แค่มาบ่นว่าเศรษฐกิจไม่ดี ทำไมต้องหาว่ามาโจมตีรัฐบาลด้วย?

ไม่รู้ว่าหลายคนเป็นแบบผมมั้ย คือทำธุรกิจดีๆอยู่แล้วอยู่ๆยอดขายมันก็ตกลง ซึ่งตอนแรกเลยเราไม่โทษรัฐบาลหรอก เราหาสาเหตุอื่นๆก่อนว่าสินค้าเราแย่ลงมั้ย มีคู่แข่งเพิ่มหรอ เศรษฐกิจไม่ดีหรือปล่าว? ด้วยความที่สงสัยก็มาโพสถามนี่แหละ ว่าธุรกิจตอนนี้ใครดีมั้ง ใครแย่มั้ง มันก็เหมือนเป็นการแชร์ความคิดเห็นของผู้ประกอบการเล็กๆด้วยกัน วึ่งผมมองว่ามันได้รับรู้หลายด้านดีทั้งข้อด้อยของตัวเอง ได้เรียนรู้ธุรกิจคนอื่นๆว่าเค้าก็แย่เหมือนๆกัน แต่อยุ่ๆมันจะทำให้หงุดหงิด ก็ไอ้คนประเภทที่อยุ่ๆพิมพ์มาว่า ฝั่งตรงข้ามรัฐบาลล่ะซิ ทำไมไม่ปรับตัว ปรับตัวไม่ได้ก็เลิกไปซะ บลาๆๆๆ ซึ่งตัวผมเองขอชี้แจงเป็น 2 ประเด็น

     ประเด็นแรก กล่าวหาว่ามาโจมตีรัฐบาล เป็นฝั่งตรงข้าม ผมพูดด้วยความสัตย์จริงเลยว่าผมเห็นแก่เงิน ผมไม่สนใจข้างไหนสีไหนหรอก ตราบใดรัฐบาลไหนเข้ามาเศรษฐกิจดี ทำมาค้าขึ้น ผมก็เลือก ไม่เสียเวลาไปชุมนุมไล่ใครให้เปลืองเวลาหาเงิน แค่ผมหยุดขายของวันเดียวกำไรหายไปและ 3000-4000 คือบางทีเราเข้ามาพิมพ์หาแนวร่วมคนที่ประสบปัญหาธุรกิจเหมือนกันนั้น มันจะเข้าใจกันง่ายกว่า คุยกันรู้เรื่อง ไม่สนใจหรอกว่าจะรวมตัวโจมตีรัฐบาล แต่เมื่อรัฐบาลนี้อยู่มาปีนึงจะไม่ให้ด่าให้ว่าก็เกินไปหน่อยมั้ย เป็นเทวดามาจากไหนว่ากล่าวไม่ได้ว่าบริหารไม่ดี แล้วคนในห้องสินธรนี้แปลกอย่าง สมัยรัฐบาลก่อนตัวเองก็โจมตีเรื่องเศรษฐกิจเค้าในห้องนี้ แล้วบอกว่าการเมืองเศรษฐกิจเป็นของคู่กัน แต่พอมาวันนี้คนอื่นเข้ามาบ่นเรื่องการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลดันบอกว่าห้ามแท๊กห้องอื่น ห้องนี้ไว้คุยกันแต่เศรษฐกิจ ตลกดีเนอะ

      ประเด็นที่สอง เรื่องการปรับตัว ผมจะดีใจมากนะที่ได้รับความรู้และประสบการณ์จากผู้ประกอบการตัวจริงที่ปรับตัวดำเนินธุรกิจให้สำเร็จในช่วงนี้ได้ ซึ่งผมมองรอบกายผมแล้ว มีแค่ 10%-20% เท่านั้นที่ขยายตัวสวนทางกับสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ คนรอบกายที่เห็นสองท่านคือ ขายจักรยานระดับไฮเอนท์กับอุปกรณ์ออกกำลังกาย ซึ่งโตสวนทางกับผมจริงๆ นอกนั้นก็ทรงๆ ลุ่มๆดอนๆ อยุ่ที่ใครจะสายป่านยาวกว่ากัน ก็ปรับตัวกันไปตามสถานการณ์ซึ่งมันเป็นสัญชาตญาณของคนที่ทำธุรกิจอยุ่แล้ว แต่มีบางคน เมมเบอร์ในนี้แหละ บางคนยังเป็นลุกจ้างเค้าอยู่เลย บางคนทำข้าราชการ บางคนทำรัฐวิสาหกิจ บางคนทำงานบริษัท หลายคนเป็นหมอ หลายคนเป็นครู เที่ยวมาสอนบอกพวกผมว่าเพราะไม่ปรับตัวนี่ไงเลยเจ๊ง ผมก็อยากจะถามคุณที ว่าคุณเคยมีผลงานบริหารธุรกิจอะไรมาบ้างหรือปล่าว เคยดูแลเรื่องรายรับรายจ่าย บริหารต้นทุนด้วยตัวเองมั้ย ทำตัวเป็นพวกสอนจระเข้ว่ายน้ำ แค่ซื้อหนังสือเล่นหุ้นมาอ่าน ซื้อหนังสือเศรษฐศาสตร์มาอ่าน หาอ่านตามอินเตอรืเน็ต ก็เป็นกูรูเศรษฐกิจแล้วหรอ ถึงเที่ยวมาสั่งสอนผู้ประกอบการว่าเค้าต้องปรับตัวยังไง ไม่ต้องมาบอกว่า เราปรับตัวตลอดเวลาอยู่แล้ว เรารู้ว่าช่วงไหนขายดี ช่วงไหนซบเซา ช่วงไหนควรเพิ่มออเดอร์ มันเป็นธรรมชาติของการทำธุรกิจเพื่อความอยู่รอดอยู่แล้ว

      อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ผมแพ็คของขายไม่ทันเพราะเป็นช่วงเทศกาล แต่ผมเตรียมปรับตัวหลังปีใหม่ว่า ปี59 จะต้องแย่กว่าปี 58 แน่นอนเพราะต้องทะเลาะกันเรื่องประชามติรับไม่รับกันแน่ หากใครไม่ปรับตัว ตายสนิทแน่นวล

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ต้องบ่นว่า เศรษฐกิจไม่ดีเพราะค่าแรงขั้นต่ำ 300 และโครงการรถคันแรกครับ จะมีคนกดถูกใจทันที
ความคิดเห็นที่ 5
ผมว่าไม่ต้องไปโทษใครกันหรอกครับ โทษตัวเองนี่แหล่ะ ถ้ามัวแต่โทษคนอื่นตัวเองก็ไม่พัฒนา เดี๋ยวนี้ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า และลูกค้ามาถึงเรามันเปลี่ยนไปแล้ว สมัยก่อนเราเดินตลาดสด เดี๋ยวนี้ปีนึงเดินกี่ครั้ง สมัยก่อนซื้อวัสดุก่อสร้างตามร้านห้องแถวเดี๋ยวนี้เราเข้าโฮมโปรมากกว่า สมัยก่อนเราเข้าโชห่วยเดี๋ยวนี้มีเซเว่น สมัยก่อนนั่งสองแถว เดี๋ยวนี้ขับรถ การลงทุนตั้งโรงงานจากต่างชาติเปลี่ยนไปเพราะแรงงานเราแพงขึ้น หายากและคุณภาพลดลง สินค้าเกษตรและการท่องเที่ยวถูกแชร์ไปเป็นต้น วงจรทางเศรษฐกิจมันถูกตัดไปเยอะ แถมด้วยคุณภาพของคนยิ่งต่ำลง แบบนี้เงินสดมันก็หายสิครับ  ดังนั้นคนขายของต้องหาทางขายแบบใหม่ๆให้ได้ครับ แค่นั้นแหล่ะ มองตัวเองดีกว่า

ปล.... หลายๆปัญหามันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะยาวทั้งสิ้น ไม่มีเทวดาที่ไหนมาเสกให้ดีได้ภายในไม่กี่ปีครับ ผมมองว่าเศรษฐกิจประเทศคงอีกหลายปีครับกว่าจะเข้าที่ แต่ถ้ามาแลกกับเศรษฐกิจดีๆแบบ จำนำทุกอย่าง ประกันทุกอย่าง คันแรก หลังแรก เพิ่มค่าแรง เพิ่มเงินเดือน ค่ารักษาฟรี ยาฟรี อาหารฟรี รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี แบบนี้ไม่เอาครับ เพราะมันไม่ได้ยกระดับขีดความสามารถประชาชนและประเทศเลยนอกจากมอมเมาประชาชน รวยแป๊บเดียวแต่เจ๊งยันเหลน  พอผมพูดแบบนี้ก็อย่ามาว่าผมสลิ่มนะ ซึ่งมันไม่ได้ต่างจากสิ่งที่คุณตั้งกระทู้เลย
ความคิดเห็นที่ 18
มันก็ถูกทั้งคนที่บอกว่า  ต้องปรับตัว  และ  คนที่โทษรัฐบาล
สิ่งมีชีวิตที่รอดจากการสูญพันธุ์คือสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวเข้ากับสภาวะแวดล้อมใหม่ได้ ไม่ใช่สิ่งที่มีชีวิตที่แข็งแรงที่สุด
บริษัท ร้านค้าเองก็ต้องพัฒนาตัวเอง เพื่อสนองต่อความต้องการแบบใหม่ๆ ของลูกค้า   (ผมใช้คำว่าพัฒนานะครับ)

แต่รัฐบาลเองต้องเป็นคนกระตุ้นความต้องการของคน  ต้องสร้างบรรยากาศที่ดีในการจับจ่ายใช้สอย ลงทุน
แต่ถ้ารัฐบาลทำให้บรรยากาศในการลงทุนมันเสีย  มันก็แย่กันหมด  
ถ้าคุณบอกว่าคุณปรับตัวแล้วยังดี  ไม่แน่นะครับถ้ามีรัฐบาลดีกว่านี้  คุณอาจจะมีรายได้เยอะกว่านี้ 3 เท่าก็ได้

อีกเรื่องที่หลายคนบอกว่า  มันอยู่ที่คนไทยที่ไม่ยอมพัฒนาตัวเอง รอแต่ภาครัฐ เข้ามาช่วย
คนก็เหมือนเมล็ดพืช  มันจะเติบโตได้ดี  ดิน  น้ำ  อากาศ แสงแดด ก็ต้องพร้อม
สิ่งแวดล้อมพวกนี้ มันคือหน้าที่ของผู้นำ  ต้องเน้นเรื่องการศึกษา พัฒนาคน  มันก็ต้องมีแบบแผน  
คุณครูตอนนี้เงินเดือนก็น้อย  คนมีคุณภาพที่ไหนจะอยากมาเป็นครู  
ถ้ารัฐบาลอยากส่งเสริมเรื่องนี้ โจทย์คือ ดึงดูดคนมีคุณภาพเข้ามาเป็นครูให้เยอะๆ
แต่เหมือนประเทศเราไม่ค่อยอยากให้ประชาชนมีความรู้เท่าไร (ดูจากระบบการศึกษา)  

ใครที่คิดว่า  ประชาชนต้องพัฒนาต้องคิดเอง ช่วยตัวเอง  คุณลองคิดดูนะครับว่าที่คุณมาถึงจุดนี้ได้
ครอบครัว  พ่อแม่  เพื่อน  สังคม  มีผลต่อคุณใช่หรือไม่  
แล้วถ้าคุณเกิดในครอบครัวที่ไม่พร้อมล่ะ ความคิดความอ่าน มุมมอง หรือโอกาสต่างๆ ในชีวิต คุณคิดว่ามันง่ายที่จะประสบความสำเร็จหรอครับ
ถ้าบิล เกต เกิดที่สลัมคลองเตย  ไม่มีโอกาสสัมผัสคอมพิวเตอร์  ก็ไม่รู้ว่าจะมีรวยแบบนี้  หรือว่ากำลังดมกาวข้างคลองอยู่
ความคิดเห็นที่ 38
ช่องทางนึงที่ ประชาชนจะได้ช่วยตัวเองคือ การเลือกพรรคที่มีนโยบายที่เค้าคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเค้ามากที่สุด
การที่มีรัฐบาล สส ก็เพื่อเป็นตัวแทน มาทำงานแทน ปชช ตามนโยบายที่สัญญาไว้ เป็นสัญญาประชาคม

ถ้าเป็นรัฐบาลที่ประชาชนเลือกมา แล้วทำเศรษฐกิจแย่ ก็เป็นความผิดรัฐบาลซึ่งก็เป็นความผิด ปชช ด้วยที่เลือกมา
คราวหน้าก็เลือกพรรคอื่น นโยบายแบบอื่น ก็เรียนรู้ ปรับตัวกันไป

แต่รัฐบาลตอนนี้มาจากทหาร ถ้าทำเศษฐกิจแย่ก็ต้องตำหนิทหาร ถ้าทำดีก็ชม
แต่จะบอกว่า ปชช ต้องช่วยตัวเอง ปรับตัวเองฝ่ายเดียวคงไม่ได้ เพราะ ปชช ทุกคนก็คงพยายามทำเต็มที่เท่าที่จะทำได้อยู่แล้ว
แต่ช่องทางที่ ปชช จะได้เลือกนโยบายที่เป็นประโยชน์กับเค้ามันไม่มี
ความคิดเห็นที่ 23
"เข้ามาแล้ว ทุกอย่างแย่ลง"  

คงไม่ต้องอธิบายมากกว่านี้แล้ว .. อยู่ที่อคติ สามัญ สำนึก เท่านั้นแหละ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่