สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14

โครงการ ๓๐ บาท
น่าจะเลิกยาก คนไทยติดแล้ว และถือว่าเป็นความสำเร็จของวงการสาธารณสุขไทย
สำหรับแนวคิดปฏิรูปโครงการ ๓๐ บาท รัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข
เคยเสนอให้ประชาชนบางส่วน(คนรวย)ร่วมจ่ายเงินด้วย ทั้งนี้เพราะรัฐแบกภาระไม่ไหว
แต่เพราะโครงการ ๓๐ บาท เป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์และเข้าถึงกับคนส่วนใหญ่
จึงต้องคงอยู่จ่อไป แต่จะหามาตราเพื่อลดภาระและปรับปรุงการบริการประชาชให้ดีกว่าเดิม
เท่าที่จำได้ ลุงตู่...ก็เคยพูดเรื่องนี้ “เราเคยบอกว่าจะลดความเหลื่อมล้ำใช่มั้ย...
ผมว่า...บ้านเรานี่คนรวยๆ เยอะนะ หรือก็กลางๆ ก็ได้ ที่ไม่ลำบากมากนัก
ลองดูผมให้แนวทางเพื่อจะเอาเงินตรงนี้ตัดยอดออกไปแล้วไปให้กับคนจนจริงๆ ที่รายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ "
สำหรับแนวคิดปฏิรูปโครงการ ๓๐ บาท คือยกเลิกคนรวย ให้ใช้สำหรับคนจนเท่านั้น
...แต่ปัญหาอยู่ที่สถานพยาบาลหรือเกณฑ์ตัดสินว่า คนไหนรวยคนไหนจน
การบรรจุรายได้ในบัตรประชาชน...ก็เพราะแนวคิดนี้ด้วย
สำหรับโครงการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
ที่รู้จักกันในนามของโครงการ ๓๐ รักษาทุกโรค เป็นนโยบายที่เข้าถึงประชาชนมากที่สุด
จากสถิติพบว่าปัจจุบันมีคนไทยร้อยละ ๗๕ จากประชากรกว่า ๖๔ ล้านคน
มีสิทธิ์ในหลักประกันสุขภาพที่ช่วยคุ้มครองดูแลสุขภาพ ในด้านการรักษาโรค การป้องกันโรค
ส่งเสริมสุขภาพการฟื้นฟูสมรรถภาพ ตามข้อบ่งชี้ของแพทย์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ข้อดีที่เห็นได้ชัดก็คือ ประชาชนได้รับการคุ้มครองค่าบริการทางการแพทย์
โดยไม่เสียค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ลดปัญหาความยากจนจากการล้มละลายเพราะค่ารักษาพยาบาล
แต่ข้อดีนี้...ก็ส่งผลกระทบทางลบหลายประการ เช่น เกิดภาระด้านงบประมาณของประเทศ
จนอาจมีปัญหาความยั่งยืนของระบบ, จึงมีความพยายามที่จะลดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นทุกปี
เนื่องจากจำนวนประชากรที่ใช้บริการเพิ่มขึ้นและความสามารถในการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น
โดยกำหนดมาตรการหลายอย่างเช่น ใช้เงินเป็นตัวกำหนดโรค, กำหนดการรักษาพยาบาล
จนอาจเกิดการลดคุณภาพการรักษาพยาบาล,โรงพยาบาลต้องแบกรับภาระค่ารักษาพยาบาล
จนไม่มีงบประมาณในการลงทุนจัดหาซื้อวัสดุอุปกรณ์ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ฯลฯ มีการจำกัดการจ่ายยาที่มีาคาแพง,
ประชาชนไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพตนเองแม้เจ็บป่วยเล็กน้อย...ต้องมาพบแพทย์ เป็นต้น
ส่วนข้อเสียคือ เป็นนโยบายซึ่งต้องการงบประมาณมากขึ้นเรื่อยๆ
จากจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น การใช้บัตรมากขึ้น โรคซับซ้อนขึ้น ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนไข้กับแพทย์ลดลง
จำนวนคนไข้มาก โอกาสผิดพลาดทางการรักษาพยาบาลก็มีมาก และจะกลายเป็นว่าการป้องกันโรครักษาโรค
กลายเป็นหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนไม่พึ่งตนเอง มีแต่รอรับความช่วยเหลือหรือรอรับบริการ
ดังนั้น หากจะให้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างยั่งยืน
เกิดความสมดุลระหว่างการใช้งบประมาณกับคุณภาพและปริมาณการรักษาพยาบาล
จึงควรมีการปฏิรูประบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือโครงการ ๓๐ ที่กำลังเป็นกระแสข่าวอยู่ในขณะนี้

โครงการ ๓๐ บาท
น่าจะเลิกยาก คนไทยติดแล้ว และถือว่าเป็นความสำเร็จของวงการสาธารณสุขไทย
สำหรับแนวคิดปฏิรูปโครงการ ๓๐ บาท รัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข
เคยเสนอให้ประชาชนบางส่วน(คนรวย)ร่วมจ่ายเงินด้วย ทั้งนี้เพราะรัฐแบกภาระไม่ไหว
แต่เพราะโครงการ ๓๐ บาท เป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์และเข้าถึงกับคนส่วนใหญ่
จึงต้องคงอยู่จ่อไป แต่จะหามาตราเพื่อลดภาระและปรับปรุงการบริการประชาชให้ดีกว่าเดิม
เท่าที่จำได้ ลุงตู่...ก็เคยพูดเรื่องนี้ “เราเคยบอกว่าจะลดความเหลื่อมล้ำใช่มั้ย...
ผมว่า...บ้านเรานี่คนรวยๆ เยอะนะ หรือก็กลางๆ ก็ได้ ที่ไม่ลำบากมากนัก
ลองดูผมให้แนวทางเพื่อจะเอาเงินตรงนี้ตัดยอดออกไปแล้วไปให้กับคนจนจริงๆ ที่รายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ "
สำหรับแนวคิดปฏิรูปโครงการ ๓๐ บาท คือยกเลิกคนรวย ให้ใช้สำหรับคนจนเท่านั้น
...แต่ปัญหาอยู่ที่สถานพยาบาลหรือเกณฑ์ตัดสินว่า คนไหนรวยคนไหนจน
การบรรจุรายได้ในบัตรประชาชน...ก็เพราะแนวคิดนี้ด้วย
สำหรับโครงการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
ที่รู้จักกันในนามของโครงการ ๓๐ รักษาทุกโรค เป็นนโยบายที่เข้าถึงประชาชนมากที่สุด
จากสถิติพบว่าปัจจุบันมีคนไทยร้อยละ ๗๕ จากประชากรกว่า ๖๔ ล้านคน
มีสิทธิ์ในหลักประกันสุขภาพที่ช่วยคุ้มครองดูแลสุขภาพ ในด้านการรักษาโรค การป้องกันโรค
ส่งเสริมสุขภาพการฟื้นฟูสมรรถภาพ ตามข้อบ่งชี้ของแพทย์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ข้อดีที่เห็นได้ชัดก็คือ ประชาชนได้รับการคุ้มครองค่าบริการทางการแพทย์
โดยไม่เสียค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ลดปัญหาความยากจนจากการล้มละลายเพราะค่ารักษาพยาบาล
แต่ข้อดีนี้...ก็ส่งผลกระทบทางลบหลายประการ เช่น เกิดภาระด้านงบประมาณของประเทศ
จนอาจมีปัญหาความยั่งยืนของระบบ, จึงมีความพยายามที่จะลดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นทุกปี
เนื่องจากจำนวนประชากรที่ใช้บริการเพิ่มขึ้นและความสามารถในการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น
โดยกำหนดมาตรการหลายอย่างเช่น ใช้เงินเป็นตัวกำหนดโรค, กำหนดการรักษาพยาบาล
จนอาจเกิดการลดคุณภาพการรักษาพยาบาล,โรงพยาบาลต้องแบกรับภาระค่ารักษาพยาบาล
จนไม่มีงบประมาณในการลงทุนจัดหาซื้อวัสดุอุปกรณ์ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ฯลฯ มีการจำกัดการจ่ายยาที่มีาคาแพง,
ประชาชนไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพตนเองแม้เจ็บป่วยเล็กน้อย...ต้องมาพบแพทย์ เป็นต้น
ส่วนข้อเสียคือ เป็นนโยบายซึ่งต้องการงบประมาณมากขึ้นเรื่อยๆ
จากจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น การใช้บัตรมากขึ้น โรคซับซ้อนขึ้น ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนไข้กับแพทย์ลดลง
จำนวนคนไข้มาก โอกาสผิดพลาดทางการรักษาพยาบาลก็มีมาก และจะกลายเป็นว่าการป้องกันโรครักษาโรค
กลายเป็นหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนไม่พึ่งตนเอง มีแต่รอรับความช่วยเหลือหรือรอรับบริการ
ดังนั้น หากจะให้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างยั่งยืน
เกิดความสมดุลระหว่างการใช้งบประมาณกับคุณภาพและปริมาณการรักษาพยาบาล
จึงควรมีการปฏิรูประบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือโครงการ ๓๐ ที่กำลังเป็นกระแสข่าวอยู่ในขณะนี้
แสดงความคิดเห็น

@มุมกาแฟNONแดง(มุมนี้ไม่มีใครเป็นเสื้อแดง)วันอังคารที่ 05/01/2559:ยันไม่เลิกโครงการ '30บาท-บัตรทอง' จะทำให้ดีกว่าเดิม@
ซึ่งเราหาเงินไม่ได้ในส่วนนี้ และยังมีเรื่องการศึกษา รถเมลล์-รถไฟฟรี ที่จะต้องใช้งบประมาณจำนวนมากแต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องให้ประชาชนเพราะมีการดำเนินการมาอยู่แล้ว จึงต้องหางบประมาณส่วนหนึ่งมาสร้างความเข้มแข็ง เช่น ในส่วนของระบบการป้องกันมากกว่าการรักษาอย่างเดียว ให้มีการเรียนรู้ว่าจะป้องกันตัวเองอย่างไรเพื่อลดค่ารักษาลงไปไม่ใช่ลดหรือไม่ให้เงิน ใครป่วยก็คือป่วยก็ได้รับสิทธิเช่นเดิม แต่หากป่วยให้น้อยลงก็ดีเพื่อจะได้นำงบประมาณไปใช้ในส่วนอื่น จึงมีแนวคิดจากคณะกรรมการว่าจะมีการลดหรือเพิ่มเติมอย่างไร ซึ่งยังไม่ได้ข้อยุติแต่ต้องรับฟังความคิดเห็นประชาชนด้วย อย่าไปใจร้อนใครจะไปยกเลิกสิทธิ 30 บาท
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ราคายางที่ตกต่ำที่สุด ว่า “แล้วยังไงเพราะอะไร รู้หรือยังว่าเพราะอะไรถ้าจะมาถามผม ผมจะต้องถามกลับว่าเป็นแบบนี้เพราะอะไร เคยมีระบบหรือโครงสร้างทำไว้หรือไม่ ราคาน้ำมันตกต่ำหรือไม่ และทำอย่างไรให้หาเงินมาอุดหนุนให้ ต้องการแบบนั้นหรือ ก็เอาสิ โครงการ 30 บาทก็ยกเลิกไปเอามาจ่ายค่ายาง ค่าข้าว ให้มันชดเชยไป เพราะผมมีเงินเท่านี้ แต่ตอนนี้ก็กำลังสร้างความเข้มแข็ง”
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/681194