ตำนานเสี่ยโรงเหล้า ตรีบท

กระทู้สนทนา
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เย้ยฟ้าท้าดิน สุเทพ วงศ์กำแหง
โชคชะตาฟ้าลิขิต

.....ฟ้า....หัวเราะเยาะข้า ชะตาหรือ
ดินนั้นถือ อภิสิทธิ์ ชีวิต ข้า
พรหมลิขิต ขีด เส้น เกณฑ์ชะตา
ฟ้า อินทร์ พรหม ยมพญา ข้า หรือเกรง
ฟ้า หัวเราะ เยาะเย้ย เหวยเหวยฟ้า
พสุธา อย่าครวญว่า ข้า ข่มเหง
เย้ย ทั้งฟ้า ท้าทั้งดิน สิ้น ยำเกรง
หรือใคร เก่ง เกิน ข้า ฟ้า ดินกลัว

......ข้า ขอ ลิขิต ชีวิตข้าเอง ไม่เกรง ดิน ฟ้า
อีก พื้นพสุธา พญายม พรหมอินทร์ ทั่ว
ข้า กระทำ แต่กรรมดี มีหรือจะกลัว
มิใช่ใจชั่ว ลืม ตัว หลง ลำพอง
อัน สวรรค์ อยู่ในอก นรก นั่น หรือ
ข้า ก็ถือ อยู่ในใจ ไม่ หม่น หมอง
ละ การ ทำ ชั่ว ควรหรือจะกลัว นรก มั่นปอง
หาก ทำดี ฟ้าดินต้อง คุ้ม ครอง เอย




เรื่องเดิม

ตำนานเสี่ยโรงเหล้า ปฐมบท

ตำนานเสี่ยโรงเหล้า ทวิบท




หลังจากที่เริญกลายเป็นตัวตลกของโรงงานเบียร์ไปแล้ว
ทำให้เริญเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในวงการขายขวดเก่า
กลายเป็นฉายาประจำตัวที่เรียกขานกันแบบขำขัน
เรียกว่าเอ่ยชื่อ เริญโรงเบียร์ ทุกคนจะรู้จักแล้วหัวเราะกันเลย

มีวันหนึ่งเริญได้ไปส่งขวดเก่าที่โรงเหล้าผูกขาด
เครื่องหมายการค้ายี่ห้อ แม่น้ำของ
กับอีกยี่ห้อ ฟานทอง ไว้ทำตลาดล่าง
สมัยนั้นมีเจ้าเดียวที่ผลิตในนามของประเทศ
ชื่อเครื่องหมายการค้า แม่น้ำของ
เลียนแบบชื่อแม่น้ำที่ต้นน้ำไหลมาจากน้ำใสบริสุทธิ์
บนแนวหิมะของเทือกเขาหิมาลัย
ผ่านหุบเขาลำห้วยสะสมน้ำอีกหลายเส้นทาง
ก่อนไหลเอื่อย ๆ ไปออกมหาสมุทรแปซิฟิค
ต้องไหลผ่าน ผ่าน จีน ลาว ไทย ขอมและอั้งนั้ม

ในยุคนั้นหรือยุคนี้
ใครก็ตามเป็นเจ้าของโรงงานเหล้า
จัดว่าต้องเป็นคน รวย ๆ ๆ
ยิ่งในยุคนั้นแล้วมีการผูกขาดผลิตเหล้าสี (วิสกี้)
เหล้าขาวหรือเหล้าโรงหรือเหล้าชาวบ้าน
กับเหล้าเซี่ยงชุนกลิ่นฉุน ๆ เหม็น ๆ
บอกตรง ๆ ผู้เชียนเคยชิมแล้วไม่ชอบเลย
ต้องขออภัยสำหรับผู้ชื่นชอบสุราแบบนี้
มีโรงงานเพียงไม่กี่แห่งในศยมกุก

เหล้าที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้
เรียกได้เลยว่า Monopoly
ผูกขาดรายเดียวเจ้าเดียวแห่งเดียว
มีการผลิตขายทั่วประเทศ
และขายตามโควต้าระบุเฉพาะจังหวัด
เป็นแบบโควต้าจังหวัดใครจังหวัดมัน
ที่ฉลากพิมพ์ชื่อจังหวัดด้านในขวด
มองเห็นผ่านน้ำเหล้าได้ชัดเจน
ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นตัวหนังสือสีดำ
บอกชื่อจังหวัดชัดเจนขนาดตัวหนึ่งนิ้ว

ราคาขายต่อขวดจึงแพงมากในบางจังหวัด
ตามหลักอุปสงค์อุปทาน Demand & Supply
บางจังหวัดก็ราคาถูกกว่าอีกจังหวัด
เพียงแค่เดินข้ามไปอีกเขตจังหวัดหนึ่งเท่านั้น

แต่เพราะมีข้อกำหนดห้ามขายเหล้าข้ามจังหวัด
ใครขายข้ามเขตจะถูกจับปรับราคาแพง
หรือยกเลิกโควต้าประจำจังหวัดกันเลย
รวมทั้งโควต้าได้กันมายากมาก
เป็นของดีราคาแพงแต่คุ้มค่า
เพราะผูกขาดรายเดียวเจ้าเดียวในจังหวัด
ตามหลักการสินค้าอบายมุขกึ่งเสพย์ติด
ของกินได้ สูบได้ ไร้ประโยชน์ก็จริง
แต่สร้างสิ่งเร้าให้อารมณ์ได้ทุกครั้ง
ไม่เหมือนเสพย์ติดก็เหมือนเสพย์ติด

คนซื้อเหล้าข้ามเขตหรือข้ามโควต้า
ซื้อมากินได้ก็จริงอยู่
แต่ซื้อได้จำนวนไม่กี่ขวดมากนัก
เพราะถ้าซื้อมากขวด ๆ เข้า
เจ้าหน้าที่กรมโรงเหล้ากับกรมตำรวจ
จะไม่ยอมในเรื่องแบบนี้
มีโทษปรับและจำคุกให้พอหลาบจำ

เหล้าสีราคาถูกมากจะเป็นเหล้าสโมสร
ปิดสีเขียวที่สลาก และน่าจะไม่เสียภาษี
เพราะไม่ปิดอากรแสตมป์ที่ฝาขวด ถ้าจำไม่ผิด
รุ่นพี่เคยซื้อมากินกันในหอพักซีมะโด่ง
เวลามีงานมีการหรือขอความอนุเคราะห์
จากรุ่นพี่ที่ทำงานในโรงเหล้า
หรือจากรุ่นพี่ที่เป็นข้ารัฐการดูแลโรงเหล้า
รสชาติดีและกลมกล่อมกว่าที่วางขายกันในท้องตลาด
ดื่มแล้วตอนเช้าไม่ค่อยเมาค้างเหมือนกันสุราจากนอก

บางคนบอกว่าเหล้าสีที่ขายกันในท้องตลาดยุคนั้น
มีการผสมแอสไพรินหรือพาราเซ็สตามอล
ลงไปในกระบวนการผลิตเหล้าก่อนจำหน่ายด้วย
เพราะขายดีเหมือนเทน้ำเทท่า
มิฉะนั้นคนกินจะเมาหนักมาก หรือเมาตายฮ่า
หรือตามที่มักจะร้องเพลงกันในวงสังสรรค์ว่า

" กินเหล้า เดี๋ยวก็เมาตายฮ่า
ข้าวปลา ก็ไม่ยอมกิน
ทำไม ไม่ไปถือศีล ๆ
ประเดี๋ยว ก็ฉึก ๆ ๆ "




ทุกยุคทุกสมัยพ่อค้าคนจีนมักจะหุ้นส่วนกัน
ประมูลโรงงานผลิตเหล้าแข่งกับคนศยมกุก
มักจะมีนายทุนธนาคารหนุนหลัง
กับนักการเมืองนักการทหารหนุนหลัง
อันเป็นเรื่องปกติธรรมดาทุกยุคทุกสมัย
เรียกว่าใครได้ก็รวย ใครไม่ได้ก็สวย

มีหลักการวิชามารอย่างหนึ่งที่ว่า
เวลาจะไปประมูลแข่งขันราคากับใคร
ให้พานายธนาคารไปเป็นเพื่อนร่วมงานประมูลด้วย
ฝ่ายตรงข้ามที่รู้จักนายธนาคารพอเห็นแล้วมักจะหวาด

หวาด ภาษาใต้มาจากคำว่า หวาดกลัว หวาดเสียว
เพราะฝ่ายตรงข้ามมักจะประเมินไว้ก่อนว่า
คนมาประมูลครั้งนี้คงสู้ตายแน่นอน
มีเงินมีทองหนุนหลังมาสู้ราคาเต็มที่

หลงจู้หรือผู้จัดการโรงเหล้ามักจะเป็นคนจีน
ที่ทำงานมานานหรือเป็นหุ้นส่วนโรงเหล้า
ทำให้มีบทบาทและอิทธิพลพอตัวในวงการ
ทั้งยังรู้จักมักคุ้นนักการเมือง อธิบดีกรมโรงเหล้า
หรือผู้หลักผู้ใหญ่นายทหารหลายต่อหลายคน
ที่ในยุคนั้นชี้เป็นชี้ตายธุรกิจในศยมกุกได้เลย




วันนั้นเริญไปส่งขวดเหล้าที่โรงเหล้า
หลงจู้ได้ยินข่าวเกี่ยวกับฉายาของเริญมาก่อน
ทีแรกก็นึกขำ กับหัวเราะขำมาก
เลยสั่งคนงานที่หน้าโรงเหล้าว่า
ถ้าเริญมาขอดูตัวหน่อยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
อยากรู้จักเพราะเรื่องนี้ขำมากพอได้ยินครั้งแรก

เมื่อเริญมาส่งขวดเหล้าสีขาวในวันนั้น
คนงานหน้าโกดังที่รับขวดเหล้า
สีขาวที่ล้างทำความสะอาดแล้ว
บอกว่าหลงจู้ขอดูตัวหน่อย
พร้อมกับหัวเราะกันคิกคัก ๆ

เริญทำหน้าเรียบเฉยมากกับเรื่องนี้
กล่าวขอบคุณคนงานที่เดินมาบอก
แล้วเดินไปพบหลงจู้ที่สำนักงาน
ด้วยอาการสุภาพอ่อนน้อมตามนิสัย

ตอนที่เริญเดินเข้าไปหาหลงจู้
มีรูรั่วจุดหนึ่งบนหลังคามุงสังกะสีแผ่นหนึ่ง
แสงแดดได้ส่องทะลุผ่านรูได้
ส่องตรงลงตรงจุดที่เริญยืนรออยู่
สะท้อนแสงเปล่งประกายงดงามตัดกับใบหน้าเริญ
ทอแสงเป็นประกายงดงามเหมือนประกายเจิดจ้า
ถ้าเป็นนิยายก็เหมือนมีแสงเฮ้ากวง
หรือแบบที่เรียกว่า ฉัพพรรณรังสีจับตรงใบหน้าเริญ

หลงจู้มองเห็นแล้วก็ประทับใจมากกับภาพนี้
พอเห็นใบหน้าค่าตาของเริญก็รู้สึกชอบใจ
กอปรกับมารยาทที่งดงามพูดไทยกับจีนได้
อารมณ์ที่จะหัวเราะในเรื่องเริญโรงเบียร์ก็หายไป
รู้สึกดีมีสุขกับการคุยกับเริญมาก

หลังจากนั้นเป็นต้นมา
เวลาเริญมาส่งขวดเหล้าที่โรงงาน
หลงจู้มักจะสั่งคนงานล่วงหน้าไว้ทุกครั้ง
ให้เรียกเริญมาพบด้วยทุกครั้ง
จะขอพบชวนดื่มน้ำชาจีนและนั่งพูดคุยกัน

เริญก็มักจะนอบน้อมขอบคุณคนงานที่มาบอกทุกครั้ง
แล้ววางตัวสุภาพอ่อนน้อมกับหลงจู้และทุกคนในสำนักงาน
จนทำให้เริญกลายเป็นที่รักและเกรงใจของคนงานคนอื่น ๆ
ไม่มีใครกล้าเรียก เริญโรงเบียร์ หรือหัวเราะอีกต่อไป

ต่อมาไม่นานหลงจู้ก็ถามเริญว่า

" ลื้อรับเงินเดือนเท่าไรกับเถ้าแก่ลื้อนะ "

" เดือนเจ็ดร้อยบาทครับ
กินข้าวสามมื้อที่โรงงาน
พอกินพอใช้กับส่งให้พ่อแม่
กับน้อง ๆ ได้เรียนครับ "

เริญตอบหลงจู้

ธุรกิจคนจีนสมัยก่อน
มักจะมีการเลี้ยงอาหารคนงาน
แทนการให้คนงานออกไปหากินข้างนอก
ปัจจุบันร้านค้าทองรูปพรรณหลายแห่ง
ก็ยังมีธรรมเนียมนี้อยู่ในร้านค้าหลายแห่ง
เป็นการให้การช่วยเหลือด้านอาหารกลางวัน
กับเบื้องหลังลึก ๆ เพื่อป้องกันการทุจริต
ยักยอกลอบนำทองรูปพรรณออกจากร้านค้า
ในช่วงพักเที่ยงออกไปก่อนเวลาปิดทำการ/เช็คสต็อค

" งั้นลื้อมาทำงานกับอั้วเลย
ให้ลื้อเดือนหนึ่งพันบาท
กินข้าวสามมิ้อที่โรงงานเหมือนกัน
เริ่มงานพรุ่งนี้ได้เลย "

หลงจู้บอก

" ไม่ได้ครับ
เพราะผมยังไม่ได้บอกลาเถ้าแก่
และผมได้งานที่เดิม
เพราะเถ้าแก่เมตตาครับ
กับผมความรู้น้อย
คงช่วยเหลือหลงจู้ไม่ได้มากครับ "

เริญตอบหลงจู้อย่างสุภาพ

" เฮ่ย ไม่เป็นไรหรอก
อั้วหนังสือไทยก็ไม่รู้สักตัว
แต่ยังบริหารงานได้อย่างสบาย ๆ
คนเราขอให้มีนิสัยดี
ขยันขันแข็งก็ดีแล้ว
อั้วถูกชะตากับลื้อมาก
มาทำงานพรุ่งนี้ก็แล้วกัน
ส่วนเถ้าแก่ลื้อเดี๋ยวจะพูดให้ "

หลงจู้บอกยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าไม่เป็นไร
เรื่องที่บอกว่าเดี๋ยวจะบอกเถ้าแก่ลื้อให้
เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน
เดินทางล่องเรือมาเสี่ยงโชคพร้อมกันในศยมกุก
มีอะไรช่วยเหลือกันบอกกันได้ทุกอย่าง

" ผมยังไม่อยากรับปากหลงจู๊
ขอบอกลาเถ้าแก่เดิมก่อน
ไม่รู้ว่าแกอนุญาตหรือไม่ครับ

ถ้าอนุญาตผมจะมาทำงานกับหลงจู้
พรุ่งนี้เลยครับ ผมสัญญาครับ "

เริญบอกหลงจู้อีกครั้ง

หลงจู้เลยนึกในใจ
อ้ายหนุ่มคนนี้มันดีมาก
ไปมาลาไหว้รู้จักบุญคุณคนมาก
คนอย่างนี้ใครได้เป็นลูกเขยจะดีมาก
หน้าตาท่าทางดูมีแววว่า
เก่งกับรวยพร้อมรุ่งโรจน์มากในอนาคต




เย็นวันนั้นเริญกลับไปที่ทำงาน
โรงงานล้างขวดเก่าส่งขายตามโรงงาน
เถ้าแก่เรียกพบพร้อมกับยื่นซองแดงให้ทันที

" เถ้าแก่ ให้อั้งเปาผมทำไม
จะไล่ผมออกเหรอครับ "

เริญถามเถ้าแก่ทันที

" ม่ายช่าย
อั๊วยังเสียดายลื้ออยู๋
ตั้งแต่ลื้อมาทำงาน
ก็ถูกชะตากับโรงงาน
รายได้ก็งอกงามตลอด
มีงานเข้าทุกวัน
ทำกันไม่ทันเลย

หลงจู๊โรงเหล้า
อีโทรศัพท์มาขอตัวลื้อแล้ว
อั๊วแม้ว่าจะเสียดายตัวลื้อ
แต่ก็ยินดีไม่อยากรั้งตัวลื้อไว้เลย
แม้ว่าจะสู้เงินเดือนใหม่ไหว

แต่ดู ๆ แล้วโชคชะตาฟ้าลิขิต
ไม่อยากหยุดยั้งอนาคตลื้อไว้
เพราะทางข้างหน้ากับงานใหม่
ที่โรงงานเหล้ามีอนาคตมากกว่านี้
คนงานก็มากกว่ารายได้ก็มากกว่า
ตำแหน่งใหม่ลื้อก็ดีกว่ามาก
หลงจู้แกบอกอั๊วไว้ล่วงหน้าแล้ว

วันข้างหน้าทำงานที่นั่นไม่ได้แล้ว
กลับมาได้เลย ที่นี่ยินดีต้อนรับ
และอั๊วจะบอกลูกหลานทุกคนไว้เลย
ให้ต้อนรับลื้อเข้าทำงานได้ทุกเมื่อ ทุกเวลา
มาเช้ารับเช้า มาค่ำรับค่ำ "

เถ้าแก่โรงงานขวดบอก

" ขอบคุณ
เถ้าแก่มากเลยครับ
เงินนี้ผมรับไม่ได้หรอกครับ
ให้ผมมากเกินไปครับ "

เริญตอบพร้อมกับพยายามส่งเงินคืนให้เถ้าแก่

เถ้าแก่ไม่ยอม ยื้อให้รับให้ได้แล้วบอกว่า

" อั๊วรู้ว่า ครอบครัวลื้อลำบาก
รับไว้เถอะ อย่างน้อย
ลื้อก็ทำงานให้อั๊วได้ดี
มีกำไรงอกงามมาตลอด

งานที่ลื้อรับผิดชอบ
ก็ดีกว่าทุกคนที่เคยจ้างมา
แต่เห็นอนาคตวันข้างหน้า
ของลื้อจะดีมากจริง ๆ
วันหลังมีอะไรก็มาเซียหูกัน
(ช่วยเหลือกัน)
วาสนาของเรา
มีด้วยกันเท่านี้ละ "

" ขอบคุณเถ้าแก่มาก
ผมจะไม่ลืมบุญคุณเถ้าแก่
ตลอดชีวิตนี้เลย "

เริญตอบพร้อมกับไหว้เถ้าแก่อย่างงาม
ธรรมเนียมจีนมักจะไม่นิยมไหว้ผู้ใหญ่กัน
แค่เรียกตำแหน่งอาวุโสหรือชื่อหรือฉายา
ด้วยความสุภาพอ่อนน้อม
ก็เป็นการแสดงความเคารพอย่างหนึ่ง
การไหว้เป็นการแสดงความเคารพสูงสุด
ที่เลียนแบบวัฒนธรรมท้องถิ่นผสมผสาน

ต่อมาในภายหลัง
เถ้าแก่โรงงานล้างขวดเก่าก็ไม่ผิดหวัง
เพราะผลการร่วมมือกับเริญ
ในการทำมาค้าขายกับเริญ
ถล่มวังค้างคาวหรือโรงเบียร์เก่า
จนโรงเบียร์เก่าแทบย่อยยับล่มสลาย
ต้องจ่ายแพงกว่าเดิมมากมาย
แทบกระอักเลือดตายคาที่

แถมเถ้าแก่ยังได้ทั้งเงินได้ทั้งกล่อง
ได้กำไรอย่างงดงามเรียกว่า
อย่างไม่เคยพบเคยเห็นมาทั้งชีวิตเลยว่า
แบบหมูวิ่งชนปังตอคมกริบที่วางใบมีดรอรับอยู่
วิ่งชนจนทั้งเลือดทั้งเนื้อทั้งเอ็นทั้งกระดูก
ขาดออกมาเป็นชิ้น ๆ อย่างงดงาม
ไม่ต้องรอตัดขายให้เขียงหมู
ได้ราคาขายอย่างสบายใจเฉิบ
จนเป็นมหากาพย์ครั้งยิ่งใหญ่




หลังจากเริญทำงานกับหลงจู้ได้ไม่นานนัก
ผลงานก็ออกมาดีเยี่ยมสมใจนีกบางลำพู
ใช้ให้เริญไปติดต่อหน่วยราชการเวลายื่นเสียภาษี
ให้ไปต้อนรับนำของไปให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในวงราชการ
หรือติดต่อกรรมการ/หุ้นส่วนโรงเหล้า
ก็ได้ผลงานตามที่หลงจู้ต้องการทุกครั้ง

แม้ว่าเริญจะมีฉายา เริญโรงเบียร์
ที่เดิมเป็นที่หัวเราะเยาะกันนำหน้า
ดูน่าตลกขบขันในตอนแรก
แต่พอเวลาใคร ๆ พบปะกับเริญ
ต่างพึงพอใจกับมารยาทที่นอบน้อม
และการพูดจาปราศรัยที่สุภาพ
ต่างชื่นชมจนบอกมายังหลงจู้เป็นประจำ

วันหนึ่งช่วงว่าง ๆ ในที่ทำงาน
หลงจู้เลยถามตรง ๆ ไปเลยว่า

" อาตี๋อ่า ลื้อแต่งงานแล้วยัง "

เริญตอบด้วยความสุภาพอ่อนน้อมว่า

" ยังครับ ต้องทำงานช่วยพ่อแม่
กับส่งน้องเรียนอีกหลายคนครับ
คงไม่มีใครอยากมาลำบาก
ร่วมกันผมหรอกครับ "

" ถ้ามี ก็บอกอั๊วนา
จะไปสู่ขอให้พร้อมสินสอดทองหมั้น "

หลงจู้บอกกับเริญ

" ขอบคุณมากครับ "

เริญตอบหลงจู้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่