กับผู้หญิงที่ตลาดคลองถม ตอนกลางคืน (เพื่อนเราก็ช่างไปเจอเนอะว่ามั๊ย) ตอนนั้นเราไม่ได้อยู่กรุงเทพ เพราะเป็นช่วงที่เราต้องไปทำงานต่างจังหวัดประมาน 3-4 วัน ทรมานแค่ไหนลองคิดดูค่ะ
ตอนที่เห็นรูปขอบอกว่าช๊อคมาก ถึงมากที่สุด ตอนนั้นเรานั่งกินข้าวอยู่กับหัวหน้าและพี่ๆที่ไปทำงานด้วยกัน ตอนเห็นรูปต้องขอตัวคนอื่นๆออกมานอกร้านแล้วนั่งเงียบๆอยู่คนเดียวสักพัก เลยลองโทรหาเพื่อนที่ส่งรูปมา ตอนนั้นเพื่อนเราคิดอยู่นานว่าจะส่งมาดีมั๊ย สรูปแล้วก็ส่งมา ซึ่งต้องขอบคุณมากๆจริงๆที่เพื่อนคนนั้นทำให้เราได้รู้ความจริง หลังจากที่ได้คุยกับเพื่อน เราก็ตั้งสติสักพักแต่น้ำตายังคงไหลอยู่ตลอดเวลา จนตัดสินใจโทรไปหา และเค้าก็รับโทรศัพท์ค่ะ เราพยายามใจเย็นมากๆ แล้วถามเค้าว่าอยู่ที่ไหน เค้าก็บอกอยู่คลองถม มากับพี่อีกคนหนึ่ง ซึ่งเราก็รู้จัก
ได้ยินแบบนี้ เราเงียบไปสักพักแล้วถามเค้าไปว่า เค้ามีอะไรที่อยากบอกเราก่อนมั๊ย แต่เค้าก็ยังยืนยันว่าไม่มีอะไร จนเราพูดออกไปเองว่าเค้าไม่ได้ไปกับพี่คนนั้นจริงๆใช่มั๊ย ไปกับใครบอกเรามาเถอะ จนสุดท้ายเค้ายอมบอกเรา ช็อตนั้นเราระงับอารมไม่อยู่ทั้งร้องไห้ฟูมฟายอยู่ริมถนน ได้แต่ถามว่าทำไมเค้าทำกับเราแบบนี้ และเราก็ได้คำตอบแต่ว่าเค้าขอโทษ ตอนนั้นเราบอกให้เค้าไล่ผู้หญิงคนนั้นกลับไป ซึ่งเค้าก็ให้กลับไปจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าผู้ชายมีเราอยู่แล้ว หลังจากตอนนั้นเราก็เลือกที่จะวางสายไปแล้วไม่รับสายเค้าอีกสักระยะหนึ่ง ตอนนั้นเรารู้สึกจะมีน้องอีกคนเดินมาตามแต่ไม่มีใครกล้าถามเราเลยว่าเราเป็นอะไร เราเอาแต่ร้องไห้แล้วกลับไปที่ร้าน โดยนั่งก้มหน้าร้องไห้เงียบๆ ไม่พูดกับใครทั้งนั้น นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราเจออะไรแบบนี้ เราเสียใจมาก เพราะเราหวังจะฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนนี้ แต่ไม่คิดว่าผู้ชายที่แสนดี ไม่เคยมีเรื่องราวให้เราต้องมานั่งจับผิดเลยแม้แต่น้อย กลับทำให้ชีวิตรักของเราเป็นแบบนี้ไปได้ น้ำตายังคงไหลอยู่ตลอดเวลาถึงแม้จะข้ามวันมาแล้ว โชคดีที่วันรุ่งขึ้นคือวันที่เดินทางกลับกรุงเทพ เราไม่ต้องทำงานอะไรแล้ว ไม่งั้นเราคงทำคนอื่นเสียงานไปหมด ในช่วงที่เราไม่รับโทรศัพท์ เค้ายังคงส่งข้อความมาด้วยความเป็นห่วง
ทุกครั้งที่อ่านข้อความ น้ำตาก็ไหลออกมาทุกครั้ง ในหัวมีแต่คำว่า “ทำไมเค้าถึงทำกับเราแบบนี้แล้วต่อจากนี้ชีวิตเราจะไปยังไงต่อ จะบอกกับย่าเรายังไง” อยู่ตลอดเวลา ด้วยความที่เราทนไม่ไหว ทำให้เรารับสายเค้าตอนที่เค้าโทรมาระหว่างเดินทางกลับกรุงเทพ ซึ่งเค้าบอกว่าเค้าจะมาหาเรา เราก็ตอบตกลงให้เค้ามาหา เพราะในใจของเราก็ทนไม่ไหวที่จะต้องอยู่แบบนี้ และยังไม่อยากให้คุณย่าเราต้องมารับรู้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันยากจริงๆที่จะอธิบายอะไรในตอนนั้น...เดี๋ยวมาต่อนะคะ ขอไปทานข้าวกลางวันก่อนค่า