[CR] มัณฑะเลย์ พุกาม 4 วัน [4 Day in Mandalay Bagan] ทริปสู้แดด สไตส์ โยคี

สวัสดีครับชาวพันทิปทุกท่าน ผมขออนุญาต แชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ มัณฑะเลย์ พุกาม ประเทศเมียนมา พอดีผมได้เดินทางไปเที่ยวเมื่อ วันที่ 5-8 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา ทริปนี้จะพาทุกท่านไปชมความงามของศิลปะวัฒนธรรมของประเทศเมียนม่าตอนบน ขอบอกเลยว่า ว้าวมากๆเลยครับ 

1. วางแผนการเดินทาง 
    ขั้นตอนแรกเพื่อการเดินทางที่จะไม่เกิดปัญหาระหว่างการเดินทาง แนะนำให้วางแผนการเดินทางไว้ก่อน โดยในทริปนี้ผมเลือกเดินทางระหว่างเมืองโดยใช้รถบัส ส่วนการเดินทางในเมืองมัณฑะเลย์ จะใช้บริการรถตุ๊กๆ รถแท็กซี่ไปส่งยังจุดหมาย และเมืองพุกามจะเช่ามอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าขับเที่ยวรอบเมือง ส่วนตัวผมมองว่าการไปเที่ยวเมียนมาของผม จากการได้ดูสถานทีท๋องเทียวในรูปภาพทึ่งในศิลปะวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก เลยเป็นแรงบัลดาลใจในการเดินทางครั้งนี้ ร่วมกับสมาชิกอีก 3 ท่าน 
    1.1 ส่วนการเดินทางไปยังมัณฑะเลย์ผมใช้บริการ แอร์เอเชีย โดยออกเดินทางจากดอนเมืองเวลา 11 โมง ของวันที่ 5 กันยายน 2562 และเดินทางกลับวันที่ 8 กันยายน 2562 เวลาประมาณ บ่ายโมง

     1.2 ส่วนการจองรถบัส ผมก็จองไว้ล่วงหน้าเช่นกัน ผมใช้บริการ Moe Thout Tun ฺBus สามารถจองผ่านเว็ปไซต์ได้เลย https://myanmarbusticket.com/home/ticket/Mandalay-to-Bagan ไม่แพงไปกลับประมาณ คนละ 30 ดอลล่า การเดินทางไปยังสถานีขนส่งที่มัณฑะเลย์ของเค้ามีข้อดีอย่างนึงที่ผมชอบมาก คือ เค้าจะรถรับ-ส่ง ถึงโรงแรมเลยจ้า ไม่เก็บเพิ่มด้วยดีงาม ส่วนสถานีขนส่งพุกามมีค่าใช้จ่ายในการเรียกแท็กซี่เพิ่มตามระเบียบ

     1.3 ส่วนที่พักผมใช้บริการ วันที่ 5 และ 7 พักที่โรงแรมพาเลทวิว (Palace View) เมืองมัณฑะเลย์ พนักงานโรงแรมน่ารักมาก ดูแลดุจญาติมิตรมาก ส่วนวันที่ 6 พักโรงแรม Zfreeti ย่าน ยอง อู (ตอนเหนือของพุกามเก่า) ที่พักหรูนะ แต่ไม่ค่อยโอเคร ทำไมล่ะ (ถามเอง ตอบเอง 55+) แอร์ไม่เย็น ร้อนเข้าใจป่าว อิอิ 
     1.4 ส่วนแผนการท่องเที่ยวตามนี้เลยจ้า รายละเอียดตามนี้เลยครับ (วางแผนไว้ก่อน ไหว ไม่ไหวว่ากันอีกที อิอิ) 

เริ่มต้นการเดินทาง Day 1 (ไม่เป็นไปตามแผน คือ วัดซเว่นันดอร์ และวัดทุโลดอร์ เลยเอาไปเที่ยววันสุดท้ายแทน

เริ่มต้นกัน  หลังจากเดินทางมาถึงสนามบินมัณฑะเลย์ ประมาณเกือบบ่ายโมง ขั้นตอนแรกต้องหารถเข้าเมือง เราใช้บริการรถบัสซิ เดินทางแบบ Local หน่อย เพราะหน้าตาได้แล้ว เข้าเมือง โดยชำระค่าเสียหายคนละ 5000 จ๊าด สภาพวิวทิวทัศน์ และถนนประมาณนี้เลยจ้า (ระหว่างเดินทางเข้าเมือง เจอประสบการณ์ตื่นเต้นด้วย คนขับขับรถถอยหลังจ้า ประมาณ เกือบ 5 กิโลเมตร (มอเตอร์เวย์ไม่มียูเทินร์) คิดในใจ อะไรของแมร่ง สุดท้ายอ่อเลย ถอยมารับลูกค้าจ้าาาาาาาาาาาาาาาาา ไม่ใช่คนไทยที่ตกใจ ฝรั่งก็ไม่ถูกใจสิ่งนี้เช่นกัน 5555+

วิวหน้าโรงแรมติดพระราชวังมัณฑะเลย์

หลังจากมาถึงโรงแรมก็ทำการ Check-in ทันที และเดินหาของกินจ้า ไปพบร้านอาหารไทย จัดไปผัดกระเพรา 1 จานเริ่มต้นการเที่ยวพม่าด้วยอาหารไทยจ้า จากนั้นเราก็เดินไปเที่ยว พระราชวังมัณฑะเลย์ ด้วยจิตใจอันแรงกล้าว่าเราจะเดินไปยังพระราชวัง (พระราชวังจะสามารถเข้าได้แค่เพียงประตูฝั่งตะวันออกเท่านั้น) เราเริ่มต้นเดินจากประตูฝั่งใต้ ระหว่างทางมีแต่คนมาถึง Do you want Taxi ตอบเลย No!!! Thank คิดดูเดินเกือบ 2 กิโลเกือบไม่ทันเข้าไปชมพระราชวัง 55+ หลังจากใครบอกอะไร Yess หมด 5555

เส้นทางเดินรอบกำแพง

เดินถึงประตูตะวันออกซักที ต้องชำระค่าเสียหายเข้าพระราชวังฯ 10,000 จ๊าด ตั๋วนี้สามารถใช้เข้าวัดชเว่นันดอร์ได้ด้วยนะ ผมเสียค่าโง่มาแล้วครับด้วยความไม่รู้ เลยจ่ายค่าเข้าวัดชเว่นันดอร์ อีก 10,000 จ้า เพื่อนๆอย่าพลาดเหมือนผมนะ อิอิ

ภาพภายในพระราชวัง 
 มีความสวยงามและละเอียดอ่อนตามศิลปะของเมียนม่า เป็นพระราชวังที่บูรณะมาใหม่ สร้างด้วยไม้ สวยงามมาก ไฮไลท์ของที่นี่ก็น่าจะเป็นป้อมที่ทำเห็นภาพมุมสูงจ้า 
 

หลังจากเดินชมพระราชวังได้ซักพักก็ได้เวลาเดินทางไปยังสถานต่อไป มัณฑะเลย์ ฮิลล์ ซึ่งตอนนั้นเกือบ 6 โมงเย็นแล้ว เลยข้ามวัดซเว่นันดอร์ และวัดทุโลดอร์ ค่อยไปวันที่ 4 แทน  ไม่เดินเด็ดขาด ครั้งนี้เราใช้บริการมอเตอร์ไซด์พร้อมคนขับจ้ายาวไปปป เส้นทางไปเป็นทางขึ้นเขาโดยความชำนาญของคนแต่ละคนแตกต่างกันไป ผมโชคดี ขับตามหลังแต่ขับขึ้นเขาเทพมาก แต่คนขับเพื่อนร่วมทริปผมขึ้นเขา เกียร์ 3 จ้าเกือบตกเขาจ้า (สนุกไปอีกแบบ) ถึงแว้ว มัณฑะเลย์ฮิลล์ (มีค่าเข้าชมแต่จำไม่ได้ขออภัยด้วยนะครับ

วิวเมืองมัณฑะเลย์


       หลังจากชมวิวเมืองกับบรรยากาศพระอาทิตย์จนอิ่มแล้ว ก็เดินทางกลับยังที่พักโดยมอเตอร์ไซด์เช่นเคย ขากลับเมืองมัณฑะเลย์ ผ่านตัวเมือง ขอบอกเลยนะวุ่นวาย รถเยอะมากกกกก คนเยอะมากกกก มิหนำซ้ำ คนขับมอเตอร์ไซด์พาหลงจ้าาา 555+ ท่านผู้นำแก็งมอไซด์พาทัวร์รอบเมืองเป็นแพ็คเกตเสริม คนขับรถผมพยายามจะเอา GPS ให้เค้าดู แต่เค้าบอกว่ารู้เปงไงล่ะ หลงจ้า แต่เอาน่ะถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ได้เห็นบ้านเมืองเค้าในภาพรวม อิอิ
      โดยอาหารมื้อเย็นเราก็ได้ไปกินร้านอาหารพื้นเมือง ซึ่งไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ขออภัยอย่างยิ่งเพราะเป็นกระทู้แรก ส่วนการเดินทางภายในเมืองเดินทางง่ายครับ เรียก Grab Taxi มีใช้บริการครับ  ขอจบภารกิจท่องเที่ยวในวันแรกก่อนนะครับ 

เจอกันในวันที่ 2 ครับ

เริ่มต้นการเดินทาง Day 2
     ในวันที่ 2 เราเริ่มต้นภารกิจกันแต่เช้ามืด ตี 4 ครึ่ง โดยให้ทางโรงแรมช่วยติดต่อรถแท็กซี่ สำหรับการเดินทางไปวัดมหามยมุณี และเดินทางไปสะพานไม้อูเบ็ง ค่าเสียหายแบบเหมาอยู่ที่ 30,000 จ๊าด วันนี้ถือโอกาสแต่งกายให้กลมกลืนกับคนท้องถิ่น โดยการนุ่งโสร่ง 
สภาพในการแต่งกายวันนี้

      เราออกเดินทางไปกันเลย สถานที่แรกของวันนี้ วัดมหามยมุนี กราบสักการะพระมหามยมุนี 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเมียนม่า
บอกเลยครับว่าที่นี่ห้ามพลาด แล้วทำไมถึงต้องมาเช้าขนาดนี้ล่ะ อ่อ เพราะเราจะมาดูพิธีล้างพระพักตร์ ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกเช้า ทำเหมือนพระองค์ท่านยังมีชีวิตอยู่ หลวงพ่อ เค้าจะทำอย่างงี้ทุกวัน ตอนแรกเข้าไปผมทำใจเลยคนเยอะมาก แต่ด้วยคนเมียนม่าเห็นเราเป็นชาวต่างชาติ ประกอบกับนับถือพุทธเค้าเลยให้เราไปนั่งโซนใกล้พระท่านได้เลย ผมดีใจมากเลยครับ เมื่อมานั่งดูพิธีกรรมใกล้ดูหลวงพ่อท่านล้างหน้าองค์พระ ประกอบกับ คนเมียนม่านั่งสวดมนต์ด้านหลังแบบตั้งใจจริงมาก ทำให้ผมเข้าใจคำนี้เลยครับว่า "ศรัทธา มันจะเกิดขึ้น ณ สถานที่หนึ่ง และเวลาหนึ่งเท่านั้น" ขนลุกมากเลยขอบอก!!!! นอกจากนี้ยังถือเป็นบุญอย่างมากที่มีโอกาสได้ไปปิดทององค์พระด้วย สาธุ
บรรยากาศภายในวัด




       หลังจากทำบุญเสร็จแล้วเราก็เดินทางไป สะพานไม้อูเบ็ง(เป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก) ต่อ จากประวัติศาสตร์ เค้าบอกว่าเมื่อก่อนเชลยชาวอโยธยาที่ถูกกวาดต้อนมาตั้งรกรากอยู่บริเวณนี้  ถ้าเดินไปข้ามสะพานไปยังเกาะกลางทะเลสาบจะเจอวัดไทยด้วย แต่ผมไม่ได้ไปนะ อิอิ  เท่าที่เดินๆดูหน้าตาแยกไม่ออกแล้วครับอันไหนไทย อันไหน เมียนม่า 555+ เมื่อเดินไปถึงบริเวณสะพานรอดูพระอาทิตย์ขึ้น มีลมเบาพัดผ่านร่างกาย บอกเลยครับฟินสุดๆ ตามภาพเลยจ้า
สะพานไม้อูเบ็ง

    หลังจากได้นั่งชมวิวซักพัก ก็เดินทางกลับโรงแรมทานอาหารเช้าที่โรงแรม แนะนำทุกท่านเลยนะครับถ้าจะมาเมียนม่ากินอาหารท้องถิ่นให้พก"น้ำปลา"มาด้วยนะครับ รสชาติของอาหารคุณจะอร่อยมากขึ้น (ติดรสอาหารไทย) กินอิ่มหนังตาเริ่มหย่อน เอ้ารถมารับที่โรงแรมไปสถานีพอดี(ค่ารถมารับรวมอยู่ในค่าตั่วรถบัสแล้ว) การเดินทางจากมัณฑะเลย์ไปพุกาม ประมาน 4 ชั่วโมง นั่งรถบัสรอบนี้ทำให้นึกถึงสมัยเด็กๆ ที่ขี่จักรยานแล้วตกหลุม แรงสั่นสะเทือนส่งผ่านจากตัวจักรยานสู่ใบหน้า(หน้าสั่น) รถบัสคันนี้ก็เช่นกัน ลงหลุมทีหน้าสั่นยาวไป 4 ชั่วโมง 555+
เส้นทางเดินทาง

       เรามาถึงเมืองพุกามเรียบร้อยแล้ว ก็ทำการติดต่อแท็กซี่ไปส่ง โรงแรม ระหว่างทางต้องผ่านด่านเก็บค่าธรรมเนียมเที่ยวชมเมืองพุกาม (เสียครั้งเดียว เข้าได้ทุกวัดในเมืองพุกามเก่า) ค่าเสียหาย คนละ 25,000 จ๊าด เมื่อถึงโรงแรมก็ทำการเช็คอิน เช่ามอเตอร์ไซต์ไฟฟ้า และไปจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกข้างวัด Sulaimani  และวัด Sulaimani ระหว่างทางจากโรงแรมไปจุดชมวิว เต็มไปด้วยเจดีย์น้อย ใหญ่มากมายนับไม่ถ้วน สมแล้วที่เป็นเมืองหลวงเก่า
ถึงแว้ววัด Sulaimani แค่วัดแรกก็อลังการแล้ว ความใหญ่โต และความสวยงาม สะท้อนบารมีผู้สร้าง (ปล. ทุกวัดในเมียนม่าจะไม่อนุญาตให้ใส่รองเท้า และถุงเท้าเข้าไปนะครับ)
วัด Sulaimani และจุดชมวิว
 

        หลังจากเสพความสวยงามก็เดินทางกลับที่พัก คืนรถมอไซด์ที่เช่ามา  พักผ่อนหลับสนิท แม้แอร์จะไม่เย็นก็ตาม  จบการท่องเที่ยวในวันที่ 2 จ้า วันที่ 3-4 ตามที่ [CR] มัณฑะเลย์ พุกาม 4 วัน [4 Day in Mandalay Bagan] ทริปสู้แดด สไตส์ โยคี [2]
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่