กว่าจะมาถึง30,000,000 จะต้องผ่านอะไรมาบ้าง(Season 3 THE FINALE)
เป็นกระทู้สุดท้ายของบทสรุป เป็นกระทู้ที่เขียนมาจากประสบการณ์ชีวิตที่อยากให้ทุกคนได้อ่าน
เป็นกะทุ้ที่ย้อนกลับไปเริ่มต้น ทุกคนพร้อมย้อนกลับไปพร้อมกับผมแล้วนะ
#เทียนย้อย
ลิงค์1
http://pantip.com/topic/32712841
ลิงค์2
http://pantip.com/topic/34473711
ฝากตอนที่ 4 ด้วยยย
http://pantip.com/topic/35207780
บทที่1. ฝันที่แสน(ไม่)หวาน
จบการศึกษาจากเอแบค มาจากครอบครัวระดับกลาง ที่มีกิจการเล็กๆ
สิ่งที่ทุกคนต้องทำหลังจากจบคือ การสมัครงาน ผมก็ยื่นใบสมัครทางเน็ตผ่านเว็ปหางาน พวกJob DB Job , Topgun ส่งไปน่าจะเกือบ100บริษัท
บางส่วนเดิน walk-in ไปทิ้งใบสมัคร แถวตึกสีลม สาธร ไปทั่ว เดินจากชั้นบนลงล่าง
(สำนักข่าว รอยเตอร์ยังไปทิ้งไว้ ทั้งที่จบมาสายการตลาด5555)
ผมว่าทุกคนคงผ่านประสบการณ์หางานแบบนี้.
ชิวครับ ส่งไปเยอะ ไงเดี๋ยวก็ต้องได้ ไม่กี่วันมีติดต่อมาเยอะเลยครับ บริษัทประกัน5555
(ผมว่าผมไม่เคยไปยื่นresumeนะ)
สรุปผมมีโอกาสไปสัมภาษณ์ 13แห่ง(บางที่ไปสัมภาษณ์ 2รอบ คิดว่าได้แน่ๆ)
ตลอดเวลา3เดือน ไม่มีที่ไหนรับเลย
มันเกิดอะไรขึ้น (ถามตัวเองเป็น100รอบ) ตำแหน่งที่ผมสมัครเป็นตำแหน่งที่เปิดรับเยอะสุด คือ การขาย/การตลาด ไม่มีที่ไหนรับเลยหรอ ผมเตะฝุ่นอยู่ 3-4ด ที่ต้องอยู่บ้านเฉยๆ
ไม่ชิวแล้ว ไม่slow-life แล้ว เครียดซิครับ
สุดท้ายประกันกูก็จะทำแล้ว เลยไปสัมภาษณ์ที่ประกันสีเหลืองแห่งนึง แถวสีลม ไงก้ได้ชัวร์100% อีก5วันมีจดหมายส่งมาว่า ท่านคงไม่เหมาะกับงานนี้ (เ-ี้ย. อุทานดังมาก)
อะไรว่ะนิ
สุดท้ายได้ไปทำงานกับประกันแห่งนึง งานของผมคือไปสัมนา อบรมกับทีม แทบทุกวัน(พ่อไม่สนับสนุน บอกใจเย็นๆค่อยๆหา) ผมดื้อ จะทำ สุดท้าย7วันผมยังไม่รู้เลยจะขายปะกันให้ใคร55555. สุดท้ายผมก้เลิกไม่ไป
ชีวิตบัดซบ ท้อตั้งแต่เริ่ม เด็กเอแบคก็ตกงาน เดินเตะฝุ่นได้55555555555(หัวเราะ)
***(ไม่มีใครไม่เคยไม่ล้มเหลว )***
บทที่2 ทางที่ต้องเลือก
สุดท้ายมีบริษัทแห่งนึงเรียกไปสัมภาษณ์(ขายน้ำมันพืช ข้าว อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย Ka---) ก็ไปสัมพาดตามเดิมจนชินว่าคงไม่ได้อยู่ดี กลับบ้าน รอผล
อีก3วันโทรศัพท์ดัง กริ้งๆๆ ปลายสาย คุณพร้อมทำงานวันไหน
(เหยดๆๆๆๆๆได้งานแล้วโว๊ย) พร้อมครับ ทำได้เลยครับ (ไม่คิดแล้ว)
ปลายสายวาง# เราสมัครตำแหน่งไรไปว่ะ สมัครไปเยอะเบลอ เอาว่ะไปทำเดี๋ยวก็รู้น่าจะงานขายละ (สมัครไปแค่งานการตลาด/งานขาย) เงินเดือนที่เขียนไป8,000บาทต่อเดือน
วันแรก นั่งรถตู้ไปกะคนขับ ไปที่โกดัง ไปแบกลังน้ำมันพืช กะสอบข้าวสาร ลังน้ำส้ม ลังวุ้นเส้น กะสอบถั่ว กล่องนม ขึ้นรถตุ้
ตำแหน่งผมคือ พนักงานขายหน่วยรถ จ๊ากๆๆๆๆๆๆๆ
หน้าที่ของผมคือไปโกดังแบกสินค้าขึ้นรถ ออกไปขายร้านโชห่วย ตลาดสด
คิดในใจทำดีไหมว่ะ5555 เหนื่อยฉิบ
ระหว่างนั้นมีบริษัทแห่งนึงที่ผมเคยไปสมัครติดต่อให้ผมไปทำงาน (บริษัทขายเฟอนิเจอ In---) ตำแหน่ายการตลาดฝ่ายต่างประเทศ เงินเดือน12,000
งานนึงตากแดด แบกของ ลค คืออาเฮียอาเจ๊
อีกงานออฟฟิตห้องแอร์ ลค คือ ตปท
คุณจะเลือกอันไหน?
**(บางครั้งชีวิตมันก็ต้องเลือก สิ่งที่ไม่ดีที่สุด)**
กฏการเลือกงาน
1.บริษัทที่มีชื่อเสียง เพราะอยากเรียนรู้ระบบ
2.ตำแหน่ง การขาย/การตลาด
3.เงินเดือน เท่าไหรก็ได้(ผมไม่ได้คิดจะรวยจากเงินเดือน)
บทที่3 งานขาย สำหรับคนขี้อาย
ผมต้องไปโกดังแบกของทุกเช้า แดดร้อน

เหงื่อแตกพลั่กๆ ฝุ่นก็เยอะ แค่เอาของขึ้นรถ พลังผมก็หมดแล้ว ขึ้นรถหลับ5555
ถึงร้านแล้วคนขับปลุก ต้องลงไปขายแล้ว ไปดูเซลเก่าขายให้ดู (มันขายง่ายจัง ยกของลงๆๆๆ เสร็จ ไปอีกร่าน เซลก็จดๆๆออเดอร์เอาลง ง่ายดี ของหมดรถ) คิดในใจ หวานหมู
วันนี้ถึงวันที่ผมต้องฉายเดียวแล้ว คนขับปลุกๆๆ ถึงละ(คนมันเพลียแดดนิ555)
ผมลงไป หยิบโบชัวร์แบบที่ถูกฝึกมา ราคาสินค้าท่องมาอย่างดี เห้ย ทำไมลูกค้ายังไม่ทันพูด ก็ส่ายหน้า มือไล่ พูดแต่ไม่เอา ของยังมี บางคน

บอกเจ้าของไม่อยู่ (คิดในใจ ก็นั่นละเจ้าของอย่ามาหลอก กูไม่โง่555)
คิดในใจไรว่ะ มันไม่เห็นง่ายเลย สรุปยอดขายก้ไม่มี ของก็กลับไปเต็มรถ (หนังสือการขายที่อ่านมา3เล่ม ทฤษีการขาย การศึกษาพฤติกรรมผุ้บริโภคที่เรียนในมหาลัย มันไม่ช่วยไรเลยหรอว่ะ)
***(บางที่ทฏษีก็ไม่ช่วยอะไร ถ้าไม่ได้เกิดจากการปฏิบัติจริง)***
บทที่4 แรงกดดัน(จากภายนอก)จนเกือบยอมแพ้
ผมต้องโดนการปฏิเสธจากลุกค้าทุกๆวัน จนเราต้องคิดในแต่ละคืนว่าเราจะพูดยังไง เพื่อรับมือกับการปฎิเสธ (ทำให้ผมได้รู้จัก ฟังเสียงของลูกค้า เป็นครั้งแรก ไม่ใช่จากสิ่งที่เราจะยัดเยียด)**
ผมขายมาได้หลายเดือนจากคนขี้อาย ผ่านมาได้4ด ผมเริ่มคล่องละ ไปแต่ละเที่ยวของก็เริ่มหมดละ เงินเต็มกะเป๋า(เงินคนอื่น555)
ดูดีแล้วใช่ป่ะถึงจุดนี้
(คำตอบ คือ ยังครับ)
วันนี้ผมต้องไปหาลูกค้าที่ตลาดสดดินแดง ลงจากรถจะเดินไปหา ลค ในตลาด ฝนเพิ่งหยุดตก น้ำในตลาดสดโคตรแฉะ เหม็นจริงๆ ขยะก็เยอะ

(อุทาน!) อะไรตกใส่หัวว่ะ ลูบผม

(อุทานอีกรอบ) ขี้นกตกใส่หัว เซ็งสุดๆเช้านี้ คงไม่เจอไรซวยนะ
ผมเดินไปจดออเดอในตลาดสด จดเสร็จ กำลังไปที่รถ
มีเสียงผู้หญิงเรียก เล็ก ใช่ป่ะ
เหยดๆๆ มีสาวเรียกเสียงสวยด้วย ผมหันไป ผมแทบอยากจะหายตัวไปเลย เค้าคือเพื่อนสมัยเรียนที่เอแบค(สวยมากด้วย) มาเดินซื้อของในตลาดสด
สาว มาทำไรหรอ
ผม มาทำงานนะ เลยทักไปว่ามาซื้อของหรอแล้วผมก็พูดว่า พอดียุ่งอยู่ไว้คุยกันนะ
(จริงๆผมไม่ยุ่งหรอก แต่ผมอายมาก อายจริงๆนะ ผมอยากจะยืนคุยนานๆแต่ผมไม่กล้า)
ที่ผมบอกไว้ค่อยคุย ก้จริงๆไม่มีโอกาสหรอก ผมไม่มีเบอร์นะ
ผมเดินจากไปทั้งอาย ทั้งสับสนผมทำไรอยู่กะชีวิต 555(ขอดราม่าหน่อย)
หลังจากนั้นผมไปงานเลี้ยงรุ่นมี่มหาลัย ก็จะเจอเพื่อนคุยกัน ทำงานไร เงินเดือนดีไหม
ผมนี่ แทบอยากแอบไปซุกอยุ่ที่มุมๆนึงเลย555 (จะให้บอกหรอ ผมเป็นเซลหน่วยรถแบกของขาย เงินเดือน 8,000)
ผมควรจะเปลี่ยนงานดีไหม ??
***(คุณจะกำหนดชีวิตคุณ หรือ จะให้โลกกำหนดว่าคุณเป็นแบบไหน)***
บทที่5 จุดยืน
ผมขายมาเกือบปีละ จนยอดขายเป็นที่1ในหน่วย (มีหน่วยรถแค่2คัน) 555
เรื่องขายไม่ใช่ปัญหาเท่าไหรแล้ว ลูกค้าก็คุ้นเคยกันดี วันนี้ผมชิว มีออเดอร์มาเต็มคันรถแค่มาส่งก็จบละ
ออเดอร์วันนี้ ข้าว60 กระสอบ( 1กระสอบ30โล)
น้ำมันพืช40ลัง วุ้นเส้น6ลัง ถั่ว30มัด จบบิลเดียวก้เท่ากับขาย 2 วันเลย 5555 สบายขาย1วัน แยกบิลเป็น2วัน (พรุ่งนี้สบาย)
เถ้าแก่บอก ยกของท้ั้งหมดขึ้นชั้น4
อยากอุทานว่า เ-ี้ยมาก5555 กว่าจะเสร็จ แถบเป็นลม
สุดท้ายหลังจากนั้นหัวเข่าผมไปเลย เพราะสะสมแบบนี้มานานมากๆ ผมก็เป็นผู้ชายบอบบางนะ5555
หลังจากนั้น ผมมีโอกาสได้ไปทำตำแหน่งผู้ช่วยการตลาด ไปทำงานในออฟฟิต
(ผมได้เลื่อนขั้นแล้วโว้ย ไม่ต้องแบก ไม่ต้องร้อน ไม่ต้องขาย ไม่มียอดกดดัน)
ผมทำงานในออฟฟิต ผมถามตัวเองใช่ที่ๆเราควรมาอยู่แล้วหรอ เรามาทำบริษัทนี้เพราะอะไร
ผมตอบกลับตัวเอง เราต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ ที่ขายของเป็น
ผมจึงได้กลับไปขายหน่วยรถอีกครั้ง กลับมาบรรยากาศที่คุ้นเคย5555
***(ระยะทางที่ยาวไกล อาจทำให้เขว อย่าลืมจุดยืน เป้าหมายที่คุณจะไป)***
บทที่6 service mind
สุดท้ายผมได้ลาออก แล้วมาทำงานที่บริษัท(Pa------- เป็นโรงงานผลิตถ่านไฟฉาย จากญี่ปุ่น) ผมมาเพื่ออยากเรียนรู้ด้านการตลาดเพื่อจะได้รุ้จัก การวางแผน วิเคราะห์
งานของผมคือการขาย กับวางแผนการตลาด เพื่อขายให้กับตัวแทนจำหน่ายของบริษัท ปัญหาคราวนี้ไม่ใช่การขาย เพราะลูค้ามีเพียง1เดียว (ไม่น่าจะยากซิ)
ระบบการทำงานที่นี้เป็นระบบมาก เป็นสไตล์การจัดการแบบเป็นระบบ มีหน่วยงานชัดเจน
ปัญหาของผมคือ ผมต้องติดต่อกับหลายฝ่าย หลายคนทั้ง ฝ่ายวางแผน ฝ่ายผลิต ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายQC ฝ่ายบัญชี (ทุกคนคงเคยเจอคือการติดต่อข้ามหน่วยงานแล้วไม่ได้รับการร่วมมือ เพราะทุกหน่วยก็จะมีข้อจำกัดบ้างอย่าง)**
ผุ้จัดการสอนผมมาคำนึง คำนี้ผมแทบจะได้ยินทุกวัน
service mind service mind
service mind service mind
service mind service mind
ผมรู้เลย ใจบริการไม่จำเป็นต้องมีเฉพาะต่อลูกค้า แต่มันสามารถส่งต่อๆได้จากหน่วยนึงไปสู่อีกหน่วยนึง (ทำให้ทุกวันนี้ผมรักที่จะบริการลูกค้ามากๆ)***
***(first impression มาพร้อมใจที่บริการ)***
บทที่7 สำรวจตลาด บทเรียนจริง
ผมได้มีโอกาสติดตามผู้จัดการออกไปสำรวจพื้นท่ี่ขายในต่างจังหวัดหลายที่ในเขตภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคกลาง รวมถึงตามตะเข็บชายแดน
สิ่งที่ผมต้องทำคือ ไปเยี่ยมร้านโชห่วย เพื่อพูดคุยสอบถาม(การฟังเสียงความเห็นจากลูกค้าคือสิ่งที่จะทำให้เราปรับปรุงได้ดีที่สุด)***
ผมต้องถ่ายรูป จดสต้อกสินค้า วันผลิต รุ่น โปรโมชั่น ปันหาของเสีย รวมทั้งบันทึกของคู่แข่งด้วย ทำให้ผมรู้ถึงmarket share ได้วิเคระห์ถึงคู่แข่ง(รู้เค้า รู้เรา ทำให้ได้ข้อมูลจริงเชิงวิเคราะห์)
นี่คือของขวัญชิ้นวิเศษที่สำคัญมากที่ผมได้รับเลย ทุกโอกาสที่ผมได้ทำงานหนักเท่าไหร นั่นคือสิ่งที่ผมได้รับกลับมาหนักเท่านั้น(อย่าปฏิเสธงานที่คุณได้รับ นั่นคือโอกาสที่คุณได้เรียนรุ้)** ทำให้ผมสามารถประเมินตลาด คู่แข่งในเชิงทั้งคุณภาพ(qualitative analysis) และเชิงปริมาณ(quantitative analysis)
***(อย่าปฏิเสธงานที่คุณได้รับ นั่นคือโอกาสที่คุณได้เรียนรู้)***
บทที่8 ความรักครั้งแรก
ทุกครั้งที่ผมไปกินข้าวที่โรงงาน ผมจะเห็นสาวน้อยใส่ชุดมหาลัย มาช่วยแม่ขายข้าว(อร่อยนะ เพราะไม่มีตัวเลือกมาก)5555 ผมก็แค่ได้แต่แอบมอง ผมรักบริษัท ผมรักเพื่อนร่วมงาน และผมได้เจอแฟนที่นี่
(ถ้าเค้าได้มาอ่านกระทู้นี้ ผมอยากบอกขอโทษจริงๆนะ)
***(บางครั้งความสุขอาจไม่ใช่มาจากเมื่อถึงเป้าหมาย แต่บ้างครั้งมาจากระยะทางที่เดิน)***
กว่าจะมาถึง30,000,000 จะต้องผ่านอะไรมาบ้าง (Season THE FINALE)
เป็นกระทู้สุดท้ายของบทสรุป เป็นกระทู้ที่เขียนมาจากประสบการณ์ชีวิตที่อยากให้ทุกคนได้อ่าน
เป็นกะทุ้ที่ย้อนกลับไปเริ่มต้น ทุกคนพร้อมย้อนกลับไปพร้อมกับผมแล้วนะ
#เทียนย้อย
ลิงค์1 http://pantip.com/topic/32712841
ลิงค์2 http://pantip.com/topic/34473711
ฝากตอนที่ 4 ด้วยยย http://pantip.com/topic/35207780
บทที่1. ฝันที่แสน(ไม่)หวาน
จบการศึกษาจากเอแบค มาจากครอบครัวระดับกลาง ที่มีกิจการเล็กๆ
สิ่งที่ทุกคนต้องทำหลังจากจบคือ การสมัครงาน ผมก็ยื่นใบสมัครทางเน็ตผ่านเว็ปหางาน พวกJob DB Job , Topgun ส่งไปน่าจะเกือบ100บริษัท
บางส่วนเดิน walk-in ไปทิ้งใบสมัคร แถวตึกสีลม สาธร ไปทั่ว เดินจากชั้นบนลงล่าง
(สำนักข่าว รอยเตอร์ยังไปทิ้งไว้ ทั้งที่จบมาสายการตลาด5555)
ผมว่าทุกคนคงผ่านประสบการณ์หางานแบบนี้.
ชิวครับ ส่งไปเยอะ ไงเดี๋ยวก็ต้องได้ ไม่กี่วันมีติดต่อมาเยอะเลยครับ บริษัทประกัน5555
(ผมว่าผมไม่เคยไปยื่นresumeนะ)
สรุปผมมีโอกาสไปสัมภาษณ์ 13แห่ง(บางที่ไปสัมภาษณ์ 2รอบ คิดว่าได้แน่ๆ)
ตลอดเวลา3เดือน ไม่มีที่ไหนรับเลย
มันเกิดอะไรขึ้น (ถามตัวเองเป็น100รอบ) ตำแหน่งที่ผมสมัครเป็นตำแหน่งที่เปิดรับเยอะสุด คือ การขาย/การตลาด ไม่มีที่ไหนรับเลยหรอ ผมเตะฝุ่นอยู่ 3-4ด ที่ต้องอยู่บ้านเฉยๆ
ไม่ชิวแล้ว ไม่slow-life แล้ว เครียดซิครับ
สุดท้ายประกันกูก็จะทำแล้ว เลยไปสัมภาษณ์ที่ประกันสีเหลืองแห่งนึง แถวสีลม ไงก้ได้ชัวร์100% อีก5วันมีจดหมายส่งมาว่า ท่านคงไม่เหมาะกับงานนี้ (เ-ี้ย. อุทานดังมาก)
อะไรว่ะนิ
สุดท้ายได้ไปทำงานกับประกันแห่งนึง งานของผมคือไปสัมนา อบรมกับทีม แทบทุกวัน(พ่อไม่สนับสนุน บอกใจเย็นๆค่อยๆหา) ผมดื้อ จะทำ สุดท้าย7วันผมยังไม่รู้เลยจะขายปะกันให้ใคร55555. สุดท้ายผมก้เลิกไม่ไป
ชีวิตบัดซบ ท้อตั้งแต่เริ่ม เด็กเอแบคก็ตกงาน เดินเตะฝุ่นได้55555555555(หัวเราะ)
***(ไม่มีใครไม่เคยไม่ล้มเหลว )***
บทที่2 ทางที่ต้องเลือก
สุดท้ายมีบริษัทแห่งนึงเรียกไปสัมภาษณ์(ขายน้ำมันพืช ข้าว อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย Ka---) ก็ไปสัมพาดตามเดิมจนชินว่าคงไม่ได้อยู่ดี กลับบ้าน รอผล
อีก3วันโทรศัพท์ดัง กริ้งๆๆ ปลายสาย คุณพร้อมทำงานวันไหน
(เหยดๆๆๆๆๆได้งานแล้วโว๊ย) พร้อมครับ ทำได้เลยครับ (ไม่คิดแล้ว)
ปลายสายวาง# เราสมัครตำแหน่งไรไปว่ะ สมัครไปเยอะเบลอ เอาว่ะไปทำเดี๋ยวก็รู้น่าจะงานขายละ (สมัครไปแค่งานการตลาด/งานขาย) เงินเดือนที่เขียนไป8,000บาทต่อเดือน
วันแรก นั่งรถตู้ไปกะคนขับ ไปที่โกดัง ไปแบกลังน้ำมันพืช กะสอบข้าวสาร ลังน้ำส้ม ลังวุ้นเส้น กะสอบถั่ว กล่องนม ขึ้นรถตุ้
ตำแหน่งผมคือ พนักงานขายหน่วยรถ จ๊ากๆๆๆๆๆๆๆ
หน้าที่ของผมคือไปโกดังแบกสินค้าขึ้นรถ ออกไปขายร้านโชห่วย ตลาดสด
คิดในใจทำดีไหมว่ะ5555 เหนื่อยฉิบ
ระหว่างนั้นมีบริษัทแห่งนึงที่ผมเคยไปสมัครติดต่อให้ผมไปทำงาน (บริษัทขายเฟอนิเจอ In---) ตำแหน่ายการตลาดฝ่ายต่างประเทศ เงินเดือน12,000
งานนึงตากแดด แบกของ ลค คืออาเฮียอาเจ๊
อีกงานออฟฟิตห้องแอร์ ลค คือ ตปท
คุณจะเลือกอันไหน?
**(บางครั้งชีวิตมันก็ต้องเลือก สิ่งที่ไม่ดีที่สุด)**
กฏการเลือกงาน
1.บริษัทที่มีชื่อเสียง เพราะอยากเรียนรู้ระบบ
2.ตำแหน่ง การขาย/การตลาด
3.เงินเดือน เท่าไหรก็ได้(ผมไม่ได้คิดจะรวยจากเงินเดือน)
บทที่3 งานขาย สำหรับคนขี้อาย
ผมต้องไปโกดังแบกของทุกเช้า แดดร้อน
ถึงร้านแล้วคนขับปลุก ต้องลงไปขายแล้ว ไปดูเซลเก่าขายให้ดู (มันขายง่ายจัง ยกของลงๆๆๆ เสร็จ ไปอีกร่าน เซลก็จดๆๆออเดอร์เอาลง ง่ายดี ของหมดรถ) คิดในใจ หวานหมู
วันนี้ถึงวันที่ผมต้องฉายเดียวแล้ว คนขับปลุกๆๆ ถึงละ(คนมันเพลียแดดนิ555)
ผมลงไป หยิบโบชัวร์แบบที่ถูกฝึกมา ราคาสินค้าท่องมาอย่างดี เห้ย ทำไมลูกค้ายังไม่ทันพูด ก็ส่ายหน้า มือไล่ พูดแต่ไม่เอา ของยังมี บางคน
คิดในใจไรว่ะ มันไม่เห็นง่ายเลย สรุปยอดขายก้ไม่มี ของก็กลับไปเต็มรถ (หนังสือการขายที่อ่านมา3เล่ม ทฤษีการขาย การศึกษาพฤติกรรมผุ้บริโภคที่เรียนในมหาลัย มันไม่ช่วยไรเลยหรอว่ะ)
***(บางที่ทฏษีก็ไม่ช่วยอะไร ถ้าไม่ได้เกิดจากการปฏิบัติจริง)***
บทที่4 แรงกดดัน(จากภายนอก)จนเกือบยอมแพ้
ผมต้องโดนการปฏิเสธจากลุกค้าทุกๆวัน จนเราต้องคิดในแต่ละคืนว่าเราจะพูดยังไง เพื่อรับมือกับการปฎิเสธ (ทำให้ผมได้รู้จัก ฟังเสียงของลูกค้า เป็นครั้งแรก ไม่ใช่จากสิ่งที่เราจะยัดเยียด)**
ผมขายมาได้หลายเดือนจากคนขี้อาย ผ่านมาได้4ด ผมเริ่มคล่องละ ไปแต่ละเที่ยวของก็เริ่มหมดละ เงินเต็มกะเป๋า(เงินคนอื่น555)
ดูดีแล้วใช่ป่ะถึงจุดนี้
(คำตอบ คือ ยังครับ)
วันนี้ผมต้องไปหาลูกค้าที่ตลาดสดดินแดง ลงจากรถจะเดินไปหา ลค ในตลาด ฝนเพิ่งหยุดตก น้ำในตลาดสดโคตรแฉะ เหม็นจริงๆ ขยะก็เยอะ
ผมเดินไปจดออเดอในตลาดสด จดเสร็จ กำลังไปที่รถ
มีเสียงผู้หญิงเรียก เล็ก ใช่ป่ะ
เหยดๆๆ มีสาวเรียกเสียงสวยด้วย ผมหันไป ผมแทบอยากจะหายตัวไปเลย เค้าคือเพื่อนสมัยเรียนที่เอแบค(สวยมากด้วย) มาเดินซื้อของในตลาดสด
สาว มาทำไรหรอ
ผม มาทำงานนะ เลยทักไปว่ามาซื้อของหรอแล้วผมก็พูดว่า พอดียุ่งอยู่ไว้คุยกันนะ
(จริงๆผมไม่ยุ่งหรอก แต่ผมอายมาก อายจริงๆนะ ผมอยากจะยืนคุยนานๆแต่ผมไม่กล้า)
ที่ผมบอกไว้ค่อยคุย ก้จริงๆไม่มีโอกาสหรอก ผมไม่มีเบอร์นะ
ผมเดินจากไปทั้งอาย ทั้งสับสนผมทำไรอยู่กะชีวิต 555(ขอดราม่าหน่อย)
หลังจากนั้นผมไปงานเลี้ยงรุ่นมี่มหาลัย ก็จะเจอเพื่อนคุยกัน ทำงานไร เงินเดือนดีไหม
ผมนี่ แทบอยากแอบไปซุกอยุ่ที่มุมๆนึงเลย555 (จะให้บอกหรอ ผมเป็นเซลหน่วยรถแบกของขาย เงินเดือน 8,000)
ผมควรจะเปลี่ยนงานดีไหม ??
***(คุณจะกำหนดชีวิตคุณ หรือ จะให้โลกกำหนดว่าคุณเป็นแบบไหน)***
บทที่5 จุดยืน
ผมขายมาเกือบปีละ จนยอดขายเป็นที่1ในหน่วย (มีหน่วยรถแค่2คัน) 555
เรื่องขายไม่ใช่ปัญหาเท่าไหรแล้ว ลูกค้าก็คุ้นเคยกันดี วันนี้ผมชิว มีออเดอร์มาเต็มคันรถแค่มาส่งก็จบละ
ออเดอร์วันนี้ ข้าว60 กระสอบ( 1กระสอบ30โล)
น้ำมันพืช40ลัง วุ้นเส้น6ลัง ถั่ว30มัด จบบิลเดียวก้เท่ากับขาย 2 วันเลย 5555 สบายขาย1วัน แยกบิลเป็น2วัน (พรุ่งนี้สบาย)
เถ้าแก่บอก ยกของท้ั้งหมดขึ้นชั้น4
อยากอุทานว่า เ-ี้ยมาก5555 กว่าจะเสร็จ แถบเป็นลม
สุดท้ายหลังจากนั้นหัวเข่าผมไปเลย เพราะสะสมแบบนี้มานานมากๆ ผมก็เป็นผู้ชายบอบบางนะ5555
หลังจากนั้น ผมมีโอกาสได้ไปทำตำแหน่งผู้ช่วยการตลาด ไปทำงานในออฟฟิต
(ผมได้เลื่อนขั้นแล้วโว้ย ไม่ต้องแบก ไม่ต้องร้อน ไม่ต้องขาย ไม่มียอดกดดัน)
ผมทำงานในออฟฟิต ผมถามตัวเองใช่ที่ๆเราควรมาอยู่แล้วหรอ เรามาทำบริษัทนี้เพราะอะไร
ผมตอบกลับตัวเอง เราต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ ที่ขายของเป็น
ผมจึงได้กลับไปขายหน่วยรถอีกครั้ง กลับมาบรรยากาศที่คุ้นเคย5555
***(ระยะทางที่ยาวไกล อาจทำให้เขว อย่าลืมจุดยืน เป้าหมายที่คุณจะไป)***
บทที่6 service mind
สุดท้ายผมได้ลาออก แล้วมาทำงานที่บริษัท(Pa------- เป็นโรงงานผลิตถ่านไฟฉาย จากญี่ปุ่น) ผมมาเพื่ออยากเรียนรู้ด้านการตลาดเพื่อจะได้รุ้จัก การวางแผน วิเคราะห์
งานของผมคือการขาย กับวางแผนการตลาด เพื่อขายให้กับตัวแทนจำหน่ายของบริษัท ปัญหาคราวนี้ไม่ใช่การขาย เพราะลูค้ามีเพียง1เดียว (ไม่น่าจะยากซิ)
ระบบการทำงานที่นี้เป็นระบบมาก เป็นสไตล์การจัดการแบบเป็นระบบ มีหน่วยงานชัดเจน
ปัญหาของผมคือ ผมต้องติดต่อกับหลายฝ่าย หลายคนทั้ง ฝ่ายวางแผน ฝ่ายผลิต ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายQC ฝ่ายบัญชี (ทุกคนคงเคยเจอคือการติดต่อข้ามหน่วยงานแล้วไม่ได้รับการร่วมมือ เพราะทุกหน่วยก็จะมีข้อจำกัดบ้างอย่าง)**
ผุ้จัดการสอนผมมาคำนึง คำนี้ผมแทบจะได้ยินทุกวัน
service mind service mind
service mind service mind
service mind service mind
ผมรู้เลย ใจบริการไม่จำเป็นต้องมีเฉพาะต่อลูกค้า แต่มันสามารถส่งต่อๆได้จากหน่วยนึงไปสู่อีกหน่วยนึง (ทำให้ทุกวันนี้ผมรักที่จะบริการลูกค้ามากๆ)***
***(first impression มาพร้อมใจที่บริการ)***
บทที่7 สำรวจตลาด บทเรียนจริง
ผมได้มีโอกาสติดตามผู้จัดการออกไปสำรวจพื้นท่ี่ขายในต่างจังหวัดหลายที่ในเขตภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคกลาง รวมถึงตามตะเข็บชายแดน
สิ่งที่ผมต้องทำคือ ไปเยี่ยมร้านโชห่วย เพื่อพูดคุยสอบถาม(การฟังเสียงความเห็นจากลูกค้าคือสิ่งที่จะทำให้เราปรับปรุงได้ดีที่สุด)***
ผมต้องถ่ายรูป จดสต้อกสินค้า วันผลิต รุ่น โปรโมชั่น ปันหาของเสีย รวมทั้งบันทึกของคู่แข่งด้วย ทำให้ผมรู้ถึงmarket share ได้วิเคระห์ถึงคู่แข่ง(รู้เค้า รู้เรา ทำให้ได้ข้อมูลจริงเชิงวิเคราะห์)
นี่คือของขวัญชิ้นวิเศษที่สำคัญมากที่ผมได้รับเลย ทุกโอกาสที่ผมได้ทำงานหนักเท่าไหร นั่นคือสิ่งที่ผมได้รับกลับมาหนักเท่านั้น(อย่าปฏิเสธงานที่คุณได้รับ นั่นคือโอกาสที่คุณได้เรียนรุ้)** ทำให้ผมสามารถประเมินตลาด คู่แข่งในเชิงทั้งคุณภาพ(qualitative analysis) และเชิงปริมาณ(quantitative analysis)
***(อย่าปฏิเสธงานที่คุณได้รับ นั่นคือโอกาสที่คุณได้เรียนรู้)***
บทที่8 ความรักครั้งแรก
ทุกครั้งที่ผมไปกินข้าวที่โรงงาน ผมจะเห็นสาวน้อยใส่ชุดมหาลัย มาช่วยแม่ขายข้าว(อร่อยนะ เพราะไม่มีตัวเลือกมาก)5555 ผมก็แค่ได้แต่แอบมอง ผมรักบริษัท ผมรักเพื่อนร่วมงาน และผมได้เจอแฟนที่นี่
(ถ้าเค้าได้มาอ่านกระทู้นี้ ผมอยากบอกขอโทษจริงๆนะ)
***(บางครั้งความสุขอาจไม่ใช่มาจากเมื่อถึงเป้าหมาย แต่บ้างครั้งมาจากระยะทางที่เดิน)***