ความรักของคนบ้า ถาค 2........(โรส โรซี่..และคาวมตาย)

กระทู้สนทนา
บทที่ 1....แอนนา
http://pantip.com/topic/34379672


==================
ความรักของคนบ้า ถาค 2..บทที่ 2
โรส  โรซี่....และความตาย
=================



             ผมหันไปมองตามทิศทางของเสียงเรียก พยายามมองหาเพื่อคัดเลือกแอนนาออกมาจากผู้คนรอบข้างหากไร้วี่แววเจ้าของเสียงกระซิบ ราวกับว่าเป็นเพียงอาการประสาทหลอนกำเริบเฉียบพลัน ความหวังและความผิดหวังซ้อนทับพับแนบแทบเสี้ยวเวลาเดียวกัน สว่างวูบเดียวแล้วดับวับเป็นหลอดไฟฟิวส์ขาด ผมคงไม่แปลกใจเลยถ้าขณะนั้นมองเห็นหัวใจกลวงเบาตนเองหลุดกระเด็นกลิ้งหนีออกจากร่างไปหล่นลงหลุมลึกมืดดำ

            สรรพเสียงต่างๆ ก็เหมือนหายไปด้วยใบหน้าผู้คนทำท่าอ้าปากส่งเสียงและอาการเคลื่อนไหวไร้เสียงราวกับเป็นหนังขาวดำเงียบสมัยโบราณ นั่นคงเป็นอาการโสตประสาทผิดปกติไปชั่วขณะ

             นานเท่านานหูถึงรับรู้เสียงรอบด้านอีกครั้ง เสียงปรบมือเป็นจังหวะ และลีลาของคุณหมอเมกะแดนซ์ ยังคงพลิ้วไหวเหมือนสายลม เสียงบรรดาคนป่วยเชียร์อย่างสนุกสนาน

            “คุณหมอ...ต้องมีท่าลูบเป้าด้วยไม่ใช่เหรอ”

            “เอาเลย...เอาเลย”

            มีหรือจะขัดใจ คุณหมอจอมเต้นเปลี่ยนจากท่าหุ่นยนต์ไหลลื่นบันไดเลื่อนอันเป็นท่ายอดฮิตของไมเคิล แจ็กสัน ทันที

            หมับ..!

            “เฮ....”

            เสียงผู้คนร้องอย่างมีความสุขและสมหวัง สีหน้าแววตาแจ่มใสอย่างไม่น่าเชื่อจนเห็นแล้วรู้สึกดีๆไปด้วย พวกนี้เป็นคนบ้า..แต่ถ้าบ้าแล้วมีความสุขมันก็น่าบ้าอยู่เหมือนกัน หรือว่าความบ้าเป็นสภาวะของการปล่อยวางรูปแบบหนึ่ง ปลดปล่อยตัวเองออกมาจากพันธนาการทางสังคมหรือกระทั่งตัวเอง คนเราไม่ว่าจะดีหรือบ้าถ้าหากไม่ทำร้ายใครให้เดือดร้อนนั่นก็เพียงพอแล้วไม่ว่าจะค้นหานิยามของคำว่า “ความมีชีวิต” เจอหรือไม่ก็ตาม

           เหมือนคุณหมอคนนี้ ไม่ว่าจะเอาเขาไปวางไว้ตำแหน่งคนดีหรือคนบ้า หากสิ่งที่เขาให้สังคมเล็กๆแห่งนี้คือรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและลมหายใจแห่งความสุขสันต์บันเทิง


            ในที่สุดคุณหมอเมกะแดนซ์ก็จบการนำเข้าสู่ยามเช้า เขาหยุดยืนพลางโค้งตัวอย่างสวยงามแล้วยกไหว้ไปรอบทิศท่ามกลางเสียงปรบมือให้กำลังใจเนืองแน่น

            “คุณหมอบ้าได้ดีสะใจแท้ มหัศจรรย์แห่งบ้าโดยแท้”

            “พรุ่งนี้มาบ้ากับพวกเราใหม่นะคุณหมอ”

            ขณะบรรดาพ่อยกแม่ยกของคุณหมอพากันเข้าไปจับไม้จับมือขวัญใจของพวกเขา  ผมเดินเลี่ยงไปด้านข้างของตึกคนไข้ เดินไปบนถนนสายเล็กๆ ตัดผ่านข้างสนามหญ้าร่มรื่นมุ่งหน้าสู่สวนพืชพรรณไม้ที่หมายตาเอาไว้แล้วหลายวัน

            เสียงสายลมหยอกล้อกิ่งไม้ใบงามสั่นไหวยังไม่อาจลบกลบเสียงลมหายใจแห่งความเสียใจเมื่อนึกถึงแอนนา จะต้องมีคำอธิบายอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้

            ยามนี้ทุกอย่างดูสงบและเป็นธรรมชาติ อากาศเย็นสบายปลอดโปร่ง ใต้เงาไม้ร่มรื่นชื่นใจ คนไข้และหมอพยาบาลเดินผ่านไปมาอย่างไม่รีบร้อน  ทุกคนใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส สายลมพัดผ่านต้นสนในสนครวญบทเพลงธรรมชาติหวีดหวิวพลิ้วแผ่ว ชวนให้นึกถึงทิวสนแมกไม้เรียงรายเป็นแนวไปตามชายหาดโค้งในวันทะเลสวยและฟากฟ้าใส แอนนาชอบทะเล ส่วนผมชอบมองแอนนาเวลาเธอยืนอยู่กลางหาดทรายสวยข้างอ้อมกอดแห่งผืนทะเลคราม สีหน้าแววตาแจ่มใสเป็นประกายรายโรยด้วยละอองเพชรเกล็ดแก้วแห่งความสุข

            คิดแล้วต้องถอนลมหายใจแห่งความทรงจำออกมาเฮือกใหญ่


            “เป็นอะไรครับ”


            คำถามของใครบางคนทำให้ผมกระชากตัวเองออกมาจากภาพอดีต หันไปมองข้างทางเดินก็เห็นคนไข้หนุ่มคนหนึ่งในชุดนอนสีขาวกำลังนั่งอยู่ริมทางเดิน ริมแปลงกุหลาบซึ่งเป็นแนวยาวตามทางเดิน ในมือมีชิ้นไม้เล็กๆ กำลังพรวนดินในแปลงอย่างตั้งใจ สายตาของเขาไม่ได้มองมายังผม ชายคนนี้ดูสงบนิ่งเป็นพิเศษท่ามกลางการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงแผ่วละมุนรอบด้าน
ผมไม่เคยเห็นใคร พรวนดินให้เหล่ากุหลาบสีสดใสได้ลึกซึ้งใส่ใจขนาดนี้มาก่อน

            เหมือนเขากำลังปฏิบัติตนต่อสุภาพสตรีผู้ที่เขาแสนรักแสนห่วงหวงอย่างอาทรอ่อนโยนสุภาพและเต็มใจอย่างยิ่ง
นั่นทำให้ผมต้องก้าวเดินไปหยุดอยู่ใกล้เขาและเอ่ยปากถามเพื่อความแน่ใจ

            “คุณพูดกับผมหรือครับ”

            คนไข้หนุ่มคนนั้นปักไม้พรวนดินลงข้างแปลงดินอย่างระมัดระวังเหมือนเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเหล่ากุหลาบงามแล้วจึงหันมามองหน้าผมก่อนพยักหน้าเป็นคำตอบ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกผิดในการยืนค้ำหัวคนอื่นอยู่จึงรีบนั่งพับเพียบเรียบร้อยลงข้างแปลงกุหลาบทันที

            “คุณเหมือนมีอะไรในใจ”

            เขาเริ่มต้นพูดช้าๆและสุภาพ ผมคิดในใจว่า ไม่ว่าใครก็มีอะไรในใจกันทั้งนั้น แต่ไม่ได้พูดออกมาท่าทีสงบเยือกเย็นของหนุ่มคนนี้ทำให้ผมเกิดความเกรงใจอย่างประหลาด จึงได้แต่นิ่งเงียบ รอเขาอธิบายต่อไปว่า

            “ความจริงผมไม่รู้หรอกว่า คุณมีอะไรอยู่ในใจ แต่โรสเป็นคนกระซิบบอกผม”

            “โรส..”  ผมหลุดปากอย่างไม่ตั้งใจก่อนหันซ้ายขวามองหาผู้หญิงชื่อโรส ซึ่งเธออาจเป็นนางพยาบาลหรือคนไข้ก็ได้ หรือถ้าจินตนาการสูงขึ้นไปก็เป็นนางฟ้าโรส แต่ต้องไม่ใช่ผู้ชายแน่นอน

            “เธออยู่ข้างหน้าคุณ”

            เสียงของคนไข้หนุ่มบอกมาอีก คราวนี้ผมมองตรงๆ หากถัดจากแถวแปลงกุหลาบออกไปก็เป็นพื้นที่ส่วนตัวของพืชล้มลุกต่างๆ ถูกตัดแต่งสวยงาม ไม่มีผู้หญิงโรสคนไหนเลย

            “เธออยู่นี่”

            เขาชี้มือลงไปยังต้นกุหลาบ

           ให้ตายเถอะโรบินสัน ครูโซ... โรสหมายถึงต้นหลาบอย่างนั้นหรือ....ผมไม่ควรลืมคิดไปว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถาบันวิเคราะห์ทางจิตอันใหญ่โตและมีชื่อเสียง เป็นศูนย์รวมของคนผู้มีปัญหาทางจิตมากมาย จึงไม่ควรจะแปลกใจถ้าโรสจะเป็นเพียงกุกลาบต้นหนึ่ง

            “เธอบอกว่า คุณกำลังคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่ง กลางหาดทรายทะเลสายลมและสองเรา”

            คราวนี้ผมชะงักหันขวับไปมองหน้าเขาทันทีว่าบ้าจริงหรือบ้าเล่น ใครกันแน่กำลังอาการบ้ากำเริบ เขามารู้สิ่งที่ผมคิดในใจได้อย่างไร เริ่มมีอะไรบางอย่างแปลกๆแล้ว กุหลาบต้นนั้นดูแล้วก็ไม่ต่างจากกุหลาบทั่วไป เป็นไปได้ไหมว่ากุหลาบต้นนี้อาจกำลังเป็นบ้า

            “เอ่อ...คุณเจอข้อหาอะไร ถึงเข้ามาอยู่ในนี้

            ผมพยายามใช้คำถามแบบเลี่ยงๆ เพื่อนำทางไปสู่เป้าหมายแท้จริง แต่คนไข้หนุ่มยิ้มเล็กน้อยเปลี่ยนจากนั่งคุกเข่ามานั่งพับเพียบเรียบร้อยบ้าง แล้วอธิบายแบบทุกอย่างกระจ่างชัดไม่อ้อมค้อมว่า

            “ผมเจอข้อหาสื่อสารกับพืชได้ ผมได้ยินความคิดของค้นพืฃได้หลายชนิด คุณเองก็คงไม่เชื่อว่าพืฃไม้สามารถสื่อสารกับคนเราได้ ถ้ามีอะไรบางอย่างเป็นแรงเสริม และต้นนี้ก็คือโรส”

            เขาชี้นิ้วอย่างให้เกียรติและอ่อนโยนไปยังต้นกุหลาบอีกต้น ซึ่งไม่ใช่ต้นเดิม เหมือนเขาจะรู้ข้อสงสัยของผมจึงพูดต่ออีกว่า

            “จะว่าไปแล้วโรสมีอยู่หลายต้น  หลายแปลง แต่ไม่ว่าจะมีกี่ต้นกี่แปลงจิตวิญญาณของเธอก็หล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียว ถ้าต้นใดต้นหนึ่งหมดอายุลงก็ยังมีโรสต้นอื่นสืบทอดเจตนารมณ์จิตวิญญาณต่อไป  ในแปลงนี้จะมีกุหลาบพี่น้องคือ โรสเป็นพี่สาวแสนสวย โรซี่ผู้คนน้องน่ารักอย่างที่คุณบ้าไม่ถึง ความจริงก็คือสวยและน่ารักทั้งคู่เลยครับ อ้อ...ทั้งสองคนฝากคำทักทายมาให้คุณด้วย”

            ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกสำหรับการถูกทักทายด้วยต้นกุหลาบ ทำให้ผมวางตัวไม่ถูกเอาเสียเลย ถ้าเป็นคนยังพอเอ่ยปากทักทายยกมือไหว้หรือต้อนรับจับมือ หากความรู้สึกบางอย่างบอกว่าจะต้องผูกมิตรไมตรีกับกุหลาบไว้บ้างก็ไม่เสียหลาย จึงตัดสินใจโค้งศีรษะอย่างงาม ยื่นมือออกไปข้างหน้าก่อนพูดกับต้นกุหลาบด้วยน้ำเสียงสุภาพเรียบร้อยที่สุดว่า

            “สวัสดีครับ คุณโรส คุณโรซี่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

            “คุณต้องแตะปลายใบของเธอเบาๆ เธอจะรู้สึกว่าคุณให้เกียรติเธอ”

            เอาล่ะวะ บ้าก็บ้าวะ...ผมนึกในใจขณะยื่นมืออกไปแตะปลายใบของต้นกุหลาบแต่ละต้น และก็ต้องประหลาดใจกับตัวเองที่ปลายนิ้วสั่นระริกเล็กน้อยเหมือนนิ้วมือกำลังประหม่าขณะอยู่ต่อหน้าสาวสวย  เกิดมาก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าตัวเองจะมานั่งเขินอายกับต้นกุหลาบได้

            “โรซี่ฝากบอกว่า เธอชอบคุณนะครับ”

            เขาบอกอีกด้วยใบหน้ายิ้มๆ ทำเอาผมกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ นึกไปไกลถึงว่าถ้าความสัมพันธ์ของผมกับโรซี่ไปไกล ผมคงต้องได้แต่งงานกับต้นกุหลาบเป็นแน่

            “ฝากขอบคุณเธอด้วยครับ”

            “โรสฝากบอกว่าคุณเขินจนหน้าแดงครับ”

            นี่เป็นประสบการณ์ใหม่ในชีวิตเช่นกันกับการอายต้นกุหลาบจนหน้าแดง ทว่าในสถานที่แห่งนี้ไม่ว่าทำอะไรก็ดูเป็นเรื่องปกติทั้งนั้น ต่อให้มีใครคนหนึ่งคุกเข่าอ้อนวอนขอความรักจากก้อนหิน ผู้คนก็จะไม่พากันแปลกใจอะไรเลย อาจมองผ่านไปแบบไม่สนใจเสียด้วยซ้ำ ความผิดปกติจะดูปกติเสมอ สำหรับสังคมแห่งนี้ คิดดูแล้วมันก็น่าอยู่ไปอีกแบบหนึ่ง

            “โรสฝากบอกอีกว่า คุณไม่ต้องห่วงว่าโรซี่จะแย่งคุณจากแอนนาหรอกครับ”

            “อะไรนะ”

            คราวนี้ผมตกใจจริงๆ หันไปมองหน้าคนไข้หนุ่มอย่างนึกไม่ถึงว่าเขาจะรู้จักแอนนา มันไม่น่าเป็นไปได้เพราะทุกครั้งที่เธอแอบเข้ามาในสถาบัน แอนนาจะพยายามหลบเลี่ยงการถูกพบเห็นอย่างที่สุด จนมีแค่หมอและคนไข้ไม่กี่คนจะเห็นหน้าเธอ

            คนไข้หนุ่มยิ้มพลางบอกว่า

            “ไม่ต้องตกใจหรอกครับ ผมอ่านใจคุณไม่ออกหรอก ก็อย่างที่บอกว่า ผมเองก็รู้มาจากโรสกับโรซี่นี่ล่ะครับ”

            “แล้ว...พอรู้ไหมว่าแอนนาตอนนี้อยู่ที่ไหน”

            “เธอกำลังหาทางช่วยคุณอยู่ครับ  แต่อยู่ที่ไหนพวกเรายังไม่รู้ครับ”

             นี่เป็นเรื่องประหลาดอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นไปได้ แอนนาไม่ใช่ภาพหลอน หลายคนรู้จักเธอ แม้แต่ต้นกุหลาบยังรู้จัก

            หลังจากการพูดคุยกันครู่ใหญ่ก่อนกลับขึ้นห้องพัก ผมก็รู้ข้อมูลของคนไข้หนุ่มผู้สื่อสารกับกุหลาบได้พอสมควรจากปากของเขานั่นเอง เขาเคยมีคนรักอยู่คนหนึ่งมีอาการความทรงจำเลือนหาย พวกเขาทั้งสองต่างมีจุดมุ่งหมายปลูกแนวกุหลาบให้เป็นวงล้อแห่งกุหลาบสวยล้อมรอบบริเวณเขตพื้นที่แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์สายไยแห่งรักไร้พรมแดน ภายหลังสาวคนนั้นหายจากอาการโรคประสาท สิ่งน่าเศร้าคือพอความทรงจำเก่าในอดีตกลับมา ความทรงจำใหม่ที่เคยมีในสถาบันแห่งนี้ของเธอคนนั้นพลันหายไปจนหมดสิ้น เธอจำโรสกับโรซี่และคนไข้หนุ่มคนนั้นไม่ได้ ขณะเดินจากประตูของสถาบันวิเคราะห์ทางจิตออกสู่โลกภายนอกอย่างสง่าผ่าเผยท่ามกลางผู้คนรอรับมากมายยินดี  ความทรงจำความรักอันงดงามที่ร่วมแรงร่วมใจก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาโดยมีเหล่ากุหลาบงามเป็นสื่อกลางแรงใจ มลายหายไปจนสิ้น

            หากคนไข้หนุ่มผู้มีพรบ้าอันพิเศษสุดยังคงก้มหน้าก้มตาสร้างวงล้อกุหลาบในฝันต่อไปไม่ย่อท้อสิ้นหวัง จนสุดท้ายวงล้อกุหลาบรักกลับกลายเป็นความจริงเป็นแปลงกุหลาบสวยงามจนมีคนบ้าและคนดีเขตอื่นมาขอศึกษางานเพื่อนำไปสร้างผลงานให้กับทางสถาบันไปในตัว ในการเป็นข้อมูลหลักฐานขอเงินทุนหมุนเวียน เขาจึงเป็นคนไข้พิเศษสำหรับสถาบัน

            ชายคนนี้คือคนบ้าผู้บ้าเพื่อความรักอย่างแท้จริง เพราะเขาความจริงแล้วถ้าเขาไม่ช่วยเหลือ เธอคนนั้นก็จะบ้าต่อไป อยู่กับเขาต่อไป..ทว่าเขาเลือกทางเดินให้เธอเดินกลับไปสู่โลกภายนอกซึ่งอนาคตสดใสมากกว่ามาอยู่ในสถาบันตลอดปีตลอดชาติไร้อนาคต เป็นความรักสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นไปอีกระดับหนึ่งซึ่งหลายคนอาจไม่เคยสัมผัสรับรู้ว่ามีอยู่จริง เพราะความรักในระดับทั่วไปมักถูกเติมแต่งความหวง หึง ความเห็นแก่ตัว ลงไปด้วยจนเนื้อแท้ความรักเลือนรางแล้วตีตราเปรี้ยงลงไปว่านั่นคือความรักของฉัน ซึ่งวันเวลาผ่านไปสิ่งเหล่านั้นอาจหล่อหลอมจนกลับกลายเป็นพิษร้ายซึ่งเรียกว่าความแค้นและการทำร้ายทำลายล้างกันอย่างน่าเศร้าในที่สุด



            ถ้าจะทำกันถึงขนาดนั้น มาบ้าเล่นเย็นๆใจกันน่าจะดีกว่า ผมคิดในใจขณะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเอามือก่ายหน้าผากนึกหาทางติดต่อกับแอนนาต่อไป




<มีต่อครับ>
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่