คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 55
กระทู้น่าสนใจนะครับ ขอแจมด้วย
ผมเห็นด้วยกับ"คำตอบ"ของเจ้าของกระทู้นะครับ ว่าไม่ควรมีโทษประหาร
แต่เหตุผลของผมแตกต่างกับเจ้าของกระทู้มากครับ
ผมเห็นหลายๆความเห็นบอกประมาณว่า "ก็เค้าฆ่าคนมาจะให้ทำยังงัย"
ดังนั้นก่อนเราจะตอบว่า คนทำผิดมาแล้วให้ทำยังงัย
ทุกวันนี้ที่เราลงโทษกันเนี่ย เราเคยคิดไหมครับว่าลงโทษไปเพื่ออะไร
บางคนตอบว่าลงโทษเพื่อให้หลาบจำ ลงโทษมีไว้เพื่อไม่ให้กระทำผิดซ้ำ
จริงๆแล้วการลงโทษมีไว้เพื่ออะไรกันแน่ ???
ก่อนจะตอบคำถาม เราลองมาดูแนวคิดของการลงโทษกันดีกว่าครับ
หลักการที่ชัดเจนที่สุดของการลงโทษคือแบ่งตามทัณฑวิทยา(Penology)
1. การลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทน (Retribution)
2. การลงโทษเพื่อข่มขวัญยับยั้ง (Deterrence)
3. การลงโทษเพื่อตัดโอกาสกระทำผิด (Incapacitation)
4. การลงโทษเพื่อแก้ไขฟื้นฟู (Rehabilitation)
เราลองมาเจาะทีละข้อกันนะครับ
1. การลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทน (Retribution)
การลงโทษแบบนี้คิดออกง่ายที่สุด และมีมาตั้งแต่โบราณครับ หรือเข้าใจง่ายๆว่า "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน"
คือแกฆ่าลูกชั้น ชั้นต้องฆ่าแก
แกข่มขืนน้องชั้น ชั้นให้คนอื่นมาข่มขืนแก
หรือมันคือการแก้แค้นนั่นเองครับ
ซึ่งถามว่าการแก้แค้น มันสมควรมั๊ย
ตอบได้เลยว่าไม่สมควร
และถามว่าทำไมยังมีอยู่ ก็เพื่อตอบสนองความรู้สึกของประชาชนครับ(เหมือนหลายๆคนใน pantip นี่แหละ)
แน่นอนว่าการแก้แค้นมันไม่เกิดประโยชน์อะไรกับสังคม นอกจากได้ความสะใจหรือเยียวยาผู้เสียหาย
คุณอาจจะบอกว่าผมไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก ใช่ครับผมไม่รู้
แต่ผมก็ถามกลับว่าคุณฆ่าเค้าแล้วได้อะไร คุณได้สิ่งที่สูญเสียกลับมาไหม
หรือคุณอาจจะได้รับการเยียวยาทางจิตใจ แต่สังคมล่ะได้อะไร ความสะใจหรือเปล่า ???
กฏหมายแบบนี้ รัฐสร้างขึ้นมาทำไมรู้ไหมครับ
ก็เพื่อไม่ให้คุณมาแก้แค้นกันเอง แต่เดี๋ยวรัฐจัดการให้
ดังนั้นแนวคิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน หรือการแก้แค้น มีจุดอ่อนหลายอย่างมากๆ เช่น
- การลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทนไม่ได้มองถึงประโยชน์ในอนาคต หรือพูดง่ายๆคือ ลงโทษไปแล้วได้อะไร สมมติไม่ใช่โทษประหาร จะสามารถยับยังอาชญากรรมครั้งต่อไปได้หรอ ในเมื่อเราแก้ปัญหาด้วยการแก้แค้น
- เป็นการตัดสินยากว่าจะแก้แค้นยังงัย เช่นถ้าคุณโดนขโมยของ คุณจะทำยังงัยกับขโมย ตัดมือ หรือจำคุกกี่ปีถึงเหมาะสมกับความผิดและเอาอะไรมาวัดครับ
2. การลงโทษเพื่อข่มขวัญยับยั้ง (Deterrence)
แนวคิดนี้มาจากการที่คิดว่ากฏหมายอ่อนแอครับ กฏหมายเราต้อง strong พอจะทำให้คนที่ก่ออาชญกรรมกลัวได้
โดยเราจะลงโทษเพื่อตัดไม้ข่มนาม หรือทำให้คนเกรงกลัวกฏหมายครับ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นการลงโทษให้คนในสังคมเกรงกลัว กับการลงโทษเฉพาะบุคคลให้คนที่ทำผิดคนนั้นเกรงกลัว
ฟังดูดีใช่มั๊ยครับแนวคิดนี้
แต่ถ้าใครอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องบทลงโทษพวกนี้ หรือหนังสือแนวจิตวิทยา จะพบว่ามันยังมีข้อถกเถียงกันมากมายว่าจริงๆแล้วการเพิ่มโทษสามารถลดอาชญากรรมได้จริงไหม ???
โดยเหตุผลหลักๆที่ให้โดยนักอาชญวิทยาคือ
1. ตอนคนร้ายก่อนอาชญากรรมเค้าไม่ได้นึกถึงความรุนแรงของโทษ ดังนั้นเพิ่มโทษไป ตอนเค้าก่ออาชญกรรม เค้าก็ไม่ได้นึกถึงมันอยู่ดี
2. เพิ่มโทษถึงจุดๆนึง อาชญาจะเลือกฆ่าทันที เช่นถ้าข่มขืน = ฆ่า เนื่องจากมันไม่มีโทษแรงมากกว่านี้อีกแล้ว ดังนั้นถ้าอาชญากรข่มขืนเสร็จ ก็ต้องฆ่าทิ้งเกือบทุกรายครับ
เหตุผลรองๆลงมาคือเรื่องแพะ ว่าถ้าจับคนผิด ประหารไปเลย แล้วถ้าเกิดรู้ว่าจับผิดทีหลังนี่ยังงัยล่ะทีนี้....
ส่วนตัวไม่ได้บอกว่าทฤษฏีนี้จะถูกแน่นอน 100%
เพียงแต่อยากถามดูเหมือนกันว่า "ถ้าการเพิ่มโทษไม่มีผลต่อการลดอาชญากรรม เราจะยังอยากเพิ่มโทษอยู่ไหม เพราะอะไร"
(แต่ถ้าเพิ่มโทษแล้วอาชญากรรมลดอันนั้นน่ะดีแน่ๆ)
3. การลงโทษเพื่อตัดโอกาสกระทำผิด (Incapacitation)
แนวความคิดนี้เชื่อว่าอาชญกรทำผิดเพราะมีโอกาส ดังนั้นถ้าไม่มีโอกาสจะไม่ทำผิด
เราจะเห็นการลงโทษออกมาในรูปแบบจำคุก
หรือข่มขืนมาก็ฉีดให้ไข่ฟ่อ ตัดทิ้ง
ขโมยของมาก็ตัดมือตัดเท้า
ซึ่งจุดอ่อนของแนวคิดนี้คือ เราสามารถกันเค้าได้แค่ในระยะเวลาหนึ่ง(หรืออาจจะตลอดไปถ้าประหารชีวิต) เช่นจำคุก 5 เดือน 2 ปี หรือตัดมือ ก็จบ
แต่หลังจากนั้นล่ะ เค้าอาจจะเคียดแค้นสังคม ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม หรือกลายเป็นคนพิการ(ถ้าตัดมือ)ก็เป็นภาระสังคมอีก
4) การลงโทษเพื่อแก้ไขฟื้นฟู (Rehabilitation)
แนวความคิดสุดท้ายเป็นแนวความคิดที่ชาว pantip เรียกกันว่า แนวความคิด "โลกสวย" หรือ ideal มากๆ
แต่มันก็เป็นแนวความคิดที่ผมชอบที่สุดอยู่ดี
สำหรับแนวคิดนี้คือคนเราทำผิดจากการถูกหล่อหลอมด้วยปัญหาต่างๆทั้งจากภายนอกและภายใน
อาจจะด้านจิตใจ ครอบครัว เศรษฐกิจ
ซึ่งถ้าเราแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เค้าก็จะไม่กลับมาทำผิดอีก
แนวความคิดนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดความผิด แต่ขึ้นอยู่กับตัวคนทำผิด เช่นคนฆ่าข่มขืนถ้าเกิดสำนึกได้ก่อน ก็จะออกจากคุกได้เร็วกว่าคนที่ขโมยของ เป็นต้น
แต่จุดอ่อนหรืออุปสรรคมีเยอะมาก เช่น
- ใช้เวลาและทรัพยากรนาน กว่าจะวิเคราะห์ปัญหา(เพราะแต่ละคนมีปัญหาไม่เหมือนกัน) แก้ปัญหา บางทีอาจจะเกิดจากบุคลิกลักษณะที่ทำให้เป็นแบบนั้น ซึ่งแก้กันนานมาก(และเปลืองทรัพยากรด้วย)
- ขัดกับความรู้สึกของคนในสังคม คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าคนที่ฆ่าข่มขืนกลับใจได้จริงๆ ถูกปล่อยตัวมาใน 3 เดือน คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าต้องเอาทรัพยากรมาดูแลอาชญากรแต่มีคนจนๆ ไม่มีกินอยู่มากมาย
- อาจแก้ปัญหาไม่ได้ทุกคน
แน่นอนว่าที่ผมพิมพ์มายาวเหยียดไม่ได้ต้องการจะมา lecture เรื่อง Penology นะครับ
ปัจจุบันหลายๆประเทศรวมถึงประเทศที่เจริญแล้วก็ยังมีบทลงโทษที่มาจากแนวคิด 1 2 3 และ 4
ผมไม่ได้บอกว่าประเทศที่เจริญแล้วจะไม่ประหาร
แต่ผมอยากให้ลองดูแนวคิดของแต่ละวิธี แล้วลองถามตัวเองอีกทีว่าเราอยากประหารชีวิตอาชญากรจากแนวคิดอะไร
แล้วได้อะไร
เราได้อะไร คนทำผิดได้อะไร สังคมได้อะไร
ผมไม่ได้บอกไม่ให้มีบทลงโทษหรือกฏหมายเลยนะครับ
เพียงแต่ผมคิดว่าเราไม่ควรไปตัดสินชีวิตใครก็เท่านั้น(แม้ในที่นี้จะเป็นรัฐก็ตาม) และผมคิดว่าคนเรามี"โอกาส"กลับตัวกลับใจได้(ใช้คำว่ามีโอกาสนะครับ อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้)
ถ้าบางคนถามว่าแล้วตอนเค้าไปฆ่าคนอื่นเค้าตัดสินชีวิตคนอื่นหรือเปล่า
ใช่ครับ เค้าไปตัดสินชีวิตคนอื่น เค้าทำผิด
คำถามคือเราจะทำผิดแบบเค้าหรอครับ ???
ผมเห็นด้วยกับ"คำตอบ"ของเจ้าของกระทู้นะครับ ว่าไม่ควรมีโทษประหาร
แต่เหตุผลของผมแตกต่างกับเจ้าของกระทู้มากครับ
ผมเห็นหลายๆความเห็นบอกประมาณว่า "ก็เค้าฆ่าคนมาจะให้ทำยังงัย"
ดังนั้นก่อนเราจะตอบว่า คนทำผิดมาแล้วให้ทำยังงัย
ทุกวันนี้ที่เราลงโทษกันเนี่ย เราเคยคิดไหมครับว่าลงโทษไปเพื่ออะไร
บางคนตอบว่าลงโทษเพื่อให้หลาบจำ ลงโทษมีไว้เพื่อไม่ให้กระทำผิดซ้ำ
จริงๆแล้วการลงโทษมีไว้เพื่ออะไรกันแน่ ???
ก่อนจะตอบคำถาม เราลองมาดูแนวคิดของการลงโทษกันดีกว่าครับ
หลักการที่ชัดเจนที่สุดของการลงโทษคือแบ่งตามทัณฑวิทยา(Penology)
1. การลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทน (Retribution)
2. การลงโทษเพื่อข่มขวัญยับยั้ง (Deterrence)
3. การลงโทษเพื่อตัดโอกาสกระทำผิด (Incapacitation)
4. การลงโทษเพื่อแก้ไขฟื้นฟู (Rehabilitation)
เราลองมาเจาะทีละข้อกันนะครับ
1. การลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทน (Retribution)
การลงโทษแบบนี้คิดออกง่ายที่สุด และมีมาตั้งแต่โบราณครับ หรือเข้าใจง่ายๆว่า "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน"
คือแกฆ่าลูกชั้น ชั้นต้องฆ่าแก
แกข่มขืนน้องชั้น ชั้นให้คนอื่นมาข่มขืนแก
หรือมันคือการแก้แค้นนั่นเองครับ
ซึ่งถามว่าการแก้แค้น มันสมควรมั๊ย
ตอบได้เลยว่าไม่สมควร
และถามว่าทำไมยังมีอยู่ ก็เพื่อตอบสนองความรู้สึกของประชาชนครับ(เหมือนหลายๆคนใน pantip นี่แหละ)
แน่นอนว่าการแก้แค้นมันไม่เกิดประโยชน์อะไรกับสังคม นอกจากได้ความสะใจหรือเยียวยาผู้เสียหาย
คุณอาจจะบอกว่าผมไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก ใช่ครับผมไม่รู้
แต่ผมก็ถามกลับว่าคุณฆ่าเค้าแล้วได้อะไร คุณได้สิ่งที่สูญเสียกลับมาไหม
หรือคุณอาจจะได้รับการเยียวยาทางจิตใจ แต่สังคมล่ะได้อะไร ความสะใจหรือเปล่า ???
กฏหมายแบบนี้ รัฐสร้างขึ้นมาทำไมรู้ไหมครับ
ก็เพื่อไม่ให้คุณมาแก้แค้นกันเอง แต่เดี๋ยวรัฐจัดการให้
ดังนั้นแนวคิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน หรือการแก้แค้น มีจุดอ่อนหลายอย่างมากๆ เช่น
- การลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทนไม่ได้มองถึงประโยชน์ในอนาคต หรือพูดง่ายๆคือ ลงโทษไปแล้วได้อะไร สมมติไม่ใช่โทษประหาร จะสามารถยับยังอาชญากรรมครั้งต่อไปได้หรอ ในเมื่อเราแก้ปัญหาด้วยการแก้แค้น
- เป็นการตัดสินยากว่าจะแก้แค้นยังงัย เช่นถ้าคุณโดนขโมยของ คุณจะทำยังงัยกับขโมย ตัดมือ หรือจำคุกกี่ปีถึงเหมาะสมกับความผิดและเอาอะไรมาวัดครับ
2. การลงโทษเพื่อข่มขวัญยับยั้ง (Deterrence)
แนวคิดนี้มาจากการที่คิดว่ากฏหมายอ่อนแอครับ กฏหมายเราต้อง strong พอจะทำให้คนที่ก่ออาชญกรรมกลัวได้
โดยเราจะลงโทษเพื่อตัดไม้ข่มนาม หรือทำให้คนเกรงกลัวกฏหมายครับ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นการลงโทษให้คนในสังคมเกรงกลัว กับการลงโทษเฉพาะบุคคลให้คนที่ทำผิดคนนั้นเกรงกลัว
ฟังดูดีใช่มั๊ยครับแนวคิดนี้
แต่ถ้าใครอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องบทลงโทษพวกนี้ หรือหนังสือแนวจิตวิทยา จะพบว่ามันยังมีข้อถกเถียงกันมากมายว่าจริงๆแล้วการเพิ่มโทษสามารถลดอาชญากรรมได้จริงไหม ???
โดยเหตุผลหลักๆที่ให้โดยนักอาชญวิทยาคือ
1. ตอนคนร้ายก่อนอาชญากรรมเค้าไม่ได้นึกถึงความรุนแรงของโทษ ดังนั้นเพิ่มโทษไป ตอนเค้าก่ออาชญกรรม เค้าก็ไม่ได้นึกถึงมันอยู่ดี
2. เพิ่มโทษถึงจุดๆนึง อาชญาจะเลือกฆ่าทันที เช่นถ้าข่มขืน = ฆ่า เนื่องจากมันไม่มีโทษแรงมากกว่านี้อีกแล้ว ดังนั้นถ้าอาชญากรข่มขืนเสร็จ ก็ต้องฆ่าทิ้งเกือบทุกรายครับ
เหตุผลรองๆลงมาคือเรื่องแพะ ว่าถ้าจับคนผิด ประหารไปเลย แล้วถ้าเกิดรู้ว่าจับผิดทีหลังนี่ยังงัยล่ะทีนี้....
ส่วนตัวไม่ได้บอกว่าทฤษฏีนี้จะถูกแน่นอน 100%
เพียงแต่อยากถามดูเหมือนกันว่า "ถ้าการเพิ่มโทษไม่มีผลต่อการลดอาชญากรรม เราจะยังอยากเพิ่มโทษอยู่ไหม เพราะอะไร"
(แต่ถ้าเพิ่มโทษแล้วอาชญากรรมลดอันนั้นน่ะดีแน่ๆ)
3. การลงโทษเพื่อตัดโอกาสกระทำผิด (Incapacitation)
แนวความคิดนี้เชื่อว่าอาชญกรทำผิดเพราะมีโอกาส ดังนั้นถ้าไม่มีโอกาสจะไม่ทำผิด
เราจะเห็นการลงโทษออกมาในรูปแบบจำคุก
หรือข่มขืนมาก็ฉีดให้ไข่ฟ่อ ตัดทิ้ง
ขโมยของมาก็ตัดมือตัดเท้า
ซึ่งจุดอ่อนของแนวคิดนี้คือ เราสามารถกันเค้าได้แค่ในระยะเวลาหนึ่ง(หรืออาจจะตลอดไปถ้าประหารชีวิต) เช่นจำคุก 5 เดือน 2 ปี หรือตัดมือ ก็จบ
แต่หลังจากนั้นล่ะ เค้าอาจจะเคียดแค้นสังคม ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม หรือกลายเป็นคนพิการ(ถ้าตัดมือ)ก็เป็นภาระสังคมอีก
4) การลงโทษเพื่อแก้ไขฟื้นฟู (Rehabilitation)
แนวความคิดสุดท้ายเป็นแนวความคิดที่ชาว pantip เรียกกันว่า แนวความคิด "โลกสวย" หรือ ideal มากๆ
แต่มันก็เป็นแนวความคิดที่ผมชอบที่สุดอยู่ดี
สำหรับแนวคิดนี้คือคนเราทำผิดจากการถูกหล่อหลอมด้วยปัญหาต่างๆทั้งจากภายนอกและภายใน
อาจจะด้านจิตใจ ครอบครัว เศรษฐกิจ
ซึ่งถ้าเราแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เค้าก็จะไม่กลับมาทำผิดอีก
แนวความคิดนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดความผิด แต่ขึ้นอยู่กับตัวคนทำผิด เช่นคนฆ่าข่มขืนถ้าเกิดสำนึกได้ก่อน ก็จะออกจากคุกได้เร็วกว่าคนที่ขโมยของ เป็นต้น
แต่จุดอ่อนหรืออุปสรรคมีเยอะมาก เช่น
- ใช้เวลาและทรัพยากรนาน กว่าจะวิเคราะห์ปัญหา(เพราะแต่ละคนมีปัญหาไม่เหมือนกัน) แก้ปัญหา บางทีอาจจะเกิดจากบุคลิกลักษณะที่ทำให้เป็นแบบนั้น ซึ่งแก้กันนานมาก(และเปลืองทรัพยากรด้วย)
- ขัดกับความรู้สึกของคนในสังคม คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าคนที่ฆ่าข่มขืนกลับใจได้จริงๆ ถูกปล่อยตัวมาใน 3 เดือน คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าต้องเอาทรัพยากรมาดูแลอาชญากรแต่มีคนจนๆ ไม่มีกินอยู่มากมาย
- อาจแก้ปัญหาไม่ได้ทุกคน
แน่นอนว่าที่ผมพิมพ์มายาวเหยียดไม่ได้ต้องการจะมา lecture เรื่อง Penology นะครับ
ปัจจุบันหลายๆประเทศรวมถึงประเทศที่เจริญแล้วก็ยังมีบทลงโทษที่มาจากแนวคิด 1 2 3 และ 4
ผมไม่ได้บอกว่าประเทศที่เจริญแล้วจะไม่ประหาร
แต่ผมอยากให้ลองดูแนวคิดของแต่ละวิธี แล้วลองถามตัวเองอีกทีว่าเราอยากประหารชีวิตอาชญากรจากแนวคิดอะไร
แล้วได้อะไร
เราได้อะไร คนทำผิดได้อะไร สังคมได้อะไร
ผมไม่ได้บอกไม่ให้มีบทลงโทษหรือกฏหมายเลยนะครับ
เพียงแต่ผมคิดว่าเราไม่ควรไปตัดสินชีวิตใครก็เท่านั้น(แม้ในที่นี้จะเป็นรัฐก็ตาม) และผมคิดว่าคนเรามี"โอกาส"กลับตัวกลับใจได้(ใช้คำว่ามีโอกาสนะครับ อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้)
ถ้าบางคนถามว่าแล้วตอนเค้าไปฆ่าคนอื่นเค้าตัดสินชีวิตคนอื่นหรือเปล่า
ใช่ครับ เค้าไปตัดสินชีวิตคนอื่น เค้าทำผิด
คำถามคือเราจะทำผิดแบบเค้าหรอครับ ???
แสดงความคิดเห็น
คุณคิดอย่างไรกับการประหารชีวิตนักโทษ สำหรับผม ผมไม่เห็นด้วย (กรุณาอ่านให้จบ)