ตอนเก่า
ไขคดีหัวใจ...ใต้มนต์จันทร์
ตอนที่ 24
การยืนหยัดต่อเป้าหมาย เป็นหลักการสำคัญที่เกวลินจะคอยกระตุ้นลูกค้าของหล่อนให้ตระหนักเอาไว้อยู่เสมอ ถ้าหากอยากจับผิดการนอกใจให้สำเร็จ เพราะถึงแม้ในวันแรกๆ ลูกค้าทุกคนจะมีธงที่แข็งแรงและมีเบาะแสที่แม่นยำเพียงใด แต่ปัญหาคือเมื่อภารกิจดำเนินไปสักระยะ ความลังเลจะบังเกิดขึ้นแก่ใจพวกเขา เสียงทัดทานจากคนรอบข้างเริ่มส่งผล แต่นั่นก็ไม่น่ากลัวเท่ากับเสียงทัดทานจากตัวพวกเขาเอง ในที่สุด พวกเขาก็ยอมแพ้ แม้จะเข้าใกล้คำตอบแล้วก็ตาม
เวลา 13.30 น. เกวลินนั่งอยู่ในรถที่จอดอยู่ในซอยสุขุมวิท สายตามองตรงยังบ้านหลังใหญ่ซึ่งอยู่ห่างออกไปสามร้อยเมตร นักสืบสาวสูดลมหายใจพร้อมกับก้มตรวจสอบความพร้อมของตัวเอง หล่อนอยู่ในชุดภูมิฐานเล็กน้อยด้วยสูทลำลองสีดำ สวมทับเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ แต่งหน้าให้ดูกระฉับกระเฉงด้วยอายแชโดว์สีดำทอง คว้ากล้องดิจิตอลอันเล็กและสมุดโน้ตปกหนังสีดำแล้วเดินลงจากรถมุ่งหน้าไปยังตัวบ้านซึ่งเป็นเป้าหมาย
อย่างที่บอกว่าเกวลินไม่ใช่คนที่จะปล่อยผ่านเรื่องอะไรไปได้ง่ายๆ นัก ทุกครั้งที่ลงมือทำอะไรก็ตาม นักสืบสาวจะยืนหยัดจนกว่าสิ่งที่ทำจะส่งผลสำเร็จอยู่เสมอ ตรงกันข้าม ถ้าไม่สามารถทำอะไรให้สำเร็จลุล่วง ใจของหล่อนก็จะไม่สงบ นี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมหลล่อนจึงยังตามสืบเรื่องชนมนต่อ แม้ว่าจะไม่มีความจำเป็นแล้วก็ตาม
ระหว่างลงจากรถนั้น ความทรงจำเมื่อเช้านี้ก็หวนกลับเข้ามาให้นึกถึง รัมภาโทรศัพท์เข้ามาหาเกวลินเพื่อขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
‘ขอโทษด้วยนะคะที่เมื่อคืนกลับไปก่อน แต่ตอนนั้นฉันอยู่ทำงานต่อไม่ไหวจริงๆ ฉันยังตั้งตัวไม่ติดกับเรื่องที่คุณปฏิเสธไม่ยอมให้รูปนายโกสินทร์ แล้วพอคุณพูดถึงชนมนขึ้นมาแบบนั้น ฉันก็เลยควบคุมตัวเองไม่อยู่ ฉันกลัวค่ะ กลัวว่าชนมนจะไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะฉะนั้น ถ้าเผลอพูดอะไรไม่ดีกับคุณต้องขอโทษด้วยนะคะ’
ยอมรับว่าตอนแรกเกวลินยังโกรธรัมภาอยู่บ้างโทษฐานที่ทิ้งกันไปเสียดื้อๆ แต่พอได้ยินน้ำเสียงและถ้อยคำอันบ่งบอกถึงความทุกข์ เกวลินก็รู้สึกโกรธเธอไม่ลง หนำซ้ำ หล่อนยังปลอบโยนเธอกลับไปอีกด้วย
‘ไม่ต้องห่วงนะคุณรัมภา ฉันเชื่อคุณชนมนจะต้องได้รับความยุติธรรม’
‘ยังไงเหรอคะ’
‘ก็พวกตำรวจเขาก็ยังหาฆาตกรกันอยู่นี่คะ’
‘หึ ถ้าพวกตำรวจไว้ใจได้ ฉันก็คงไม่ไปให้คุณช่วยหรอกค่ะ’
คำพูดของรัมภายิ่งตอกย้ำการตัดสินใจของเกวลิน เพราะนอกไปจากเหตุผลในด้านนิสัยส่วนตัวแล้ว มันยังมีเรื่องของความรับผิดชอบเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นักสืบสาวตั้งคำถามกับตนเองว่าทำไมรัมภาถึงได้อยากจะทวงความยุติธรรมให้ชนมนนักหนา นั่นไม่ใช่เพราะเธอต้องการปลดความเศร้าที่กัดกินหัวใจอยู่หรอกหรือ รัมภาอยากหาผู้รับผิดชอบต่อชะตากรรมอันเลวร้ายของเพื่อนที่เธอรัก และเธอก็ไม่เชื่อว่าตำรวจจะมอบสิ่งนั้นให้ได้ ดังนั้น ในฐานะที่เกวลินรับแหวนแต่งงานของชนมนมาเป็นค่าจ้างในการทำภารกิจนี้แล้ว หล่อนจะทอดทิ้งภารกิจไปได้อย่างไร
เกวลินจึงตัดสินใจสืบเรื่องนี้ต่อเพื่อจะทำให้รัมภาสบายใจได้ว่าเพื่อนของเธอจะไม่ตายฟรี
จากเบาะแสล่าสุด ขณะนี้นายโกสินทร์ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยอีกต่อไปแล้ว เช่นเดียวกับสาวิตรีก็หลุดวงโคจรออกไปอย่างสิ้นเชิง ตัวละครที่ยังเหลืออยู่ก็คืออรอุมา ผู้ที่ชนมนส่งข้อความไปข่มขู่และแสดงเจตจำนงว่าต้องการไปจะพบเพื่อเคลียร์ความขัดแย้งก่อนเสียชีวิต และอีกตัวละครหนึ่งก็คือนายราพณ์ เกวลินเองก็ไม่แน่ใจว่าขณะนี้ตำรวจจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชนมนกับนายราพณ์แล้วหรือยัง แต่จำได้ว่าชื่อของนายราพณ์ถูกตำรวจนำมาเชื่อมโยงกับความตายของชนมนตั้งแต่แรกผ่านประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างเขากับนายโกสินทร์ เกวลินกับรัมภาเองยังติดร่างแหในประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่เห็นว่าพวกตำรวจจะเอ่ยถึงเขาอีก อาจเป็นไปได้ว่าพอมีเบาะแสมากขึ้น สมมติฐานนี้ก็ถูกลบออกไปจากกระดาน หากคราวนี้เห็นทีว่าชื่อของนายราพณ์ต้องถูกดึงให้กลับมาอีกครั้ง ไม่ใช่ในประเด็นการเมือง แต่เป็นประเด็นชู้สาว!
วิเคราะห์จากข้อมูลที่ริบบิ้นรวบรวมมาให้ ราพณ์ พิชิตไพรี เติบโตจากการเป็นนักเลงคุมบ่อนจนกระทั่งยิ่งใหญ่ กลายเป็นหัวคะแนนคนสำคัญของพรรคชาติเจริญในพื้นที่กรุงเทพฯ ในด้านชีวิตส่วนตัว มองเผินๆ นายราพณ์อาจไม่ใช่หนุ่มในฝันสำหรับหญิงสาวสักเท่าไร ด้วยหน้าตาอัปลักษณ์ ซ้ำยังไม่มีสกุลรุนชาติ แต่ก็หาไม่ เขาเป็นเสือผู้หญิงตัวฉกาจ อาจเป็นเพราะเสน่ห์ที่ไม่อาจล่วงรู้ หรือเพราะความเป็นพ่อบุญทุ่ม นายราพณ์กลับมีหญิงสาวหลายรายมาติดพัน
อย่างไรก็ตาม แม้จะผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน สุดท้ายเขาก็ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ดีที่สุดที่คนหนึ่งสามารถปีนป่ายไขว่คว้ามา อรอุมา ลูกสาวคนเล็กของอดีตนายทหารผู้ทรงอิทธิพล อย่างไรก็ตาม แม้จะแต่งงานแล้ว แต่นายราพณ์ก็ไม่เคยเลิกเจ้าชู้ เขายังมีข่าวกับดาราผู้หญิงอยู่บ่อยๆ แต่พฤติกรรมเจ้าชู้ของเขาก็ไม่สะเทือนชีวิตครอบครัวของเขาเลย นายราพณ์ยังใช้ชีวิตกับภรรยาและลูกสาวอย่างราบรื่นมาตลอดสิบกว่าปี จนกระทั่งความตายของชนมนเกิดขึ้นครั้งนี้นี่แหละ ที่ชักจะไม่แน่แล้วว่าจะราบรื่นต่อไปได้สักกี่น้ำ
นักสืบสาวเดินมาถึงบริเวณหน้าประตูบ้านเป้าหมาย แม้จะไม่สามารถมองเห็นสภาพภายในเพราะถูกห้อมล้อมด้วยรั้วสูงและปิดทึบ เกวลินทบทวนเป้าประสงค์ของตัวเองอีกครั้งก่อนลงมือปฏิบัติการ วันนี้หล่อนจะปลอมตัวเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์เพื่อมาขอสัมภาษณ์อรอุมา ไม่ได้คาดหวังหรอกว่าจะสำเร็จ แต่นักสืบสาวพกเงินมากพอที่จะใช้มันแลกเปลี่ยนข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ จากปากคนใช้ในบ้านนี้ได้ ขอเพียงมีใครสักคนโผล่หน้าออกมาคุยกับหล่อนเถอะ หล่อนจะมีวิธีการของหล่อนเอง
เกวลินสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความพร้อม เตรียมเอื้อมมือขึ้นไปกดออด ก่อนที่เสียงห้วนๆ จะดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
“นั่นคุณจะทำอะไร คุณเกวลิน”
เกวลินสะดุ้งสุดตัว รีบชักมือกลับ ไม่ใช่แค่เพราะแผนการที่วางไว้ถูกขัดจังหวะ แต่เป็นเพราะจำได้ว่าเสียงห้วนๆ นั้นเป็นเสียงเดียวกันกับที่บอกชอบหล่อนเมื่อวานซืน
ร้อยตำรวจโทชงคมปิดประตูรถอย่างแรง ร่างสูงเดินปรี่เข้ามาหาพร้อมกับจดจ้องหญิงสาวอย่างจับผิด
“ทำไมคุณยังไม่เลิกยุ่งกับเรื่องนี้ ทั้งที่ผมก็ขอคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
เกวลินเงียบ ไม่อาจเอาเหตุผลต่างๆ นานาที่ครุ่นคิดเอาไว้ก่อนหน้าออกมาตอบเขาได้เลย แม้มันหนักแน่นพอแล้วก็ตาม นั่นเพราะหล่อนรู้อยู่แก่ใจว่ายังมีอีกเหตุผลลับที่แอบแฝงอยู่ ในช่วงเวลาที่ยังไม่มีลูกค้าเข้ามาจ้างงาน เกวลินจำเป็นต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้จิตใจของหล่อนล่องลอยไปสู่เรื่องที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะความทรงจำที่วูบหายไปเมื่อคืน หลังจากที่ภาพตัดไปหลังอาเจียน หล่อนกลับมาที่คอนโดฯ ได้อย่างไร และเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากนั้น หล่อนจะไม่คิดถึงมัน จะปล่อยให้มันลึกลับอยู่เช่นนั้น
หากทว่า...แววตาของอีกฝ่ายราวกับรู้อะไรบางอย่าง นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่ปลอดภัย
***
ไขคดีหัวใจ...ใต้มนต์จันทร์ ตอนที่ ๒๔ - ตอนที่ ๒๕
การยืนหยัดต่อเป้าหมาย เป็นหลักการสำคัญที่เกวลินจะคอยกระตุ้นลูกค้าของหล่อนให้ตระหนักเอาไว้อยู่เสมอ ถ้าหากอยากจับผิดการนอกใจให้สำเร็จ เพราะถึงแม้ในวันแรกๆ ลูกค้าทุกคนจะมีธงที่แข็งแรงและมีเบาะแสที่แม่นยำเพียงใด แต่ปัญหาคือเมื่อภารกิจดำเนินไปสักระยะ ความลังเลจะบังเกิดขึ้นแก่ใจพวกเขา เสียงทัดทานจากคนรอบข้างเริ่มส่งผล แต่นั่นก็ไม่น่ากลัวเท่ากับเสียงทัดทานจากตัวพวกเขาเอง ในที่สุด พวกเขาก็ยอมแพ้ แม้จะเข้าใกล้คำตอบแล้วก็ตาม
เวลา 13.30 น. เกวลินนั่งอยู่ในรถที่จอดอยู่ในซอยสุขุมวิท สายตามองตรงยังบ้านหลังใหญ่ซึ่งอยู่ห่างออกไปสามร้อยเมตร นักสืบสาวสูดลมหายใจพร้อมกับก้มตรวจสอบความพร้อมของตัวเอง หล่อนอยู่ในชุดภูมิฐานเล็กน้อยด้วยสูทลำลองสีดำ สวมทับเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ แต่งหน้าให้ดูกระฉับกระเฉงด้วยอายแชโดว์สีดำทอง คว้ากล้องดิจิตอลอันเล็กและสมุดโน้ตปกหนังสีดำแล้วเดินลงจากรถมุ่งหน้าไปยังตัวบ้านซึ่งเป็นเป้าหมาย
อย่างที่บอกว่าเกวลินไม่ใช่คนที่จะปล่อยผ่านเรื่องอะไรไปได้ง่ายๆ นัก ทุกครั้งที่ลงมือทำอะไรก็ตาม นักสืบสาวจะยืนหยัดจนกว่าสิ่งที่ทำจะส่งผลสำเร็จอยู่เสมอ ตรงกันข้าม ถ้าไม่สามารถทำอะไรให้สำเร็จลุล่วง ใจของหล่อนก็จะไม่สงบ นี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมหลล่อนจึงยังตามสืบเรื่องชนมนต่อ แม้ว่าจะไม่มีความจำเป็นแล้วก็ตาม
ระหว่างลงจากรถนั้น ความทรงจำเมื่อเช้านี้ก็หวนกลับเข้ามาให้นึกถึง รัมภาโทรศัพท์เข้ามาหาเกวลินเพื่อขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
‘ขอโทษด้วยนะคะที่เมื่อคืนกลับไปก่อน แต่ตอนนั้นฉันอยู่ทำงานต่อไม่ไหวจริงๆ ฉันยังตั้งตัวไม่ติดกับเรื่องที่คุณปฏิเสธไม่ยอมให้รูปนายโกสินทร์ แล้วพอคุณพูดถึงชนมนขึ้นมาแบบนั้น ฉันก็เลยควบคุมตัวเองไม่อยู่ ฉันกลัวค่ะ กลัวว่าชนมนจะไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะฉะนั้น ถ้าเผลอพูดอะไรไม่ดีกับคุณต้องขอโทษด้วยนะคะ’
ยอมรับว่าตอนแรกเกวลินยังโกรธรัมภาอยู่บ้างโทษฐานที่ทิ้งกันไปเสียดื้อๆ แต่พอได้ยินน้ำเสียงและถ้อยคำอันบ่งบอกถึงความทุกข์ เกวลินก็รู้สึกโกรธเธอไม่ลง หนำซ้ำ หล่อนยังปลอบโยนเธอกลับไปอีกด้วย
‘ไม่ต้องห่วงนะคุณรัมภา ฉันเชื่อคุณชนมนจะต้องได้รับความยุติธรรม’
‘ยังไงเหรอคะ’
‘ก็พวกตำรวจเขาก็ยังหาฆาตกรกันอยู่นี่คะ’
‘หึ ถ้าพวกตำรวจไว้ใจได้ ฉันก็คงไม่ไปให้คุณช่วยหรอกค่ะ’
คำพูดของรัมภายิ่งตอกย้ำการตัดสินใจของเกวลิน เพราะนอกไปจากเหตุผลในด้านนิสัยส่วนตัวแล้ว มันยังมีเรื่องของความรับผิดชอบเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นักสืบสาวตั้งคำถามกับตนเองว่าทำไมรัมภาถึงได้อยากจะทวงความยุติธรรมให้ชนมนนักหนา นั่นไม่ใช่เพราะเธอต้องการปลดความเศร้าที่กัดกินหัวใจอยู่หรอกหรือ รัมภาอยากหาผู้รับผิดชอบต่อชะตากรรมอันเลวร้ายของเพื่อนที่เธอรัก และเธอก็ไม่เชื่อว่าตำรวจจะมอบสิ่งนั้นให้ได้ ดังนั้น ในฐานะที่เกวลินรับแหวนแต่งงานของชนมนมาเป็นค่าจ้างในการทำภารกิจนี้แล้ว หล่อนจะทอดทิ้งภารกิจไปได้อย่างไร
เกวลินจึงตัดสินใจสืบเรื่องนี้ต่อเพื่อจะทำให้รัมภาสบายใจได้ว่าเพื่อนของเธอจะไม่ตายฟรี
จากเบาะแสล่าสุด ขณะนี้นายโกสินทร์ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยอีกต่อไปแล้ว เช่นเดียวกับสาวิตรีก็หลุดวงโคจรออกไปอย่างสิ้นเชิง ตัวละครที่ยังเหลืออยู่ก็คืออรอุมา ผู้ที่ชนมนส่งข้อความไปข่มขู่และแสดงเจตจำนงว่าต้องการไปจะพบเพื่อเคลียร์ความขัดแย้งก่อนเสียชีวิต และอีกตัวละครหนึ่งก็คือนายราพณ์ เกวลินเองก็ไม่แน่ใจว่าขณะนี้ตำรวจจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชนมนกับนายราพณ์แล้วหรือยัง แต่จำได้ว่าชื่อของนายราพณ์ถูกตำรวจนำมาเชื่อมโยงกับความตายของชนมนตั้งแต่แรกผ่านประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างเขากับนายโกสินทร์ เกวลินกับรัมภาเองยังติดร่างแหในประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน แต่ในท้ายที่สุดก็ไม่เห็นว่าพวกตำรวจจะเอ่ยถึงเขาอีก อาจเป็นไปได้ว่าพอมีเบาะแสมากขึ้น สมมติฐานนี้ก็ถูกลบออกไปจากกระดาน หากคราวนี้เห็นทีว่าชื่อของนายราพณ์ต้องถูกดึงให้กลับมาอีกครั้ง ไม่ใช่ในประเด็นการเมือง แต่เป็นประเด็นชู้สาว!
วิเคราะห์จากข้อมูลที่ริบบิ้นรวบรวมมาให้ ราพณ์ พิชิตไพรี เติบโตจากการเป็นนักเลงคุมบ่อนจนกระทั่งยิ่งใหญ่ กลายเป็นหัวคะแนนคนสำคัญของพรรคชาติเจริญในพื้นที่กรุงเทพฯ ในด้านชีวิตส่วนตัว มองเผินๆ นายราพณ์อาจไม่ใช่หนุ่มในฝันสำหรับหญิงสาวสักเท่าไร ด้วยหน้าตาอัปลักษณ์ ซ้ำยังไม่มีสกุลรุนชาติ แต่ก็หาไม่ เขาเป็นเสือผู้หญิงตัวฉกาจ อาจเป็นเพราะเสน่ห์ที่ไม่อาจล่วงรู้ หรือเพราะความเป็นพ่อบุญทุ่ม นายราพณ์กลับมีหญิงสาวหลายรายมาติดพัน
อย่างไรก็ตาม แม้จะผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน สุดท้ายเขาก็ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ดีที่สุดที่คนหนึ่งสามารถปีนป่ายไขว่คว้ามา อรอุมา ลูกสาวคนเล็กของอดีตนายทหารผู้ทรงอิทธิพล อย่างไรก็ตาม แม้จะแต่งงานแล้ว แต่นายราพณ์ก็ไม่เคยเลิกเจ้าชู้ เขายังมีข่าวกับดาราผู้หญิงอยู่บ่อยๆ แต่พฤติกรรมเจ้าชู้ของเขาก็ไม่สะเทือนชีวิตครอบครัวของเขาเลย นายราพณ์ยังใช้ชีวิตกับภรรยาและลูกสาวอย่างราบรื่นมาตลอดสิบกว่าปี จนกระทั่งความตายของชนมนเกิดขึ้นครั้งนี้นี่แหละ ที่ชักจะไม่แน่แล้วว่าจะราบรื่นต่อไปได้สักกี่น้ำ
นักสืบสาวเดินมาถึงบริเวณหน้าประตูบ้านเป้าหมาย แม้จะไม่สามารถมองเห็นสภาพภายในเพราะถูกห้อมล้อมด้วยรั้วสูงและปิดทึบ เกวลินทบทวนเป้าประสงค์ของตัวเองอีกครั้งก่อนลงมือปฏิบัติการ วันนี้หล่อนจะปลอมตัวเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์เพื่อมาขอสัมภาษณ์อรอุมา ไม่ได้คาดหวังหรอกว่าจะสำเร็จ แต่นักสืบสาวพกเงินมากพอที่จะใช้มันแลกเปลี่ยนข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ จากปากคนใช้ในบ้านนี้ได้ ขอเพียงมีใครสักคนโผล่หน้าออกมาคุยกับหล่อนเถอะ หล่อนจะมีวิธีการของหล่อนเอง
เกวลินสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความพร้อม เตรียมเอื้อมมือขึ้นไปกดออด ก่อนที่เสียงห้วนๆ จะดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
“นั่นคุณจะทำอะไร คุณเกวลิน”
เกวลินสะดุ้งสุดตัว รีบชักมือกลับ ไม่ใช่แค่เพราะแผนการที่วางไว้ถูกขัดจังหวะ แต่เป็นเพราะจำได้ว่าเสียงห้วนๆ นั้นเป็นเสียงเดียวกันกับที่บอกชอบหล่อนเมื่อวานซืน
ร้อยตำรวจโทชงคมปิดประตูรถอย่างแรง ร่างสูงเดินปรี่เข้ามาหาพร้อมกับจดจ้องหญิงสาวอย่างจับผิด
“ทำไมคุณยังไม่เลิกยุ่งกับเรื่องนี้ ทั้งที่ผมก็ขอคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
เกวลินเงียบ ไม่อาจเอาเหตุผลต่างๆ นานาที่ครุ่นคิดเอาไว้ก่อนหน้าออกมาตอบเขาได้เลย แม้มันหนักแน่นพอแล้วก็ตาม นั่นเพราะหล่อนรู้อยู่แก่ใจว่ายังมีอีกเหตุผลลับที่แอบแฝงอยู่ ในช่วงเวลาที่ยังไม่มีลูกค้าเข้ามาจ้างงาน เกวลินจำเป็นต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้จิตใจของหล่อนล่องลอยไปสู่เรื่องที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะความทรงจำที่วูบหายไปเมื่อคืน หลังจากที่ภาพตัดไปหลังอาเจียน หล่อนกลับมาที่คอนโดฯ ได้อย่างไร และเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากนั้น หล่อนจะไม่คิดถึงมัน จะปล่อยให้มันลึกลับอยู่เช่นนั้น
หากทว่า...แววตาของอีกฝ่ายราวกับรู้อะไรบางอย่าง นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่ปลอดภัย