วันนี้จะพาไปเข้าป่า
วันนี้จะพาไปเจอสัตว์เทพห้องหว้ากอ
วันนี้จะทำให้เห็นความลับในงาขาว
10.วิลเดอร์บีสต์

วิ่งเล่นแสนเสรี ในทุ่งหญ้าแอฟริกา สัตว์ฺป่าหนัก 120-280 กิโลกรัมตัวนี้ เป็นญาติกับวัวและแอนทิโลป
เขาแกร่งทรงพลัง ทำให้ต่อกรสิงโตได้ในบางขณะ แต่ยามที่มันต้องอพยพหนี มันก็จะกลายเป็นเป้าล่าอันดับต้นๆไป มี 2 ชนิด คือวิลเดอร์บีสต์ดำ
และวิลด์เดอร์บีตส์น้ำเงิน ในทุกปี ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูแล้ง ที่อาหารหากินยาก ฝูงวิลเดอบีสต์จำนวนกว่า 1.8–2 ล้านตัว จะพากัยอพยพจากทุ่งหญ้าเซเรงเกติ ในแทนซาเนีย เดินทางไกลเป็นระยะทางกว่า 1,500 กิโลเมตร เพื่อหาอาหาร ได้แก่ หญ้าที่ขึ้นใหม่ในทุ่งหญ้ามาไซมารา ของเคนยา ซึ่งเป็นเขตแดนติดต่อกัน และจะหากินอยู่ในทุ่งหญ้ามาไซมาราราว 2 เดือน จนถึงเดือนกันยายน–ตุลาคม ก็จะพากันอพยพกลับไปที่ทุ่งหญ้าเซเรงเกติที่จะมีหญ้าขึ้นใหม่เต็มท้องทุ่งเต็มไปหมด
9.ม้าป่า

วิ่งในทุ่งหญ้าอย่างเสรี กับม้าป่า หนัก 200-300 กิโลกรัม
วิ่งมาตั้งแต่สมัยยุคน้ำแข็ง ตั้งแต่อเมริกาจดยุโรป ปัจจุบัน เป็นสัตว์ห้ามทำร้าย ในแคนาดา และอเมริกาเหนือ
ม้าเป็นสัตว์ที่ถูกคนเราเอามาใช้ประโยชน์ตั้งแต่โบราณครับ
8.ม้าลาย

ม้าลายเป็นม้าจำพวกหนึ่งที่มีปลายหางคล้ายลา มีแผงคอที่สั้นเหมือนขนแปรง มีลักษณะเด่น คือ มีลำตัวเป็นสีขาวสลับดำตลอดทั้งตัว ซึ่งสีอันโดดเด่นนี้ เป็นคำถามมาเป็นระยะเวลานานแล้วว่า แท้ที่จริงแล้วม้าลายเป็นสัตว์ที่มีพื้นลำตัวขาวและมีแถบสีดำพาดผ่าน หรือเป็นสัตว์ที่มีพื้นลำตัวสีดำและมีแถบสีขาวพาดผ่านกันแน่ ในความเชื่อของชาวพื้นเมืองแอฟริกา เชื่อว่า ม้าลายเป็นสัตว์ที่มีสีดำและมีแถบสีขาวพาดผ่าน ขนาดเฉลี่ยจะเล็กกว่าม้า
จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า ม้าลายแท้ที่จริงเป็นสัตว์ที่มีพื้นลำตัวสีดำและมีลายแถบสีขาวพาดผ่านลำตัว ซึ่งลายแถบสีขาวนั้นเกิดจากเซลล์ประสาทที่เรียงรายตามแนวกระดูกสันหลังส่วนหนึ่ง จะเปลี่ยนสภาพไปเป็นเซลล์ผลิตเม็ดสีสีดำ เรียกว่า เมลาโนไซท์ หลังจากนั้น เมลาโนไซท์เหล่านี้ จะเคลื่อนออกไปด้านข้างของกระดูกสันหลังในแนวตั้งฉาก แล้วเปลี่ยนสภาพไปเป็นผิวหนังที่มีเม็ดสีสีดำ ซึ่งรูปแบบของเม็ดสีในสัตว์แต่ละชนิดนั้น ขึ้นอยู่กับการกระตุ้นทางพันธุกรรม ในการเปลี่ยนสภาพ และการเคลื่อนที่ของเมลาโนไซท์ โดยจากการศึกษาพบว่าตัวอ่อนของม้าลายที่อยู่ในท้องแม่ จะเป็นตัวสีดำก่อน จากนั้นลายแถบสีขาวจึงค่อย ๆ พัฒนาขึ้น ซึ่งม้าลายแต่ละตัวก็จะมีลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนกัน
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดในการที่ม้าลายมีลายแถบสีขาวเหล่านี้ เชื่อว่าใช้ในการพรางตัวจากศัตรู และทำให้ศัตรูซึ่งได้แก่ สัตว์กินเนื้อต่าง ๆ ตาลายได้เมื่อได้พบเจอม้าลายที่อยู่รวมกันเป็นฝูงในทุ่งหญ้ากว้าง ทำให้จับระยะทางที่จะโจมตีผิดพลาดไป สำหรับทัศนะของชาร์ลส์ ดาร์วิน เชื่อว่าม้าลายมีลายเพื่อจดจำกันได้ และตัวผู้ใช้เกี้ยวพาตัวเมีย รวมทั้งเชื่อว่ามีไว้ป้องกันแมลง โดยเฉพาะแมลงวัน มีหลักฐานว่าม้าลายดึงดูดแมลงน้อยกว่าสัตว์กินพืชชนิดอื่น ๆ ในแอฟริกา จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ชาวฮังการีกลุ่มหนึ่ง ที่ทดลองโดยการนำหุ่นของม้า 4 ตัว ที่มีสีสันต่าง ๆ แตกต่างกันไป ไปตั้งไว้ในทุ่งหญ้า รวมถึงม้าลาย พบกว่าหุ่นม้าลายมีแมลงมาเกาะน้อยที่สุด ทั้งนี้เชื่อว่าเพราะตาของแมลงเป็นระบบตารวมที่มีส่วนประกอบมากมาย และแมลงจะลงเกาะโดยการใช้แสงโพลาไรซ์ช่วย เป็นไปได้ว่าลายทางของม้าลายไปรบกวนแสงโพลาไรซ์ในการมองของแมลง ทำให้ยากในการลงเกาะบนตัวของม้าลาย มีสายพันธ์โบราณที่สูญพันธ์ไปแล้วอย่างแควกกา
7.กวางเอลก์

เตะหมาป่าปลิวด้วยขาทรงพลัง เขาแกร่งยากหักโค่น กับสุดแกร่งแห่งอเมริกาเหนือ กวางเอลก์ มันอยู่มาตั้งแต่ 2.5 ล้านปีก่อน
แค่ยึนถึงไหล่ก็ 1.3 เมตรแล้ว ถ้าร่วมเขา ในตัวที่ใหญ่จริงๆอาจถึงสองเมตรเชียวนะ จะล้มเอลก์ ต้องใช้ฝูงหมาป่ารุมเอา
หรือใหล้พูม่ากระโจนเข้างับคอ ซึ่งนั่นก็งานยากมาก
6.กวางมูส
หนักได้เกิน 700 กิโลกรัม เขาใหญ่ทรงพลัง เป็นเหมือนเกราะป้องกัน ไม่ให้ศัตรูเข้าประชิดได้ง่าย บา่งรายงานมีรายงานขนาด 800 กิโลกรัมด้วยซ้ำ สามารถเตะหมาป่าปลิวง่ายๆ ด้วยขาทรงพลัง ต่อให้เป็นเสือจอมโหด การล้มกวา่งมูสก็งานยากอยู่ดี
5.แรดสุมาตรา
กระซู่, แรดสุมาตรา หรือ แรดขนชื่อวิทยาศาสตร์: Dicerorhinus sumatrensis เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับสัตว์กีบคี่จำพวกแรด กระซู่เป็นแรดที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก และเป็นแรดเพียงชนิดเดียวที่อยู่ในสกุล Dicerorhinus มีลักษณะเด่นคือมี นอ 2 นอ เหมือนแรดแอฟริกา โดยนอจะไม่ตั้งยาวขึ้นมาเหมือนแรดชวา นอหน้าใหญ่กว่านอหลัง โดยทั่วไปยาว 15-25 ซม. ลำตัวมีขนหยาบและยาวปกคลุม เมื่อโตเต็มที่สูง 120–145 ซม. จรดหัวไหล่ ยาว 250 ซม. และมีน้ำหนัก 500-1000 กก.
กระซู่อาศัยอยู่ในป่าดิบชื้น ป่าพรุ และ ป่าเมฆในประเทศอินเดีย ภูฏาน บังกลาเทศ พม่า ลาว ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมณฑลเสฉวน ปัจจุบัน กระซู่ถูกคุกคามจนอยู่ในขั้นวิกฤติ เหลือสังคมประชากรเพียงหกแหล่งในป่า มีสี่แหล่งในสุมาตรา หนึ่งแหล่งในบอร์เนียว และอีกหนึ่งแหล่งในมาเลเซียตะวันตก จำนวนกระซู่ในปัจจุบันยากที่จะประมาณการได้เพราะเป็นสัตว์สันโดษที่มีพิสัยกระจัดกระจายเป็นวงกว้าง แต่คาดว่าเหลืออยู่ประมาณ 300 ตัว สาเหตุอันดับแรกของการลดลงของจำนวนประชากรคือการล่าเอานอซึ่งมีค่ามากในการแพทย์แผนจีน ขายได้ถึง 30,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัมในตลาดมืดนอกจากนี้ยังถูกคุกคามถิ่นอาศัยจากอุตสาหกรรมป่าไม้และเกษตรกรรม
กระซู่เป็นสัตว์สันโดษมักอยู่เพียงลำพังตัวเดียวยกเว้นช่วงจับคู่ผสมพันธุ์และเลี้ยงดูลูกอ่อน กระซู่เป็นแรดที่เปล่งเสียงร้องมากที่สุดการสื่อสารของกระซู่ยังรวมถึงการทำร่องรอยด้วยเท้า บิดงอไม้หนุ่มเป็นรูปแบบต่างๆ และการถ่ายมูลและละอองเยี่ยว มีการศึกษาในกระซู่มากกว่าแรดชวาซึ่งเป็นสัตว์สันโดษเหมือนกัน เพราะโปรแกรมที่นำกระซู่ 40 ตัวมาสู่กรงเลี้ยงที่มีเป้าหมายเพื่ออนุรักษ์สปีชีส์นี้ไว้ ในตอนแรกโปรแกรมนี้ถือว่าประสบความล้มเหลว มีกระซู่ตายจำนวนมากและไม่มีการให้กำเนิดลูกกระซู่เลยเกือบ 20 ปี
4.แรดดำ

หนังหนา ทนทาน หนัก 800-1500 กิโลกรัม
ถ้าในสภาพที่อาหารสมบูรณ์ อาจหนักได้ร่วม 2 ตัน มี 11 ซัมสปีชีส์ สูญพันธ์แล้ว 3
แต่ต่อให้เป็นแรดดำ ก็ยังเกรงใจฮิปโปจอมถึกอยู่นะ
3.แรดขาว

ใหญ่โตขึ้นไปอีก กับยานเกราะแห่งแอฟริกา แรดขาว ปกติจะหนัก 2 ตัน ตัวใหญ่จริงๆอาจหนักได้ 3.6 ตัน
ยาวร่วม 4 เมตร และมีนอมหึมา กว่าจะขยายพันธ์ได้ ต้องใช้เวลาจนกว่าจะอายุ 7 ปี
และถ้าคุณฆ่าแรดขาวตายในแอฟริกา เอ็งมีสิทธิ์ติดคุกง่ายๆนะ
2.ฮิปโป

มาถึงอันดับ 2 กับสัตว์เทพห้องหว้ากอ ฮิปโป
นดีต้อนรับ รถถังแห่งท้องทุ่ง ฮิปโปโปเตมัส
หนักได้ราว 2 หรือมากกว่าตัฟันยาว 40 -50 เซนติเมตร
ฮิปโปโปเตมัสเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างอ้วนกลมใหญ่เทอะทะเหมือนหมู มีจุดเด่น คือ มีส่วนหัวใหญ่และปากกว้างมาก ภายในปากมีเขี้ยวล่างยาวโค้งมาก ที่มีความยาวได้ถึง 40 เซนติเมตร (1.3 ฟุต) และยาวได้มากที่สุด 50 เซนติเมตร (1.6 ฟุต) ซึ่งเป็นอาวุธสำคัญในการต่อสู้และป้องกันตัว โดยเฉพาะในตัวผู้ที่มีความดุร้ายก้าวร้าว ผิวหนังหนามีต่อมเมือกเคลือบอยู่ ลำตัวมีขนสั้นและน้อยมาก จมูก, หู และตาอยู่ตอนบนของหัว เพื่อสะดวกยามเมื่ออยู่ในน้ำ น้ำหนักตัวหนักมากได้ถึง 2–3ตัน เหงื่อของฮิปโปโปเตมัสมีลักษณะเป็นเมือกสีแดงอ่อน คล้ายเลือดเคลือบอยู่เพื่อป้องกันแมลงและเพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้นตลอดเวลา
ฮิปโปโปเตมัส กระจายพันธุ์ในทวีปแอฟริกา โดยพบได้ตั้งแต่ตอนใต้ของสะฮาราลงไป แม้จะเป็นสัตว์บก แต่ฮิปโปโปเตมัสมักจะอาศัยอยู่ในน้ำในเวลากลางวัน โดยพบได้ทั้งแม่น้ำ, หนองน้ำ, ทะเลสาบ หรือปลักโคลน ว่ายน้ำและดำน้ำได้เก่งมาก สามารถเดินท่องไปในใต้น้ำ เป็นสัตว์ที่อยู่รวมเป็นฝูง ฮิปโปโปเตมัสเป็นสัตว์ที่เมื่อถ่ายมูลแล้ว จะถ่ายออกมาเป็นจำนวนมากในน้ำ เมื่อถ่ายแล้วจะมีปลากินพืชจำพวกปลาตะเพียนหรือปลาหมอสีตามมากิน หรือแม้กระทั่งตอดตามผิวหนังเพื่อกำจัดปรสิตให้ ฮิปโปโปเตมัสเป็นสัตว์หากินในเวลากลางคืน โดยจะขึ้นจากน้ำมาหากินบนบก อาหารได้แก่ หญ้านานาชนิด รวมทั้งพืชน้ำ เช่น กกและอ้อ กินหญ้าโดยใช้ริมฝีปากที่แข็งงับแล้วดึงให้ขาดทั้งกอ
ฮิปโปมีหนังที่หนามากร่วม 6 นิ้วฟุต และเป็นนักดำน้ำชั้นยอด


1.ช้างแอฟริกา

ปกติก็สูงกว่า 11 ฟุต หนักกว่า 6 ตัน กับช้างแอฟริกา สัตว์บกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
งายาว แรงเตะมหาศาล อยู่กันเป็นฝูง ช้างเป็นสัตว์ที่มีความเป็นสังคม และระดับสติปัญญาสูง
ช้างแอฟริกา มันจะมีความดุร้ายมากกว่าช้างเอเชีย หนึ่งในสัตว์ไม่กี่ชนิดที่ฆ่าช้างแอฟริกาได้ คือ
สิงโต แต่ก็คาดว่าต้องใช้ถึง 30 ตัว เพื่อล้มช้างตัวโตเต็มวัย ช้างแอฟริกา มีอันตรายต่อแรด และไล่ฮิปโปได้
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/Wildebeest
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C
https://en.wikipedia.org/wiki/Zebra
https://en.wikipedia.org/wiki/Horse
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8B%E0%B8%B9%E0%B9%88
https://en.wikipedia.org/wiki/Black_rhinoceros
https://en.wikipedia.org/wiki/White_rhinoceros
https://en.wikipedia.org/wiki/Hippopotamus
https://en.wikipedia.org/wiki/African_bush_elephant
10 อันดับสัตว์กินพืชสะท้านโลก
วันนี้จะพาไปเจอสัตว์เทพห้องหว้ากอ
วันนี้จะทำให้เห็นความลับในงาขาว
10.วิลเดอร์บีสต์
วิ่งเล่นแสนเสรี ในทุ่งหญ้าแอฟริกา สัตว์ฺป่าหนัก 120-280 กิโลกรัมตัวนี้ เป็นญาติกับวัวและแอนทิโลป
เขาแกร่งทรงพลัง ทำให้ต่อกรสิงโตได้ในบางขณะ แต่ยามที่มันต้องอพยพหนี มันก็จะกลายเป็นเป้าล่าอันดับต้นๆไป มี 2 ชนิด คือวิลเดอร์บีสต์ดำ
และวิลด์เดอร์บีตส์น้ำเงิน ในทุกปี ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูแล้ง ที่อาหารหากินยาก ฝูงวิลเดอบีสต์จำนวนกว่า 1.8–2 ล้านตัว จะพากัยอพยพจากทุ่งหญ้าเซเรงเกติ ในแทนซาเนีย เดินทางไกลเป็นระยะทางกว่า 1,500 กิโลเมตร เพื่อหาอาหาร ได้แก่ หญ้าที่ขึ้นใหม่ในทุ่งหญ้ามาไซมารา ของเคนยา ซึ่งเป็นเขตแดนติดต่อกัน และจะหากินอยู่ในทุ่งหญ้ามาไซมาราราว 2 เดือน จนถึงเดือนกันยายน–ตุลาคม ก็จะพากันอพยพกลับไปที่ทุ่งหญ้าเซเรงเกติที่จะมีหญ้าขึ้นใหม่เต็มท้องทุ่งเต็มไปหมด
9.ม้าป่า
วิ่งในทุ่งหญ้าอย่างเสรี กับม้าป่า หนัก 200-300 กิโลกรัม
วิ่งมาตั้งแต่สมัยยุคน้ำแข็ง ตั้งแต่อเมริกาจดยุโรป ปัจจุบัน เป็นสัตว์ห้ามทำร้าย ในแคนาดา และอเมริกาเหนือ
ม้าเป็นสัตว์ที่ถูกคนเราเอามาใช้ประโยชน์ตั้งแต่โบราณครับ
8.ม้าลาย
ม้าลายเป็นม้าจำพวกหนึ่งที่มีปลายหางคล้ายลา มีแผงคอที่สั้นเหมือนขนแปรง มีลักษณะเด่น คือ มีลำตัวเป็นสีขาวสลับดำตลอดทั้งตัว ซึ่งสีอันโดดเด่นนี้ เป็นคำถามมาเป็นระยะเวลานานแล้วว่า แท้ที่จริงแล้วม้าลายเป็นสัตว์ที่มีพื้นลำตัวขาวและมีแถบสีดำพาดผ่าน หรือเป็นสัตว์ที่มีพื้นลำตัวสีดำและมีแถบสีขาวพาดผ่านกันแน่ ในความเชื่อของชาวพื้นเมืองแอฟริกา เชื่อว่า ม้าลายเป็นสัตว์ที่มีสีดำและมีแถบสีขาวพาดผ่าน ขนาดเฉลี่ยจะเล็กกว่าม้า
จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า ม้าลายแท้ที่จริงเป็นสัตว์ที่มีพื้นลำตัวสีดำและมีลายแถบสีขาวพาดผ่านลำตัว ซึ่งลายแถบสีขาวนั้นเกิดจากเซลล์ประสาทที่เรียงรายตามแนวกระดูกสันหลังส่วนหนึ่ง จะเปลี่ยนสภาพไปเป็นเซลล์ผลิตเม็ดสีสีดำ เรียกว่า เมลาโนไซท์ หลังจากนั้น เมลาโนไซท์เหล่านี้ จะเคลื่อนออกไปด้านข้างของกระดูกสันหลังในแนวตั้งฉาก แล้วเปลี่ยนสภาพไปเป็นผิวหนังที่มีเม็ดสีสีดำ ซึ่งรูปแบบของเม็ดสีในสัตว์แต่ละชนิดนั้น ขึ้นอยู่กับการกระตุ้นทางพันธุกรรม ในการเปลี่ยนสภาพ และการเคลื่อนที่ของเมลาโนไซท์ โดยจากการศึกษาพบว่าตัวอ่อนของม้าลายที่อยู่ในท้องแม่ จะเป็นตัวสีดำก่อน จากนั้นลายแถบสีขาวจึงค่อย ๆ พัฒนาขึ้น ซึ่งม้าลายแต่ละตัวก็จะมีลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนกัน
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดในการที่ม้าลายมีลายแถบสีขาวเหล่านี้ เชื่อว่าใช้ในการพรางตัวจากศัตรู และทำให้ศัตรูซึ่งได้แก่ สัตว์กินเนื้อต่าง ๆ ตาลายได้เมื่อได้พบเจอม้าลายที่อยู่รวมกันเป็นฝูงในทุ่งหญ้ากว้าง ทำให้จับระยะทางที่จะโจมตีผิดพลาดไป สำหรับทัศนะของชาร์ลส์ ดาร์วิน เชื่อว่าม้าลายมีลายเพื่อจดจำกันได้ และตัวผู้ใช้เกี้ยวพาตัวเมีย รวมทั้งเชื่อว่ามีไว้ป้องกันแมลง โดยเฉพาะแมลงวัน มีหลักฐานว่าม้าลายดึงดูดแมลงน้อยกว่าสัตว์กินพืชชนิดอื่น ๆ ในแอฟริกา จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ชาวฮังการีกลุ่มหนึ่ง ที่ทดลองโดยการนำหุ่นของม้า 4 ตัว ที่มีสีสันต่าง ๆ แตกต่างกันไป ไปตั้งไว้ในทุ่งหญ้า รวมถึงม้าลาย พบกว่าหุ่นม้าลายมีแมลงมาเกาะน้อยที่สุด ทั้งนี้เชื่อว่าเพราะตาของแมลงเป็นระบบตารวมที่มีส่วนประกอบมากมาย และแมลงจะลงเกาะโดยการใช้แสงโพลาไรซ์ช่วย เป็นไปได้ว่าลายทางของม้าลายไปรบกวนแสงโพลาไรซ์ในการมองของแมลง ทำให้ยากในการลงเกาะบนตัวของม้าลาย มีสายพันธ์โบราณที่สูญพันธ์ไปแล้วอย่างแควกกา
7.กวางเอลก์
เตะหมาป่าปลิวด้วยขาทรงพลัง เขาแกร่งยากหักโค่น กับสุดแกร่งแห่งอเมริกาเหนือ กวางเอลก์ มันอยู่มาตั้งแต่ 2.5 ล้านปีก่อน
แค่ยึนถึงไหล่ก็ 1.3 เมตรแล้ว ถ้าร่วมเขา ในตัวที่ใหญ่จริงๆอาจถึงสองเมตรเชียวนะ จะล้มเอลก์ ต้องใช้ฝูงหมาป่ารุมเอา
หรือใหล้พูม่ากระโจนเข้างับคอ ซึ่งนั่นก็งานยากมาก
6.กวางมูส
หนักได้เกิน 700 กิโลกรัม เขาใหญ่ทรงพลัง เป็นเหมือนเกราะป้องกัน ไม่ให้ศัตรูเข้าประชิดได้ง่าย บา่งรายงานมีรายงานขนาด 800 กิโลกรัมด้วยซ้ำ สามารถเตะหมาป่าปลิวง่ายๆ ด้วยขาทรงพลัง ต่อให้เป็นเสือจอมโหด การล้มกวา่งมูสก็งานยากอยู่ดี
5.แรดสุมาตรา
กระซู่, แรดสุมาตรา หรือ แรดขนชื่อวิทยาศาสตร์: Dicerorhinus sumatrensis เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับสัตว์กีบคี่จำพวกแรด กระซู่เป็นแรดที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก และเป็นแรดเพียงชนิดเดียวที่อยู่ในสกุล Dicerorhinus มีลักษณะเด่นคือมี นอ 2 นอ เหมือนแรดแอฟริกา โดยนอจะไม่ตั้งยาวขึ้นมาเหมือนแรดชวา นอหน้าใหญ่กว่านอหลัง โดยทั่วไปยาว 15-25 ซม. ลำตัวมีขนหยาบและยาวปกคลุม เมื่อโตเต็มที่สูง 120–145 ซม. จรดหัวไหล่ ยาว 250 ซม. และมีน้ำหนัก 500-1000 กก.
กระซู่อาศัยอยู่ในป่าดิบชื้น ป่าพรุ และ ป่าเมฆในประเทศอินเดีย ภูฏาน บังกลาเทศ พม่า ลาว ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมณฑลเสฉวน ปัจจุบัน กระซู่ถูกคุกคามจนอยู่ในขั้นวิกฤติ เหลือสังคมประชากรเพียงหกแหล่งในป่า มีสี่แหล่งในสุมาตรา หนึ่งแหล่งในบอร์เนียว และอีกหนึ่งแหล่งในมาเลเซียตะวันตก จำนวนกระซู่ในปัจจุบันยากที่จะประมาณการได้เพราะเป็นสัตว์สันโดษที่มีพิสัยกระจัดกระจายเป็นวงกว้าง แต่คาดว่าเหลืออยู่ประมาณ 300 ตัว สาเหตุอันดับแรกของการลดลงของจำนวนประชากรคือการล่าเอานอซึ่งมีค่ามากในการแพทย์แผนจีน ขายได้ถึง 30,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัมในตลาดมืดนอกจากนี้ยังถูกคุกคามถิ่นอาศัยจากอุตสาหกรรมป่าไม้และเกษตรกรรม
กระซู่เป็นสัตว์สันโดษมักอยู่เพียงลำพังตัวเดียวยกเว้นช่วงจับคู่ผสมพันธุ์และเลี้ยงดูลูกอ่อน กระซู่เป็นแรดที่เปล่งเสียงร้องมากที่สุดการสื่อสารของกระซู่ยังรวมถึงการทำร่องรอยด้วยเท้า บิดงอไม้หนุ่มเป็นรูปแบบต่างๆ และการถ่ายมูลและละอองเยี่ยว มีการศึกษาในกระซู่มากกว่าแรดชวาซึ่งเป็นสัตว์สันโดษเหมือนกัน เพราะโปรแกรมที่นำกระซู่ 40 ตัวมาสู่กรงเลี้ยงที่มีเป้าหมายเพื่ออนุรักษ์สปีชีส์นี้ไว้ ในตอนแรกโปรแกรมนี้ถือว่าประสบความล้มเหลว มีกระซู่ตายจำนวนมากและไม่มีการให้กำเนิดลูกกระซู่เลยเกือบ 20 ปี
4.แรดดำ
หนังหนา ทนทาน หนัก 800-1500 กิโลกรัม
ถ้าในสภาพที่อาหารสมบูรณ์ อาจหนักได้ร่วม 2 ตัน มี 11 ซัมสปีชีส์ สูญพันธ์แล้ว 3
แต่ต่อให้เป็นแรดดำ ก็ยังเกรงใจฮิปโปจอมถึกอยู่นะ
3.แรดขาว
ใหญ่โตขึ้นไปอีก กับยานเกราะแห่งแอฟริกา แรดขาว ปกติจะหนัก 2 ตัน ตัวใหญ่จริงๆอาจหนักได้ 3.6 ตัน
ยาวร่วม 4 เมตร และมีนอมหึมา กว่าจะขยายพันธ์ได้ ต้องใช้เวลาจนกว่าจะอายุ 7 ปี
และถ้าคุณฆ่าแรดขาวตายในแอฟริกา เอ็งมีสิทธิ์ติดคุกง่ายๆนะ
2.ฮิปโป
มาถึงอันดับ 2 กับสัตว์เทพห้องหว้ากอ ฮิปโป
นดีต้อนรับ รถถังแห่งท้องทุ่ง ฮิปโปโปเตมัส
หนักได้ราว 2 หรือมากกว่าตัฟันยาว 40 -50 เซนติเมตร
ฮิปโปโปเตมัสเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างอ้วนกลมใหญ่เทอะทะเหมือนหมู มีจุดเด่น คือ มีส่วนหัวใหญ่และปากกว้างมาก ภายในปากมีเขี้ยวล่างยาวโค้งมาก ที่มีความยาวได้ถึง 40 เซนติเมตร (1.3 ฟุต) และยาวได้มากที่สุด 50 เซนติเมตร (1.6 ฟุต) ซึ่งเป็นอาวุธสำคัญในการต่อสู้และป้องกันตัว โดยเฉพาะในตัวผู้ที่มีความดุร้ายก้าวร้าว ผิวหนังหนามีต่อมเมือกเคลือบอยู่ ลำตัวมีขนสั้นและน้อยมาก จมูก, หู และตาอยู่ตอนบนของหัว เพื่อสะดวกยามเมื่ออยู่ในน้ำ น้ำหนักตัวหนักมากได้ถึง 2–3ตัน เหงื่อของฮิปโปโปเตมัสมีลักษณะเป็นเมือกสีแดงอ่อน คล้ายเลือดเคลือบอยู่เพื่อป้องกันแมลงและเพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้นตลอดเวลา
ฮิปโปโปเตมัส กระจายพันธุ์ในทวีปแอฟริกา โดยพบได้ตั้งแต่ตอนใต้ของสะฮาราลงไป แม้จะเป็นสัตว์บก แต่ฮิปโปโปเตมัสมักจะอาศัยอยู่ในน้ำในเวลากลางวัน โดยพบได้ทั้งแม่น้ำ, หนองน้ำ, ทะเลสาบ หรือปลักโคลน ว่ายน้ำและดำน้ำได้เก่งมาก สามารถเดินท่องไปในใต้น้ำ เป็นสัตว์ที่อยู่รวมเป็นฝูง ฮิปโปโปเตมัสเป็นสัตว์ที่เมื่อถ่ายมูลแล้ว จะถ่ายออกมาเป็นจำนวนมากในน้ำ เมื่อถ่ายแล้วจะมีปลากินพืชจำพวกปลาตะเพียนหรือปลาหมอสีตามมากิน หรือแม้กระทั่งตอดตามผิวหนังเพื่อกำจัดปรสิตให้ ฮิปโปโปเตมัสเป็นสัตว์หากินในเวลากลางคืน โดยจะขึ้นจากน้ำมาหากินบนบก อาหารได้แก่ หญ้านานาชนิด รวมทั้งพืชน้ำ เช่น กกและอ้อ กินหญ้าโดยใช้ริมฝีปากที่แข็งงับแล้วดึงให้ขาดทั้งกอ
ฮิปโปมีหนังที่หนามากร่วม 6 นิ้วฟุต และเป็นนักดำน้ำชั้นยอด
ปกติก็สูงกว่า 11 ฟุต หนักกว่า 6 ตัน กับช้างแอฟริกา สัตว์บกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
งายาว แรงเตะมหาศาล อยู่กันเป็นฝูง ช้างเป็นสัตว์ที่มีความเป็นสังคม และระดับสติปัญญาสูง
ช้างแอฟริกา มันจะมีความดุร้ายมากกว่าช้างเอเชีย หนึ่งในสัตว์ไม่กี่ชนิดที่ฆ่าช้างแอฟริกาได้ คือ
สิงโต แต่ก็คาดว่าต้องใช้ถึง 30 ตัว เพื่อล้มช้างตัวโตเต็มวัย ช้างแอฟริกา มีอันตรายต่อแรด และไล่ฮิปโปได้
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/Wildebeest
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C
https://en.wikipedia.org/wiki/Zebra
https://en.wikipedia.org/wiki/Horse
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8B%E0%B8%B9%E0%B9%88
https://en.wikipedia.org/wiki/Black_rhinoceros
https://en.wikipedia.org/wiki/White_rhinoceros
https://en.wikipedia.org/wiki/Hippopotamus
https://en.wikipedia.org/wiki/African_bush_elephant