เรื่องสั้น จากต่วยตูน ๑๙ ต.ค.๕๘

เรื่องสั้นจากต่วยตูน (ฉบีบไหนหาไม่เจอครับ)

อันความกรุณาปรานี

โดย สมพิศ

วันนี้ฉันออกเวรเช้า ลงมาจากตึกที่ฉันปฏิบัติงานอยู่ แม้จะมีความอ่อนเพลียเต็มทีแต่ก็มิได้รีบเร่งที่จะเดินกลับไปยังที่พัก เดินทอดน่องเอื่อยไปเรื่อย เป็นเวลาที่เย็นมากพอสมควร ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ในตอนกลางวันนั้น ตอนนี้ก็บางตาเต็มที หรือแทบจะไม่มีใครเดินสวนทาง เมื่อเดินผ่านมาตามทางเดินที่ทอดเชื่อม ระหว่างตึกหนึ่งไปยังอีกตึกหนึ่ง ของโรงพยาบาลศูนย์ ในจังหวัดใหญ่ที่ฉันทำงานอยู่ ตามข้างทางก็จะมีม้านั่งตัวยาว ให้ญาติผู้ป่วยหรือผู้มาใช้บริการได้นั่ง ตั้งอยู่เป็นระยะ ๆ

พอเดินมาใกล้ม้ายาวตัวแรก ตาของฉันก็เหลือบมองไปพบชายชราผู้หนึ่งดูท่าทางทรุดโทรม ทั้งสังขารและเครื่องแต่งกาย นั่งอยู่อย่างเซื่องซึม ข้างตัวแกมีสัมภาระรุงรัง ในจำนวนสัมภาระนั้นก็มีผ้าขาวม้าสีคร่ำคร่า ห่อของวางอยู่เช่นกัน ก็ไม่ผิดอะไรกับเสื้อกางเกงที่แกสวมใส่ ซึ่งฉันก็มิได้สนใจอะไร ยังคงเดินผ่านแกไป แต่ยังไม่ทันจะผ่านพ้นตัวแก ก็ได้ยินเสียงแกร้องเรียกเบา ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นพนมไหว้ แบบชาวบ้านทั่วไป

“ คุณหมอครับ “

เสียงนั้นทำให้ฉันต้องหยุดชงัก

“ มีอะไรหรือจ๊ะลุง “

เราได้รับการอบรมมาให้ช่วยเหลือ แนะนำคนไข้ในทุกกรณี

“ คุณหมอครับ กรุณาผมด้วยเถิดครับ “

แกพูดทั้ง ๆ ที่ยังพนมมืออยู่เช่นเดิม จนฉันรู้สึกกระดากใจขึ้นมาทันที ผู้ใหญ่รุ่นปู่รุ่นตา แล้วยังมาพนมมือไหว้ฉัน ซึ่งเป็นเด็กรุ่นหลานเหลนแล้วก็ว่าได้

“ ลุงอย่าไหว้ฉันเลยจ้ะ ลุงมีอะไรก็บอกมาเลยจ้ะ “

ลุงแกก็เอามือลงอย่างว่าง่าย

“ ผมจะกลับบ้านแต่ไม่มีค่ารถ แล้วก็ยังไม่ได้กินข้าวเลย “

ใจฉันไม่แข็งพอที่จะปฏิเสธและเดินเลยไปได้ จึงซักถามต่อไปจนได้ความว่า แกเป็นคนเพชรบุรี มาป่วยรักษาตัวอยู่ที่นี่ และวันนี้หมออนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว แต่แกไม่มีเงินติดตัวเลย เพราะไม่มีญาติ ไม่รู้ว่าจะกลับไปได้อย่างไร แกเล่าพร้อมควักบัตรประจำตัวคนไข้ และถุงยาที่หมอสั่งให้ไปกินที่บ้าน ออกมาให้ดูเพื่อเป็นการยืนยัน ทำให้ฉันต้องคิดอยู่ชั่วอึดใจ ด้วยท่าทางที่น่าสงสารของแก ทำให้ฉันตัดสินใจ ทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงปลายเดือนเต็มทีแล้ว

เมื่อออกปากชวนแก ให้ไปกินข้าวที่โรงอาหารของโรงพยาบาล แกก็หอบหิ้วสัมภาระของแกตามไปแต่โดยดีไม่อิดออด ระหว่างที่แกกินข้าวราดแกงอยู่นั้น ก็คิดคำนวณว่าแกจะต้องใช้ค่ารถสักเท่าไร เพราะตัวฉันเองไม่เคยไปจังหวัดเพชรบุรีเลย จะไปก็แต่กรุงเทพมหานคร แต่ระยะทางมันช่างไกลกันเป็นเท่าตัว แล้วยังคนละทิศละทางอีกต่างหาก

จนแกกินข้าวจานที่สองหมดไปแล้ว แกก็ยกมือไหว้ให้ศีลให้พร ตามธรรมเนียมของผู้เฒ่าผู้แก่ฉันตัดสินใจส่งเงินให้แกเป็นสองร้อยบาท แกรับไปด้วยมือที่สั่นเทา และให้พรอีกยืดยาว จึงบอกกับแกให้รีบกลับ เดี๋ยวจะมืดค่ำไปใหญ่ แล้วแกจึงลาจากไป

ฉั นเดินกลับมาถึงหอพักด้วยความอิ่มใจ ที่ได้ทำบุญแก่ผู้ยากไร้ เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก คืนนั้นจึงนอนหลับสบาย เอิบอิ่มไปด้วยความภูมิใจ

เมื่อตื่นขึ้นก่อนฟ้าจะสว่าง เพื่อไปรับเวรแต่เช้ามืดเนื่องจากไปรับปากเพื่อนร่วมงานไว้ ว่าจะขึ้นเวรเร็วหน่อยก่อนเวลา เพื่อให้เขาลงเวรเร็วเพราะเขามีธุระ จิตใจฉันก็แจ่มใสเป็นสุข หลังจากอาบน้ำแต่งเครื่องแบบแล้ว ก็ออกจากหอพักไปยังตึกที่ทำงาน

อากาศตอนรุ่งอรุณกำลังเย็นสบาย มีลมพัดเอื่อย ๆ มาเป็นระยะ ๆ เพราะใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้ว ทำให้ฉันซุกมือทั้งสองเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงทั้งสองข้าง เดินทอดน่องไปอย่างไม่เร่งรีบ ขณะที่เดินผ่านเส้นทางเดิมซึ่งมีแสงไฟส่องเพียงสลัว ๆ ก็เห็นว่าที่ม้ายาวข้างทางเดินนั้น มีร่างของใครคนหนึ่งนอนขดอยู่ แต่ฉันไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าคงเป็นญาติคนไข้ที่มาเฝ้าไข้ แล้วหนีออกมานอนข้างนอก ตอนที่พยาบาลกำลังปฏิบัติงานตอนเช้ามืดของเวรดึก

เมื่อเดินผ่าน จึงจำห่อผ้าขาวม้ากระดำกระด่างห่อนั้นได้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชายชรา คนที่ฉันทำบุญไปเมื่อเย็นวานนี้เอง ทำให้ฉันชะงักเท้าหยุดลงพินิจพิจารณาร่างอันขมุกขมอม เสื้อผ้าชุดเก่าที่เห็นเมื่อวาน อดที่จะคิดไม่ได้ว่าฉันทำผิดพลาดไปหรือเปล่า หรือว่าเงินที่ให้ไปนั้นยังไม่พอกับค่ารถ แกจึงยังไม่กลับไปบ้าน หรือว่าแกมีอาการเจ็บป่วยมากจนไปไม่ได้ และจะรอตรวจเช้านี้ หรือว่าแกจะรอให้เช้าก่อนค่อยกลับบ้าน หรือ……

ขณะที่ฉันกำลังคิดไปต่าง ๆ นา ๆ ยังไม่ทันจะสิ้นกระแสความ ร่างนั้นก็ขยับเขยื้อน แล้วก็ลุกขึ้นนั่งไม่เงยหน้าขึ้นมามอง แกพนมมือไหว้ อย่างที่แกเคยไหว้ฉันมาแล้ว ลุงแกคงจำเราได้ฉันคิดอยู่ในใจ แล้วแกก็เปล่งเสียงอันแหบแห้งออกมาเบา ๆ

“ คุณหมอครับ กรุณาเถอะครับ ผม…………….”

เสียงนั้นทำให้ฉันสาวเท้าก้าวเดินต่อไปข้างหน้า โดยไม่รอฟังให้จบประโยค เพราะมือที่กำประเป๋าตังค์อยู่ในกระโปรงนั้น บอกว่าถ้าขืนชักช้า อาจจะมีเงินเหลือไม่ถึงสิ้นเดือน อย่างแน่นอน.

* * * * * * * *
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่