กระทู้นี้ไม่เหมาะกับคนที่คิดว่ายังไงมนุษย์ก็ต้องกตัญญูไม่ลืมหูลืมตานะคะ
ตอนนี้เราอายุใกล้ 30 ค่ะ มีหน้าที่การงานที่ดี มีแฟนที่ดี กำลังจะแต่งงาน
แม่เราหย่ากับพ่อตอนเรา 2 ขวบ มีพี่ชายห่างกัน 3 ปี
พอแม่หย่ากับพ่อก็กลับไปติดต่อกับแฟนเก่า เรากับพี่ก็โตมากับแฟนแม่ค่ะ
แฟนแม่ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในบ้านตลอด แต่ชอบบิดเนื้อเรากับพี่เวลาทำอะไรไม่ถูกใจเขา (เอานิ้วชี้ นิ้วโป้งบีบเนื้อที่เอวแล้วบิด)
แม่เราก็ไม่ว่าอะไร มีแต่ยายที่คอยว่าคอยเตือนว่าทำไมทำแบบนี้กับหลาน
เราโตมากับความรู้สึก "ถ้าทำอะไรผิด จะโดนบิดเนื้อ" บางทีก็เป็นรอยจ้ำๆ
มีครั้งนึงหลงกับแม่ในห้าง มีคนใจดีพาไปหาประชาสัมพันธ์
พอแม่มาเจอ ผลคือโดนบิดค่ะ โดนด่า ไม่มีปลอบ
แม่กับแฟนแม่ไม่ค่อยสนใจเราเท่าไหร่ จะสนใจพี่ชายมากกว่าเพราะพี่ชายเรียนเก่งมาก
เราก็เรียนเก่งนะคะ ได้ไม่เคยเกินที่ 3 แต่อาจเพราะเป็นลูกสาวเขาเลยไม่อะไรมาก เพราะแฟนแม่อยากได้ลูกชาย
เราโชคดีมีเพื่อนคอยเล่นด้วย เลยไม่รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไรไป มีแรงก็ทุ่มให้กับกีฬา
เวลาเรามีปัญหาอะไร เราปรึกษาแม่ไม่ได้ค่ะ
แม่ไม่เคยฟัง แม่เงียบ เหมือนเราคุยกับกำแพง ถามไปก็ตอบแค่ อือ
แม่เคยบอกว่าแม่มีเรา เพราะคิดว่าพ่อจะทำตัวดีขึ้นแต่ก็เปล่า เราเลยคิดว่านี่อาจเป็นสาเหตุนึงที่แม่ไม่สนใจอะไรเราเท่าไหร่
เราโตมาแบบนี้จนจบม.ปลาย
ตอนเอนท์เราไม่บอกใคร เลือกคณะเดียวสี่อันดับ มหาวิทยาลัยที่ไกลบ้านที่สุดเพราะอยากอยู่คนเดียว
ผลคือได้เรียนไกลบ้านสมใจ 555555555
ส่วนพี่ชายเราก็เลิกเรียนตั้งแต่ม.ต้นค่ะ ติดเกม ไม่ยอมเรียน
เราช่วยทำรายงานให้จนพี่จบม.ปลาย หลังจากนั้นก็อยู่แต่บ้าน ไม่ทำงานอะไรทั้งนั้น เล่นเกมอย่างเดียว
แม่เรากับแฟนแม่ก็ผิดหวังค่ะ พยายามหาทางแก้ แต่ไม่ได้ผลจนถึงทุกวันนี้
พอเราขึ้นปี 1 แฟนแม่ย้ายมาอยู่ด้วย ชีวิตก็เริ่มแย่ค่ะ
เราไม่มีพื้นที่ส่วนตัว สี่คนนอนยัดในห้องนอนเดียวเพราะแม่บอกว่านอนแยกแล้วเปลืองค่าไฟ
เราไม่มีปากมีเสียงอะไรในบ้าน ถ้าพูดไปเมื่อไหร่ แม่ชักสีหน้าทันที
จะนอกหรือในบ้านแม่ก็ชักสีหน้าใส่เรา พอโตขึ้นเราเริ่มมั่นใจในความคิดของตัวเอง เราก็เริ่มเถียงกลับ
ไม่เคยมีหนไหนจบลงด้วยดี แม่ไม่เคยขอโทษถึงแม่จะผิด ประโยคเด็ดคือ "ชั้นเป็นแม่ ชั้นถูกเสมอ"
เรากลับบ้านน้อยลงเพราะไม่มีความสุข อยู่หอกับแฟน
คิดว่ามีแฟนก็ดี อย่างน้อยมีที่ให้ยึดเหนี่ยวจิตใจบ้าง มีคนให้ปรึกษา มีคนฟังเราบ่น
(จะบ่นกับเพื่อนมากก็ไม่ได้เพราะเดี๋ยวมันด่า 5555555)
จนวันนึงแฟนแม่มารับเรากลับบ้านเพราะเราไม่สบาย
ระหว่างนั่งรถเราหนาวเลยเอาเสื้อหนาวคลุมตัว แฟนแม่เอามือมาจับแขนแล้วถามว่า หนาวเหรอ เดี๋ยวจะนวดให้นะ
แล้วบีบแขนเรา มือมาโดนหน้าอก เรารีบสะบัดแขนแล้วบอก ไม่เป็นไร
ตอนนั้นคิดว่าคิดไปเองค่ะ ผ่านไปซักพักวันนึงแฟนแม่มาหาที่หอพัก บอกเอาของมาให้ แม่ฝากมา
เราบอกเรานอนอยู่ แต่เขายืนยันจะมาหาให้ได้ พอมาถึงก็พยายามขอเข้าห้อง มีเรื่องจะคุยด้วยแล้วชูซองใส่ถุงยางอนามัยขึ้นมา
ตอนนั้นเราตกใจนะ เพราะเขาบอกเจอในห้องเรา ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาเจอได้ไงเพราะเราทำความสะอาดห้องตลอด
เหตุการณ์ตอนนั้นขอเล่าแค่ว่าเขาลวนลามเรานะคะ แต่เราตะเพิดเค้าออกไปแล้วรีบโทรหาแม่
เราบอกให้แม่ไล่เค้าออกไปจากบ้าน เราเกลียดและขยะแขยงมาก
แต่แม่เราไม่ได้ทำอะไรค่ะ แค่เรียกเค้าไปคุยและเค้าก็อาศัยอยู่บ้านเรามาอีก 7 ปีได้
เหตุผลเดียวที่แม่ให้คือ กลัวเขาไม่คืนเงินที่ยืมไป 5 แสน
จบค่ะ ทุกอย่างจบ
ความรู้สึกทุกอย่างที่มีมันพุ่งล้นออกมาเลย รู้เลยว่าแม่เป็นคนยังไง
มีอื่นๆอีกมากมายที่แม่ทำมาตลอดเกือบ 30 ปี
เราพยายามก้าวข้ามความรู้สึกนี้ พยายามเข้าหาแม่
พยายามเล่าเรื่องให้แม่ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แม่ไม่เคยฟัง
เราเข้าใจว่าแม่ลำบาก เลี้ยงลูกสองคน แม่ไม่มีเวลาเราก็เข้าใจ
เราไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไร เพราะเราพยายามเท่าที่เด็กคนนึงพยายามได้เพื่อเข้าใจแม่
แฟนแม่เคยพูดว่า แม่เรารักลูกไม่เท่ากัน
แม่ก็รีบโทรมาถามว่า เรารู้สึกแบบนั้นเหรอ เราก็บอกว่าอย่าคิดมาก เราไม่เคยคิดแบบนั้น
หลังๆเราทนไม่ไหว จะย้ายออกมาอยู่คนเดียว
แม่เราด่าอีก ทำไมต้องย้ายไป มีปัญหาอะไรนักหนาอยู่กับคนอื่นไม่ได้ ไม่คิดจะทำตัวเป็นส่วนนึงของครอบครัวเลยรึไง
สิ่งที่ผุดในหัวเราอย่างแรกคือ "ครอบครัว?"
เราไม่มีคำนี้อยู่ในหัวมานานแล้ว เราโตมาด้วยตัวเอง เอาตัวเองเป็นที่พึ่ง
แม้แม่จะให้เงินค่ากินอยู่ขณะเรียนก็ตาม แต่แม่ไม่เคยอยู่เวลาเรามีปัญหา ไม่เคยแสดงออกว่ารัก
เวลาเราล้มแบบลุกขึ้นมาไม่ไหวแล้ว สุดท้ายก็มีแต่ตัวเราเองที่ฉุดตัวเองขึ้นมาอีกครั้งและเข้มแข็งขึ้น
จนวันนี้เราก้าวข้ามคำนั้นไปแล้ว
เราถามแม่ "อยากให้หนูเป็นบ้ารึไง? " "แม่อย่าพูดเลยคำนี้ มันไม่มีมานานมากแล้ว"
คำตอบของแม่คือ "ชั้นเลี้ยงมาคนเดียว ชั้นจะเอาเวลาที่ไหนให้ งานก็ต้องทำ"
เพราะงั้นสิ่งที่เราอยากบอกคือ
ถ้าไม่พร้อมมีลูกหรือคิดว่ามีลูกแล้วความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับสามี หรือภรรยาจะดีขึ้น อย่ามีเลยค่ะ
ถ้าคิดว่าต้องทำงาน คงไม่มีเวลาให้ลูก อย่ามีเลยค่ะ คิดจะมีก็ควรจะมีเวลาให้เสมอ
กอดลูกบ้าง
ฟังลูกบ้าง
เราโชคดีอย่างนึงคือ สถานะคนแบบเราสามารถเสียคนและหลงไปกับสิ่งมัวเมาได้ง่ายมาก
เพราะเราไม่มีพ่อแม่ที่คอยรับฟัง ให้คำปรึกษา ไม่มีใครปลอบเวลาเสียใจ
เราโตมาด้วยความคิดที่ว่า เสียใจแล้วต้องลุกขึ้นยืนเอง ต้องทำใจรับกับความผิดหวังให้ได้ ต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง
เราโชคดีที่มีเพื่อนที่ดีมากๆ คอยเตือนเวลาเราทำอะไรผิด ช่วงระยะเวลาที่เรียนมหาวิทยาลัยคือช่วงที่ดีที่สุดสำหรับเรา
มีคนพูดกับเราว่า "แปลกใจมากที่เธอไม่เป็นโรคซึมเศร้า เพราะดูจากที่ผ่านมาแล้วมีโอกาสเป็นมากๆ"
เราก็แปลกใจค่ะ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาต่อให้อะไรแย่แค่ไหน คำว่าอยากตายไม่เคยมาโผล่มาในหัว
ถ้าเจอแย่สุดๆคือ นอนหลับซักหน่อย เดี๋ยวตื่นมาหัวโล่งแล้วค่อยคิดอีกที ถ้าตื่นแล้วไม่หายก็หาอะไรทำ
เราคิดว่าหลายๆคนอาจจะมีประสบการณ์แบบเรา
คนเราพอล้มหลายๆครั้งและลุกเองตลอด จะกลายเป็นคนเข้มแข็ง
แต่ในขณะเดียวกันอาจจะกลายเป็นคนกระด้างในบางทีโดยไม่ตั้งใจ
เราโดนแม่ด่าว่าหยาบกระด้างบ่อย 5555555
เราอยากระบายอีกแต่กลัวยาวเกิน อ่านทวนตะกี้ยังตกใจเองเพราะยาวมาก
ขอบคุณที่มีพื้นที่ให้ระบายค่ะ
ขอระบายเรื่องแม่ค่ะ
ตอนนี้เราอายุใกล้ 30 ค่ะ มีหน้าที่การงานที่ดี มีแฟนที่ดี กำลังจะแต่งงาน
แม่เราหย่ากับพ่อตอนเรา 2 ขวบ มีพี่ชายห่างกัน 3 ปี
พอแม่หย่ากับพ่อก็กลับไปติดต่อกับแฟนเก่า เรากับพี่ก็โตมากับแฟนแม่ค่ะ
แฟนแม่ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในบ้านตลอด แต่ชอบบิดเนื้อเรากับพี่เวลาทำอะไรไม่ถูกใจเขา (เอานิ้วชี้ นิ้วโป้งบีบเนื้อที่เอวแล้วบิด)
แม่เราก็ไม่ว่าอะไร มีแต่ยายที่คอยว่าคอยเตือนว่าทำไมทำแบบนี้กับหลาน
เราโตมากับความรู้สึก "ถ้าทำอะไรผิด จะโดนบิดเนื้อ" บางทีก็เป็นรอยจ้ำๆ
มีครั้งนึงหลงกับแม่ในห้าง มีคนใจดีพาไปหาประชาสัมพันธ์
พอแม่มาเจอ ผลคือโดนบิดค่ะ โดนด่า ไม่มีปลอบ
แม่กับแฟนแม่ไม่ค่อยสนใจเราเท่าไหร่ จะสนใจพี่ชายมากกว่าเพราะพี่ชายเรียนเก่งมาก
เราก็เรียนเก่งนะคะ ได้ไม่เคยเกินที่ 3 แต่อาจเพราะเป็นลูกสาวเขาเลยไม่อะไรมาก เพราะแฟนแม่อยากได้ลูกชาย
เราโชคดีมีเพื่อนคอยเล่นด้วย เลยไม่รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไรไป มีแรงก็ทุ่มให้กับกีฬา
เวลาเรามีปัญหาอะไร เราปรึกษาแม่ไม่ได้ค่ะ
แม่ไม่เคยฟัง แม่เงียบ เหมือนเราคุยกับกำแพง ถามไปก็ตอบแค่ อือ
แม่เคยบอกว่าแม่มีเรา เพราะคิดว่าพ่อจะทำตัวดีขึ้นแต่ก็เปล่า เราเลยคิดว่านี่อาจเป็นสาเหตุนึงที่แม่ไม่สนใจอะไรเราเท่าไหร่
เราโตมาแบบนี้จนจบม.ปลาย
ตอนเอนท์เราไม่บอกใคร เลือกคณะเดียวสี่อันดับ มหาวิทยาลัยที่ไกลบ้านที่สุดเพราะอยากอยู่คนเดียว
ผลคือได้เรียนไกลบ้านสมใจ 555555555
ส่วนพี่ชายเราก็เลิกเรียนตั้งแต่ม.ต้นค่ะ ติดเกม ไม่ยอมเรียน
เราช่วยทำรายงานให้จนพี่จบม.ปลาย หลังจากนั้นก็อยู่แต่บ้าน ไม่ทำงานอะไรทั้งนั้น เล่นเกมอย่างเดียว
แม่เรากับแฟนแม่ก็ผิดหวังค่ะ พยายามหาทางแก้ แต่ไม่ได้ผลจนถึงทุกวันนี้
พอเราขึ้นปี 1 แฟนแม่ย้ายมาอยู่ด้วย ชีวิตก็เริ่มแย่ค่ะ
เราไม่มีพื้นที่ส่วนตัว สี่คนนอนยัดในห้องนอนเดียวเพราะแม่บอกว่านอนแยกแล้วเปลืองค่าไฟ
เราไม่มีปากมีเสียงอะไรในบ้าน ถ้าพูดไปเมื่อไหร่ แม่ชักสีหน้าทันที
จะนอกหรือในบ้านแม่ก็ชักสีหน้าใส่เรา พอโตขึ้นเราเริ่มมั่นใจในความคิดของตัวเอง เราก็เริ่มเถียงกลับ
ไม่เคยมีหนไหนจบลงด้วยดี แม่ไม่เคยขอโทษถึงแม่จะผิด ประโยคเด็ดคือ "ชั้นเป็นแม่ ชั้นถูกเสมอ"
เรากลับบ้านน้อยลงเพราะไม่มีความสุข อยู่หอกับแฟน
คิดว่ามีแฟนก็ดี อย่างน้อยมีที่ให้ยึดเหนี่ยวจิตใจบ้าง มีคนให้ปรึกษา มีคนฟังเราบ่น
(จะบ่นกับเพื่อนมากก็ไม่ได้เพราะเดี๋ยวมันด่า 5555555)
จนวันนึงแฟนแม่มารับเรากลับบ้านเพราะเราไม่สบาย
ระหว่างนั่งรถเราหนาวเลยเอาเสื้อหนาวคลุมตัว แฟนแม่เอามือมาจับแขนแล้วถามว่า หนาวเหรอ เดี๋ยวจะนวดให้นะ
แล้วบีบแขนเรา มือมาโดนหน้าอก เรารีบสะบัดแขนแล้วบอก ไม่เป็นไร
ตอนนั้นคิดว่าคิดไปเองค่ะ ผ่านไปซักพักวันนึงแฟนแม่มาหาที่หอพัก บอกเอาของมาให้ แม่ฝากมา
เราบอกเรานอนอยู่ แต่เขายืนยันจะมาหาให้ได้ พอมาถึงก็พยายามขอเข้าห้อง มีเรื่องจะคุยด้วยแล้วชูซองใส่ถุงยางอนามัยขึ้นมา
ตอนนั้นเราตกใจนะ เพราะเขาบอกเจอในห้องเรา ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาเจอได้ไงเพราะเราทำความสะอาดห้องตลอด
เหตุการณ์ตอนนั้นขอเล่าแค่ว่าเขาลวนลามเรานะคะ แต่เราตะเพิดเค้าออกไปแล้วรีบโทรหาแม่
เราบอกให้แม่ไล่เค้าออกไปจากบ้าน เราเกลียดและขยะแขยงมาก
แต่แม่เราไม่ได้ทำอะไรค่ะ แค่เรียกเค้าไปคุยและเค้าก็อาศัยอยู่บ้านเรามาอีก 7 ปีได้
เหตุผลเดียวที่แม่ให้คือ กลัวเขาไม่คืนเงินที่ยืมไป 5 แสน
จบค่ะ ทุกอย่างจบ
ความรู้สึกทุกอย่างที่มีมันพุ่งล้นออกมาเลย รู้เลยว่าแม่เป็นคนยังไง
มีอื่นๆอีกมากมายที่แม่ทำมาตลอดเกือบ 30 ปี
เราพยายามก้าวข้ามความรู้สึกนี้ พยายามเข้าหาแม่
พยายามเล่าเรื่องให้แม่ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แม่ไม่เคยฟัง
เราเข้าใจว่าแม่ลำบาก เลี้ยงลูกสองคน แม่ไม่มีเวลาเราก็เข้าใจ
เราไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไร เพราะเราพยายามเท่าที่เด็กคนนึงพยายามได้เพื่อเข้าใจแม่
แฟนแม่เคยพูดว่า แม่เรารักลูกไม่เท่ากัน
แม่ก็รีบโทรมาถามว่า เรารู้สึกแบบนั้นเหรอ เราก็บอกว่าอย่าคิดมาก เราไม่เคยคิดแบบนั้น
หลังๆเราทนไม่ไหว จะย้ายออกมาอยู่คนเดียว
แม่เราด่าอีก ทำไมต้องย้ายไป มีปัญหาอะไรนักหนาอยู่กับคนอื่นไม่ได้ ไม่คิดจะทำตัวเป็นส่วนนึงของครอบครัวเลยรึไง
สิ่งที่ผุดในหัวเราอย่างแรกคือ "ครอบครัว?"
เราไม่มีคำนี้อยู่ในหัวมานานแล้ว เราโตมาด้วยตัวเอง เอาตัวเองเป็นที่พึ่ง
แม้แม่จะให้เงินค่ากินอยู่ขณะเรียนก็ตาม แต่แม่ไม่เคยอยู่เวลาเรามีปัญหา ไม่เคยแสดงออกว่ารัก
เวลาเราล้มแบบลุกขึ้นมาไม่ไหวแล้ว สุดท้ายก็มีแต่ตัวเราเองที่ฉุดตัวเองขึ้นมาอีกครั้งและเข้มแข็งขึ้น
จนวันนี้เราก้าวข้ามคำนั้นไปแล้ว
เราถามแม่ "อยากให้หนูเป็นบ้ารึไง? " "แม่อย่าพูดเลยคำนี้ มันไม่มีมานานมากแล้ว"
คำตอบของแม่คือ "ชั้นเลี้ยงมาคนเดียว ชั้นจะเอาเวลาที่ไหนให้ งานก็ต้องทำ"
เพราะงั้นสิ่งที่เราอยากบอกคือ
ถ้าไม่พร้อมมีลูกหรือคิดว่ามีลูกแล้วความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับสามี หรือภรรยาจะดีขึ้น อย่ามีเลยค่ะ
ถ้าคิดว่าต้องทำงาน คงไม่มีเวลาให้ลูก อย่ามีเลยค่ะ คิดจะมีก็ควรจะมีเวลาให้เสมอ
กอดลูกบ้าง
ฟังลูกบ้าง
เราโชคดีอย่างนึงคือ สถานะคนแบบเราสามารถเสียคนและหลงไปกับสิ่งมัวเมาได้ง่ายมาก
เพราะเราไม่มีพ่อแม่ที่คอยรับฟัง ให้คำปรึกษา ไม่มีใครปลอบเวลาเสียใจ
เราโตมาด้วยความคิดที่ว่า เสียใจแล้วต้องลุกขึ้นยืนเอง ต้องทำใจรับกับความผิดหวังให้ได้ ต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง
เราโชคดีที่มีเพื่อนที่ดีมากๆ คอยเตือนเวลาเราทำอะไรผิด ช่วงระยะเวลาที่เรียนมหาวิทยาลัยคือช่วงที่ดีที่สุดสำหรับเรา
มีคนพูดกับเราว่า "แปลกใจมากที่เธอไม่เป็นโรคซึมเศร้า เพราะดูจากที่ผ่านมาแล้วมีโอกาสเป็นมากๆ"
เราก็แปลกใจค่ะ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาต่อให้อะไรแย่แค่ไหน คำว่าอยากตายไม่เคยมาโผล่มาในหัว
ถ้าเจอแย่สุดๆคือ นอนหลับซักหน่อย เดี๋ยวตื่นมาหัวโล่งแล้วค่อยคิดอีกที ถ้าตื่นแล้วไม่หายก็หาอะไรทำ
เราคิดว่าหลายๆคนอาจจะมีประสบการณ์แบบเรา
คนเราพอล้มหลายๆครั้งและลุกเองตลอด จะกลายเป็นคนเข้มแข็ง
แต่ในขณะเดียวกันอาจจะกลายเป็นคนกระด้างในบางทีโดยไม่ตั้งใจ
เราโดนแม่ด่าว่าหยาบกระด้างบ่อย 5555555
เราอยากระบายอีกแต่กลัวยาวเกิน อ่านทวนตะกี้ยังตกใจเองเพราะยาวมาก
ขอบคุณที่มีพื้นที่ให้ระบายค่ะ