ความทรงจำของเพื่อนคนนึง

กระทู้สนทนา
สวัสดีนะครับ เพื่อนๆ
วันนี้ผมอยากมาเล่าถึง ความรู้สึกบางอย่าง ที่มันยังค้างอยู่ข้างในใจ
มันเป็นความรู้สึกของ เพื่อนคนนึง ที่มีต่อเพื่อนอีกคนนึง
ผมเคยคิดนะว่า เรายังคงจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ไม่ว่าจะนานแค่ไหน

เรื่องมันมีอยู่ว่า
มันเรื่มตอนที่ผมเข้าเรียนในระดับชั้น ปวช. ที่สถานศึกษาแห่งหนึ่ง ซึ่งผมบอกก่อนว่า ผมเป็นเกย์ ซึ่งผมก็ ยอมรับสภาพอยู่แล้วแหละว่าต้องมีแต่เพื่อนผู้หญิงหรือไม่ก็เกย์เหมือนกันแน่นอน ผมมาเรียนด้วยตัวคนเดียว ไม่มีเพื่อนมา คิดเอาง่ายๆ คือมาตายเอาดาบหน้า มาหาเอาข้างหน้า แล้วผมก็เรียนอยู่ ฝั่ง บริหารฯ คณะบัญชี ซึ่งทั้ง ห้องประมาณ 40 คนนี่ มีผู้หญิงซะ 97% ที่เหลือผู้ชาย ซึ่ง ณ ตอนนี้ขอรวมตัวผมเองดัวย รวมทั้งสิ้น 3 คนถ้วน รวมทั้ง ปี ฝั่งบริหารนี่ 4 คนนะถ้าจำไม่ผิด อยู่อีกห้องหนึ่ง 1 คน ซึ่งตอนแรกที่เข้ามาผมก็นั่งคนเดียวและมีเพื่อนคนนี้แหละที่กล่าวถึงเข้ามานั่งข้างๆ ซึ่งมันคงคิดว่าผมเป็นผู้ชายปกติมั้ง แล้วก็ทำความรู้จักกันปกติ เอาเป็นว่าผมเป็น A แล้วอีกคนเป็น B แล้วกัน ซึ่งอีกคนนึงก็คือ C เนี่ยมาช้า มาสาย และเป็นแบบนี้ตั้งแต่วันแรกยันจบ คงที่ตลอด 55555 ซึ่งมันมาวันแรกไม่ชอบขี้หน้ามันบอกตรง ไอ้ C เนี่ย มันเก๊ก คนไรวะเก๊กได้ตลอด คือผมคุยอยู่แต่กะ ไอ้B นี่แหละ มันมาเล่าตอนหลังนะไอ้B อ่ะว่ามันยิ้มๆ ตั้งแต่แรก แล้วแหละว่าผมเป็นแต่ไม่แน่ใจ เออนั่นแหละเรื่องราวมันก็ผ่านมาเรื่อยๆ ก็เพราะมันมีเพศผู้ชายน้อยและอีกอย่างเวลามีกิจกรรม คงเข้าใจกันดีเนอะ ว่าเด็กผู้หญิงหรือวัยรุ่นผู้หญิงน่ะ ถ้าไม่เอากิจกรรม ก็คือไม่เอาเลย ส่วนใหญ่ห้องผมจะประมาณ ขี้อายอ่ะ ทำนะกิจกรรม แต่ขออยู่แบบเบื้องหลัง พวกผมเลยกลายเป็นพวกที่ด้านหน้า หน้าด้านประจำเวลาต้องออกเจอผู้คน หรือทำกิจกรรมต่อหน้าผู้คน ทำให้ต้องทำอะไรด้วยกันบ่อย กลายเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เป็นเพื่อนผู้ชายในจำนวนไม่กี่คนของผม ซึ่งมีพวกมันสองคนอยู่ด้วย และสนิทด้วยที่สุด ต่างคนต่างเคยไปนอนบ้านของแต่ละคนโดยเป็นปกติ แต่ผมกะไอ้B จะสนิทกันมากกว่าหน่อย ไม่รู้เพราะอะไรไม่แน่ใจ อาจจะเพราะ อะไรหลายๆ อย่างมันคิดเหมือนกันมั้ง กินเหมือนกัน ความคิดเหมือนกัน ณ ตอนนั้น มันเป็นเพื่อนคนเดียวที่เข้าใจเราที่สุด มันรู้ดีนิสัยผมที่สุด ถึงวันนี้ก็ไม่มีใครเข้าใจนิสัยผมได้แบบมัน แบบว่า มันรู้ว่าผมกินข้าวเสร็จแล้วหงุดหงิดเพราะไม่ได้กินของหวาน เหมือนหมาขาดน้ำตาลแบบนั้น มันเป็นเพื่อนคนแรกนะ ที่ตอนนั้นพ่อผมเข้าโรงพยาบาลแอดมิท แล้วผมเดินเข้าไปในห้องพ่อผม ผมเห็นมันนั่งคุยนั่งเฝ้าพ่อผมอยู่ ซึ่งมันมาถึงก่อนผมอีก คือแบบ เห้ยรู้ได้ไงวะว่าพ่อกูอยู่ห้องนี้อ่ะ กุยังต้องเดินหาตั้งนาน มันบอกมาตามนามสกุล โอ๊ย เก่งกว่ากุอีกตอนนั้น แล้วมันก็ไปนอนเป็นเพื่อนผมที่บ้านตอนพ่อผมอยู่ รพ.เพราะแม่ก็มาเฝ้าพ่อ มันเลยบอกว่ามันไม่อยากให้ผมอยู่คนเดียว ณ ตอนนั้นมันคือ เพื่อนที่แบบสนิทที่สุดแล้ว มีช่วงนึงผมเข้าไปอยู่ใกล้ๆ โรงเรียน เพราะโรงเรียนผมกะบ้านมันห่างกันมาก แล้วอีกอย่างผมทำงานที่ 7-11 ด้วยหลังเลิกเรียนตอนนั้น มันก็เป็นคนเดียวที่คอยมาหามาอยู่เป็นเพื่อนที่ห้อง ยิ่งตอนจบนะ ร้องไห้กันแบบเออ สะอึกสะอื้นอ่ะนะ จะเป็นจะตาย แล้วแมร่งก็ไม่เรียนต่อด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง แต่ผมก็มาเรียนต่อที่ กทม. แต่มันมีจุดนึง น่าจะเป็นจุดที่ทำให้ความเป็นเพื่อนห่างมั้ง คือ ช่วงปีสุดท้าย ปวส. ผมเป็นหลีดฯ แล้วทีนี้ในทีมหลีดขาด 1 คน ผมเลยชวนเพื่อนผู้หญิงซึ่งเป็นเด็กเรียนมากๆ ในห้อง คนนึงมาเป็นหลีด ซึงตอนแรกไม่คิดว่าจะยอม แต่นางบอกว่าเห็นเป็นผมเลยยอมมาเป็นให้ แล้วไอ้B เนี่ย ก็ตีกลองให้ นั่นแหละเหมือนเป็นทางให้สองคนนี้เจอกัน ป๊ะกัน สุดท้ายเป็นแฟนกัน ก่อนเรียนจบ ผมก็ไม่อะไรนะ ดีใจด้วย แต่มันมีจุดทำให้คิดจุดนึงว่า มีวึง ไอ้B ไปนอนที่บ้านผม แล้วแฟนมันเนี่ยก็ส่งข้อความมาว่า "นอนด้วยกัน อย่าทำอะไรกันนะ " ข้อความประมาณนี้ ซึ่งผมแบบ เออ คือแบบ ถ้ากุจะทำอะไรกัน กุทำมาตั้งแต่ปี 1 แล้วป่ะ คือไม่ต้องรอขนาดนี้ป่าววะ กุรู้จักกันมาตั้ง 4-5 ปี นอนด้วยกันก็ออกจะบ่อย อิห่า กุไม่มาทำอะไรกันหรอก กุเป็นเพื่อนเข้าใจป้ะเพื่อนที่กินข้าวจานเดียวกันกินของเหลือจากกันได้อ่ะ เข้าใจป้ะ ถ้ากุจะเอากันไม่ปล่อยไปถึงหรอก อารมณ์ประมาณนั้น นั่นแหละ แล้วหลังจากนั้น มันกับผมก็ค่อยๆ ห่าง ห่าง ห่าง แล้วก็ห่างกันไปเรื่อยๆ ทำเหมือนผมกับมันไม่เคยเป็นเพื่อนกัน ผมทำทุกวิถีทางที่จะค้นหามัน ซึ่งผมก็ได้ข่าวอยู่เรื่อยๆ นะ แต่เคยมีคนมาพูดให้ผมว่า เมียมันไม่อยากให้มาคบกับผม มันกลัว คือแบบผมเสียใจมากอ่ะที่คิดกับผมแบบนั้น คือแบบผมเป็นเพื่อนนะเว้ย เพื่อนอ่ะ สมัยนั้นมันไม่มีเฟสไม่มีไลน์ไม่มีอะไรเลย ที่จะติดต่อ เบอร์ผมก็เปลี่ยน สรุปห่างกันไปโดยปริยาย แต่เมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว 2557 ผมป่วยหนักมากเป็นปอดบวม ถึงขนาดนอนนิ่งๆ ทำอะไรไม่ได้เลย 2 อาทิตย์ต้องคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ ซึ่งหมอบอกว่า หากมาช้ากว่านี้อีกนิดคือไม่รอด ซึงตอนนั้นสิ่งนึงที่ผมอยากทำหรืออยากเจอมากที่สุด คือ เห็นมันเดินมาหาในห้อง เห็นเพื่อนมาหาผม แต่มันคงเป็นไปได้ยาก อย่างนึง ผมไม่รู้ว่า มันจะคิดถึงผมคิดถึงเพื่อนคนนี้ เหมือนที่ผมคิดถึงเพื่อนอย่างมันรึเปล่า ตอนแรกผมก็คิดนะว่าผมรักมันแบบอื่นนอกเหนือจากเพื่อนหรือเปล่าแต่ก็ไม่นิ ตอนมันมีแฟน ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรไม่ได้เจ็บไม่ได้ปวดอะไรเลย มันเป็นเพื่อนนั่นแหละ แค่มันเป็นเพื่อนที่ผมคิดว่ามันคือเพื่อนคนนึงที่ผมจะจำมันไปตลอดชีวิต ซึ่งผมไม่รู้เลยว่ามันจะคิดแบบนี้หรือเปล่า แล้วตอนนี้ผมก็เจอเฟสมันนะ แอบเข้าไปดูมันเรื่อยๆ ดูชีวิตมัน ดูว่ามันยังสบายดีมั๊ย ครอบครัวมีความสุขดีหรือเปล่า ซึ่งตอนนี้มันก็โอเคแหละ แต่ผมเองแหละที่ไม่กล้าคุยกับมัน เพราะผมไม่รู้ว่าความเป็นเพื่อนของมันกับผม มันจะยังอยู่เหมือนเดิม หรือเปลี่ยนไปห่างกันมากน้อยแค่ไหน ซึ่งผมยังทำใจรับไม่ได้ ขอเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีมากๆ ที่สุดในชีวิตช่วงหนึ่งดีกว่า ถ้ามันไม่เป็นเหมือนเดิม มันจะทำลายความทรงจำที่ดีๆ ที่สุดของผมไป ผมจะเสียเพื่อนไปเลยทั้งในชีวิตจริงแล้วก็เสียไปกับความทรงจำดีๆ ที่เคยมี แค่อยากบอกว่า....คำว่าเพื่อนมันจะอยู่กับผมตลอดไปแบบนี้ จนถึงที่สุด ผมจะไม่ลืมมันเลย.....

กูคิดถึงยิ้มนะ ทุกครั้งในช่วงชีวิตกูตอนนั้นมียิ้ม แต่ตอนนี้ไม่มียิ้มแล้ว แต่กูก็ยัง....มียิ้มอยู่ในนี้  ในความทรงจำกูตลอดไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่