เรื่องราวของเราคร่าวๆ คือ แม่เรามีลูก 5 คน เราเป็นคนโต พ่อเสียตั้งแต่ยังเล็กๆ เราเรียนจบแค่ ป.6 ก็ต้องออกมาช่วยงานหาเงินช่วยแม่เลี้ยงน้อง ทั้งที่ใจจริงอยากเรียนต่อมาก แต่เพราะความจน ตอนอายุ 12 ปี แม่เอาเราไปฝากทำงานที่บ้านญาติอีกจังหวัดหนึ่ง เขาขายของในตลาดให้เราทำงานตั้งแต่ตี 5 จนถึง 3 ทุ่มทุกวัน(ได้พักนิดหน่อยตอนกลางวัน) เราเห็นลูกทุกคนของเขาได้เรียนหนังสือ เราขอเรียนบ้าง แต่กลับโดนด่าซัำว่า "จะไปเรียนหาผัวหรือไง" ด้วยความที่ยังเด็กก็ไม่รุ้จะทำอย่างไร เราอยู่ที่นั้นไม่ได้เงินเดือนเพราะแม่จะมาเอาเงินจากญาติเป็นช่วงๆ ชึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาได้เท่าไหร่ สรุปเราทนอยู่ที่นั้นได้ 4 ปีจึงขอแม่ออกจากที่นั่นเพื่อไปหาอย่างอื่นทำ (เราไม่เคยหันหลังกลับไปที่นั่นอีกเลย เพราะรู้สึกว่าเราเสียเวลา 4 ปี มันมากพอแล้ว)
ต่อมาได้ไปทำงานโรงงาน ได้เงินเดือนเล็กน้อยส่งให้แม่ และอยู่หอพักมีอิสระมากพอที่จะได้เรียนกศน. วันหนึ่งเรากำลังนั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่ มีญาติผู้ใหญ่คนนึ่งของเราที่ลูกเขาไม่สนใจเรียนหนังสือ ว่าและดูถูกเราทะเยอทะยายไม่เจียมตัวเองอยากเรียนหนังสือ เราโมโหโยนหนังสือใส่หน้าตรงนั้นเลย เขาโกรธมาก ก็ไปหาเรื่องนินทาไปทั่ว แต่เราไม่สนใจมุ่งมั่นต่อไปเรื่อยๆ จนจบ ป.ตรี จนมีงานการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
วกกลับมาถึงเรีองครอบครัวเรา จากการที่เราถูกส่งออกไปทำงานตั้งแต่ยังเล็ก มันคงทำให้เรากับครอบครัวเราไม่ค่อยสนิทกัน เราอยากสนิทกับพวกเขานะ แต่ทั้งเขาและเราดูเหมือนพูดและคิดคนละเรื่องกัน พวกเขาชอบเล่นหวย ชอบใช้เงินเกินตัวเพื่อเอาหน้า ชอบดื่มบ้างสังสรรค์สนุกสนาน (เราเองไม่ใช่คนเคร่งเครียดอะไร สนุกสนานแต่มีขอบเขต แต่เป็นคนขาดความอบอุ่นอยู่ลึกๆ) เราก็ยังให้เงินแม่อยู่ แต่ลดลงเพราะน้องๆ โตกันหมดแล้ว
สิ่งที่มันทำให้เราไม่อยากจะติดต่อพวกเขาอีกเพราะ ตอนนี้โตมีครอบครัวกันแล้ว และที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่เรารู้สึกเหมือนเป็นคนนอก แม่ถึงมีสมบัติบ้างเขาก็ให้ทุกคนยกเว้นเรา บอกเราสบายกว่าพี่น้องคนอื่นแล้ว เพราะตอนนี้เราพอมีฐานะอะไรที่เราพอจะซื้อได้เขาก็ไม่เคยให้การสนับสนุน อะไรดีๆที่เขามีก็ไปขายให้คนอื่น แม้แต่ญาติคนอื่นยังถูกนึกถึงมากกว่าเรา (คือเราก็น้อยใจเป็น อยากจะให้คิดถึงเราบ้างน่ะ) น้องๆ และแม่ถ้าไม่มีเรื่องต้องการความช่วยเหลือเรื่องเงินแล้ว เวลาที่พวกเขามีสุขเราแทบจะไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมเลย(เราก็ไม่เข้าใจพวกเขาถ้าไม่คิดถึงกันแล้ว ยามเดือดร้อนทำไมนึกถึงเรา เพราะยามเดือดร้อนเราต้องสู้ด้วยตนเองเท่านั้น) ญาติคนอื่นๆที่เขาโตมาด้วยกันยังสนิทดูดีกว่าเราอีก คือเราก็เขาใจนะว่ามันคงเป็นเพราะความผูกพันธ์ และความต่างของเราด้วย เราก็แค่อยากมีญาติพี่น้องที่อบอุ่นเหมือนคนอื่นเขาบ้าง แต่ความรู้สึกยิ่งเราเข้าใกล้เราก็ยิ่งเจ็บ สุดท้ายเราต้องตัดใจห่างออกมาให้มากๆดีกว่ามั้ย
ปล. ขอระบายและน้อมขอรับฟังความคิดเห็นจากเพื่อนๆ ว่าถ้าเป็นตนเองจะคิดอย่างไร
เสียใจจากแม่ญาติพี่น้องจนไม่คิดติดต่อใครอีก ขอระบายหน่อย
ต่อมาได้ไปทำงานโรงงาน ได้เงินเดือนเล็กน้อยส่งให้แม่ และอยู่หอพักมีอิสระมากพอที่จะได้เรียนกศน. วันหนึ่งเรากำลังนั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่ มีญาติผู้ใหญ่คนนึ่งของเราที่ลูกเขาไม่สนใจเรียนหนังสือ ว่าและดูถูกเราทะเยอทะยายไม่เจียมตัวเองอยากเรียนหนังสือ เราโมโหโยนหนังสือใส่หน้าตรงนั้นเลย เขาโกรธมาก ก็ไปหาเรื่องนินทาไปทั่ว แต่เราไม่สนใจมุ่งมั่นต่อไปเรื่อยๆ จนจบ ป.ตรี จนมีงานการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
วกกลับมาถึงเรีองครอบครัวเรา จากการที่เราถูกส่งออกไปทำงานตั้งแต่ยังเล็ก มันคงทำให้เรากับครอบครัวเราไม่ค่อยสนิทกัน เราอยากสนิทกับพวกเขานะ แต่ทั้งเขาและเราดูเหมือนพูดและคิดคนละเรื่องกัน พวกเขาชอบเล่นหวย ชอบใช้เงินเกินตัวเพื่อเอาหน้า ชอบดื่มบ้างสังสรรค์สนุกสนาน (เราเองไม่ใช่คนเคร่งเครียดอะไร สนุกสนานแต่มีขอบเขต แต่เป็นคนขาดความอบอุ่นอยู่ลึกๆ) เราก็ยังให้เงินแม่อยู่ แต่ลดลงเพราะน้องๆ โตกันหมดแล้ว
สิ่งที่มันทำให้เราไม่อยากจะติดต่อพวกเขาอีกเพราะ ตอนนี้โตมีครอบครัวกันแล้ว และที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่เรารู้สึกเหมือนเป็นคนนอก แม่ถึงมีสมบัติบ้างเขาก็ให้ทุกคนยกเว้นเรา บอกเราสบายกว่าพี่น้องคนอื่นแล้ว เพราะตอนนี้เราพอมีฐานะอะไรที่เราพอจะซื้อได้เขาก็ไม่เคยให้การสนับสนุน อะไรดีๆที่เขามีก็ไปขายให้คนอื่น แม้แต่ญาติคนอื่นยังถูกนึกถึงมากกว่าเรา (คือเราก็น้อยใจเป็น อยากจะให้คิดถึงเราบ้างน่ะ) น้องๆ และแม่ถ้าไม่มีเรื่องต้องการความช่วยเหลือเรื่องเงินแล้ว เวลาที่พวกเขามีสุขเราแทบจะไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมเลย(เราก็ไม่เข้าใจพวกเขาถ้าไม่คิดถึงกันแล้ว ยามเดือดร้อนทำไมนึกถึงเรา เพราะยามเดือดร้อนเราต้องสู้ด้วยตนเองเท่านั้น) ญาติคนอื่นๆที่เขาโตมาด้วยกันยังสนิทดูดีกว่าเราอีก คือเราก็เขาใจนะว่ามันคงเป็นเพราะความผูกพันธ์ และความต่างของเราด้วย เราก็แค่อยากมีญาติพี่น้องที่อบอุ่นเหมือนคนอื่นเขาบ้าง แต่ความรู้สึกยิ่งเราเข้าใกล้เราก็ยิ่งเจ็บ สุดท้ายเราต้องตัดใจห่างออกมาให้มากๆดีกว่ามั้ย
ปล. ขอระบายและน้อมขอรับฟังความคิดเห็นจากเพื่อนๆ ว่าถ้าเป็นตนเองจะคิดอย่างไร