บทที่ 1....แอนนา
http://pantip.com/topic/34379672
==================
ความรักของคนบ้า ถาค 2..บทที่ 2
โรส โรซี่....และความตาย
=================
ผมหันไปมองตามทิศทางของเสียงเรียก พยายามมองหาเพื่อคัดเลือกแอนนาออกมาจากผู้คนรอบข้างหากไร้วี่แววเจ้าของเสียงกระซิบ ราวกับว่าเป็นเพียงอาการประสาทหลอนกำเริบเฉียบพลัน ความหวังและความผิดหวังซ้อนทับพับแนบแทบเสี้ยวเวลาเดียวกัน สว่างวูบเดียวแล้วดับวับเป็นหลอดไฟฟิวส์ขาด ผมคงไม่แปลกใจเลยถ้าขณะนั้นมองเห็นหัวใจกลวงเบาตนเองหลุดกระเด็นกลิ้งหนีออกจากร่างไปหล่นลงหลุมลึกมืดดำ
สรรพเสียงต่างๆ ก็เหมือนหายไปด้วยใบหน้าผู้คนทำท่าอ้าปากส่งเสียงและอาการเคลื่อนไหวไร้เสียงราวกับเป็นหนังขาวดำเงียบสมัยโบราณ นั่นคงเป็นอาการโสตประสาทผิดปกติไปชั่วขณะ
นานเท่านานหูถึงรับรู้เสียงรอบด้านอีกครั้ง เสียงปรบมือเป็นจังหวะ และลีลาของคุณหมอเมกะแดนซ์ ยังคงพลิ้วไหวเหมือนสายลม เสียงบรรดาคนป่วยเชียร์อย่างสนุกสนาน
“คุณหมอ...ต้องมีท่าลูบเป้าด้วยไม่ใช่เหรอ”
“เอาเลย...เอาเลย”
มีหรือจะขัดใจ คุณหมอจอมเต้นเปลี่ยนจากท่าหุ่นยนต์ไหลลื่นบันไดเลื่อนอันเป็นท่ายอดฮิตของไมเคิล แจ็กสัน ทันที
หมับ..!
“เฮ....”
เสียงผู้คนร้องอย่างมีความสุขและสมหวัง สีหน้าแววตาแจ่มใสอย่างไม่น่าเชื่อจนเห็นแล้วรู้สึกดีๆไปด้วย พวกนี้เป็นคนบ้า..แต่ถ้าบ้าแล้วมีความสุขมันก็น่าบ้าอยู่เหมือนกัน หรือว่าความบ้าเป็นสภาวะของการปล่อยวางรูปแบบหนึ่ง ปลดปล่อยตัวเองออกมาจากพันธนาการทางสังคมหรือกระทั่งตัวเอง คนเราไม่ว่าจะดีหรือบ้าถ้าหากไม่ทำร้ายใครให้เดือดร้อนนั่นก็เพียงพอแล้วไม่ว่าจะค้นหานิยามของคำว่า “ความมีชีวิต” เจอหรือไม่ก็ตาม
เหมือนคุณหมอคนนี้ ไม่ว่าจะเอาเขาไปวางไว้ตำแหน่งคนดีหรือคนบ้า หากสิ่งที่เขาให้สังคมเล็กๆแห่งนี้คือรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและลมหายใจแห่งความสุขสันต์บันเทิง
ในที่สุดคุณหมอเมกะแดนซ์ก็จบการนำเข้าสู่ยามเช้า เขาหยุดยืนพลางโค้งตัวอย่างสวยงามแล้วยกไหว้ไปรอบทิศท่ามกลางเสียงปรบมือให้กำลังใจเนืองแน่น
“คุณหมอบ้าได้ดีสะใจแท้ มหัศจรรย์แห่งบ้าโดยแท้”
“พรุ่งนี้มาบ้ากับพวกเราใหม่นะคุณหมอ”
ขณะบรรดาพ่อยกแม่ยกของคุณหมอพากันเข้าไปจับไม้จับมือขวัญใจของพวกเขา ผมเดินเลี่ยงไปด้านข้างของตึกคนไข้ เดินไปบนถนนสายเล็กๆ ตัดผ่านข้างสนามหญ้าร่มรื่นมุ่งหน้าสู่สวนพืชพรรณไม้ที่หมายตาเอาไว้แล้วหลายวัน
เสียงสายลมหยอกล้อกิ่งไม้ใบงามสั่นไหวยังไม่อาจลบกลบเสียงลมหายใจแห่งความเสียใจเมื่อนึกถึงแอนนา จะต้องมีคำอธิบายอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้
ยามนี้ทุกอย่างดูสงบและเป็นธรรมชาติ อากาศเย็นสบายปลอดโปร่ง ใต้เงาไม้ร่มรื่นชื่นใจ คนไข้และหมอพยาบาลเดินผ่านไปมาอย่างไม่รีบร้อน ทุกคนใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส สายลมพัดผ่านต้นสนในสนครวญบทเพลงธรรมชาติหวีดหวิวพลิ้วแผ่ว ชวนให้นึกถึงทิวสนแมกไม้เรียงรายเป็นแนวไปตามชายหาดโค้งในวันทะเลสวยและฟากฟ้าใส แอนนาชอบทะเล ส่วนผมชอบมองแอนนาเวลาเธอยืนอยู่กลางหาดทรายสวยข้างอ้อมกอดแห่งผืนทะเลคราม สีหน้าแววตาแจ่มใสเป็นประกายรายโรยด้วยละอองเพชรเกล็ดแก้วแห่งความสุข
คิดแล้วต้องถอนลมหายใจแห่งความทรงจำออกมาเฮือกใหญ่
“เป็นอะไรครับ”
คำถามของใครบางคนทำให้ผมกระชากตัวเองออกมาจากภาพอดีต หันไปมองข้างทางเดินก็เห็นคนไข้หนุ่มคนหนึ่งในชุดนอนสีขาวกำลังนั่งอยู่ริมทางเดิน ริมแปลงกุหลาบซึ่งเป็นแนวยาวตามทางเดิน ในมือมีชิ้นไม้เล็กๆ กำลังพรวนดินในแปลงอย่างตั้งใจ สายตาของเขาไม่ได้มองมายังผม ชายคนนี้ดูสงบนิ่งเป็นพิเศษท่ามกลางการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงแผ่วละมุนรอบด้าน
ผมไม่เคยเห็นใคร พรวนดินให้เหล่ากุหลาบสีสดใสได้ลึกซึ้งใส่ใจขนาดนี้มาก่อน
เหมือนเขากำลังปฏิบัติตนต่อสุภาพสตรีผู้ที่เขาแสนรักแสนห่วงหวงอย่างอาทรอ่อนโยนสุภาพและเต็มใจอย่างยิ่ง
นั่นทำให้ผมต้องก้าวเดินไปหยุดอยู่ใกล้เขาและเอ่ยปากถามเพื่อความแน่ใจ
“คุณพูดกับผมหรือครับ”
คนไข้หนุ่มคนนั้นปักไม้พรวนดินลงข้างแปลงดินอย่างระมัดระวังเหมือนเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเหล่ากุหลาบงามแล้วจึงหันมามองหน้าผมก่อนพยักหน้าเป็นคำตอบ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกผิดในการยืนค้ำหัวคนอื่นอยู่จึงรีบนั่งพับเพียบเรียบร้อยลงข้างแปลงกุหลาบทันที
“คุณเหมือนมีอะไรในใจ”
เขาเริ่มต้นพูดช้าๆและสุภาพ ผมคิดในใจว่า ไม่ว่าใครก็มีอะไรในใจกันทั้งนั้น แต่ไม่ได้พูดออกมาท่าทีสงบเยือกเย็นของหนุ่มคนนี้ทำให้ผมเกิดความเกรงใจอย่างประหลาด จึงได้แต่นิ่งเงียบ รอเขาอธิบายต่อไปว่า
“ความจริงผมไม่รู้หรอกว่า คุณมีอะไรอยู่ในใจ แต่โรสเป็นคนกระซิบบอกผม”
“โรส..” ผมหลุดปากอย่างไม่ตั้งใจก่อนหันซ้ายขวามองหาผู้หญิงชื่อโรส ซึ่งเธออาจเป็นนางพยาบาลหรือคนไข้ก็ได้ หรือถ้าจินตนาการสูงขึ้นไปก็เป็นนางฟ้าโรส แต่ต้องไม่ใช่ผู้ชายแน่นอน
“เธออยู่ข้างหน้าคุณ”
เสียงของคนไข้หนุ่มบอกมาอีก คราวนี้ผมมองตรงๆ หากถัดจากแถวแปลงกุหลาบออกไปก็เป็นพื้นที่ส่วนตัวของพืชล้มลุกต่างๆ ถูกตัดแต่งสวยงาม ไม่มีผู้หญิงโรสคนไหนเลย
“เธออยู่นี่”
เขาชี้มือลงไปยังต้นกุหลาบ
ให้ตายเถอะโรบินสัน ครูโซ... โรสหมายถึงต้นหลาบอย่างนั้นหรือ....ผมไม่ควรลืมคิดไปว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถาบันวิเคราะห์ทางจิตอันใหญ่โตและมีชื่อเสียง เป็นศูนย์รวมของคนผู้มีปัญหาทางจิตมากมาย จึงไม่ควรจะแปลกใจถ้าโรสจะเป็นเพียงกุกลาบต้นหนึ่ง
“เธอบอกว่า คุณกำลังคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่ง กลางหาดทรายทะเลสายลมและสองเรา”
คราวนี้ผมชะงักหันขวับไปมองหน้าเขาทันทีว่าบ้าจริงหรือบ้าเล่น ใครกันแน่กำลังอาการบ้ากำเริบ เขามารู้สิ่งที่ผมคิดในใจได้อย่างไร เริ่มมีอะไรบางอย่างแปลกๆแล้ว กุหลาบต้นนั้นดูแล้วก็ไม่ต่างจากกุหลาบทั่วไป เป็นไปได้ไหมว่ากุหลาบต้นนี้อาจกำลังเป็นบ้า
“เอ่อ...คุณเจอข้อหาอะไร ถึงเข้ามาอยู่ในนี้
ผมพยายามใช้คำถามแบบเลี่ยงๆ เพื่อนำทางไปสู่เป้าหมายแท้จริง แต่คนไข้หนุ่มยิ้มเล็กน้อยเปลี่ยนจากนั่งคุกเข่ามานั่งพับเพียบเรียบร้อยบ้าง แล้วอธิบายแบบทุกอย่างกระจ่างชัดไม่อ้อมค้อมว่า
“ผมเจอข้อหาสื่อสารกับพืชได้ ผมได้ยินความคิดของค้นพืฃได้หลายชนิด คุณเองก็คงไม่เชื่อว่าพืฃไม้สามารถสื่อสารกับคนเราได้ ถ้ามีอะไรบางอย่างเป็นแรงเสริม และต้นนี้ก็คือโรส”
เขาชี้นิ้วอย่างให้เกียรติและอ่อนโยนไปยังต้นกุหลาบอีกต้น ซึ่งไม่ใช่ต้นเดิม เหมือนเขาจะรู้ข้อสงสัยของผมจึงพูดต่ออีกว่า
“จะว่าไปแล้วโรสมีอยู่หลายต้น หลายแปลง แต่ไม่ว่าจะมีกี่ต้นกี่แปลงจิตวิญญาณของเธอก็หล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียว ถ้าต้นใดต้นหนึ่งหมดอายุลงก็ยังมีโรสต้นอื่นสืบทอดเจตนารมณ์จิตวิญญาณต่อไป ในแปลงนี้จะมีกุหลาบพี่น้องคือ โรสเป็นพี่สาวแสนสวย โรซี่ผู้คนน้องน่ารักอย่างที่คุณบ้าไม่ถึง ความจริงก็คือสวยและน่ารักทั้งคู่เลยครับ อ้อ...ทั้งสองคนฝากคำทักทายมาให้คุณด้วย”
ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกสำหรับการถูกทักทายด้วยต้นกุหลาบ ทำให้ผมวางตัวไม่ถูกเอาเสียเลย ถ้าเป็นคนยังพอเอ่ยปากทักทายยกมือไหว้หรือต้อนรับจับมือ หากความรู้สึกบางอย่างบอกว่าจะต้องผูกมิตรไมตรีกับกุหลาบไว้บ้างก็ไม่เสียหลาย จึงตัดสินใจโค้งศีรษะอย่างงาม ยื่นมือออกไปข้างหน้าก่อนพูดกับต้นกุหลาบด้วยน้ำเสียงสุภาพเรียบร้อยที่สุดว่า
“สวัสดีครับ คุณโรส คุณโรซี่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“คุณต้องแตะปลายใบของเธอเบาๆ เธอจะรู้สึกว่าคุณให้เกียรติเธอ”
เอาล่ะวะ บ้าก็บ้าวะ...ผมนึกในใจขณะยื่นมืออกไปแตะปลายใบของต้นกุหลาบแต่ละต้น และก็ต้องประหลาดใจกับตัวเองที่ปลายนิ้วสั่นระริกเล็กน้อยเหมือนนิ้วมือกำลังประหม่าขณะอยู่ต่อหน้าสาวสวย เกิดมาก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าตัวเองจะมานั่งเขินอายกับต้นกุหลาบได้
“โรซี่ฝากบอกว่า เธอชอบคุณนะครับ”
เขาบอกอีกด้วยใบหน้ายิ้มๆ ทำเอาผมกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ นึกไปไกลถึงว่าถ้าความสัมพันธ์ของผมกับโรซี่ไปไกล ผมคงต้องได้แต่งงานกับต้นกุหลาบเป็นแน่
“ฝากขอบคุณเธอด้วยครับ”
“โรสฝากบอกว่าคุณเขินจนหน้าแดงครับ”
นี่เป็นประสบการณ์ใหม่ในชีวิตเช่นกันกับการอายต้นกุหลาบจนหน้าแดง ทว่าในสถานที่แห่งนี้ไม่ว่าทำอะไรก็ดูเป็นเรื่องปกติทั้งนั้น ต่อให้มีใครคนหนึ่งคุกเข่าอ้อนวอนขอความรักจากก้อนหิน ผู้คนก็จะไม่พากันแปลกใจอะไรเลย อาจมองผ่านไปแบบไม่สนใจเสียด้วยซ้ำ ความผิดปกติจะดูปกติเสมอ สำหรับสังคมแห่งนี้ คิดดูแล้วมันก็น่าอยู่ไปอีกแบบหนึ่ง
“โรสฝากบอกอีกว่า คุณไม่ต้องห่วงว่าโรซี่จะแย่งคุณจากแอนนาหรอกครับ”
“อะไรนะ”
คราวนี้ผมตกใจจริงๆ หันไปมองหน้าคนไข้หนุ่มอย่างนึกไม่ถึงว่าเขาจะรู้จักแอนนา มันไม่น่าเป็นไปได้เพราะทุกครั้งที่เธอแอบเข้ามาในสถาบัน แอนนาจะพยายามหลบเลี่ยงการถูกพบเห็นอย่างที่สุด จนมีแค่หมอและคนไข้ไม่กี่คนจะเห็นหน้าเธอ
คนไข้หนุ่มยิ้มพลางบอกว่า
“ไม่ต้องตกใจหรอกครับ ผมอ่านใจคุณไม่ออกหรอก ก็อย่างที่บอกว่า ผมเองก็รู้มาจากโรสกับโรซี่นี่ล่ะครับ”
“แล้ว...พอรู้ไหมว่าแอนนาตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“เธอกำลังหาทางช่วยคุณอยู่ครับ แต่อยู่ที่ไหนพวกเรายังไม่รู้ครับ”
นี่เป็นเรื่องประหลาดอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นไปได้ แอนนาไม่ใช่ภาพหลอน หลายคนรู้จักเธอ แม้แต่ต้นกุหลาบยังรู้จัก
หลังจากการพูดคุยกันครู่ใหญ่ก่อนกลับขึ้นห้องพัก ผมก็รู้ข้อมูลของคนไข้หนุ่มผู้สื่อสารกับกุหลาบได้พอสมควรจากปากของเขานั่นเอง เขาเคยมีคนรักอยู่คนหนึ่งมีอาการความทรงจำเลือนหาย พวกเขาทั้งสองต่างมีจุดมุ่งหมายปลูกแนวกุหลาบให้เป็นวงล้อแห่งกุหลาบสวยล้อมรอบบริเวณเขตพื้นที่แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์สายไยแห่งรักไร้พรมแดน ภายหลังสาวคนนั้นหายจากอาการโรคประสาท สิ่งน่าเศร้าคือพอความทรงจำเก่าในอดีตกลับมา ความทรงจำใหม่ที่เคยมีในสถาบันแห่งนี้ของเธอคนนั้นพลันหายไปจนหมดสิ้น เธอจำโรสกับโรซี่และคนไข้หนุ่มคนนั้นไม่ได้ ขณะเดินจากประตูของสถาบันวิเคราะห์ทางจิตออกสู่โลกภายนอกอย่างสง่าผ่าเผยท่ามกลางผู้คนรอรับมากมายยินดี ความทรงจำความรักอันงดงามที่ร่วมแรงร่วมใจก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาโดยมีเหล่ากุหลาบงามเป็นสื่อกลางแรงใจ มลายหายไปจนสิ้น
หากคนไข้หนุ่มผู้มีพรบ้าอันพิเศษสุดยังคงก้มหน้าก้มตาสร้างวงล้อกุหลาบในฝันต่อไปไม่ย่อท้อสิ้นหวัง จนสุดท้ายวงล้อกุหลาบรักกลับกลายเป็นความจริงเป็นแปลงกุหลาบสวยงามจนมีคนบ้าและคนดีเขตอื่นมาขอศึกษางานเพื่อนำไปสร้างผลงานให้กับทางสถาบันไปในตัว ในการเป็นข้อมูลหลักฐานขอเงินทุนหมุนเวียน เขาจึงเป็นคนไข้พิเศษสำหรับสถาบัน
ชายคนนี้คือคนบ้าผู้บ้าเพื่อความรักอย่างแท้จริง เพราะเขาความจริงแล้วถ้าเขาไม่ช่วยเหลือ เธอคนนั้นก็จะบ้าต่อไป อยู่กับเขาต่อไป..ทว่าเขาเลือกทางเดินให้เธอเดินกลับไปสู่โลกภายนอกซึ่งอนาคตสดใสมากกว่ามาอยู่ในสถาบันตลอดปีตลอดชาติไร้อนาคต เป็นความรักสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นไปอีกระดับหนึ่งซึ่งหลายคนอาจไม่เคยสัมผัสรับรู้ว่ามีอยู่จริง เพราะความรักในระดับทั่วไปมักถูกเติมแต่งความหวง หึง ความเห็นแก่ตัว ลงไปด้วยจนเนื้อแท้ความรักเลือนรางแล้วตีตราเปรี้ยงลงไปว่านั่นคือความรักของฉัน ซึ่งวันเวลาผ่านไปสิ่งเหล่านั้นอาจหล่อหลอมจนกลับกลายเป็นพิษร้ายซึ่งเรียกว่าความแค้นและการทำร้ายทำลายล้างกันอย่างน่าเศร้าในที่สุด
ถ้าจะทำกันถึงขนาดนั้น มาบ้าเล่นเย็นๆใจกันน่าจะดีกว่า ผมคิดในใจขณะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเอามือก่ายหน้าผากนึกหาทางติดต่อกับแอนนาต่อไป
<มีต่อครับ>
ความรักของคนบ้า ถาค 2........(โรส โรซี่..และคาวมตาย)
http://pantip.com/topic/34379672
==================
ความรักของคนบ้า ถาค 2..บทที่ 2
โรส โรซี่....และความตาย
=================
ผมหันไปมองตามทิศทางของเสียงเรียก พยายามมองหาเพื่อคัดเลือกแอนนาออกมาจากผู้คนรอบข้างหากไร้วี่แววเจ้าของเสียงกระซิบ ราวกับว่าเป็นเพียงอาการประสาทหลอนกำเริบเฉียบพลัน ความหวังและความผิดหวังซ้อนทับพับแนบแทบเสี้ยวเวลาเดียวกัน สว่างวูบเดียวแล้วดับวับเป็นหลอดไฟฟิวส์ขาด ผมคงไม่แปลกใจเลยถ้าขณะนั้นมองเห็นหัวใจกลวงเบาตนเองหลุดกระเด็นกลิ้งหนีออกจากร่างไปหล่นลงหลุมลึกมืดดำ
สรรพเสียงต่างๆ ก็เหมือนหายไปด้วยใบหน้าผู้คนทำท่าอ้าปากส่งเสียงและอาการเคลื่อนไหวไร้เสียงราวกับเป็นหนังขาวดำเงียบสมัยโบราณ นั่นคงเป็นอาการโสตประสาทผิดปกติไปชั่วขณะ
นานเท่านานหูถึงรับรู้เสียงรอบด้านอีกครั้ง เสียงปรบมือเป็นจังหวะ และลีลาของคุณหมอเมกะแดนซ์ ยังคงพลิ้วไหวเหมือนสายลม เสียงบรรดาคนป่วยเชียร์อย่างสนุกสนาน
“คุณหมอ...ต้องมีท่าลูบเป้าด้วยไม่ใช่เหรอ”
“เอาเลย...เอาเลย”
มีหรือจะขัดใจ คุณหมอจอมเต้นเปลี่ยนจากท่าหุ่นยนต์ไหลลื่นบันไดเลื่อนอันเป็นท่ายอดฮิตของไมเคิล แจ็กสัน ทันที
หมับ..!
“เฮ....”
เสียงผู้คนร้องอย่างมีความสุขและสมหวัง สีหน้าแววตาแจ่มใสอย่างไม่น่าเชื่อจนเห็นแล้วรู้สึกดีๆไปด้วย พวกนี้เป็นคนบ้า..แต่ถ้าบ้าแล้วมีความสุขมันก็น่าบ้าอยู่เหมือนกัน หรือว่าความบ้าเป็นสภาวะของการปล่อยวางรูปแบบหนึ่ง ปลดปล่อยตัวเองออกมาจากพันธนาการทางสังคมหรือกระทั่งตัวเอง คนเราไม่ว่าจะดีหรือบ้าถ้าหากไม่ทำร้ายใครให้เดือดร้อนนั่นก็เพียงพอแล้วไม่ว่าจะค้นหานิยามของคำว่า “ความมีชีวิต” เจอหรือไม่ก็ตาม
เหมือนคุณหมอคนนี้ ไม่ว่าจะเอาเขาไปวางไว้ตำแหน่งคนดีหรือคนบ้า หากสิ่งที่เขาให้สังคมเล็กๆแห่งนี้คือรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและลมหายใจแห่งความสุขสันต์บันเทิง
ในที่สุดคุณหมอเมกะแดนซ์ก็จบการนำเข้าสู่ยามเช้า เขาหยุดยืนพลางโค้งตัวอย่างสวยงามแล้วยกไหว้ไปรอบทิศท่ามกลางเสียงปรบมือให้กำลังใจเนืองแน่น
“คุณหมอบ้าได้ดีสะใจแท้ มหัศจรรย์แห่งบ้าโดยแท้”
“พรุ่งนี้มาบ้ากับพวกเราใหม่นะคุณหมอ”
ขณะบรรดาพ่อยกแม่ยกของคุณหมอพากันเข้าไปจับไม้จับมือขวัญใจของพวกเขา ผมเดินเลี่ยงไปด้านข้างของตึกคนไข้ เดินไปบนถนนสายเล็กๆ ตัดผ่านข้างสนามหญ้าร่มรื่นมุ่งหน้าสู่สวนพืชพรรณไม้ที่หมายตาเอาไว้แล้วหลายวัน
เสียงสายลมหยอกล้อกิ่งไม้ใบงามสั่นไหวยังไม่อาจลบกลบเสียงลมหายใจแห่งความเสียใจเมื่อนึกถึงแอนนา จะต้องมีคำอธิบายอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้
ยามนี้ทุกอย่างดูสงบและเป็นธรรมชาติ อากาศเย็นสบายปลอดโปร่ง ใต้เงาไม้ร่มรื่นชื่นใจ คนไข้และหมอพยาบาลเดินผ่านไปมาอย่างไม่รีบร้อน ทุกคนใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส สายลมพัดผ่านต้นสนในสนครวญบทเพลงธรรมชาติหวีดหวิวพลิ้วแผ่ว ชวนให้นึกถึงทิวสนแมกไม้เรียงรายเป็นแนวไปตามชายหาดโค้งในวันทะเลสวยและฟากฟ้าใส แอนนาชอบทะเล ส่วนผมชอบมองแอนนาเวลาเธอยืนอยู่กลางหาดทรายสวยข้างอ้อมกอดแห่งผืนทะเลคราม สีหน้าแววตาแจ่มใสเป็นประกายรายโรยด้วยละอองเพชรเกล็ดแก้วแห่งความสุข
คิดแล้วต้องถอนลมหายใจแห่งความทรงจำออกมาเฮือกใหญ่
“เป็นอะไรครับ”
คำถามของใครบางคนทำให้ผมกระชากตัวเองออกมาจากภาพอดีต หันไปมองข้างทางเดินก็เห็นคนไข้หนุ่มคนหนึ่งในชุดนอนสีขาวกำลังนั่งอยู่ริมทางเดิน ริมแปลงกุหลาบซึ่งเป็นแนวยาวตามทางเดิน ในมือมีชิ้นไม้เล็กๆ กำลังพรวนดินในแปลงอย่างตั้งใจ สายตาของเขาไม่ได้มองมายังผม ชายคนนี้ดูสงบนิ่งเป็นพิเศษท่ามกลางการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงแผ่วละมุนรอบด้าน
ผมไม่เคยเห็นใคร พรวนดินให้เหล่ากุหลาบสีสดใสได้ลึกซึ้งใส่ใจขนาดนี้มาก่อน
เหมือนเขากำลังปฏิบัติตนต่อสุภาพสตรีผู้ที่เขาแสนรักแสนห่วงหวงอย่างอาทรอ่อนโยนสุภาพและเต็มใจอย่างยิ่ง
นั่นทำให้ผมต้องก้าวเดินไปหยุดอยู่ใกล้เขาและเอ่ยปากถามเพื่อความแน่ใจ
“คุณพูดกับผมหรือครับ”
คนไข้หนุ่มคนนั้นปักไม้พรวนดินลงข้างแปลงดินอย่างระมัดระวังเหมือนเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเหล่ากุหลาบงามแล้วจึงหันมามองหน้าผมก่อนพยักหน้าเป็นคำตอบ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกผิดในการยืนค้ำหัวคนอื่นอยู่จึงรีบนั่งพับเพียบเรียบร้อยลงข้างแปลงกุหลาบทันที
“คุณเหมือนมีอะไรในใจ”
เขาเริ่มต้นพูดช้าๆและสุภาพ ผมคิดในใจว่า ไม่ว่าใครก็มีอะไรในใจกันทั้งนั้น แต่ไม่ได้พูดออกมาท่าทีสงบเยือกเย็นของหนุ่มคนนี้ทำให้ผมเกิดความเกรงใจอย่างประหลาด จึงได้แต่นิ่งเงียบ รอเขาอธิบายต่อไปว่า
“ความจริงผมไม่รู้หรอกว่า คุณมีอะไรอยู่ในใจ แต่โรสเป็นคนกระซิบบอกผม”
“โรส..” ผมหลุดปากอย่างไม่ตั้งใจก่อนหันซ้ายขวามองหาผู้หญิงชื่อโรส ซึ่งเธออาจเป็นนางพยาบาลหรือคนไข้ก็ได้ หรือถ้าจินตนาการสูงขึ้นไปก็เป็นนางฟ้าโรส แต่ต้องไม่ใช่ผู้ชายแน่นอน
“เธออยู่ข้างหน้าคุณ”
เสียงของคนไข้หนุ่มบอกมาอีก คราวนี้ผมมองตรงๆ หากถัดจากแถวแปลงกุหลาบออกไปก็เป็นพื้นที่ส่วนตัวของพืชล้มลุกต่างๆ ถูกตัดแต่งสวยงาม ไม่มีผู้หญิงโรสคนไหนเลย
“เธออยู่นี่”
เขาชี้มือลงไปยังต้นกุหลาบ
ให้ตายเถอะโรบินสัน ครูโซ... โรสหมายถึงต้นหลาบอย่างนั้นหรือ....ผมไม่ควรลืมคิดไปว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถาบันวิเคราะห์ทางจิตอันใหญ่โตและมีชื่อเสียง เป็นศูนย์รวมของคนผู้มีปัญหาทางจิตมากมาย จึงไม่ควรจะแปลกใจถ้าโรสจะเป็นเพียงกุกลาบต้นหนึ่ง
“เธอบอกว่า คุณกำลังคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่ง กลางหาดทรายทะเลสายลมและสองเรา”
คราวนี้ผมชะงักหันขวับไปมองหน้าเขาทันทีว่าบ้าจริงหรือบ้าเล่น ใครกันแน่กำลังอาการบ้ากำเริบ เขามารู้สิ่งที่ผมคิดในใจได้อย่างไร เริ่มมีอะไรบางอย่างแปลกๆแล้ว กุหลาบต้นนั้นดูแล้วก็ไม่ต่างจากกุหลาบทั่วไป เป็นไปได้ไหมว่ากุหลาบต้นนี้อาจกำลังเป็นบ้า
“เอ่อ...คุณเจอข้อหาอะไร ถึงเข้ามาอยู่ในนี้
ผมพยายามใช้คำถามแบบเลี่ยงๆ เพื่อนำทางไปสู่เป้าหมายแท้จริง แต่คนไข้หนุ่มยิ้มเล็กน้อยเปลี่ยนจากนั่งคุกเข่ามานั่งพับเพียบเรียบร้อยบ้าง แล้วอธิบายแบบทุกอย่างกระจ่างชัดไม่อ้อมค้อมว่า
“ผมเจอข้อหาสื่อสารกับพืชได้ ผมได้ยินความคิดของค้นพืฃได้หลายชนิด คุณเองก็คงไม่เชื่อว่าพืฃไม้สามารถสื่อสารกับคนเราได้ ถ้ามีอะไรบางอย่างเป็นแรงเสริม และต้นนี้ก็คือโรส”
เขาชี้นิ้วอย่างให้เกียรติและอ่อนโยนไปยังต้นกุหลาบอีกต้น ซึ่งไม่ใช่ต้นเดิม เหมือนเขาจะรู้ข้อสงสัยของผมจึงพูดต่ออีกว่า
“จะว่าไปแล้วโรสมีอยู่หลายต้น หลายแปลง แต่ไม่ว่าจะมีกี่ต้นกี่แปลงจิตวิญญาณของเธอก็หล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียว ถ้าต้นใดต้นหนึ่งหมดอายุลงก็ยังมีโรสต้นอื่นสืบทอดเจตนารมณ์จิตวิญญาณต่อไป ในแปลงนี้จะมีกุหลาบพี่น้องคือ โรสเป็นพี่สาวแสนสวย โรซี่ผู้คนน้องน่ารักอย่างที่คุณบ้าไม่ถึง ความจริงก็คือสวยและน่ารักทั้งคู่เลยครับ อ้อ...ทั้งสองคนฝากคำทักทายมาให้คุณด้วย”
ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกสำหรับการถูกทักทายด้วยต้นกุหลาบ ทำให้ผมวางตัวไม่ถูกเอาเสียเลย ถ้าเป็นคนยังพอเอ่ยปากทักทายยกมือไหว้หรือต้อนรับจับมือ หากความรู้สึกบางอย่างบอกว่าจะต้องผูกมิตรไมตรีกับกุหลาบไว้บ้างก็ไม่เสียหลาย จึงตัดสินใจโค้งศีรษะอย่างงาม ยื่นมือออกไปข้างหน้าก่อนพูดกับต้นกุหลาบด้วยน้ำเสียงสุภาพเรียบร้อยที่สุดว่า
“สวัสดีครับ คุณโรส คุณโรซี่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“คุณต้องแตะปลายใบของเธอเบาๆ เธอจะรู้สึกว่าคุณให้เกียรติเธอ”
เอาล่ะวะ บ้าก็บ้าวะ...ผมนึกในใจขณะยื่นมืออกไปแตะปลายใบของต้นกุหลาบแต่ละต้น และก็ต้องประหลาดใจกับตัวเองที่ปลายนิ้วสั่นระริกเล็กน้อยเหมือนนิ้วมือกำลังประหม่าขณะอยู่ต่อหน้าสาวสวย เกิดมาก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าตัวเองจะมานั่งเขินอายกับต้นกุหลาบได้
“โรซี่ฝากบอกว่า เธอชอบคุณนะครับ”
เขาบอกอีกด้วยใบหน้ายิ้มๆ ทำเอาผมกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ นึกไปไกลถึงว่าถ้าความสัมพันธ์ของผมกับโรซี่ไปไกล ผมคงต้องได้แต่งงานกับต้นกุหลาบเป็นแน่
“ฝากขอบคุณเธอด้วยครับ”
“โรสฝากบอกว่าคุณเขินจนหน้าแดงครับ”
นี่เป็นประสบการณ์ใหม่ในชีวิตเช่นกันกับการอายต้นกุหลาบจนหน้าแดง ทว่าในสถานที่แห่งนี้ไม่ว่าทำอะไรก็ดูเป็นเรื่องปกติทั้งนั้น ต่อให้มีใครคนหนึ่งคุกเข่าอ้อนวอนขอความรักจากก้อนหิน ผู้คนก็จะไม่พากันแปลกใจอะไรเลย อาจมองผ่านไปแบบไม่สนใจเสียด้วยซ้ำ ความผิดปกติจะดูปกติเสมอ สำหรับสังคมแห่งนี้ คิดดูแล้วมันก็น่าอยู่ไปอีกแบบหนึ่ง
“โรสฝากบอกอีกว่า คุณไม่ต้องห่วงว่าโรซี่จะแย่งคุณจากแอนนาหรอกครับ”
“อะไรนะ”
คราวนี้ผมตกใจจริงๆ หันไปมองหน้าคนไข้หนุ่มอย่างนึกไม่ถึงว่าเขาจะรู้จักแอนนา มันไม่น่าเป็นไปได้เพราะทุกครั้งที่เธอแอบเข้ามาในสถาบัน แอนนาจะพยายามหลบเลี่ยงการถูกพบเห็นอย่างที่สุด จนมีแค่หมอและคนไข้ไม่กี่คนจะเห็นหน้าเธอ
คนไข้หนุ่มยิ้มพลางบอกว่า
“ไม่ต้องตกใจหรอกครับ ผมอ่านใจคุณไม่ออกหรอก ก็อย่างที่บอกว่า ผมเองก็รู้มาจากโรสกับโรซี่นี่ล่ะครับ”
“แล้ว...พอรู้ไหมว่าแอนนาตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“เธอกำลังหาทางช่วยคุณอยู่ครับ แต่อยู่ที่ไหนพวกเรายังไม่รู้ครับ”
นี่เป็นเรื่องประหลาดอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นไปได้ แอนนาไม่ใช่ภาพหลอน หลายคนรู้จักเธอ แม้แต่ต้นกุหลาบยังรู้จัก
หลังจากการพูดคุยกันครู่ใหญ่ก่อนกลับขึ้นห้องพัก ผมก็รู้ข้อมูลของคนไข้หนุ่มผู้สื่อสารกับกุหลาบได้พอสมควรจากปากของเขานั่นเอง เขาเคยมีคนรักอยู่คนหนึ่งมีอาการความทรงจำเลือนหาย พวกเขาทั้งสองต่างมีจุดมุ่งหมายปลูกแนวกุหลาบให้เป็นวงล้อแห่งกุหลาบสวยล้อมรอบบริเวณเขตพื้นที่แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์สายไยแห่งรักไร้พรมแดน ภายหลังสาวคนนั้นหายจากอาการโรคประสาท สิ่งน่าเศร้าคือพอความทรงจำเก่าในอดีตกลับมา ความทรงจำใหม่ที่เคยมีในสถาบันแห่งนี้ของเธอคนนั้นพลันหายไปจนหมดสิ้น เธอจำโรสกับโรซี่และคนไข้หนุ่มคนนั้นไม่ได้ ขณะเดินจากประตูของสถาบันวิเคราะห์ทางจิตออกสู่โลกภายนอกอย่างสง่าผ่าเผยท่ามกลางผู้คนรอรับมากมายยินดี ความทรงจำความรักอันงดงามที่ร่วมแรงร่วมใจก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาโดยมีเหล่ากุหลาบงามเป็นสื่อกลางแรงใจ มลายหายไปจนสิ้น
หากคนไข้หนุ่มผู้มีพรบ้าอันพิเศษสุดยังคงก้มหน้าก้มตาสร้างวงล้อกุหลาบในฝันต่อไปไม่ย่อท้อสิ้นหวัง จนสุดท้ายวงล้อกุหลาบรักกลับกลายเป็นความจริงเป็นแปลงกุหลาบสวยงามจนมีคนบ้าและคนดีเขตอื่นมาขอศึกษางานเพื่อนำไปสร้างผลงานให้กับทางสถาบันไปในตัว ในการเป็นข้อมูลหลักฐานขอเงินทุนหมุนเวียน เขาจึงเป็นคนไข้พิเศษสำหรับสถาบัน
ชายคนนี้คือคนบ้าผู้บ้าเพื่อความรักอย่างแท้จริง เพราะเขาความจริงแล้วถ้าเขาไม่ช่วยเหลือ เธอคนนั้นก็จะบ้าต่อไป อยู่กับเขาต่อไป..ทว่าเขาเลือกทางเดินให้เธอเดินกลับไปสู่โลกภายนอกซึ่งอนาคตสดใสมากกว่ามาอยู่ในสถาบันตลอดปีตลอดชาติไร้อนาคต เป็นความรักสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นไปอีกระดับหนึ่งซึ่งหลายคนอาจไม่เคยสัมผัสรับรู้ว่ามีอยู่จริง เพราะความรักในระดับทั่วไปมักถูกเติมแต่งความหวง หึง ความเห็นแก่ตัว ลงไปด้วยจนเนื้อแท้ความรักเลือนรางแล้วตีตราเปรี้ยงลงไปว่านั่นคือความรักของฉัน ซึ่งวันเวลาผ่านไปสิ่งเหล่านั้นอาจหล่อหลอมจนกลับกลายเป็นพิษร้ายซึ่งเรียกว่าความแค้นและการทำร้ายทำลายล้างกันอย่างน่าเศร้าในที่สุด
ถ้าจะทำกันถึงขนาดนั้น มาบ้าเล่นเย็นๆใจกันน่าจะดีกว่า ผมคิดในใจขณะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเอามือก่ายหน้าผากนึกหาทางติดต่อกับแอนนาต่อไป
<มีต่อครับ>