ไขคดีหัวใจ...ใต้มนต์จันทร์ ตอนที่ ๑๑



ไขคดีหัวใจ...ใต้มนต์จันทร์

ตอนที่ 11


    เวลา 20.00 น. เกวลินจอดรถที่ตึกพีเอสทาวเวอร์ในซอยอุขุมวิท21 ร้อยตำรวจโทชงคมนัดหล่อนให้มาเจอที่ร้านกินดื่มสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งห่างจากตึกประมาณสองร้อยเมตร นักสืบสาวใช้เวลาไม่นานนักก็เดินไปถึง

    “คุณลินครับ ทางนี้” ผู้หมวดหนุ่มตะโกนเรียกหญิงสาวจากโต๊ะตรงมุมในสุดของร้าน ใบหน้าขาวและดวงตาเล็กๆ ของเขาดูกลมกลืนไปกับบรรยากาศของร้านนี้อย่างบอกไม่ถูก ในขณะที่ใบหน้าเข้มและนัยน์ตาคมของหล่อนกลับดูแปลกปลอมตั้งแต่หัวจรดเท้า

    เกวลินเดินไปนั่งตรงข้ามกับร้อยตำรวจโทชงคมผู้ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาทานอาหารซึ่งประกอบไปด้วยโซบะเย็นจานใหญ่ กุ้งเท็มปุระสามสี่ชิ้น ไข่ออนเซ็นสองใบ และเบียร์สดแก้วใหญ่พอๆ กับเหยือก เกวลินได้ข้อสรุปขณะที่วางกระเป๋าไว้ที่เก้าอี้ข้างๆ ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนกินจุอย่างเหลือร้าย แต่กระนั้น เกวลินเบาใจที่เขาสั่งอาหารมากินก่อน เพราะหล่อนแอบหวั่นไว้ล่วงหน้าเหมือนกันว่าเขาจะทำตัวแบบมีพิธีรีตองมากมายจนกลายเป็นน่าอึดอัด

    ดีแล้วล่ะที่เขาไม่ทำตัวแบบนั้น

    “สวัสดีค่ะผู้หมวด”

    “สวัสดีครับคุณนักสืบ”

    หญิงสาวตวัดสายตามองชายหนุ่มอย่างไม่พอใจในสรรพนามที่เขาใช้เรียก หากผู้ถูกมองกลับยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มแล้วยิ้มน้อยๆ

    “ทำไมอ่ะ ทีคุณยังเรียกผมว่าผู้หมวดเลย”

    แม้เขาจะพยายามทำตัวเป็นกันเองเท่าไร ความประหม่าก็เกิดขึ้นอยู่นั่นเอง เมื่อไม่รู้จะพูดหรือจะทำอะไรต่อ หญิงสาวจึงแกะหนังยางออกจากหัวเพื่อที่จะมัดผมใหม่อีกรอบ แม้จุดประสงค์จะทำเพื่อแก้เก้อ แต่กระนั้นพฤติกรรมที่ไม่ได้มีความหมายนี้กลับสะกดสายตาของผู้หมวดหนุ่มได้อย่างประหลาด ร้อยตำรวจโทชงคมถึงกับละความสนใจในอาหารแล้วเผลอจ้องมองอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ แล้วรีบกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็วเมื่อหญิงสาวมัดผมเสร็จ

    “ทานอะไรไหมครับคุณลิน”

    ร้อยตำรวจโทชงคมส่งสัญญาณขอเมนูจากพนักงานเสิร์ฟ

    “ตามสบายค่ะผู้หมวด ฉันทานมาแล้ว” เกวลินรู้สึกหายใจไม่สะดวกขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้หญิงสาวพยายามที่จะสู้ “ว่าแต่คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันคะ”

    “เหล้าบ๊วยที่นี่อร่อยนะ สักขวดไหมล่ะ”

    “เอาน้ำเปล่าค่ะ” เกวลินหันไปสั่งกับพนักงานที่เอาเมนูมาส่งพอดี ทำให้ผู้ที่พยายามจะสร้างความเป็นกันเองชะงักเก้อไปอีกครั้ง จะว่าไปเกวลินก็รู้สึกผิดนิดหน่อย แต่ก็เอาเถอะ หล่อนไม่ได้มาด้วยความหวังจะให้เขาประทับใจอยู่แล้วนี่นะ “ตกลงว่าไงคะผู้หมวด มีธุระอะไรจะคุยกับฉัน”

    เมื่อเห็นว่าหญิงสาวแสดงเจตจำนงที่จะเข้าสู่ประเด็นสำคัญในทันที ผู้หมวดหนุ่มก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมข้ามบทสนทนาจิปาถะที่เขาอุตส่าห์เตรียมท่องเอาไว้หลายสิบประโยค แล้วโพล่งเข้าคำถามสำคัญอย่างทื่อๆ

    “ถึงยังไงคุณก็จะไม่เลิกตามสืบคุณโกสินทร์ใช่ไหม”

    เกวลินถอนใจ อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเขาจะมาคาดคั้นในประเด็นซ้ำซากแบบนี้หล่อนก็ไม่น่าเสียเวลามาหาเขาเลยขณะที่นัยน์ตาคู่เล็กจ้องมองอย่างจริงจัง

    “ผมแค่อยากรู้ว่าทำไมคุณถึงจะยอมปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจไม่ได้”

    “จะให้ฉันตอบตรงๆ หรือตอบแบบเอาใจคุณล่ะคะ”

    “ตอบแบบเอาใจผม”

    “ฉันรู้สึกว่าพวกตำรวจไว้ใจไม่ได้ โดยเฉพาะคุณค่ะผู้หมวด”

    ร้อยตำรวจโทชงคมแค่นหัวเราะเบาๆ “แหม ตัวคุณล่ะไว้ใจได้นักเชียว นักสืบเอกชนที่อยู่ดีๆ ก็เข้ามายุ่งกับคดีฆาตกรรมของอดีตดาราที่เป็นภรรยาของนักการเมืองเนี่ยนะ”

    “นี่...ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะเถียงกับคุณนะ เพราะฉะนั้นคุณจะไว้ใจหรือไม่ไว้ใจฉันก็ตามแต่ใจเถอะค่ะ”

    “คุณนี่พูดจายอกย้อนเก่งเนอะ” ร้อยตำรวจโทชงคมไม่ได้รู้สึกอะไรกับท่าทางของอีกฝ่ายนอกจากเห็นเป็นเรื่องขัน “ผมเองก็ไม่ได้จะมาทะเลาะกับคุณเหมือนกัน ผมอยากจะเจรจาปรองดองกับคุณต่างหาก”

    “ปรองดองเหรอ” เกวลินมองเขาอย่างกังขา

    “ครับ” ร้อยตำรวจโทชงคมรับคำ ก่อนจะพูดเกริ่นเข้าสู่หัวข้อสัญญาที่เขาร่างเอาไว้ในใจ “แทนที่จะมาขัดแย้งกัน ผมว่าเราน่าใช้กันและกันให้เป็นประโยชน์มากกว่า”

    ‘ก็น่าสนใจนะ’ เกวลินคิด ‘แต่...’

    “ยังไงไม่ทราบคะ”

    “ถ้าในเมื่อคุณอยากได้คำตอบว่านายโกสินทร์นอกใจภรรยาหรือไม่ ผมจะเปิดทางให้คุณค้นหาคำตอบนั้น”

      “แต่...” เกวลินรู้ทันว่าเดี๋ยวจะต้องมีคำนี้หลุดออกมาปากเขา และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ  

      “แต่มีข้อแม้ว่าการหาคำตอบของคุณจะต้องเป็นประโยชน์ต่อการไขคดีฆาตกรรมของผม หรืออย่างน้อยก็ต้องไม่ทำให้รูปคดีผมเสียหาย”

    “ซึ่งนั่นหมายความว่า...”  

    “หมายความว่าคุณจะต้องรายงานทุกอย่างให้ผมทราบอย่างละเอียด”

    “ฟังดูเหมือนคุณจะได้จากฉันฝ่ายเดียว” เกวลินร้องค้านทันที “แต่ฉันไม่เห็นได้อะไรจากคุณเลย”

    “ก็แล้วแต่นะ ถ้าคุณไม่ตกลงตามนี้ ผมก็จะสั่งห้ามไม่ให้คุณยุ่งกับเรื่องนายโกสินทร์อีก...อย่างเด็ดขาด”

    เกวลินกอดอกนั่งตัวตรงมองร้อยตำรวจโทชงคมอย่างเพ่งพินิจ ในขณะที่ร้อยตำรวจโทชงคมคีบโซบะกินอย่างชิลๆ ก่อนจะเงยหน้ามองเกวลินกลับเช่นกัน นัยน์ตาเฉี่ยวบนใบหน้าสวยคมพยายามอ่านนัยน์ตาคู่เล็กบนใบหน้าหล่อเหลาเพื่อประเมินว่าตนเองยังพอต่อรองอะไรจากเขาได้อีกหรือไม่ และก็พบว่า...

    “โอเคค่ะ” เกวลินยอมจำนน รู้สึกเหมือนกำลังต่อราคาของที่อยากได้ เมื่อพ่อค้าใจแข็งไม่ยอมลดให้ อย่างไรหล่อนก็ต้องยอมซื้ออยู่ดี “ทีนี้เสต็ปแรกของแผนปรองดองคือยังไงคะผู้หมวด”

    “แลกเปลี่ยนข้อมูล คุณบอกผม ผมบอกคุณ ทีนี้คุณจะได้ไม่ต้องวิตกว่าผมจะได้จากคุณฝ่ายเดียว ดีไหม”

    “งั้นคุณบอกฉันก่อน”

    “ไม่ได้ครับ คุณต้องบอกผมก่อน”

    “โอ๊ย” เกวลินร้อง “นี่คุณจะยอมฉันสักเรื่องไม่ได้เลยเหรอ”

    ร้อยตำรวจโทชงคมวางตะเกียบ จิบเบียร์ ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้เกวลินเล็กน้อย นัยน์ตาเล็กโศกที่บัดนี้มีประกายกรุ้มกริ่มจดจ้องไปยังแววตาซุกซนเจ้าเล่ห์ที่หลุบต่ำลงอัตโนมัติด้วยความประหม่า

    “เอาจริงๆ ถ้าคุณยังทำให้ผมรู้สึกได้ว่าคุณเป็นสาวขี้เหงาคนนั้นที่ผมเจอครั้งแรกในผับ ผมอาจจะยอมคุณได้ทุกอย่างเลยนะ แต่เผอิญตอนนี้ผมดันรู้สึกว่าคุณเป็นยายแม่มดที่ทิ้งให้ผมยืนเหวออยู่กลางซอยทองหล่อตอนตีสอง ดังนั้น คุณต้องยอมผมทุกอย่างครับคุณนักสืบ”

    ร้อยตำรวจโทชงคมพูดแล้วก็ยิ้ม เกวลินรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาจับใจ เอาจริงๆ มันก็เป็นรอยยิ้มแบบเดียวที่เคยทำให้หล่อนประทับใจในวินาทีแรกที่ได้เจอกับเขานั่นแหละ เพียงแต่ในเวลานี้ เขาไม่ใช่ชายหนุ่มแปลกหน้าผู้อบอุ่นแสนดีอย่างในตอนนั้นอีกแล้ว หากเขาเป็นนายตำรวจเจ้าเล่ห์ที่ใช้รอยยิ้มซื่อๆ เป็นเครื่องมือในการโจมตีแบบหวังผล

    “ตอนนี้ฉันมั่นใจว่านายโกสินทร์นอกใจชนมนอย่างแน่นอน ถ้าดูจากข้อความทางโทรศัพท์ที่ชนมนส่งไปให้ใครสักคนที่น่าจะเป็นมือที่สาม” เกวลินยอมเอ่ยขึ้นไปก่อน ซึ่งร้อยตำรวจโทชงคมก็พูดเสริมทันที

    “ทางตำรวจกำลังพยายามแกะรอยอยู่เหมือนกันว่าเป็นใคร บุคคลดังกล่าวนี้อาจจะเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับชนมนก่อนตาย”

    “คุณสงสัยว่าชู้รักของนายโกสินทร์คนนี้เป็นฆาตกรงั้นเหรอ”

      “ก็นับว่ามีแรงจูงใจนี่นา อย่างน้อยข้อความในโทรศัพท์ของชนมนก็ชัดเจนว่ามีข้อบาดหมางกันอย่างรุนแรง ‘ฉันจะไม่ปล่อยให้แกได้เขาไปง่ายๆ หรอก’ บ่งบอกได้ว่าชนมนอาจจะต้องการแย่งนายโกสินทร์กลับมาจากมือที่สาม”

      “แต่คุณอย่าลืมนะว่ายังมีประเด็นเรื่องนายโกสินทร์ไม่ยอมจ่ายเงินค่าหย่าให้ชนมน ‘ฉันจะไม่ปล่อยให้แกได้เขาไปง่ายๆ หรอก’ อาจไม่ได้หมายความว่าชนมนจะแย่งนายโกสินทร์กลับมา แต่อาจหมายถึงชนมนจะไม่ยอมปล่อยนายโกสินทร์ไปตราบใดที่ยังไม่ได้เงินในจำนวนที่พอใจก็ได้”

    แม้เกวลินจะมั่นใจว่าสมมติฐานของตนน่าสนใจแค่ไหน แต่ร้อยตำรวจโทชงคมกลับขมวดคิ้วมุ่น

    “ซับซ้อนเกินไปหรือเปล่า”

    “ฉันไม่เชื่อว่าผู้หญิงจะฆ่ากันเพราะแย่งผู้ชายอย่างนายโกสินทร์”

    “ผมก็ไม่เชื่อว่าผู้ชายอย่างนายโกสินทร์จะฆ่าภรรยาเพราะแค่เรื่องเงินเหมือนกัน”

    “นี่อย่าบอกคุณใช้ความคิดเห็นส่วนตัวในการไขคดี”

    “แล้วคุณล่ะครับ ใช้สถิติหรือความคิดเห็นส่วนตัวในการประเมินเบาะแส”

    “โอเคค่ะ ส่วนตัวก็ส่วนตัว” เกวลินยอมรับ แต่หล่อนก็ยังเชื่อมั่นว่าตนเองคิดถูก “แต่บอกเลยนะว่าฉันไม่ไว้ใจนายโกสินทร์ ฉันเชื่อว่าเขามีลับลมคมในยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่