คุณคิดอย่างไรกับการประหารชีวิตนักโทษ สำหรับผม ผมไม่เห็นด้วย (กรุณาอ่านให้จบ)

กระทู้คำถาม
คุณรู้ใช่มั้ยครับว่าการฆ่าคนไม่ใช่เรื่องที่ดี การฆ่าคนในลักษณะนี้อาจจะไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็ผิดศีลธรรม ลองเปรียบเทียบดูนะครับ ถ้าเราไปมีเรื่องกับใครแล้วเขาไม่จบและเราก็ไม่จบ เราก็จะไปเรื่องกันต่อไปเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้น การฆ่าคนก็เช่นกัน ถ้าเราฆ่าใครซักคน ซักวันหนึ่งเราก็ถ้าจะถูกใครซักคนฆ่าก็ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมเห็นด้วยกับพวกทำไม่ดีนะครับ ผมเชื่อเสมอว่าทำดียังไงก็ได้ดี บางคนมักบอกว่าทำดีบางครั้งไม่เห็นจะได้ดีเลย คุณคิดว่าในชีวิตคุณทำดีอย่างเดียวเหรอ คุณเองก็เคยทำไม่ดีเช่นกัน ผมเองก็เคยทำไม่ดีเช่นกัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราล้วนมาจากการกระทำของเราทั้งนั้น ทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่ว คนที่เขาทำไม่ดีเดี๋ยวเขาก็ได้รับผลกรรมของเขาเอง ไม่ต้องไปฆ่าเขาหรอกนะครับ อย่าไปสร้างเจ้ากรรมนายเวรให้ตัวเองเลยครับ ถ้ากระทู้นี้ไม่เหมาะสมก็ขออภัยด้วยนะครับและแจ้งลบได้ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 55
กระทู้น่าสนใจนะครับ  ขอแจมด้วย

ผมเห็นด้วยกับ"คำตอบ"ของเจ้าของกระทู้นะครับ  ว่าไม่ควรมีโทษประหาร
แต่เหตุผลของผมแตกต่างกับเจ้าของกระทู้มากครับ

ผมเห็นหลายๆความเห็นบอกประมาณว่า "ก็เค้าฆ่าคนมาจะให้ทำยังงัย"

ดังนั้นก่อนเราจะตอบว่า  คนทำผิดมาแล้วให้ทำยังงัย  
ทุกวันนี้ที่เราลงโทษกันเนี่ย  เราเคยคิดไหมครับว่าลงโทษไปเพื่ออะไร
บางคนตอบว่าลงโทษเพื่อให้หลาบจำ  ลงโทษมีไว้เพื่อไม่ให้กระทำผิดซ้ำ

จริงๆแล้วการลงโทษมีไว้เพื่ออะไรกันแน่ ???

ก่อนจะตอบคำถาม  เราลองมาดูแนวคิดของการลงโทษกันดีกว่าครับ

หลักการที่ชัดเจนที่สุดของการลงโทษคือแบ่งตามทัณฑวิทยา(Penology)  

1. การลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทน (Retribution)
2. การลงโทษเพื่อข่มขวัญยับยั้ง (Deterrence)
3. การลงโทษเพื่อตัดโอกาสกระทำผิด (Incapacitation)
4. การลงโทษเพื่อแก้ไขฟื้นฟู (Rehabilitation)


เราลองมาเจาะทีละข้อกันนะครับ

1. การลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทน (Retribution)
การลงโทษแบบนี้คิดออกง่ายที่สุด  และมีมาตั้งแต่โบราณครับ  หรือเข้าใจง่ายๆว่า "ตาต่อตา  ฟันต่อฟัน"
คือแกฆ่าลูกชั้น  ชั้นต้องฆ่าแก  
แกข่มขืนน้องชั้น  ชั้นให้คนอื่นมาข่มขืนแก
หรือมันคือการแก้แค้นนั่นเองครับ

ซึ่งถามว่าการแก้แค้น  มันสมควรมั๊ย
ตอบได้เลยว่าไม่สมควร  
และถามว่าทำไมยังมีอยู่  ก็เพื่อตอบสนองความรู้สึกของประชาชนครับ(เหมือนหลายๆคนใน pantip นี่แหละ)

แน่นอนว่าการแก้แค้นมันไม่เกิดประโยชน์อะไรกับสังคม  นอกจากได้ความสะใจหรือเยียวยาผู้เสียหาย
คุณอาจจะบอกว่าผมไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก  ใช่ครับผมไม่รู้
แต่ผมก็ถามกลับว่าคุณฆ่าเค้าแล้วได้อะไร  คุณได้สิ่งที่สูญเสียกลับมาไหม
หรือคุณอาจจะได้รับการเยียวยาทางจิตใจ  แต่สังคมล่ะได้อะไร  ความสะใจหรือเปล่า ???

กฏหมายแบบนี้  รัฐสร้างขึ้นมาทำไมรู้ไหมครับ
ก็เพื่อไม่ให้คุณมาแก้แค้นกันเอง  แต่เดี๋ยวรัฐจัดการให้

ดังนั้นแนวคิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน หรือการแก้แค้น  มีจุดอ่อนหลายอย่างมากๆ เช่น

- การลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทนไม่ได้มองถึงประโยชน์ในอนาคต  หรือพูดง่ายๆคือ  ลงโทษไปแล้วได้อะไร  สมมติไม่ใช่โทษประหาร  จะสามารถยับยังอาชญากรรมครั้งต่อไปได้หรอ  ในเมื่อเราแก้ปัญหาด้วยการแก้แค้น
-  เป็นการตัดสินยากว่าจะแก้แค้นยังงัย  เช่นถ้าคุณโดนขโมยของ  คุณจะทำยังงัยกับขโมย  ตัดมือ  หรือจำคุกกี่ปีถึงเหมาะสมกับความผิดและเอาอะไรมาวัดครับ


2. การลงโทษเพื่อข่มขวัญยับยั้ง (Deterrence)
แนวคิดนี้มาจากการที่คิดว่ากฏหมายอ่อนแอครับ  กฏหมายเราต้อง strong พอจะทำให้คนที่ก่ออาชญกรรมกลัวได้

โดยเราจะลงโทษเพื่อตัดไม้ข่มนาม  หรือทำให้คนเกรงกลัวกฏหมายครับ   ซึ่งจะแบ่งออกเป็นการลงโทษให้คนในสังคมเกรงกลัว  กับการลงโทษเฉพาะบุคคลให้คนที่ทำผิดคนนั้นเกรงกลัว

ฟังดูดีใช่มั๊ยครับแนวคิดนี้

แต่ถ้าใครอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องบทลงโทษพวกนี้  หรือหนังสือแนวจิตวิทยา  จะพบว่ามันยังมีข้อถกเถียงกันมากมายว่าจริงๆแล้วการเพิ่มโทษสามารถลดอาชญากรรมได้จริงไหม ???

โดยเหตุผลหลักๆที่ให้โดยนักอาชญวิทยาคือ  
1. ตอนคนร้ายก่อนอาชญากรรมเค้าไม่ได้นึกถึงความรุนแรงของโทษ  ดังนั้นเพิ่มโทษไป  ตอนเค้าก่ออาชญกรรม  เค้าก็ไม่ได้นึกถึงมันอยู่ดี
2. เพิ่มโทษถึงจุดๆนึง  อาชญาจะเลือกฆ่าทันที  เช่นถ้าข่มขืน = ฆ่า  เนื่องจากมันไม่มีโทษแรงมากกว่านี้อีกแล้ว  ดังนั้นถ้าอาชญากรข่มขืนเสร็จ  ก็ต้องฆ่าทิ้งเกือบทุกรายครับ
เหตุผลรองๆลงมาคือเรื่องแพะ  ว่าถ้าจับคนผิด  ประหารไปเลย  แล้วถ้าเกิดรู้ว่าจับผิดทีหลังนี่ยังงัยล่ะทีนี้....


ส่วนตัวไม่ได้บอกว่าทฤษฏีนี้จะถูกแน่นอน 100%

เพียงแต่อยากถามดูเหมือนกันว่า  "ถ้าการเพิ่มโทษไม่มีผลต่อการลดอาชญากรรม  เราจะยังอยากเพิ่มโทษอยู่ไหม  เพราะอะไร"
(แต่ถ้าเพิ่มโทษแล้วอาชญากรรมลดอันนั้นน่ะดีแน่ๆ)


3. การลงโทษเพื่อตัดโอกาสกระทำผิด (Incapacitation)
แนวความคิดนี้เชื่อว่าอาชญกรทำผิดเพราะมีโอกาส  ดังนั้นถ้าไม่มีโอกาสจะไม่ทำผิด

เราจะเห็นการลงโทษออกมาในรูปแบบจำคุก  
หรือข่มขืนมาก็ฉีดให้ไข่ฟ่อ  ตัดทิ้ง
ขโมยของมาก็ตัดมือตัดเท้า

ซึ่งจุดอ่อนของแนวคิดนี้คือ  เราสามารถกันเค้าได้แค่ในระยะเวลาหนึ่ง(หรืออาจจะตลอดไปถ้าประหารชีวิต)  เช่นจำคุก 5 เดือน 2 ปี  หรือตัดมือ  ก็จบ
แต่หลังจากนั้นล่ะ  เค้าอาจจะเคียดแค้นสังคม  ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม  หรือกลายเป็นคนพิการ(ถ้าตัดมือ)ก็เป็นภาระสังคมอีก


4) การลงโทษเพื่อแก้ไขฟื้นฟู (Rehabilitation)
แนวความคิดสุดท้ายเป็นแนวความคิดที่ชาว pantip เรียกกันว่า  แนวความคิด "โลกสวย" หรือ ideal มากๆ
แต่มันก็เป็นแนวความคิดที่ผมชอบที่สุดอยู่ดี

สำหรับแนวคิดนี้คือคนเราทำผิดจากการถูกหล่อหลอมด้วยปัญหาต่างๆทั้งจากภายนอกและภายใน  
อาจจะด้านจิตใจ  ครอบครัว  เศรษฐกิจ  
ซึ่งถ้าเราแก้ปัญหาเหล่านี้ได้  เค้าก็จะไม่กลับมาทำผิดอีก

แนวความคิดนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดความผิด  แต่ขึ้นอยู่กับตัวคนทำผิด  เช่นคนฆ่าข่มขืนถ้าเกิดสำนึกได้ก่อน  ก็จะออกจากคุกได้เร็วกว่าคนที่ขโมยของ  เป็นต้น

แต่จุดอ่อนหรืออุปสรรคมีเยอะมาก เช่น
- ใช้เวลาและทรัพยากรนาน  กว่าจะวิเคราะห์ปัญหา(เพราะแต่ละคนมีปัญหาไม่เหมือนกัน)  แก้ปัญหา  บางทีอาจจะเกิดจากบุคลิกลักษณะที่ทำให้เป็นแบบนั้น  ซึ่งแก้กันนานมาก(และเปลืองทรัพยากรด้วย)
- ขัดกับความรู้สึกของคนในสังคม  คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าคนที่ฆ่าข่มขืนกลับใจได้จริงๆ  ถูกปล่อยตัวมาใน 3 เดือน  คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าต้องเอาทรัพยากรมาดูแลอาชญากรแต่มีคนจนๆ  ไม่มีกินอยู่มากมาย
- อาจแก้ปัญหาไม่ได้ทุกคน



แน่นอนว่าที่ผมพิมพ์มายาวเหยียดไม่ได้ต้องการจะมา lecture เรื่อง Penology นะครับ

ปัจจุบันหลายๆประเทศรวมถึงประเทศที่เจริญแล้วก็ยังมีบทลงโทษที่มาจากแนวคิด 1 2 3  และ 4
ผมไม่ได้บอกว่าประเทศที่เจริญแล้วจะไม่ประหาร


แต่ผมอยากให้ลองดูแนวคิดของแต่ละวิธี  แล้วลองถามตัวเองอีกทีว่าเราอยากประหารชีวิตอาชญากรจากแนวคิดอะไร  
แล้วได้อะไร  
เราได้อะไร  คนทำผิดได้อะไร  สังคมได้อะไร


ผมไม่ได้บอกไม่ให้มีบทลงโทษหรือกฏหมายเลยนะครับ
เพียงแต่ผมคิดว่าเราไม่ควรไปตัดสินชีวิตใครก็เท่านั้น(แม้ในที่นี้จะเป็นรัฐก็ตาม)  และผมคิดว่าคนเรามี"โอกาส"กลับตัวกลับใจได้(ใช้คำว่ามีโอกาสนะครับ  อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้)

ถ้าบางคนถามว่าแล้วตอนเค้าไปฆ่าคนอื่นเค้าตัดสินชีวิตคนอื่นหรือเปล่า
ใช่ครับ  เค้าไปตัดสินชีวิตคนอื่น  เค้าทำผิด
คำถามคือเราจะทำผิดแบบเค้าหรอครับ ???
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เลอะเทอะมากครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่