.
       คำว่า posse แปลความหมายตาม Dictionary  ได้ว่า [N] กองกำลังติดอาวุธที่มีอำนาจตามกฎหมาย ซึ่งบทความนี้ผมจะเขียนถึงแก๊งค์อันธพาลที่ครอบครองอำนาจด้วยปืน ในประเทศจาเมก้า

       jamaican Posse (จาเมกัน โปรเซ) คือแก๊งอันธพาลที่มีชื่อเสียงในแง่ลบติดระดับโลก เป็นแก๊งค์อันธพาลที่แปรสภาพบางส่วนมาจากกองกำลังทหาร โดยกองทหารจาเมก้าบางกลุ่ม ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญพัวพันกับการค้ายาเสพติดและอาวุธในช่วงต้นยุคปี 80 พอในปี 1986 ที่พวกเขามีส่วนร่วมการค้าปืนและยาเสพติดขนานใหญ่ในอเมริกา ต่อมาก็ขยายเครือข่ายค้ามนุษย์ โดยมีศูนย์กลางการค้ามนุษย์ในนิวยอร์กและไมอามี่รวมถึงเมืองใหญ่ ๆในอเมริกา

       แก๊งค์นี้ถือมีความเกี่ยวข้องทางการเมืองและมีอิทธิพลต่อการเมืองในประเทศจาเมก้าเองค่อนข้างสูง ทำให้แก๊งค์นี้สามารถขยายอิทธิพลได้มากขึ้น ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาขัดขวางแก๊งค์นี้ได้เลย ในอดีตตอนเริ่มแรกนั้น แก๊งค์นี้ก็ถือเป็นแก๊งค์ข้างถนนทั่วๆไป ตีกันฟันแทงอะไรบ้างเป็นเรื่องปกติสากล ไม่ว่าจะเป็นการดวลปืนกับตำรวจก็ดี ขับรถไปยิงไปบ้าง

ซึ่งงานเบียนชิ้นนี้ผมจะเขียนถึงแก๊งค์อันธพาลที่ครอบครองอำนาจด้วยปืน ในประเทศจาเมก้า เทียบเคียงควมามแตกแต่างกับอีกแก๊งค์ ในสังคมของประเทศไทย

ส่วนคำว่า possess แปลความหมายตาม Dictionary  ได้ว่า [VT] เป็นเจ้าของ, See also: ครอบครอง, ถือครอง ซึ่งบทความนี้ผมจะเขียนถึงแก๊งค์อันธพาลที่ทำตัวเป็นผู้ครอบครองอำนาจ ในกะลาแลนด์

      Kalachon possess (กะลาชน โปรเซท) คือ แก๊งค์ของพวกที่อยู่ในกะลาขี้แพ้ก่อกระแสต่อต้านรัฐบาล ที่มาจากประชาชนในประเทศไทย ที่ก่ออาชญากรรมระดับโลก อย่างการปิดสนามบินมาแล้ว เนื่องจากคนพวกนี้ใช้กะลาของตัวเองครอบประเทศนี้ไว้ จึงไม่ยอมรับในสิทธิเสรีภาพในการเลือกตัวแทนจากประชาชนคนอื่นๆ สมาชิกของแก๊งค์นี้ คิดตามผู้นำแบบฝั่งหัว ว่าพรรคพวกตนเองมีสติปัญญาเหนือคนทั่วไป ย่อมมีสิทธิขาดในการกำหนดตัวผู้นำประเทศได้

       แก๊งนี้ก่อตั้งในปี 2544 ในชื่อ “พันธมิตรมวลชนเพื่อ....(การแย่งชิง)” ซึ่งมีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งในองค์กรชั้นนำ แผ่อิทธิพลโดยใช้บุคคลในองค์กรเหล่านั้น แสดงท่าทีสนับสนุนแก๊งค์ตนเองอย่างออกหน้าออกตา ทั้งการไฟฟ้า การรถไฟ การบินไทย อาจารย์ในมหาลัยชื่อดังต่างๆ อาศัยอ้างสถาบันในการโจมตีฝ่ายตรงข้าม ปลุกกระแสที่ส่วนใหญ่เป็นคนกรุง ใช้มวลชนจัดตั้ง ซึ่งขนคนมาจากภูมิภาคหนึ่งซึ่งสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลขณะนั้น

แก๊งค์นี้ถือมีความเกี่ยวข้องทางการเมืองและมีอิทธิพลต่อการเมืองในประเทศไทยเองพอสมควร คืออยู่ฝั่งพวกขี้แพ้ในสภาตามวิถีทางที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย แล้วก็พาคนออกมาอยู่บนท้องถนน ปิดล้อมบ้าง ยึดสถานที่ราชการบ้าง

       jamaican Posse ขยับฐานะขึ้นจากแก๊งค์นักเลงข้างถนน มาเป็นแก๊งค์อิทธิพลข้ามชาติ เพราะมีมีทหารเข้ามาเกี่ยวพันด้วย เมื่อมีแบ๊คอัพทำให้แก๊งค์นี้ก้าวเข้าสู่วงการยาเสพติดและค้าอาวุธ เป้าหมายสำคัญของแก๊งนี้คือการสร้างโครงข่ายยาเสพติดข้ามชาติ โดยมีสหรัฐเป็นเป้าหมายสำคัญ

      Kalachon possess ขยับฐานะลงกลุ่มก้อนทางการเมืองตามระบอบ ไปเป็นแก๊งค์นอกระบอบซึ่งอยู่ข้างถนน พยายามทำทุกวิธีเพื่อให้ทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง ใช้ความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับผู้นำกองกำลังบางคนทำให้ทหารสงวนท่าที มิเข้าร่วมปราบปรามการกระทำที่ผิดกฎหมายของแก๊งค์ตนเอง อาวุธ เป้าหมายสำคัญของแก๊งนี้คือล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งประเทศ โดยมีอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ เป็นเป้าหมายสำคัญ

       jamaican Posse ได้เริ่มเข้ามามีบทบาททางด้านต่างประเทศมากขึ้น (ค้าขายดี เงินดี) ก็ยิ่งทำให้แก๊งค์นี้มีความแข็งแกร่งขึ้นจนสามารถเข้าควบคุมการเมืองจาเมก้าได้เป็นบางส่วน ด้วยการใช้อำนาจข่มขู่ หรือผลประโยชน์เข้าล่อ ให้นักการเมืองบางฝ่ายยอมตกอยู่ใต้อาณัติ  

      Kalachon possess ได้เริ่มมีบทบาทเด่นชัด เมื่อทำลายความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ จนเศรษฐกิจถดถอย (ค้าขายไม่ได้ ไม่มีเงิน) ก็ยิ่งทำให้แก๊งค์นี้มีความแข็งแกร่งขึ้นจนสามารถเข้าครอบงำคนกรุงให้คล้อยตามได้ ด้วยข้อกล่าวหาประหลาดๆ เช่นระบอบทักษิณ, ล้มเจ้า, ขนาดทักษิณขายทรัพย์สินตัวเอง ยังเรียกร้องให้แบ่งให้รัฐ ราวกับว่าเป็นทรัพย์สินของชาติที่มีกำไร ต้องแบ่งรัฐ ด้วยการป้ายสีทำลายชื่อเสียง หรือหรือทำลายเศรษฐกิจแล้วโยนความผิดให้ทักษิณ ให้ผู้หลงผิด เชื่อตามคำโป้ปดเหล่านั้นตกอยู่ใต้อาณัติ  

       jamaican Posse แก๊งค์นี้ไม่ได้มีการจัดโครงสร้างนัก ไม่เหมือนอย่างกับที่เราดูตามหนังเกี่ยว กับมาเฟีย ที่โครงสร้างชัดเจน แต่พวกเขาเองก็ค่อยๆเติบโตมาแล้วก็สามารถครองอำนาจพื้นที่ต่างๆได้อย่างเบ็ดเสร็จ ซึ่งกฎเหล็กของแก๊งค์นี้จะต้องใช้ความรุนแรงเป็นหลักสำคัญเพื่อเป็นการสร้างฐาน หวังในอำนาจโดยใช้ความเกรงกลัวของผู้คนเป็นเครื่องต่อรอง

      Kalachon possess แก๊งค์นี้มีการจัดระบบอย่างมีแบบแผนมีการกำหนดตัวประสานของกลุ่มองค์กรแนวร่วมต่างๆจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจชั้นนำ แม้จะครองพื้นที่ภานนอกไม่ได้ แต่ก็ได้ถือโอกาสเข้ายึดพื้นที่สนามบิน ซึ่งเป็นความผิดรดับเดียวกับการก่อการร้าย  มาแล้วก็สามารถครองอำนาจพื้นที่ต่างๆในสนามบินได้อย่างเบ็ดเสณ็จเพราะคนภายในองค์กรที่ดูแลสนามบิน ล้วนรู้เห็นเป็นใจกับแก๊งค์นี้ ซึ่งกฎเหล็กของแก๊งค์นี้จะต้องใช้การทำลายเศรษฐกิจเป็นหลักสำคัญเพื่อเป็นการสร้างฐานในการเกิดภาวะ Fail state พยายามก่อผลกระทบให้กับคนวงกว้าง หวังในอำนาจโดยใช้ความเด็ดร้อนของผู้คนเป็นเครื่องต่อรอง

       jamaican Posse มีอิทธิพลถึงขนาดทำให้รัฐบาลของตัวเองปฏิเสธที่จะส่งตัวสมาชิกคนหนึ่ง ซึ่งถูกจับได้ ไปให้กับสหรัฐตามคำร้องขอของ CIA  โดยในปี 1989 สมาชิกคนหนึ่งของแก๊งค์นี้ ชาร์ลส์ 'ลิตเติ้ลนัท' มิลเลอร์ถูกจับกุมได้ในสหรัฐ และถูกตั้งข้อหาค้ายาเสพติดและฆาตกรรม แต่ไม่ยอมที่จะเป็นพยานให้ซัดทอดถึงผู้นำแก๊งคนอื่น ๆ เพื่อที่จะถูกกันตัวไว้เป็นพยาน เขาถูกจับได้เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อหาในเหตุการณ์ เก้าฆาตกรรม - มิลเลอร์เปิดเผยความสัมพันธ์ของเขากับ JLP (อักษรย่อชื่อของ jamaican Posse) เป็น “ปฏิบัติการทางการเมือง” เช่นเดียวกับซีไอเอเคยทำไป

       Kalachon possess มีอิทธิพลขนาด กองทัพซึ่งเป็นหน่วยงานความมั่นคงปฏิเสธที่จะจัดการใดๆกับแก๊งค์ตนเอง แม้จะเป็นการกระทำความผิดอย่างจะแจ้ง และเป็นการก่อการร้ายสากล ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ กองทัพก็ยังคงนิ่งเฉย ราวกับว่าการยกพวกเข้าปล้นสนามบินของแก๊งนี้นั้น เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่คนบางกลุ่มสามารถกระทำได้ เป็น “ปฏิบัติการทางการเมือง” เช่นเดียวกับประชาชนคนอื่นที่แสดงออกด้วยการใช้สิทธิใช้เสียงลงคะแนนเลือกตั้ง

       jamaican Posse ถูกดำเนินการเพราะทางสหรัฐได้รวบรวมหลักฐาน ในปี 2009 ก็รวบรวมหลักฐานได้สำเร็จ และขอให้จาเมก้าจับตัวผู้นำของแก๊งค์ที่ชื่อ คริสโตเฟอร์ โค้ก มาดำเนินคดีในสหรัฐข้อหาค้ายาเสพติด, อาวุธ และฆาตกรรม แต่นายกรัฐมนตรีของประเทศจาไมก้าและนาย บรูซดิงส์ ซึ่งเป็นประธานรัฐสภา กลับถ่วงเวลาโดยเริ่มต้นการสอบสวนความผิดตามกฎหมายของจาเมก้าแล้วค่อยดำเนินการต่อหากผิดจริงตามการร้องขอ แล้วก็อ้างว่าดักฟังโทรศัพท์ เป็นหลักฐานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายของจาเมก้า ถูก CIA นำมาใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลความผิดของโค้ก จึงได้ตอบปฏิเสธการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้กับสหรัฐ ซึ่งนั้นแสดงให้เห็นว่า อิทธพลของแก๊งอันธพาลแก๊งค์นี้มีมากขนาดไหน

       Kalachon possess ถูกดำเนินการเพราะรัฐบาลที่มีอำนาจในตอนนั้น ได้ทำเรื่องแจ้งข้อหาและฟ้องดำเนินคดีอาญากับศาลยุติธรรม แต่กลับถูกผู้พิพากษาปฏิเสธที่จะดำเนินคดีทันที โดยอ้างหลักฐานและพยานจำนวนมากเป็นเหตุให้การสอบสวนเป็นไปอย่างล่าช้า และไม่มีทีท่าว่าจะทำเสร็จในชาตินี้ แกนนำของแก๊งค์นี้ ก็ยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ผู้ร่วมสมคบคิดจากองค์กรที่ดูแลรับผิดชอบสนามบิน ก็ยังได้ดิบได้ดี แม้จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนทางวินัย ก็ได้ผลสรุปที่น่าอับอายสายตาชาวโลกว่า ไม่มีความผิด จนคนที่เข้าร่วมกับปฏิบัติการณ์ยึดสนามบินครั้งนี้ เชื่อว่า การทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ เป็นสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมู่ของพวกตน มีการประกาศชัยชนะ ที่พวกตนสามารถทำลายเศรษฐกิจของประเทศลงได้ ซึ่งเป็นการสร้างปัญหาให้กับรัฐบาลที่แก๊งค์ตนไม่ชอบหน้า

มาดูประวัติของผู้นำแก๊งค์อันธพาล jamaican Posse ที่ชื่อ คริสโตเฟอร์ โค้ก คนนี้กันหน่อย
       คริสโตเฟอร์ โค้ก เป็นลูกชายของ เลสเตอร์ โค้ก ผู้ก่อตั้งแก๊งนี้ขึ้น เขาได้สืบต่ออำนาจแทนพ่อของเขาที่ตายในปี 1992 ตอนอายุ 23 กลายเป็นผู้นำของแก๊งและยังพัฒนาจนวางท่าทางพฤตินัยเป็นผู้นำของย่าน Tivoli ชุมชนในเมืองเวสต์คิงส์ตัน เขาได้ชักนำชุมชนและคนเหล่านั้น จนได้รับการสนับสนุนในท้องถิ่นอย่างมาก จนตำรวจจาเมกาไม่สามารถที่จะเข้าไปในละแวกนี้ได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมชุมชนหรือโค้กเสียก่อน

       ส่วนประวัติของผู้นำแก๊งค์อันธพาล Kalachon possess  ผู้เขียนขี้เกียจสาธยาย เพราะท่านที่เข้ามาอ่านก็คงพอรู้กันดีอยู่แล้ว่าผู้เขียนหมายถึงใครบ้าง และคงจะคุ้นๆ กับพฤติกรรมประกาศศักดาอยู่บ้าง เพราะที่เมืองไทย แค่ตั้งกรวย ที่ใครจะผ่านเข้าไปต้องขออนุญาตก่อน หากเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็คงไม่แคล้วโดนทำร้ายทำลายชีวิต

       ท่านที่เข้ามาอ่านกะทู้นี้ คงจะพอเห็นความแตกต่างของทั้งสองแก๊งค์ที่ผมเอ่ยมา ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ วิธีการ จุดมุ่งหมาย แต่ที่สุดแล้วทั้งหมดทั้งมวล ก็สร้างผลร้ายอย่างเดียวกัน คือ ประเทศสูญเสียความน่าเชื่อถือจากสายตาโลก

       จาเมก้าโดยมองจากสายตาชาวโลกว่าเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนในครั้งที่ยังไม่จัดการกับแก๊งค์อันธพาล jamaican Posse อย่างเด็ดขาดอย่างไร ไทยเองก็ไม่ต่างกัน ตราบที่กระบวนการยุติธรรมยังไม่ดำเนินการอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันกับคนอื่นๆ และตัวการร้าย Kalachon possess  


ป.ล.กะทู้นี้ผู้เขียนไม่ได้ใส่สาระอะไรลงมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกัน เพราะมันเป็นการเขียไปเรื่อยมากกว่ามีจุดประสงค์ชัดเจนเหมือนอย่างที่เคยในบทความก่อนๆ ต้องขออภัยด้วยครับ เพราะบางทีการเขียนอะไรแบบเดิมๆบ่อยครั้งเข้า มันก็ทำให้รู้สึกเบื่อครับ วันนี้เลยขอลองเปลี่ยนบรรยากาศสักวัน ให้ผมได้เขียนอะไรในมุมที่แตกต่างไปบ้าง ถือว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศในวันหยุดสุดท้าย ก่อนที่จะเริ่มต้นชีวิตทำมาหากินกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้นะครับ

ท่านใดที่อยากอ่านสาระแนะนำกะทู้ของผมเมื่อวานนี้ครับ http://pantip.com/topic/34627902 รับรองมีให้อ่านจุใจแน่นอนครับ

ขอบคุณครับ
นายพระรอง