เราและกลุ่มเพื่อนรวมทั้งสิ้น 12 ชีวิต ตกลงกันว่าจะไปปาร์ตี้เคาท์ดาวน์ปีใหม่แบบพร้อมหน้ากันเลยเลือกพัทยา
เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาล ไม่อยากไปรถติดไกลๆ ประกอบกับที่พักอื่นๆเริ่มเต็ม
(เราจองบ้านพักหลังนี้ได้ประมาณต้นเดือนธันวาคม)
พวกเราออกเดินทางเกือบตี 4 เช้าวันที่ 31 ถึงบ้านพักเวลา 6 โมงเช้า
พอไปถึงบ้านเห็นบ้านแล้ว ทุกคนก็รวมเงินกัน เพื่อจ่ายค่าเช่า 2 วัน
+++ตอนที่เราเดินสำรวจในบ้าน เรารู้สึกแปลกบอกไม่ถูก โดยเฉพาะชั้น 3 มันรู้สึกเหมือนไม่สบายใจเท่าไร
แต่ไม่ได้บอกใคร กลัวจะไม่สบายใจกันไปหมด เพราะจ่ายเงินแล้ว เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
บ้านนี้มี 3 ชั้น ห้องนอนใหญ่ 2 ห้องนอนเล็ก 2 รวมแล้ว 11 เตียง ซึ่งมนุษย์แฟน 4 คู่ก็นอนด้วยกัน
ส่วนพวกผู้ชายที่เหลือก็นอนเตียงละคน จึงไม่เหลือห้องว่าง (ว่างเฉพาะเตียง 3 เตียง)
พอจัดแจงข้าวของเข้าที่เข้าทางแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันไปซื้อของสด และบางส่วนนอนเอาแรงที่บ้าน
5 โมงเย็น เป็นเวลานัดปาร์ตี้ปิ้งย่าง แต่บังเอิญเพื่อนเรา 1 ในกลุ่ม ไม่สบาย จึงขอตัวไปนอน (มันนอนชั้น 3)
มันขึ้นห้องไปได้แค่ 10 นาที พวกที่เหลือยังคงนั่งกิน นั่งดื่มกันอยู่ลานหน้าบ้าน
เพื่อนคนที่ขึ้นไปนอน กึ่งเดินกึ่งวิ่งหน้าตื่นลงมา พร้อมกันพูดกับเพื่อนคนเดียวในกลุ่ม เพราะไม่อยากบอกใคร
ว่ามันเจออะไรมา แต่ด้วยความตกใจ อีเพื่อนคนนั้น ดันแหกปาก พวกเราเลยรู้พร้อมกันว่ามีคนเจอแล้ว
มันเล่าว่ามันกำลังนอน เคลิ้มๆจะหลับ เห็นเงาผู้หญิงพุ่งออกมาจากห้องน้ำ มาที่เตียงที่มันนอนอยู่ มันเลยไม่นอนต่อ
เราเลยบอกมันว่า “เป็นไงละ
...โบราณเค้าว่าไม่ให้นอนทับตะวัน” หลังจากนั้น เราก็ถามว่ามีใครไหว้เจ้าที่แล้วมั้ย
สรุปว่าไม่มี แล้วไม่มีของไหว้ เนืองจากของที่พวกเรากินกันอยู่ คือของเหลือ แอลกอฮอล์ก็เช่นกัน
ก็เลยคุยกันว่ากลมต่อไป และอาหารมื้อหน้าจะเซ่น แต่.....จนวันกลับก็ไม่ได้เซ่นเจ้าที่
+++คืนแรกทุกคนมัวแต่เที่ยวเล่น ดื่มกินจนกือบตี 3 พวกเราไม่มีใครเจออะไร
แต่วันที่ 2 คือทุกคนลงมาทำอะไรกินกัน ลงมานั่งร้องคาราโอเกะข้างล่าง แต่ทุกคนที่เข้าไปในครัว
พูดเหมือนกันว่า รู้สึกเหมือนมีคนยืนมองอยู่ด้านหลัง รู้สึกอึดอัดแปลกๆ ทั้งๆที่อยู่คนเดียว
จนกระทั่งดึกๆ ประมาณ ตี 1-4 ยังมีอยู่ 6 คนที่ยังดื่มอยู่ข้างล่าง
เรากับแฟนนั่งหันหน้าไปตรงประตู เห็นเหมือนกันว่ามีอะไรแว๊บๆ เป็นเงาดำๆ วิ่งจากขวามือตัดไปซ้ายมือ
คือต้องบอกว่าหน้าบ้านทั้ง 2 ผั่ง เป็นกำแพงทั้ง 2 ด้าน แน่นอน...เป็นไปไม่ได้มัน ที่คนวิ่งเร็วได้ขนาดนั้น
แต่เราไม่ได้สนใจ บวกกันความง่วง เราก็นึกว่าตาฝาด เลยไม่ได้พูดอะไร
อีกพักใหญ่ๆ ก็เห็นลักษณะเดิมแต่วิ่งกลับจากซ้ายมือดัดไปขวามือ เราเลยขอเปลี่ยนที่นั่งกับเพื่อน
เพื่อนมานั่งก็เห็นเหมือนกัน แต่ทั้ง 3 คนที่เห็นแล้ว ไม่มีใครพูดอะไร เพราะกลัวนอนไม่หลับ
จนเพื่อนอีกคนที่ยังไม่เห็น เดินออกไปสูบบุหรี่หน้าบ้าน หมานี่หอนตั้งแต่ท้ายซอย ยันบ้านที่เราอยู่
เพื่อนเลยบอกว่าบรรยากาศไม่ดีละ “กรูว่าเรามูฟไปนอนกันเหอะ” ทุกคนเห็นด้วย จึงแยกย้าย
+++เราจะอายน้ำ แต่ห้องน้ำในห้องเรามันเต็ม เลยลากแฟนขึ้นชั้น 3 ไปนั่งรอ
พอเราอาบเสร็จแฟนอาบต่อ เรานั่งรอแฟนบนเตียงติดกับประตูห้องน้ำ
ระหว่างที่นั่งรอเราก็มองไรเพลินๆ....จังหวะนั้นไปสะดุดตาเข้ากับรอยแดงๆอมน้ำตาลแก่ๆบนประตู
สีคล้ายเลือด หรือยางไม้ในลักษณะสาดลงจากด้านบนลงมาด้านล่าง
สีประมาณนี้นะคะ เผื่อใครนึกไม่ออก...คล้ายๆเลือดมากๆ
กำลังมองอย่างพินิจพิจาณา แฟนเราออกมาพอดี ก็ไม่ได้เล่าอะไรให้เค้าฟัง
รีบลงมานอนห้องตัวเองที่ชั้น 2 ด้วยความง่วงเราจึงหลับทันทีที่หัวถึงหมอน แฟนเราก็เช่นกัน
จน 6 โมง เราปวดท้องอยากถ่ายหนัก จึงลุกไปไปเข้าห้องน้ำ
ระหว่างที่ทำธุระ ก็นั่งเล่นโทรศัพท์ไปด้วย กำลังเพลินๆ ได้ยินเสียงเหมือนคนจับลูกบิด
เราก็มอง แค่ 1 วินาทีเท่านั้น จากที่แค่จับลูกบิด กลายเป็นเขย่าแรง และดังมาก
ยังไม่ทันหายตกใจ ชักโครกที่เรานั่งอยู่ มันกดเองค่ะ แสดงว่าเค้าอยู่ในห้องน้ำสินะ.....เผ่นสิคะ รออารายยยย
+++เวลา 11.00 น. ทุกคนเก็บของเสร็จเตรียมตัวกลับ
เพื่อนเราด้วยความอยากรู้มันเลยถามคนทำความสะอาดไปว่า
“พี่อย่าว่าอย่างงั้น อย่างงี้เลยนะ บ้านนี้มีอะไรรึปล่าวอ่ะ??” “แล้วน้องเจออะไรกันละ” นี่คือสิ่งที่ทำให้พวกเราถึงบางอ้อ
เราจึงคาดคั้นให้เค้าเล่า ...พี่เค้าบอกว่าเมื่อก่อนที่นี่เคยมีต้นไทร์ต้นใหญ่อยู่
แต่เจ้าของที่นี่เค้าเป็นต่างขาติไม่รู้ธรรมเนียมประเพณีไทย พอซื้อปุ๊บ ก็โค่นปั๊บ
วันดีคืนดีพี่เค้ามาทำความสะอาดก็เคยเจอแบบมาเรียกอยู่ข้างหลัง พอไม่สนใจ เค้าก็ปิดประตูใส่
พวกเราเลยเล่าให้เค้าฟังบ้าง พี่เค้าเลยทิ้งท้ายว่า โอกาสนหน้ามาอีก เดี๋ยวพี่ลดค่าเช่าให้
++++จบแล้ว เรื่องที่เจอมาก็มีเท่านี้นะคะ ทุกอย่าง ทุกเหตุการณ์ที่เล่า เป็นความจริง
ขออภัยหากพิมพ์ตกหล่นไปบ้างนะคะ ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ
บ้านพักที่พัทยา....เจอกันทุกคน ไม่ต้องแย่งกัน
เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาล ไม่อยากไปรถติดไกลๆ ประกอบกับที่พักอื่นๆเริ่มเต็ม
(เราจองบ้านพักหลังนี้ได้ประมาณต้นเดือนธันวาคม)
พวกเราออกเดินทางเกือบตี 4 เช้าวันที่ 31 ถึงบ้านพักเวลา 6 โมงเช้า
พอไปถึงบ้านเห็นบ้านแล้ว ทุกคนก็รวมเงินกัน เพื่อจ่ายค่าเช่า 2 วัน
+++ตอนที่เราเดินสำรวจในบ้าน เรารู้สึกแปลกบอกไม่ถูก โดยเฉพาะชั้น 3 มันรู้สึกเหมือนไม่สบายใจเท่าไร
แต่ไม่ได้บอกใคร กลัวจะไม่สบายใจกันไปหมด เพราะจ่ายเงินแล้ว เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
บ้านนี้มี 3 ชั้น ห้องนอนใหญ่ 2 ห้องนอนเล็ก 2 รวมแล้ว 11 เตียง ซึ่งมนุษย์แฟน 4 คู่ก็นอนด้วยกัน
ส่วนพวกผู้ชายที่เหลือก็นอนเตียงละคน จึงไม่เหลือห้องว่าง (ว่างเฉพาะเตียง 3 เตียง)
พอจัดแจงข้าวของเข้าที่เข้าทางแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันไปซื้อของสด และบางส่วนนอนเอาแรงที่บ้าน
5 โมงเย็น เป็นเวลานัดปาร์ตี้ปิ้งย่าง แต่บังเอิญเพื่อนเรา 1 ในกลุ่ม ไม่สบาย จึงขอตัวไปนอน (มันนอนชั้น 3)
มันขึ้นห้องไปได้แค่ 10 นาที พวกที่เหลือยังคงนั่งกิน นั่งดื่มกันอยู่ลานหน้าบ้าน
เพื่อนคนที่ขึ้นไปนอน กึ่งเดินกึ่งวิ่งหน้าตื่นลงมา พร้อมกันพูดกับเพื่อนคนเดียวในกลุ่ม เพราะไม่อยากบอกใคร
ว่ามันเจออะไรมา แต่ด้วยความตกใจ อีเพื่อนคนนั้น ดันแหกปาก พวกเราเลยรู้พร้อมกันว่ามีคนเจอแล้ว
มันเล่าว่ามันกำลังนอน เคลิ้มๆจะหลับ เห็นเงาผู้หญิงพุ่งออกมาจากห้องน้ำ มาที่เตียงที่มันนอนอยู่ มันเลยไม่นอนต่อ
เราเลยบอกมันว่า “เป็นไงละ
สรุปว่าไม่มี แล้วไม่มีของไหว้ เนืองจากของที่พวกเรากินกันอยู่ คือของเหลือ แอลกอฮอล์ก็เช่นกัน
ก็เลยคุยกันว่ากลมต่อไป และอาหารมื้อหน้าจะเซ่น แต่.....จนวันกลับก็ไม่ได้เซ่นเจ้าที่
+++คืนแรกทุกคนมัวแต่เที่ยวเล่น ดื่มกินจนกือบตี 3 พวกเราไม่มีใครเจออะไร
แต่วันที่ 2 คือทุกคนลงมาทำอะไรกินกัน ลงมานั่งร้องคาราโอเกะข้างล่าง แต่ทุกคนที่เข้าไปในครัว
พูดเหมือนกันว่า รู้สึกเหมือนมีคนยืนมองอยู่ด้านหลัง รู้สึกอึดอัดแปลกๆ ทั้งๆที่อยู่คนเดียว
จนกระทั่งดึกๆ ประมาณ ตี 1-4 ยังมีอยู่ 6 คนที่ยังดื่มอยู่ข้างล่าง
เรากับแฟนนั่งหันหน้าไปตรงประตู เห็นเหมือนกันว่ามีอะไรแว๊บๆ เป็นเงาดำๆ วิ่งจากขวามือตัดไปซ้ายมือ
คือต้องบอกว่าหน้าบ้านทั้ง 2 ผั่ง เป็นกำแพงทั้ง 2 ด้าน แน่นอน...เป็นไปไม่ได้มัน ที่คนวิ่งเร็วได้ขนาดนั้น
แต่เราไม่ได้สนใจ บวกกันความง่วง เราก็นึกว่าตาฝาด เลยไม่ได้พูดอะไร
อีกพักใหญ่ๆ ก็เห็นลักษณะเดิมแต่วิ่งกลับจากซ้ายมือดัดไปขวามือ เราเลยขอเปลี่ยนที่นั่งกับเพื่อน
เพื่อนมานั่งก็เห็นเหมือนกัน แต่ทั้ง 3 คนที่เห็นแล้ว ไม่มีใครพูดอะไร เพราะกลัวนอนไม่หลับ
จนเพื่อนอีกคนที่ยังไม่เห็น เดินออกไปสูบบุหรี่หน้าบ้าน หมานี่หอนตั้งแต่ท้ายซอย ยันบ้านที่เราอยู่
เพื่อนเลยบอกว่าบรรยากาศไม่ดีละ “กรูว่าเรามูฟไปนอนกันเหอะ” ทุกคนเห็นด้วย จึงแยกย้าย
+++เราจะอายน้ำ แต่ห้องน้ำในห้องเรามันเต็ม เลยลากแฟนขึ้นชั้น 3 ไปนั่งรอ
พอเราอาบเสร็จแฟนอาบต่อ เรานั่งรอแฟนบนเตียงติดกับประตูห้องน้ำ
ระหว่างที่นั่งรอเราก็มองไรเพลินๆ....จังหวะนั้นไปสะดุดตาเข้ากับรอยแดงๆอมน้ำตาลแก่ๆบนประตู
สีคล้ายเลือด หรือยางไม้ในลักษณะสาดลงจากด้านบนลงมาด้านล่าง
สีประมาณนี้นะคะ เผื่อใครนึกไม่ออก...คล้ายๆเลือดมากๆ
กำลังมองอย่างพินิจพิจาณา แฟนเราออกมาพอดี ก็ไม่ได้เล่าอะไรให้เค้าฟัง
รีบลงมานอนห้องตัวเองที่ชั้น 2 ด้วยความง่วงเราจึงหลับทันทีที่หัวถึงหมอน แฟนเราก็เช่นกัน
จน 6 โมง เราปวดท้องอยากถ่ายหนัก จึงลุกไปไปเข้าห้องน้ำ
ระหว่างที่ทำธุระ ก็นั่งเล่นโทรศัพท์ไปด้วย กำลังเพลินๆ ได้ยินเสียงเหมือนคนจับลูกบิด
เราก็มอง แค่ 1 วินาทีเท่านั้น จากที่แค่จับลูกบิด กลายเป็นเขย่าแรง และดังมาก
ยังไม่ทันหายตกใจ ชักโครกที่เรานั่งอยู่ มันกดเองค่ะ แสดงว่าเค้าอยู่ในห้องน้ำสินะ.....เผ่นสิคะ รออารายยยย
+++เวลา 11.00 น. ทุกคนเก็บของเสร็จเตรียมตัวกลับ
เพื่อนเราด้วยความอยากรู้มันเลยถามคนทำความสะอาดไปว่า
“พี่อย่าว่าอย่างงั้น อย่างงี้เลยนะ บ้านนี้มีอะไรรึปล่าวอ่ะ??” “แล้วน้องเจออะไรกันละ” นี่คือสิ่งที่ทำให้พวกเราถึงบางอ้อ
เราจึงคาดคั้นให้เค้าเล่า ...พี่เค้าบอกว่าเมื่อก่อนที่นี่เคยมีต้นไทร์ต้นใหญ่อยู่
แต่เจ้าของที่นี่เค้าเป็นต่างขาติไม่รู้ธรรมเนียมประเพณีไทย พอซื้อปุ๊บ ก็โค่นปั๊บ
วันดีคืนดีพี่เค้ามาทำความสะอาดก็เคยเจอแบบมาเรียกอยู่ข้างหลัง พอไม่สนใจ เค้าก็ปิดประตูใส่
พวกเราเลยเล่าให้เค้าฟังบ้าง พี่เค้าเลยทิ้งท้ายว่า โอกาสนหน้ามาอีก เดี๋ยวพี่ลดค่าเช่าให้
++++จบแล้ว เรื่องที่เจอมาก็มีเท่านี้นะคะ ทุกอย่าง ทุกเหตุการณ์ที่เล่า เป็นความจริง
ขออภัยหากพิมพ์ตกหล่นไปบ้างนะคะ ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ