1. ตลาดหุ้นไทยมีขนาดแค่ 0.63% ของตลาดหุ้นทั่วโลก !!! ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐมีสัดส่วนมากสุด 36.07% สมมติว่าเราเป็นฝรั่ง มีตลาดหุ้นทั่วโลกรอให้ลงทุนซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าและมีเสถียรภาพมากกว่าตลาดหุ้นไทย แล้วไฉนเราจะจำกัดการลงทุนแค่เพียงหุ้นไทยจริงไหมครับ
https://www.bespokepremium.com/think-big-blog/which-countries-control-the-global-stock-market/
2. Fund Flow ได้ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยปีนี้ไปแล้ว 115,774.54 ล้านบาท (ณ วันที่ 17 พ.ย. 2558) การที่ตลาดหุ้นไทยจะให้ผลตอบแทนที่ดีเหมือนในอดีตสัก 3-4 ปีผ่านมา คงจะเป็นเรื่องยาก เพราะตอนนี้คำว่าเงินไหลเข้ากลุ่ม TIP (Thailand Indonesia Philippines) ได้จางหายไปแล้วเมื่อสัก 1-2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาสูง ฝรั่งขนเงินเข้ามาได้กำไรก็ขนเงินกลับไป และเงินอาจจะไหลออกเพิ่มขึ้นหากสหรัฐปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
3. ไม่มีตลาดหุ้นไหนให้ผลตอบแทนอันดับ 1 ตลอด ดังนั้นการกระจายการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
Fund Recommended by Pichai Y.
กองทุน Global แบบ Flexible
เลือกได้ทั้งกองทุน KGARMF UOBGARMF เนื่องจากกองแม่เหมือนกัน ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดของกองทุนของกสิกรไทยอยู่ที่ 1.18% ขณะที่ของยูโอบีอยู่ที่ 1.23% ขณะที่กองทุน KGARMF มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ขณะที่ UOB นโยบายการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นอยู่กันดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
กองทุน Healthdcare
เป็นหุ้น Mega Trend ที่คนยุค Baby Boom เข้าสู่วัยสูงอายุมากขึ้น และต้องการใช้เงินเพื่อการรักษาสุขภาพสูงขึ้น รวมถึงค่ายาและการรักษาใหม่ๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคต ทำให้คนต้องใช้เงินในส่วนนี้มากขึ้นเพื่อดูแลสุขภาพ หากดูผลตอบแทนย้อนหลังดีที่สุดจะเป็น SCBRMGHC แต่หากดู Sharpe Ratio (ตอบแทนเทียบกับความเสี่ยง) แล้วขอเลือกกองทุน UHCRMF
กองทุน USA
ทั้ง 2 กองทุนลงทุนตามดัชนี S&P 500 ผลตอบแทนก็ไม่แตกต่างมากนัก แต่มุมมองตลาดหุ้นสหรัฐผลตอบแทนอาจจะไม่ดีเมื่อเทียบกับอดีต เนื่องจากตลาดหุ้นขึ้นมาทำ New High ตลอด กอร์ปกับ FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ผลตอบแทนในอนาคตอาจจะไม่ดีเท่าอดีตที่ผ่านมา
กองทุน Europe
หากดูผลตอบแทนแล้วกองทุนที่เป็น Active Fund ของ TMBEGRMF ดีที่สุดในกลุ่ม ส่วนกอง KEURMF กับ KFEURORMF กองแม่เป็นกองเดียวกัน แต่ของกรุงศรีมีค่าธรรมเนียมซื้อ 1.5% และ SCBRMEU กับ TEURMF เป็น Passive Fund ที่กองแม่ก็เป็นกองเดียวกัน
กองทุน Japan
ขอเลือกกองทุนที่เป็น Passive Fund มีกองทุน SCBRMJP และ TJPRMF ส่วนกองทุน TMBJERMF มีค่าส่วนต่างเมื่อซื้อหรือขาย 0.10%
กองทุน China
ขอเลือกกองทุน TMBCORMF เนื่องจากผลงานโดนเด่นกว่ากอง Passive Fund
* ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนก่อนทำการตัดสินใจลงทุน และค่าธรรมเนียมอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามนโยบายของ บลจ.
พิชัย ยอดพฤติการ CFP®, CISA1
http://www.facebook.com/Newbieinvestor
เหตุผลที่ชวนลงทุน RMF กองต่างประเทศ
https://www.bespokepremium.com/think-big-blog/which-countries-control-the-global-stock-market/
2. Fund Flow ได้ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยปีนี้ไปแล้ว 115,774.54 ล้านบาท (ณ วันที่ 17 พ.ย. 2558) การที่ตลาดหุ้นไทยจะให้ผลตอบแทนที่ดีเหมือนในอดีตสัก 3-4 ปีผ่านมา คงจะเป็นเรื่องยาก เพราะตอนนี้คำว่าเงินไหลเข้ากลุ่ม TIP (Thailand Indonesia Philippines) ได้จางหายไปแล้วเมื่อสัก 1-2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาสูง ฝรั่งขนเงินเข้ามาได้กำไรก็ขนเงินกลับไป และเงินอาจจะไหลออกเพิ่มขึ้นหากสหรัฐปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
3. ไม่มีตลาดหุ้นไหนให้ผลตอบแทนอันดับ 1 ตลอด ดังนั้นการกระจายการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
Fund Recommended by Pichai Y.
กองทุน Global แบบ Flexible
เลือกได้ทั้งกองทุน KGARMF UOBGARMF เนื่องจากกองแม่เหมือนกัน ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดของกองทุนของกสิกรไทยอยู่ที่ 1.18% ขณะที่ของยูโอบีอยู่ที่ 1.23% ขณะที่กองทุน KGARMF มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ขณะที่ UOB นโยบายการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นอยู่กันดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
กองทุน Healthdcare
เป็นหุ้น Mega Trend ที่คนยุค Baby Boom เข้าสู่วัยสูงอายุมากขึ้น และต้องการใช้เงินเพื่อการรักษาสุขภาพสูงขึ้น รวมถึงค่ายาและการรักษาใหม่ๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคต ทำให้คนต้องใช้เงินในส่วนนี้มากขึ้นเพื่อดูแลสุขภาพ หากดูผลตอบแทนย้อนหลังดีที่สุดจะเป็น SCBRMGHC แต่หากดู Sharpe Ratio (ตอบแทนเทียบกับความเสี่ยง) แล้วขอเลือกกองทุน UHCRMF
กองทุน USA
ทั้ง 2 กองทุนลงทุนตามดัชนี S&P 500 ผลตอบแทนก็ไม่แตกต่างมากนัก แต่มุมมองตลาดหุ้นสหรัฐผลตอบแทนอาจจะไม่ดีเมื่อเทียบกับอดีต เนื่องจากตลาดหุ้นขึ้นมาทำ New High ตลอด กอร์ปกับ FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ผลตอบแทนในอนาคตอาจจะไม่ดีเท่าอดีตที่ผ่านมา
กองทุน Europe
หากดูผลตอบแทนแล้วกองทุนที่เป็น Active Fund ของ TMBEGRMF ดีที่สุดในกลุ่ม ส่วนกอง KEURMF กับ KFEURORMF กองแม่เป็นกองเดียวกัน แต่ของกรุงศรีมีค่าธรรมเนียมซื้อ 1.5% และ SCBRMEU กับ TEURMF เป็น Passive Fund ที่กองแม่ก็เป็นกองเดียวกัน
กองทุน Japan
ขอเลือกกองทุนที่เป็น Passive Fund มีกองทุน SCBRMJP และ TJPRMF ส่วนกองทุน TMBJERMF มีค่าส่วนต่างเมื่อซื้อหรือขาย 0.10%
กองทุน China
ขอเลือกกองทุน TMBCORMF เนื่องจากผลงานโดนเด่นกว่ากอง Passive Fund
* ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนก่อนทำการตัดสินใจลงทุน และค่าธรรมเนียมอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามนโยบายของ บลจ.
พิชัย ยอดพฤติการ CFP®, CISA1
http://www.facebook.com/Newbieinvestor