เวลาอ่านหนังสือ ควรอ่านมีเสียงในใจหรือไม่มี

ผมเกิดมา19ปีแล้วเพิ่งได้ยินมาว่า วิธีอ่านหนังสือแบบรวดเร็วและถูกต้อง คืออ่านแบบมองผ่านแล้วให้สมองอ่าน มันจะเร็วกว่าการอ่านมีเสียงในใจ อันนี้จริงผมลองมาแล้วแต่ ผมไม่ชินกับการอ่านแบบมองผ่านๆ  เลยอยากถามนักอ่านทั้งหลาย เวลาอ่านนี่ ท่านอ่านออกเสียงในใจหรือไม่มีเสียงในใจคับ

ผมยกตัวอย่างนะคับ เวลา คุณมองเห็นรถสีแดง  คุณก้รู้ว่าโดยทันทีนั่นคือรถสีแดงโดยที่ไม่จำเป็นต้องพูดในใจวว่านั่นคือรถสีแดงนะ  เหมือนกับการอ่านโดยที่ให้สมองอ่าน คือเห็นตัวอักษร แล้วก็เข้าใจได้โดยไม่ต้องออกเสียงในใจ  อีกตัวอย่าง สมมุติคุณเห็นป้าย " Sale " หรือราคาสิ่งของต่ายๆ เช่น  "ข้าวกระเพราะ 50บาท" คุณแค่มองแล้วก็เข้าใจได้เลยว่า ร้านนี้ขายของ Sale โดยไม่ต้องพูดในใจว่า นั่นsaleนะ

สรุปง่ายๆ คือ เห็นตัวอักษรแล้วเข้าใจความหมาย แต่ข้อเสียคือจำเนื้อหาไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะไม่ชินก็ได้

อ่อขอเพิ่มเติมอีกหน่อย สมมุติอ่านหนังสือแบบวิชาการ นี่ควรอ่านมีเสียงในใจเพราะจทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นหนังสือบอกมานะคับ


edit : ผมเพิ่มตัวอย่างนะคับการอ่านแบบใช้สมองอ่านเป็นยังไง
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
เอ .... วิธีการอ่านแบบที่ จขกท.ทราบมา นี้  ก็แปลก ๆ นะครับ

เพราะดูเหมือนมันจะฝืนธรรมชาติของมนุษย์ในเรื่องของ Inner Voice ในสมองครับ
Inner Voice  คือ  ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเราอ่านหนังสือ  หรือ  คิดในใจ  หรือ  สงสัยสิ่งใด ๆ
สมองส่วนความจำ (Hippocampus) จะทำงานโดยดึงเอาความทรงจำนั้นมา  และกระทำการ playback
ทำให้เรารับรู้ เหมือนได้ยิน "เสียง" นั้น  แต่เราจะรู้ตัวดีว่า ไม่ได้ยินอะไรจากหูของเราเลย
มันเป็นเพียงแค่ playback เป็นความคิด (เสียง) ในสมองเท่านั้นครับ

Inner voice นี้ จะเริ่มปรากฏขึ้นพร้อมกับการอ่านได้ เขียนได้ของมนุษย์ คือเราจะมี inner voice ตั้งแต่เด็กเลยแหละ
แต่เราอาจไม่รู้เรื่องว่ามันคือสิ่งนี้ครับ  ปัจจุบันได้มีการศึกษา inner voice ว่าเกี่ยวข้องโดยตรงกับโรค Dyslexia
หรือ โรคความบกพร่องในการอ่านหนังสือ  ซึ่งในการวิจัยพบว่าเด็กที่ไม่มี inner voice จะมีความเสี่ยงที่จะเป็น Dyslexia
Dyslexia นี้  ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเด็ก ๆ เลยนะครับ  เพราะจะทำให้เด็กคนนั้นมีพัฒนาการด้านการพูดล่าช้า เรียนรู้
และจดจำตัวอักษรต่าง ๆ ได้ช้า  โดยจะแสดงอาการชัดเจนเมื่อเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาแล้ว คือ มีปัญหาในการสะกดคำ
ทำให้มีปัญหาการอ่านหนังสือ  และผลการเรียนไม่ดีตามมา

และที่น่าแปลกคือ inner voice นี้ ส่วนมากไม่ใช่เสียงตนเองนะครับ
จากการวิจัยจากเหล่าอาสาสมัครพบว่า Inner voice จะเป็นเสียงทุ้ม ๆ ต่ำ ๆ นุ่มนวลกว่าเสียงเรา
หรือบางคน inner voice ภาคภาษาต่างประเทศก็อาจเป็นเสียงที่เราคุ้นเคย  เช่น ตัวผมเนี่ยครับ
เวลาอ่านภาษาอังกฤษ จะมี inner voice เป็น Morgan Freeman
ซึ่งปรากฏการณ์แบบนี้จะเกิดโดยมีพื้นฐานมาจากประสพการณ์ชีวิตของตนเองครับ

ส่วนการคิด หรือครุ่นคิด  เช่น  หิวจัง , รถติดจังไปทางใหนดีเนี่ย , wow...คนนี้น่ารักจังเลย  ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้ ก็จะเกิด Inner voice ด้วยเช่นกัน แต่ไม่ชัดเจนเท่าการอ่านหนังสือ หรือ ครุ่นคิดข้อสงสัยครับ
เสียงความคิดของแต่ละคนจะมีระดับไม่เท่ากัน แล้วแต่กระบวนการคิด และจินตนาการของแต่ละคนครับ

ดังนั้น  ผมว่าอ่านหนังสือด้วยวิธีปกติ และ มี Inner voice แหละดีแล้วครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่