สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิพทุกคนจ้า
นี่เป็นกระทู้แรกของพวกเราเลยยยยย
ขอเกริ่น ... ก่อนว่าทริปนี้เกิดจากอารมณ์เบื่อหน้าฝนในกรุงเทพ เลยอยากลองบรรยากาศใหม่ๆที่ใหม่ๆ
หน้าฝนต่างจังหวัดจะเหมือนกับกรุงเทพมั้ยนะ
เริ่มแรกพวกเราสมาชิกในทีม ชายสี่ หญิงสาม ให้ทุกคนเสนอความคิดว่าอยากไปไหน เวลาที่เรากำหนดไว้คือ 4 วัน 3 คืน
ที่แรก แม่ฮ่องสอน……. ไม่ไปค่ะ!! ไกลไป
ที่สอง เชียงใหม่…… ไม่ไป!! ไกลไปอีกค่ะ
ที่สามที่นี้แหละ ที่ทุกคนตกลงจะไปใช้ชีวิต slow life ที่นั่น
สุดท้ายก็จบตรงที่ เชียงคาน จ. เลย ฮูเร่ ไปลุยกันเลยยย!!!!!!!!!!
“จะไฮโซ หรือ จะติดดิน ก็ไปได้”
มาเริ่มกันนนนนเลยยยยย
การเดินทางของพวกเรา แบ่งเป็นสองพรรค พรรคไฮโซ(โซซัดโซเซ) และ พรรคติดดิน (กินลม)
เนื่องจากเพื่อนส่วนหนึ่งยังทำธุระไม่เสร็จ จึงมีพรรคนึงไปเครื่องบิน อีกพรรคไปรถไฟ(แต่จุดหมายเดียวกัน)
เราตกลงกันว่าจะไปเจอกันที่เชียงคานเวลา 12 : 00
การเดินทางเราออกเดินทางเวลา 10:30 แต่ดีเลย์จ้าาาา!!! สรุปเราออกจากดอนเมืองตอน 11 โมงแหนะ
เราบินไปลงที่ อ.เมือง เลยยย เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม เท่านั้นเองง ยังไม่ทันได้พักตูดกันเลยก็ถึงซ่ะแล้วว
จากนั้นเราก็ต่อรถสามล้อ(ลุงขับสามล้อลดราคาให้จาก 50 เป็น 40 บาท) ไปที่บขส. เลย เพื่อไปเจอกับอีกพรรคที่นั่น
ต่อมาคือเรื่องราวของ พรรคติดดิน
เวลาที่เราเลือกขึ้นรถไฟ คือ รอบ 20 : 45 น. เป็นรถไฟฟรี ไปลงอุดร
(จริงๆแล้ว มีรอบด่วนเวลา 20 : 00 น. แต่พวกเราเฟี้ยวฟ้าวอยากนั่งรถไฟฟรีกัน เพราะชีวิตติด slow life)
ซึ่งการจะขึ้นรถไฟฟรีต้องนำบัตรประชาชนไปจองที่เคาน์เตอร์ได้เลย
ซึ่งตอนนั้นพวกเราไปช้ามากกกกกก ถ้าจะนั่งติดกันต้องนั่งใกล้ห้องน้ำ (ซึ่งอย่าให้บรรยายบรรยากาศจะดีกว่าคะ)
พวกเราจึงตัดสินใจแยกที่นั่งกันน่าจะดีกว่า
แต่ปรากฏว่าขึ้นไปแล้ว ที่ของเรามีลุงคนนึง พี่แกเล่นวางกระเป๋าควบ 2 ที่เลย(กะไม่ให้คนอื่นนั่งกันเลยทีเดียว)
พวกเราจึงไม่สามารถนั่งได้ เลยต้องแย่งที่คนอื่นนั่งกันค่ะ T_T
จากผลพวงในการนั่งที่คนอื่น ทำให้พวกเราต้องหวาดผวาทุกสถานีเลยทีเดียว ว่าจะมีเจ้าของที่ตัวจริงมาปรากฏตัวมั้ย
และแล้วเหตุการณ์นั้นก็เกิดกับเรา
เราโดนไล่ที่ค่า ทำให้ต้องแยกย้ายไปนั่งกันคนละที่
เพื่อความปลอดภัยของเพื่อนๆ ก็ควรนั่งตามที่กันนะคะ
สำหรับคนที่ชอบกิน ไม่ต้องกลัวอดอยากนะคะ
เพราะมี คุณลุงคุณป้าเดินขายของกินในราคาย่อมเยา เดินขายตลอดเวลาเลยค่ะ
และแล้วก็มาถึงอุดรธานี ตามกำหนดการเดิมต้องถึงเวลา 07 : 50 น.
จากตอนแรก พวกเราดีใจมากกกกกก ที่รถไฟออกตรงเวลาเป๊ะ แต่ก็ดีใจได้ไม่นาน
มันก็เลทตามคำล่ำรือกัน ทำให้เรามาถึงอุดรเวลา 09 : 10 น.
ตั้งแต่ก้าวเท้าลงจากรถไฟ ก็มีลุงหน้าตาใจดี๊ใจดี คนขับสามล้อ พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วแสง
“หนูจะไปไหนจ๊ะ??” ไม่มีเวลาให้พวกเราล้างหน้าล้างตาแวะเข้าห้องน้ำเลย
พวกเราก็บอกสถานที่ที่จะไปก็คือ บขส. อุดรธานี เพื่อจะต่อรถไปเลยกัน
รถจากบขส.อุดรธานี ไปยัง เลย เราขึ้นรถประมาณ 10 โมง ใช้เวลาในการเดินทางไปเลย ประมาณ 3 ชั่วโมง
"โอ้โห" มาถึงบนรถบัสก็ยังคงมีคุณลุงคุณป้าขึ้นมาขายของกินกันทุกๆสถานีที่จอด พวกเราเลยอุดมสมบูรณ์กันเลยทีเดียว
ต่อมา เป็นการประชันหน้าระหว่างพรรคไฮโซและพรรคติดดินแล้วคะ
พวกเรานัดเจอกันที่ บขส. เลย อยู่บริเวณ อำเภอเมืองเลย
จากนั้นเราก็นั่งรถตรงจาก บขส. เลย เข้ายัง เชียงคาน กันคะ นั่งรถเข้าเชียงคานใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงได้คะ
ค่ารถเพียงคนละ 35 บาทเท่านั้น
เมื่อพวกเรานั่งมาถึงยังเชียงคาน ลงรถมาก็เจอกับกลุ่มคุณลุงขับสามล้อ ไถ่ถามจุดหมายปลายทางของพวกเรา
พวกเรามีกัน7คน แบ่งกันนั่งไปกัน 2 คัน เพื่อไปยังที่พักที่แรกของพวกเรา คุณลุงคิดคนละ 20 บาท
ที่พักของเราชื่อ "บ้านต้นโขง"
เมื่อถึงที่พักเราก็ทำการเชคอินเข้าที่พักกัน
พวกเราพักกัน3ห้อง มีห้องน้ำในตัวเพียงห้องเดียว และอีกสองห้องต้องใช้เป็นห้องน้ำรวม ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกัน
บรรยากาศของที่พักที่นี่ด้านหลังติดริมแม่น้ำโขงเลยยย วิวสวยมากกก แต่อากาศก็ร้อนมากเช่นเดียวกันคะ
ตอนแรกพวกเราก็คิดว่าจะพักผ่อนตามอัธยาศัยสักหน่อย
แต่ด้วยความฟิตของเพื่อนในกลุ่มเลยตกลงกันว่าจะไปปั่นจักรยานชมวิวกัน
พวกเราเลยออกจากที่พัก เดินไปตามเส้นถนนคนเดิน มีร้านจักรยานให้เช่าหลายเจ้ามาก
พวกเราก็เช่ากัน 7 คน 7 คัน ค่าเช่าจักรยานตกคนละ 50 บาท ขับได้ทั้งวันเลยนะคะ
เมื่อได้จักรยานครบทั้ง7คน พวกเราก็เริ่มปั่นจักรยานกัน ตอนนั้นฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มกันเลย พวกเราเลยต้องรีบปั่นกันหน่อย
จุดหมายของพวกเราก็คือ ...... "วัดภูช้างน้อย"
เป็นวัดที่อยู่บนภูเขา สามารถเห็นวิวทั้งเชียงคานเลยคะ บรรยากาศสวยและวิวดีมาก
แต่เราไปก็ใกล้จะมืดแล้ว บวกกับ ทางขึ้นไปโคตรจะลำบากเลยคะ เหมือนปั่นขึ้นภูเขา เหนื่อยสุดชีวิตจริงๆ หอบแหกกันไปตามๆกัน จนพวกเราต้องตัดสินใจลงเข็นกันเลย แต่พอขึ้นไปถึง ได้เห็นบรรยากาศเห็นวิว
ก็รู้สึกว่าหายเหนื่อยจริงๆค่ะ และในช่วงเย็นขอย้ำว่าอากาศดีมากๆ
หลังจากเราถ่ายรูปกันอย่างพอใจ ก็ถึงเวลาลงกลับที่พักเรากัน
จากความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าตลอดทั้งวันของพวกเรา
กลับที่พักเราก็อาบน้ำอาบท่ากัน แล้วก็ออกเดินที่ถนนคนเดินกันต่อคะ
เดินไปเรื่อยๆ ของกินข้างทางตระการตามากจริงๆ ท้องพวกเราก็ร้องโครกคราก แทบจะกระโจนเข้าทุกร้าน
แต่จุดหมายของพวกเราในการกินข้าวมือนี้คือร้าน "ครัวศรีพรรณ"
จากการหาข้อมูลมาก่อนหน้านี้ ร้านนี้เป็นที่ล่ำรือมาก ว่าอร่อยและถูก พวกเราเลยต้องไปลิ้มลองรสชาติให้สมคำล่ำรืออออ
เมนูทีเราสั่งคือ ต้มยำปลา ข้าวผัดหมู ปลาหมึกผัดผงกระหรี่ ไก่ทอดสมุนไพร หมูยอทอด
ของคาวเสร็จแล้วว เราก็ออกเดินทางไปตามหาของหวานกันปิดท้ายค่ะ
รูปปาท่องโก๋กับ เต้าหวยน้ำขิงไข่หวาน
หลังจากกินข้าวเสร็จพวกเราก็เดินทางออกจากร้าน ครัวศรีพรรณ
เดินเลาะกลับทางเดิม ผ่านถนนคนเดินอีกครั้ง
กว่าจะถึงที่พักก็ดึกมาก พวกเราจึงแยกย้ายกันพักผ่อนเอาแรงเพื่อใช้เที่ยวในวันพรุ่งนี้คะ
[CR] ปลายฝน ต้นหนาว และแล้วก็ เลยยยย ไป " เ ชี ย ง ค า น "
นี่เป็นกระทู้แรกของพวกเราเลยยยยย
ขอเกริ่น ... ก่อนว่าทริปนี้เกิดจากอารมณ์เบื่อหน้าฝนในกรุงเทพ เลยอยากลองบรรยากาศใหม่ๆที่ใหม่ๆ
หน้าฝนต่างจังหวัดจะเหมือนกับกรุงเทพมั้ยนะ
เริ่มแรกพวกเราสมาชิกในทีม ชายสี่ หญิงสาม ให้ทุกคนเสนอความคิดว่าอยากไปไหน เวลาที่เรากำหนดไว้คือ 4 วัน 3 คืน
ที่แรก แม่ฮ่องสอน……. ไม่ไปค่ะ!! ไกลไป
ที่สอง เชียงใหม่…… ไม่ไป!! ไกลไปอีกค่ะ
ที่สามที่นี้แหละ ที่ทุกคนตกลงจะไปใช้ชีวิต slow life ที่นั่น
สุดท้ายก็จบตรงที่ เชียงคาน จ. เลย ฮูเร่ ไปลุยกันเลยยย!!!!!!!!!!
“จะไฮโซ หรือ จะติดดิน ก็ไปได้”
มาเริ่มกันนนนนเลยยยยย
การเดินทางของพวกเรา แบ่งเป็นสองพรรค พรรคไฮโซ(โซซัดโซเซ) และ พรรคติดดิน (กินลม)
เนื่องจากเพื่อนส่วนหนึ่งยังทำธุระไม่เสร็จ จึงมีพรรคนึงไปเครื่องบิน อีกพรรคไปรถไฟ(แต่จุดหมายเดียวกัน)
เราตกลงกันว่าจะไปเจอกันที่เชียงคานเวลา 12 : 00
การเดินทางเราออกเดินทางเวลา 10:30 แต่ดีเลย์จ้าาาา!!! สรุปเราออกจากดอนเมืองตอน 11 โมงแหนะ
เราบินไปลงที่ อ.เมือง เลยยย เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม เท่านั้นเองง ยังไม่ทันได้พักตูดกันเลยก็ถึงซ่ะแล้วว
จากนั้นเราก็ต่อรถสามล้อ(ลุงขับสามล้อลดราคาให้จาก 50 เป็น 40 บาท) ไปที่บขส. เลย เพื่อไปเจอกับอีกพรรคที่นั่น
ต่อมาคือเรื่องราวของ พรรคติดดิน
เวลาที่เราเลือกขึ้นรถไฟ คือ รอบ 20 : 45 น. เป็นรถไฟฟรี ไปลงอุดร
(จริงๆแล้ว มีรอบด่วนเวลา 20 : 00 น. แต่พวกเราเฟี้ยวฟ้าวอยากนั่งรถไฟฟรีกัน เพราะชีวิตติด slow life)
ซึ่งการจะขึ้นรถไฟฟรีต้องนำบัตรประชาชนไปจองที่เคาน์เตอร์ได้เลย
ซึ่งตอนนั้นพวกเราไปช้ามากกกกกก ถ้าจะนั่งติดกันต้องนั่งใกล้ห้องน้ำ (ซึ่งอย่าให้บรรยายบรรยากาศจะดีกว่าคะ)
พวกเราจึงตัดสินใจแยกที่นั่งกันน่าจะดีกว่า
แต่ปรากฏว่าขึ้นไปแล้ว ที่ของเรามีลุงคนนึง พี่แกเล่นวางกระเป๋าควบ 2 ที่เลย(กะไม่ให้คนอื่นนั่งกันเลยทีเดียว)
พวกเราจึงไม่สามารถนั่งได้ เลยต้องแย่งที่คนอื่นนั่งกันค่ะ T_T
จากผลพวงในการนั่งที่คนอื่น ทำให้พวกเราต้องหวาดผวาทุกสถานีเลยทีเดียว ว่าจะมีเจ้าของที่ตัวจริงมาปรากฏตัวมั้ย
และแล้วเหตุการณ์นั้นก็เกิดกับเรา
เราโดนไล่ที่ค่า ทำให้ต้องแยกย้ายไปนั่งกันคนละที่
เพื่อความปลอดภัยของเพื่อนๆ ก็ควรนั่งตามที่กันนะคะ
สำหรับคนที่ชอบกิน ไม่ต้องกลัวอดอยากนะคะ
เพราะมี คุณลุงคุณป้าเดินขายของกินในราคาย่อมเยา เดินขายตลอดเวลาเลยค่ะ
และแล้วก็มาถึงอุดรธานี ตามกำหนดการเดิมต้องถึงเวลา 07 : 50 น.
จากตอนแรก พวกเราดีใจมากกกกกก ที่รถไฟออกตรงเวลาเป๊ะ แต่ก็ดีใจได้ไม่นาน
มันก็เลทตามคำล่ำรือกัน ทำให้เรามาถึงอุดรเวลา 09 : 10 น.
ตั้งแต่ก้าวเท้าลงจากรถไฟ ก็มีลุงหน้าตาใจดี๊ใจดี คนขับสามล้อ พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วแสง
“หนูจะไปไหนจ๊ะ??” ไม่มีเวลาให้พวกเราล้างหน้าล้างตาแวะเข้าห้องน้ำเลย
พวกเราก็บอกสถานที่ที่จะไปก็คือ บขส. อุดรธานี เพื่อจะต่อรถไปเลยกัน
รถจากบขส.อุดรธานี ไปยัง เลย เราขึ้นรถประมาณ 10 โมง ใช้เวลาในการเดินทางไปเลย ประมาณ 3 ชั่วโมง
"โอ้โห" มาถึงบนรถบัสก็ยังคงมีคุณลุงคุณป้าขึ้นมาขายของกินกันทุกๆสถานีที่จอด พวกเราเลยอุดมสมบูรณ์กันเลยทีเดียว
ต่อมา เป็นการประชันหน้าระหว่างพรรคไฮโซและพรรคติดดินแล้วคะ
พวกเรานัดเจอกันที่ บขส. เลย อยู่บริเวณ อำเภอเมืองเลย
จากนั้นเราก็นั่งรถตรงจาก บขส. เลย เข้ายัง เชียงคาน กันคะ นั่งรถเข้าเชียงคานใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงได้คะ
ค่ารถเพียงคนละ 35 บาทเท่านั้น
เมื่อพวกเรานั่งมาถึงยังเชียงคาน ลงรถมาก็เจอกับกลุ่มคุณลุงขับสามล้อ ไถ่ถามจุดหมายปลายทางของพวกเรา
พวกเรามีกัน7คน แบ่งกันนั่งไปกัน 2 คัน เพื่อไปยังที่พักที่แรกของพวกเรา คุณลุงคิดคนละ 20 บาท
ที่พักของเราชื่อ "บ้านต้นโขง"
เมื่อถึงที่พักเราก็ทำการเชคอินเข้าที่พักกัน
พวกเราพักกัน3ห้อง มีห้องน้ำในตัวเพียงห้องเดียว และอีกสองห้องต้องใช้เป็นห้องน้ำรวม ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกัน
บรรยากาศของที่พักที่นี่ด้านหลังติดริมแม่น้ำโขงเลยยย วิวสวยมากกก แต่อากาศก็ร้อนมากเช่นเดียวกันคะ
ตอนแรกพวกเราก็คิดว่าจะพักผ่อนตามอัธยาศัยสักหน่อย
แต่ด้วยความฟิตของเพื่อนในกลุ่มเลยตกลงกันว่าจะไปปั่นจักรยานชมวิวกัน
พวกเราเลยออกจากที่พัก เดินไปตามเส้นถนนคนเดิน มีร้านจักรยานให้เช่าหลายเจ้ามาก
พวกเราก็เช่ากัน 7 คน 7 คัน ค่าเช่าจักรยานตกคนละ 50 บาท ขับได้ทั้งวันเลยนะคะ
เมื่อได้จักรยานครบทั้ง7คน พวกเราก็เริ่มปั่นจักรยานกัน ตอนนั้นฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มกันเลย พวกเราเลยต้องรีบปั่นกันหน่อย
จุดหมายของพวกเราก็คือ ...... "วัดภูช้างน้อย"
เป็นวัดที่อยู่บนภูเขา สามารถเห็นวิวทั้งเชียงคานเลยคะ บรรยากาศสวยและวิวดีมาก
แต่เราไปก็ใกล้จะมืดแล้ว บวกกับ ทางขึ้นไปโคตรจะลำบากเลยคะ เหมือนปั่นขึ้นภูเขา เหนื่อยสุดชีวิตจริงๆ หอบแหกกันไปตามๆกัน จนพวกเราต้องตัดสินใจลงเข็นกันเลย แต่พอขึ้นไปถึง ได้เห็นบรรยากาศเห็นวิว
ก็รู้สึกว่าหายเหนื่อยจริงๆค่ะ และในช่วงเย็นขอย้ำว่าอากาศดีมากๆ
หลังจากเราถ่ายรูปกันอย่างพอใจ ก็ถึงเวลาลงกลับที่พักเรากัน
จากความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าตลอดทั้งวันของพวกเรา
กลับที่พักเราก็อาบน้ำอาบท่ากัน แล้วก็ออกเดินที่ถนนคนเดินกันต่อคะ
เดินไปเรื่อยๆ ของกินข้างทางตระการตามากจริงๆ ท้องพวกเราก็ร้องโครกคราก แทบจะกระโจนเข้าทุกร้าน
แต่จุดหมายของพวกเราในการกินข้าวมือนี้คือร้าน "ครัวศรีพรรณ"
จากการหาข้อมูลมาก่อนหน้านี้ ร้านนี้เป็นที่ล่ำรือมาก ว่าอร่อยและถูก พวกเราเลยต้องไปลิ้มลองรสชาติให้สมคำล่ำรืออออ
เมนูทีเราสั่งคือ ต้มยำปลา ข้าวผัดหมู ปลาหมึกผัดผงกระหรี่ ไก่ทอดสมุนไพร หมูยอทอด
ของคาวเสร็จแล้วว เราก็ออกเดินทางไปตามหาของหวานกันปิดท้ายค่ะ
รูปปาท่องโก๋กับ เต้าหวยน้ำขิงไข่หวาน
หลังจากกินข้าวเสร็จพวกเราก็เดินทางออกจากร้าน ครัวศรีพรรณ
เดินเลาะกลับทางเดิม ผ่านถนนคนเดินอีกครั้ง
กว่าจะถึงที่พักก็ดึกมาก พวกเราจึงแยกย้ายกันพักผ่อนเอาแรงเพื่อใช้เที่ยวในวันพรุ่งนี้คะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น