[CR] ลุงกับป้า แบ็คแพ็ค ตะลุยเมียนม่าร์ 14 วัน ตอนที่ 4 มัณฑะเลย์

......                                                       ลุงกับป้า ตะลุย เมียนม่าร์ แบบแบ็คแพ็ค ตอนที่ 4          
                                       
         วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2558 เวลา 14.00 น. พอเข้าเขตมัณฑะเลย์ สัญญานโทรศัพท์ก็มา มีเสียงไลน์ และเฟสบุ๊กเข้าจนป้าต้องปิดเสียง แต่ยังไม่มีสมาธิจะทำอะไรเพราะความกังวลเรื่องตั๋วหาย เป็นอุปสรรค ได้แต่พยายามส่งข้อความที่พิมพ์ไว้แล้ว แต่ยังส่งรูปไม่ได้เพราะสัญญาณไม่เข้มพอ
                                       
          เราเดินตามเจ้าหน้าที่ที่หน้าตาเหมือนอายุเพิ่ง 20 ต้นๆ เขาเป็นหนุ่มรูปร่างสันทัด ผิวขาว หน้าตาดี ไม่สูบยาเส้น แต่เคี้ยวหมาก ปากแดง และฟันเป็นคราบ เขาพาเราเดินลิ่วๆ อ้อมไปด้านที่ไม่มีผู้โดยสาร เราเตรียมรับทุกกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น แล้วเขาก็หยุด หน้าห้องหนึ่ง มีป้ายเขียนว่า
                                       
          เขาดึงประตูเปิด หันมายิ้มให้ พูดอะไรกับคนที่อยู่ข้างใน แล้วผายมือให้เราเข้าไป เมื่อหมดหน้าที่แล้ว เขาก็เดินจากไป โธ่เอ๋ย! เขาแค่อยากให้เราได้คุยกับคนที่พูดภาษาอังกฤษได้….น่ารักอะไรจะปานนั้น! ป้าขอบคุณเขาและโบกมือลา….เราพบคนมีน้ำใจตั้งแต่ขึ้นรถ จนถึงลงรถ!
                                       
          เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยว ชื่อ คุณ เงียว เงียว (Ngeo Ngeo) เป็นสตรีร่างเล็ก ไว้ผมซอย หยักศก ระต้นคอ เธอสวมเสื้อยืดรัดรูป แขนสามส่วน โสร่งเป็นผ้าเบาๆ สบายๆ เธอพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก และต้อนรับด้วยความกระตือรือร้น เราขอข้อมูลการท่องเที่ยวในมัณฑะเลย์ และที่พักใกล้สถานีรถไฟ เธอถามว่าจะพักกี่คืนเราบอกว่า 2คืน เธอแนะนำโรงแรมที่มีค่าเข้าพักคืนละ 30 เหรียญ จ่ายล่วง 10 เหรียญ
                                       
          เมื่อสอบถามเกี่ยวกับการเดินทางไปเที่ยวพุกาม (Bagan) และ ซีปอ (Hsipaw) เธอเสนอบริการรถบัสค่าโดยสารคนละ 14,000 จั๊ท  เพื่อไปพุกามเยือนทะเลเจดีย์ ส่วน ซีปอว์ ที่ที่มีสะพานไม้ยาวที่สุดและสูงที่สุดในเมียนม่าร์ แต่สูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ต้องนั่งรถไฟไป รถไฟออกเวลา 04.00 น. แต่ต้องมาซื้อตั๋วในเวลา 03.30 น. ก่อนรถออก 30 นาที
                                       
          เราเดินไปหาโรงแรม May Kha Hotel ที่ถนนที่ 72 เช็คอิน เดินขึ้นไปชั้น 3 เพราะไม่มีลิฟต์ ซักผ้า แล้วก็ออกจากโรงแรมไปพระราชวังมัณฑะเลย์  จากโรงแรมเดินตรงไปเรื่อยๆ จนทะลุถนนเลียบคลอง ล้อมพระราชวังเดินจนเกือบหมดแรงเห็นมีสะพานข้ามคลองและมีถนนต่อเข้าไปยังพระราชวัง เราจึงเดินข้ามสะพาน พอไปถึงทางเข้ามีป้าย Foreigner no entry! หมดแรงและท้อใจเลย
                                       
          สอบถามจนท.บอกว่าต้องไปเข้าอีกทาง ต้องเดินย้อนจากที่เราเดินเลี้ยวผิดทางไปอีกกว่ากิโลเมตร ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยง เดินได้ 2 กม.แล้ว เพิ่งเห็นสะพานข้ามคูเมืองอยู่ลิบๆ ท่ามกลางเปลวแดด
          ค่าผ่านประตูสำหรับชาวเมียนม่าร์เข้าฟรี ส่วนต่างชาติ 10,000 จั๊ท เลยมีแต่คนเมียนม่าร์หาคนต่างชาติแทบไม่เจอ มีแท็กซี่และมอเตอร์ไซด์รับจ้างอยู่บริเวณทางเข้า เพราะจากทางเข้าถึงพระราชวังต้องเดินไกลทีเดียว แต่เดินตามทิวไม้เข้าไปแม้แดดจะจ้าก็ไม่ค่อยท้อในที่สุดเราก็เข้าไปถึงท้องพระโรงจนได้
                                       
          ที่เราเห็นเป็นสีทอง ดูเหมือนเป็นโลหะ หรือ ปูน ทาด้วยสีทอง แต่ไม่ใช่ เป็นไม้ที่ทาสีทองต่างหาก สวยงามมากเพราะเป็นงานแกะสลักไม้ที่ประณีต ตั้งแต่บันไดไปจนถึงท้องพระโรง พื้นรอบๆ ท้องพระโรงก็เป็นไม้ทั้งหมด เสียดายที่ไม่ได้รับการดูแลให้สะอาดและขัดให้เป็นมันวับเหมือนพื้นบ้านไม้ในเมืองไทย ดูเหมือนว่าปล่อยปละละเลยไม่ได้มีคนรับผิดชอบทำความสะอาด
                                      
          จากพระราชวัง เรานั่งแท็กซี่ไปชมสะพานไม้อูเปง ซึ่งอยู่ไกลจากพระราชวังมาก ลืมบันทึกค่าแท็กซี่แต่จำได้ว่า คิดเป็นเงินไทยประมาณ 600 บาทเศษ
                                       
          สะพานอูเปงสร้างโดยเศรษฐีชาวมอญสร้างข้ามทะเลสาบมาเป็นเวลากว่า 200 ปีแล้วเพื่อเป็นสะพานบุญให้คนและพระได้มีโอกาสพบกัน เป็นการเชื่อมชุมชนกับวัด เหมือนที่ลุมพีนีวัน สร้างสะพานเชื่อมทางลัดของน้ำให้คนได้เดินจากลานพระพุทธเจ้าน้อยไปยังสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า
                                      
          เราไปถึงสะพานในเวลาเย็น แต่ผู้คนก็ยังคึกคัก ทั้งนักท่องเที่ยวชาวเมียนม่าร์ และชาวต่างชาติ คนขับแท็กซี่ชวนแวะดูการทอผ้าด้วยกี่ไม้ แต่ป้ามองเข้าไปข้างในแล้ว เห็นมีลักษณะเหมือนกับกี่ของแม่และยายที่ต่างจังหวัด จึงบอกให้เขาผ่านไป เพราะย่านนั้นเป็นถนนดิน ช่วงนั้นฝนไม่ตกทำให้มีฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่ทั่วไป และในรถแท็กซี่ก็ไม่ได้เปิดแอร์
                                          
         ทายสิคะว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา? เข้าคิวนานกว่า 30 นาที พอถึงตาเราพนักงานบอกว่า ช่องนี้ขายตั๋วไปย่างกุ้ง แล้วบอกว่า Hsipaw ให้ไปซื้อช่องโน้น พอไปอีกช่องเจอคนที่พอฟังออกเขาบอกว่าเขาจะไปย่างกุ้งถามอย่างอื่นตอบไม่ได้ เวลานั้นไม่มีจนท.คนอื่นๆ หรือคนที่พูดภาษาอังกฤษได้เลย เพราะยังเช้าอยู่มาก
                                  
          ป้าเดินหาอยู่นาน เจอพนักงานที่จะไปกับขบวนรถย่างกุ้ง พอจะพูดได้ เขาบอกว่าวันนี้ไม่มีรถไปซีปอว์ ต้องรอวันพรุ่งนี้ตี 4
                                        
          ยุ่งละสิ! ค่าโรงแรมกับค่ารถไปพุกามก็จ่ายไปแล้ว เที่ยวเมียนม่าร์ต้องไปกับทัวร์เท่านั้น ถ้าคิดว่า ไปตายเอาดาบหน้า ต้องทำใจว่าอะไรจะเกิดก็ต้องรับให้ได้ เราต้องเปลี่ยนแผนใหม่ทั้งหมด เสบียงเตรียมไปกินบนรถไฟที่ต้องใช้เวลา 8-10 ชม. ก็ซื้อแล้ว สัมภาระหนักขึ้นกว่าเดิม เคลื่อนย้ายลำบาก จะให้ลุงกลับไปขอค่าโรงแรมคืน ลุงก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ป้าต้องเดินฝ่าความมืดของท้องถนนไปด้วยความลำบากไม่ใช่น้อยเพราะใส่รองเท้ามีส้นใช้เวลาเดินและวิ่งสลับกันไป-กลับ 40 นาที

           แต่ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะโรงแรมไม่เรื่องมาก ป้า ไปถึงโรงแรมยังไม่ตี 5 พนักงานก็คืนเงินให้แต่โดยดี ยกเว้นค่ามัดจำที่จ่ายให้นายหน้าไม่ได้คืน ส่งข้อความไปหา คุณเงียว เงียว คนขายตั๋วไปพุกาม ว่าเราต้องการเลื่อนการเดินทาง ถ้าเธอตื่นเมื่อไรให้โทรหาด้วย เพราะเรารออยู่ที่สถานีรถไฟ แล้วก็ลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

          สิ่งที่เมียนม่าร์มี คือ ความปลอดภัยและความซื่อสัตย์ การเดินถนนที่มีแสงสว่างสลัวๆ ในเวลาเช้ามืดจึงไม่ต้องกลัว ว่าจะเกิดอันตราย เพราะเขาห้ามมีเรื่องหรือ ทำร้ายนักท่องเที่ยว

          เวลา 07.15 น. คุณเงียว เงียว โทรมาบอกว่า ได้เลื่อนตั๋วเดินทางให้แล้วเธอบอกว่ารถจะไปรับเราที่หน้าสถานีรถไฟช่วง 9.30-10 น. เช้านั้น เธอบอกหมายเลขที่นั่งเรียบร้อย แต่ตอนนั้นสิ่งที่สำคัญ คือ คนเปิดห้องน้ำที่สถานียังไม่มา ถ้าเกิดข้าศึกมาก่อนจะทำอย่างไร

          ในขณะที่นั่งรอเวลาบังเอิญเห็นรถหวานเย็นกำลังจะออก ป้า จึงวิ่งไปถ่ายรูปรถไฟ แต่วิ่งไปไม่ทันถ่ายด้านในของรถ เห็นบรรยากาศที่เป็นกันเอง คนกับสินค้านั่งปนกันไป รถเคลื่อนออกไปแล้ว จนท.ก็ขึ้นรถไปหมดแล้ว จึงต้องใช้วิธีถ่ายตัวเอง คนที่อยู่บนชานชาลาด้านซ้ายนอนรอรถกันเป็นครอบครัว แต่ไม่กล้าถ่ายรูป
                              
          เพราะวิ่งไปถ่ายรูปรถไฟหวานเย็น จึงเห็นว่าด้านตรงข้ามที่มีคนนอนรอรถ มีห้องน้ำสำหรับคนรอรถเปิดตลอด 24 ชม.มีห้องอาบน้ำรวมให้ด้วย อ้าว! เจอแล้วห้องน้ำ…คนเมียนม่าร์ฟรี แต่มีป้ายติดไว้ว่า 100 จั๊ท
แล้วเราก็ได้ขึ้นรถไปพุกาม เป็นรถตู้ 19 ที่นั่ง ผู้โดยสาร 6 คนข้างหน้าเรามีผมสีทอง โชคดีที่รถไม่เต็มเราจึงได้ไปเที่ยวนี้
                              
          ลาก่อนมัณฑะเลย์ พบกันใหม่ที่พุกาม ติดตามลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลกได้ที่ ได้ที่https://www.facebook.com/Backpacking-With-Uncle-Auntie-749593508502221/   และภาคภาษาอังกฤษที่ https://www.facebook.com/uncleandauntiearoundtheworld/
                              
ชื่อสินค้า:   มัณฑะเลย์ เมียนม่าร์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่