ตับมีหน้าที่หลายประการ ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงอาหารที่รับประทานให้เป็นสารอาหารที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งร่างกายจำเป็นต้องใช้สารอาหารเหล่านี้เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เพื่อการเจริญเติบโต และเพื่อเป็นพลังงานในการดำเนินชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ตับยังทำหน้าที่ขจัดสารพิษที่ปนเปื้อนมากับอาหารและสารพิษที่เข้าสู่ร่างกายโดยวิธีอื่นออกจากร่างกายด้วย
ผู้ที่มีความผิดปรกติเกี่ยวกับตับ อาจมีอาการหรือไม่มีอาการแสดงก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ชนิดของโรค และระยะของโรคที่เกิดขึ้น โดยหากความผิดกปรกตินั้นเกิดขึ้นในระดับน้อย เริ่มผิดปรกติ หรือเป็นความผิดปรกติชนิดที่ไม่มีอาการแสดง ผู้ป่วยก็จะไม่รู้สึกว่าตนมีอะไรผิดปรกติ แต่หากตับมีความผิดปรกติมากแล้ว เช่น ตับแข็งระยะท้าย ๆ หรือมะเร็งตับซึ่งมีก้อนมะเร็งใหญ่มาก ก็จะมีอาการแสดงได้
ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ตับเกิดความผิดปรกติ มีอยู่หลายประการด้วยกัน ซึ่งได้แก่
• การดื่มสุรา การดื่มสุราติดต่อกันเป็นระยะเวลานานหลายปี อาจทำให้เกิดตับแข็ง และกลายเป็นมะเร็งตับได้ในที่สุด
• การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด เอ , บี และ ซี สำหรับไวรัสตับอักเสบชนิดเอ หากเกิดการติดเชื้อแบบเฉียบพลัน ก็จะทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลันและตับวายได้ สำหรับไวรัสตับอักเสบชนิดบี สามารถทำให้เกิดตับอักเสบแบบเฉียบพลันได้เช่นกัน นอกจากนั้นยังสามารถทำให้เกิดตับอักเสบแบบเรื้อรัง ซึ่งทำให้เกิดตับเข็งได้ในที่สุด เช่นเดียวกับไวรัสตับอักเสบชนิดซี ซึ่งทำให้เกิดอาการตับอักเสบเรื้อรังได้เช่นกัน
โรคเกี่ยวกับตับที่พบได้บ่อย ได้แก่
• ค่าเอนไซม์ของตับผิดปรกติ
• ตับอักเสบเรื้อรัง
• ตับแข็ง
• มะเร็งตับ
ในผู้ที่มีอายุ 40 ปี ขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจวัดสมรรถภาพการทำงานของตับเป็นประจำทุก ๆ 2 ปี ไม่เช่นนั้นอาจไม่ทราบว่าตนมีโรคของตับซุกซ่อนอยู่ เนื่องจากโรคที่เกิดขึ้นกับตับบางโรคจะไม่มีอาการแสดงดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น
วิวัฒนาการในการรักษาพยาบาลมีความก้าวหน้าไปมาก โรคตับส่วนใหญ่เป็นโรคที่สามารถรักษาได้ แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ป่วยด้วยเช่นกัน เช่น ในผู้ป่วยที่มีตับแข็งจากการดื่มสุรา หากหยุดดื่มสุรา ความผิดปรกติของตับก็จะดีขึ้นจนใกล้เคียงภาวะปรกติได้
ประเทศไทยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคตับอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีการก่อตั้งมูลนิธิโรคตับ ซึ่งเน้นภารกิจในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของโรคตับ การดูแลตับ ตลอดจนเป็นที่พึ่งของผู้ป่วยโรคตับที่มีคำถามหรือความสงสัยในเรื่องต่าง ๆ โดยเปิดโอกาสให้มีการส่งคำถามมาทางเว็บไซต์ของมูลนิธิ ซึ่งจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยไขข้อข้องใจให้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก prema.or.th/patient
Report by LIV APCO
รักตับ ต้อง ดูแลตับ
ผู้ที่มีความผิดปรกติเกี่ยวกับตับ อาจมีอาการหรือไม่มีอาการแสดงก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ชนิดของโรค และระยะของโรคที่เกิดขึ้น โดยหากความผิดกปรกตินั้นเกิดขึ้นในระดับน้อย เริ่มผิดปรกติ หรือเป็นความผิดปรกติชนิดที่ไม่มีอาการแสดง ผู้ป่วยก็จะไม่รู้สึกว่าตนมีอะไรผิดปรกติ แต่หากตับมีความผิดปรกติมากแล้ว เช่น ตับแข็งระยะท้าย ๆ หรือมะเร็งตับซึ่งมีก้อนมะเร็งใหญ่มาก ก็จะมีอาการแสดงได้
ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ตับเกิดความผิดปรกติ มีอยู่หลายประการด้วยกัน ซึ่งได้แก่
• การดื่มสุรา การดื่มสุราติดต่อกันเป็นระยะเวลานานหลายปี อาจทำให้เกิดตับแข็ง และกลายเป็นมะเร็งตับได้ในที่สุด
• การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด เอ , บี และ ซี สำหรับไวรัสตับอักเสบชนิดเอ หากเกิดการติดเชื้อแบบเฉียบพลัน ก็จะทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลันและตับวายได้ สำหรับไวรัสตับอักเสบชนิดบี สามารถทำให้เกิดตับอักเสบแบบเฉียบพลันได้เช่นกัน นอกจากนั้นยังสามารถทำให้เกิดตับอักเสบแบบเรื้อรัง ซึ่งทำให้เกิดตับเข็งได้ในที่สุด เช่นเดียวกับไวรัสตับอักเสบชนิดซี ซึ่งทำให้เกิดอาการตับอักเสบเรื้อรังได้เช่นกัน
โรคเกี่ยวกับตับที่พบได้บ่อย ได้แก่
• ค่าเอนไซม์ของตับผิดปรกติ
• ตับอักเสบเรื้อรัง
• ตับแข็ง
• มะเร็งตับ
ในผู้ที่มีอายุ 40 ปี ขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจวัดสมรรถภาพการทำงานของตับเป็นประจำทุก ๆ 2 ปี ไม่เช่นนั้นอาจไม่ทราบว่าตนมีโรคของตับซุกซ่อนอยู่ เนื่องจากโรคที่เกิดขึ้นกับตับบางโรคจะไม่มีอาการแสดงดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น
วิวัฒนาการในการรักษาพยาบาลมีความก้าวหน้าไปมาก โรคตับส่วนใหญ่เป็นโรคที่สามารถรักษาได้ แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ป่วยด้วยเช่นกัน เช่น ในผู้ป่วยที่มีตับแข็งจากการดื่มสุรา หากหยุดดื่มสุรา ความผิดปรกติของตับก็จะดีขึ้นจนใกล้เคียงภาวะปรกติได้
ประเทศไทยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคตับอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีการก่อตั้งมูลนิธิโรคตับ ซึ่งเน้นภารกิจในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของโรคตับ การดูแลตับ ตลอดจนเป็นที่พึ่งของผู้ป่วยโรคตับที่มีคำถามหรือความสงสัยในเรื่องต่าง ๆ โดยเปิดโอกาสให้มีการส่งคำถามมาทางเว็บไซต์ของมูลนิธิ ซึ่งจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยไขข้อข้องใจให้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก prema.or.th/patient
Report by LIV APCO