ลืมไม่ลง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ลืมไม่ลง

กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ถูกผลักใส่ตัวฉันเพื่อให้พ้นจากเขตห้องของเขา  ก่อนการกระแทกประตูอย่างแรงจะเกิดขึ้นตามมา  เจ็บและอายวนเวียนสับสนอยู่ในห้วงอารมณ์  จนฉันไม่อาจสรุปได้ว่าอย่างไหนมีมากกว่ากัน  ในขณะที่คนในตึกต่างเปิดประตูออกมาดูเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

ฉันก้มหน้าเก็บข้าวของส่วนตัวที่หลุดออกจากกระเป๋าซึ่งเขาไม่ได้รูดซิปให้  ไปพร้อมกับน้ำตาและเสียงสะอื้น  ที่ฉัน...หยุดมันไม่ได้เลย

หรือมันเป็นเวรกรรมในอดีตที่ฉันเคยทำร้ายหัวใจใครต่อใครที่มาขอความรักกับฉันกันนะ

อยู่ๆ มันจึงลอยขึ้นมาในหัว

“ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆ เลยนะยัยน้ำหวาน  หนุ่มๆ ผลัดกันมารับไม่เว้นแต่ละวัน  เมื่อวานพี่เต้ยวิศวะ  วันก่อนพี่เอกสถาปัตย์  แล้ววันนี้จะเป็นเดือนคณะไหนอีกจ๊า”  เสียงรีดสูงพยางค์สุดท้ายของเนื้อความ  คือจริตอย่างหนึ่งของปุ้ยเวลาพูดจาเย้าแหย่ฉันถึงเรื่องลักษณะนี้  และมันจะเกิดขึ้นเสมอก่อนที่เราจะเดินไปถึงป้ายหน้าคณะ

“ก็ฉันยังไม่ตกลงปลงใจกับใคร  หนุ่มคนไหนอยากเป็นแฟนฉันก็ต้องแย่งกันทำคะแนนสิ”  ดาวคณะอักษรศาสตร์อย่างฉัน  เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาและมันสมอง  การจะคบใครแบบคนรักมันต้องเลือกไม่ใช่หรือ  ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่ฉันมีโอกาสมากกว่าผู้หญิงคนอื่นก็เท่านั้น

“จ้า...แม่คนสวย  แล้วเมื่อไหร่จะเจอคนที่ใช่สักทีล่ะ  เล่นปั่นหัวหนุ่มๆ ทุกวันแบบนี้  ฉันล่ะสงสารแทนจริงๆ”  เราสองคนเดินมาจนถึงป้ายหน้าคณะ  เพื่อนสาวคนสนิทก็ยังไม่หยุดที่จะพูดถึงเรื่องนี้

“อย่างฉันมันต้องหนุ่มสุดฮอตที่สาวๆ ทุกคนต้องอิจฉาเท่านั้น  มันถึงจะคู่ควรกับการเป็นดาวของฉัน”  ฉันกรีดนิ้วมือเป็นใบปัดปลายผมไปด้านหลังพร้อมเชิดหน้าให้คู่สนทนารู้ว่า  ฉันแน่ใจในสิทธิของตัวเองขนาดไหน  

เมื่อเห็นกิริยาของฉัน  ปุ้ยถึงกับเบ้ปากแสดงอาการหมั่นไส้อย่างชัดเจน  “ย่ะ...แม่คนงาม”

“อ๊ะ...แน่นอนสิคะ”  ฉันบิดตัวเอียงคอยิ้มน้อยๆ ให้อีกฝ่ายเพิ่มความหมั่นไส้ขึ้นไปอีก  

“ฉันว่า...แกอย่าไปตั้งความหวังกับสเปกมากเลย  ขอแค่เขาเป็นคนดีและรักเรา  แค่นั้นแกก็เป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดแล้วล่ะ  เดี๋ยวนี้คนดีๆ หายากนะหวาน  อย่างพี่พลที่ตามจีบแกมาตั้งแต่ ม.4 แกก็ไม่น่าจะทำแบบนั้นกับเขา”  น้ำเสียงกับสีหน้าของปุ้ยดูเรียบเฉยกว่าที่ผ่านมา

“ฉันรู้ว่าพี่เขาเป็นคนดี  แต่ฉันไม่ได้ชอบ  สักวันพี่พลก็คงได้เจอคนที่ใช่เอง”  พอพูดถึงเรื่องนี้ฉันก็อดถอนหายใจไม่ได้

“ความจริงฉันเองก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของแกหรอก  ไม่ชอบไม่ให้โอกาสเขามันก็สิทธิ์ของแก  แต่การไปโพสต่อว่าพี่เขาแรงขนาดนั้นในเฟซบุ๊ก  ฉันว่ามันก็เกินไปหน่อย”

“โอเคๆ  ฉันผิดแกพอใจยัง”  การสนทนาเริ่มจะตึงเครียดมากขึ้น  ฉันจึงตัดสินใจตัดบทไป

พอคิดถึงเรื่องราวในวันนั้นยิ่งทำให้น้ำตาของฉันพรั่งพรูออกมามากกว่าเดิม  หลายต่อหลายคนถูกฉันตัดความหวังอย่างไม่ไยดี  เพราะผู้ชายที่ได้โอกาสเข้ามาเป็นตัวเลือก  ฉันจะคัดเฉพาะหนุ่มหน้าตาดีทั้งสิ้น

และ...คนที่ชนะการแข่งขัน  ก็คือพี่บอลที่เพิ่งผลักฉันออกจากห้องเมื่อครู่นั่นเอง

มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง...

เขาคือคนเดียวกันกับที่ฉันรู้จักในตอนแรกหรือเปล่า  ผู้บริหารหนุ่มหล่อไฟแรงจบปริญญาโทมาจากเมืองนอก  สุภาพอ่อนโยนดูดีไปทุกอิริยาบถ  นั่นทำให้ฉันหวั่นไหวยอมพลีใจและกายให้เขาอย่างเต็มใจ

แต่เมื่อเขาได้เชยชมฉันจนพอใจ  ก็กลับผลักไสไล่ส่งราวกับสุนัขตัวหนึ่ง

เจ็บ...ในชีวิตฉันไม่เคยเจ็บและอายถึงขนาดนี้  

ฉันพยายามจะหยิบข้าวของกลับใส่กระเป๋า  แต่มันก็ร่วงหลุดจากมือชิ้นแล้วชิ้นเล่า  น้ำตาที่เอ่อล้นกลายเป็นม่านขุ่นๆ บังตา  ฉันมองอะไรพร่ามัวไปหมด  

ฉันอยากเข้มแข็งกว่านี้เพื่อก้าวผ่านพ้นวินาทีนี้ออกไป  แต่ทำไมมันถึงยากเย็นเหลือเกิน  ทำไมมันจึงยากเย็นแบบนี้

“ทีนี้รู้แล้วหรือยัง...ว่าความเจ็บและอายของการถูกปฏิเสธมันเป็นยังไง”  เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นเบื้องหลัง  ก่อนเส้นผมของฉันจะถูกมือเจ้าของถ้อยคำขยุ้มและดึงขึ้น  จนฉันต้องลุกตามเพื่อลดทอนความเจ็บที่หนังศีรษะ  

เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอแต่รู้สึกได้ถึงความสะใจที่มีเต็มเปี่ยม  “ดีใจจริงๆ ที่หวานจำพี่ไม่ได้”

“พะ...พี่บอล  พูดอะไรหวานไม่เข้าใจ  ปล่อยผมหวานเถอะหวานเจ็บ”  ฉันพยามอ้อนวอนหลังจากได้ฟังคำพูดแปลกๆ ของเขา  

“แกมันนังสารเลว  ที่มองคนอื่นไม่มีค่า  แกเทิดทูนแต่คนหน้าตาดี  คนขี้เหร่อย่างฉันไม่มีความเป็นคนในสายตาแก”  เขาเคลื่อนตัวมาอยู่เบื้องหน้าฉันอย่างช้าๆ  พร้อมจ้องเข้ามาที่ดวงตาด้วยความเคียดแค้น  และยังไม่ยอมปล่อยผมของฉันออกจากมือเช่นเดิม

“พะ...พี่บอลพูดอะไร  ปล่อยหวานเถอะหวานเจ็บ”  ฉันพยายามแกะนิ้วมือบนหัวออก  แต่เขาเกร็งมือแน่นเกินกว่าแรงผู้หญิงอย่างฉันจะเอาชนะได้

“เป็นยังไงบ้าง  เสียตัวและเสียใจมันเป็นยังไง  ฉันได้แกแล้วรู้ยัง  นังผู้หญิงหัวสูง”  เขาใช้มืออีกข้างดันฉันอัดกับผนัง  การถลึงตาใส่ด้วยความโกรธเกรี้ยวนั่นทำให้ฉันสั่นไปทั้งตัว

“พี่บอลปล่อยหวานไปเถอะ  หวานยอมแล้ว  หวานไหว้แล้ว  ให้หวานกราบเท้าหวานก็ยอม”  สองมือของฉันถูกพนมที่หว่างอกของตัวเอง

เขาหัวเราะเสียงดังลั่น  “แกจำฉันไม่ได้จริงๆ เหรอ  ฉันนี่แหละไอ้พลที่แกด่าฉันไม่เจียมตัวกลางเฟซบุ๊กไง  ทีนี้แกจำได้หรือยัง”

“พี่พล...เป็นไปไม่ได้”  เมื่อได้ยินเขาบอกว่าเป็นใคร  ทำให้ฉันตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก

“ถึงฉันจะขี้เหร่แต่ฉันมีความสามารถ  เก็บเงินศัลยกรรมจนกลายเป็นคนในฝันของแกไง  การถูกผัวขี้เหร่อย่างฉันเฉดหัวออกจากห้อง  ชาตินี้แกคงลืมไม่ลงหรอก...จริงไหมนังผู้หญิงหัวสูง...”  ...


*******************
วิชชากาญจน์  วิรุฬห์อักษรากร
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่