[CR] Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#6 (Matsumoto Castle - Shirakawago)


จริงๆ แล้วการมาเที่ยวในช่วงนี้จัดได้ว่าเป็นช่วง Golden Week  แต่หลายวันที่ผ่านมาถือได้ว่าพวกเราก็รอดจากมหาชนจำนวนมากมาได้พอควรทีเดียว
หรือจะเป็นเพราะเราใช้วิธีชิงลงมือไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ นั้นก่อนที่ชาวญี่ปุ่นจะมากันอย่างจริงจังได้ก็ไม่รู้เหมือนกัน
ก็ต้องมาดูกันว่าวันนี้เราจะรอดปลอดภัยแบบวันก่อนๆ ไหม เพราะวันนี้จัดได้ว่าเริ่มเข้าวันหยุดทั่วประเทศอย่างจริงจังแล้ว
การเดินทางท่องเที่ยวในช่วง Japan Golden Week ของหนูเล็กและพี่ใหญ่เริ่มจะเข้าสู่ไฮไลต์ของการเดินทางกันแล้ว

วันนี้ว่าง ว๊าง ว่าง รีบมารีวิวต่อเลย จะได้เที่ยวกันแบบไม่ขาดตอน
ใครมาขึ้นรถตอนนี้ เดี๋ยวจะงงๆ การเดินทางของเรา ไปอ่านตอนก่อนหน้าได้ค่ะ
ตอนที่ 1 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#1 (Kawaguchiko-Shibazakura)
http://pantip.com/topic/34282313
ตอนที่ 2 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#2 (Drive to Karuizawa)
http://pantip.com/topic/34286017
ตอนที่ 3 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#3 (สู่ Nagano ไป Zenkoji)
http://pantip.com/topic/34296887
ตอนที่ 4 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#4 (Snow Monkey Park)
http://pantip.com/topic/34306512
ตอนที่ 5 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#5 (Japan Alps - Snow Wall)
http://pantip.com/topic/34324694
ถ้าดูจากแผนการเดินทางตามที่หนูเล็กวางไว้ เป็นไปตามแผนเป๊ะ

อมยิ้ม01
วันนี้ตามแผนคือการไปเที่ยวปราสาท Matsumoto เราขับรถไปจอดตึกให้บริการจอดรถไม่ไกลจากตัวปราสาทมากนัก

ถึงแล้วค่ะ
เมื่อเดินไปถึงด้านหน้าทางเข้า ผู้คนที่มาเที่ยวจัดได้ว่าเยอะพอสมควร

พี่ใหญ่ หนูเล็กและสมาชิกทุกคนก็ทำใจมาก่อนหน้านี้แล้วว่าคงจะต้องเจอคนเยอะแน่นอนกับสถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้

แต่เมื่อเดินเข้าไปยังบริเวณประตูทางเข้าจุดจำหน่ายตั๋วก็เริ่มมีอาการลังเล ลองดูสิคะ

แถวรอซื้อตั๋วที่ยาวคดโค้งไปจนถึงด้านหลัง
เม่าตกใจ
พวกเราเริ่มมองหน้ากันว่าจะรอหรือจะเลิก หลังจากคุยกันแล้วตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกัน เพราะไหนๆ มาแล้ว ก็เลยยืนต่อคิวไปกับชาวญี่ปุ่นด้วย
ซึ่งเรื่องแบบนี้ชาวญี่ปุ่นเขาไม่เดือนร้อนกัน เรื่องเข้าคิวกับคนญี่ปุ่นนี่ถือเป็นวัฒนธรรมประจำชาติไปเสียแล้ว
จะว่าไปพอยืนต่อแถวไปสักพักแถวก็ขยับไปเรื่อยๆ ถ้าไม่สนใจอะไร ยืนคุยๆ กันไปแถวก็ค่อยๆ ขยับให้ใจชื้นเอง
แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่อาจไม่มีเวลามากนัก อาจจะตัดสินใจได้ว่าจะรอหรือไม่รอได้
บริเวณหน้าประตูเขาจะมีกระดานมาคอยเขียนปรับปรุงข้อมูลตลอดว่าจะต้องรออีกประมาณกี่นาทีที่จะได้เข้าชม
จะว่าดีก็ดีที่ได้รู้ แต่จะว่าไม่ดีก็อาจจะว่าอย่างนั้นได้เหมือนกัน เพราะตอนที่หนูเล็กยืนต่อแถวอยู่นั้น
เขามาเขียนว่าจะต้องรออีกประมาณชั่วโมงสี่สิบนาทีจึงจะได้เข้าชม ก็มาขนาดนี้แล้ว อย่างไรวันนี้ต้องเข้าดูให้ได้
ระหว่างยืนคอยในแถว พวกเราสลับกันไปเดินชมความสง่างามของตัวปราสาทไปพลางๆ

โดดเด่น สง่างาม ในวันฟ้าเปิด

มีดอกไม้สวยๆ ด้วย

ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) สร้างขึ้น ในปี ค.ศ.1593 โดยขุนนางตระกูลอิชิกาว่า
เพื่อใช้เป็นสถานที่หลบภัยและใช้ในการวางแผนการศึก ปราสาทถูกโอบล้อมด้วยกำแพงหินสูงใหญ่และคูน้ำล้อมรอบ

มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ปราสาทฟุกาชิหรือปราสาทอีกา เนื่องด้วยผนังปราสาทมีสีดำ และปีกด้านต่างๆของปราสาทแผ่กางออกคล้ายปีกนก
เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของปราสาทที่สร้างบนที่ราบ ต่างจากปราสาททั่วไปที่สร้างบนเนินเขาหรือกลางแม่น้ำ
อาคารปราสาทสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง มี 6 ชั้น ในระยะต่อมาโชกุนโทกุกาวะ อิเอยาซุ ได้เข้ามาครอบครองแทน
ปราสาทเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น. ค่าเช้าชม 610 เยน


มีบริการรถลากด้วย ราคาไม่เบาเลย
หลังจากรอคอยแบบไม่ใส่ใจเวลา เราก็ได้ซื้อตั๋วเข้าชม ทุกคนหายใจแบบโล่งอกที่จะได้เข้าไปชมด้านในกันเสียที

ได้ตั๋วแล้วก็เดินเข้าสู่ด้านในกันได้เลย
เม่าเริงร่า
พวกเราหารู้ไม่ การได้ซื้อตั๋วนั้นเป็นเพียงบทเริ่มต้นแห่งการรอคอยในลำดับถัดไป

นี่คือสิ่งที่เราเจอ
เม่าแพนิค
เมื่อผ่านเข้าประตูชั้นในเข้าไปเราก็จะพบแถวที่ยืนคอยอีกยาวเหยียด เขาก็บอกแล้วยังไม่เชื่อเขาอีกว่าต้องรอเป็นชั่วโมง
ณ จุดนี้เราซึ้งทันทีถึงบรรยากาศของการมาท่องเที่ยวในช่วง Golden Week
เขาถึงได้เตือนนักเตือนหนาว่าอย่ามาเที่ยวในช่วงนี้เลยเพราะเป็นช่วงที่คนญี่ปุ่นจะเที่ยวกันทั้งประเทศ
และสถานที่ท่องเที่ยวของพวกเขาก็คือโบราณสถานเสียเป็นส่วนใหญ่

ชมแบบไกลๆ กันไปก่อน

มีคุณลุงนักรบมาช่วยทำให้บรรยากาศการรอคอยที่น่าเบื่อหมดไป
พวกเรานักท่องเที่ยวชาวไทยสี่คนจึงต้องยืนก้มหน้าต่อแถวร่วมกับชาวญี่ปุ่นไปเรื่อยๆ

การรอคอยยังคงดำเนินต่อไป

นานๆ ทีก็มีสาวสวยมาเดินทักทายหรือเธอจะมาให้กำลังใจก็ไม่รู้

มองย้อนกลับไป

แถวขยับไปทีละน้อยจนกระทั่งเราได้เข้านั่งในเต็นท์
การได้นั่งในเต็นท์เป็นความหมายว่าเราเกือบจะได้เข้าชมแล้ว พาพันดี๊ด๊า
และเมื่อถึงคิวได้เข้าชม ตรงปากประตูทางเข้าเขาจะแจกถุงให้เราเอารองเท้าใส่ถุงแล้วถือไปด้วย
เพื่อให้ดูแลรองเท้าของตัวเองและสามารถใส่ได้เลยเมื่อถึงทางออก

ไปเข้าชมข้างในกันเลยค่ะ
ปราสาทมัตสึโมโตะถูกจัดให้เป็นปราสาทที่มีสภาพสมบูรณ์และมีอายุเวลาการสร้างยาวนานเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น
และเนื่องจากปราสาทมีความเก่าแก่จึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกของชาติในเวลาต่อมา
เมื่อได้ขึ้นทะเบียนแล้วทำให้สถานที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นและประวัติศาสตร์ของจังหวัด Nagano ปราสาทแห่งนี้มีเอกลักษณ์ตรงที่มีหอคอยและป้อมปืนเชื่อมต่อกับโครงสร้าง อาคารหลักภายในตกแต่งด้วยไม้

ด้านในปราสาท

แสดงส่วนของอาคารที่ชำรุด

บันไดไม้ที่สูงชันที่ยิ่งขึ้นชั้นที่สูงขึ้นก็ยิ่งชันขึ้น

วิวที่มองออกมาจากด้านใน
จุดที่น่าสนใจ ได้แก่ ช่องเก็บหินสำหรับโจมตีศัตรู ช่องสำหรับธนู และหอสังเกตการณ์บนชั้น 6  ป้อมมี 3 ป้อม

ช่องเอาไว้ส่องปืนออกไปยิงศัตรู

บรรยากาศด้านใน
มองจากภายนอกตัวปราสาทจะดูเหมือนมีแค่ 5 ชั้น แต่ที่จริงจะมี 6 ชั้น
เนื่องจากสมัยที่สร้างปราสาทเป็นช่วงสงคราม จึงมีการสร้างชั้นลับขึ้นมาที่ชั้นที่ 3 ไม่มีหน้าต่างให้เห็นจากภายนอก
จุดประสงค์เพื่อเป็นคลังแสง เก็บอาหาร  ดินปืน และอาวุธต่างๆ

พื้นที่ชั้น 3 ที่ใช้เป็นคลังแสง จะไม่มีหน้าต่าง


ด้านนอกนักท่องเที่ยวยังมาเยือนไม่ขาดสาย

ทางเดินด้านในจะจัดเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมแสดงส่วนของอาคารที่ชำรุด และสมบัติจากยุคก่อนที่หลงเหลืออยู่ เช่น อาวุธปืน ของใช้ต่างๆ





ทางขึ้นแต่ละชั้น ชันมาก

ต้องระวังทั้งศีรษะและระวังลื่นหล่น

บันไดแคบเวลาขึ้นลงต้องต่อแถวค่อยๆ เดินทีละคน
หนูเล็กและพี่ใหญ่ไต่ไปตามบันได จนถึงชั้นสุดท้าย



มองลงไปเห็น Matsumoto ทั้งเมือง


เครื่องราง

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ชันสุดๆ

สถานที่ที่ไดเมียวบัญชาการรบ

หลังจากได้เข้ามาเดินชมภายในปราสาท ทำให้หนูเล็กได้คำตอบว่าเพราะอะไรกว่าจะได้เข้าชมมันจึงได้นานขนาดนั้น
ก็ทางเดินภายในจะต้องเดินตามแนวเชือกที่เขากั้นไว้ ค่อยๆ เดินทีละชั้น แต่ละชั้นเวลาจะไต่บันไดขึ้นลงทีต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก
เพราะมีความสูงชัน ชั้นแรกๆ ว่าชันมากแล้ว ยิ่งชั้นสุดท้ายยิ่งชันสุดๆ การขึ้นลงไม่สามารถสวนกันได้ยิ่งไปกว่าชั้นอื่นๆ
ความชันและความแคบของขั้นบันไดแต่ละขั้น แค่จะเอาเท้าวางก็แทบจะแย่แล้ว แล้วไหนนักท่องเที่ยวแต่ละคนจะใส่ถุงเท้าอีก
ก็ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังจะลื่น ส่วนศีรษะก็ต้องระมัดระวังไม่ให้โขกกับขอบไม้ในขณะกำลังขึ้นบันไดอีก
ไม่เข้าใจคนญี่ปุ่นยุคก่อนเลย ปีนขึ้นลงกันได้อย่างไรกัน แล้วเป็นพวกทหาร นักรบอะไรพวกนี้ด้วยนะ ตัวน่าจะใหญ่กว่าพวกเราอีก
ไม่อยากจะคิดเลย ก็น่าจะทุลักทุเลไม่แพ้พวกเราเหมือนกันละ
เม่าเป็นลม
หลังจากเดินภายในอาคารหลักเรียบร้อย เส้นทางจะพาเราออกมายังอาคารอีกด้านหนึ่ง

ด้านนี้เขาเรียกว่า Moon View Wing
ที่ได้ชื่อเช่นนี้ก็เพราะหากนั่งที่ระเบียงตรงนี้จะได้ชมดวงจันทร์ถึง 3 ดวงพร้อมๆ กัน
ดวงแรกคือบนท้องฟ้า ดวงที่สองคือเงาสะท้อนในคูน้ำด้านล่าง ส่วนดวงที่สาม ก็จากถ้วย แหม...ช่างคิดจริงๆ
ชื่อสินค้า:   ประเทศญี่ปุ่น
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่