
จากความเดิมตอนที่แล้ว
http://pantip.com/topic/34282313
หนูเล็ก พี่ใหญ่และผองเพื่อนมานอนกันอยู่ที่ Kawaguchiko กันแล้ว เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการตะลุยขับรถเที่ยวในอีก 8 วันข้างหน้า
พร้อมแล้ว ออกเดินทางกันต่อกับพวกเราเลยค่ะ

การมาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงย่างเข้าฤดูร้อน ฟ้าสว่างตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง อาจจะเพราะพวกเราเพิ่งเดินทางมาถึงเมื่อวานนี้เองจึงยังไม่รู้สึกอ่อนเพลียอะไร
จึงพากันตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อย ในขณะเดียวกันก็เก็บสัมภาระให้พร้อมสำหรับการออกเดินทางมุ่งขึ้นสู่ตอนเหนือตามแผนที่วางไว้ Kawaguchiko เช้านี้ ฟูจิยังคงมีหิมะปกคลุมอยู่อย่างสวยงาม นึกอิจฉาคนในหมู่บ้านนี้เสียจริงๆ
มีภูเขาฟูจิขนาดมหึมาให้ได้เห็นจากหน้าต่างบ้าน ที่สามารถมองได้ทุกวันทุกฤดูไม่รู้เบื่อ
เมื่อถึงเวลานัดหมายเราก็ไปรับรถที่สำนักงาน Nippon Rent A Car ซึ่งเขาได้นำมาจอดรอไว้ที่หน้าสำนักงานเป็นที่เรียบร้อย
สำหรับพาหนะในการเดินทางคือ โตโยต้า วิทช์ (Vitz) ที่มีรูปลักษณ์และขนาดแตกต่างจากบ้านเราเล็กน้อย
แต่เป็นการแตกต่างในทางดี นั่นคือค่อนข้างกว้าง นั่งสบายกว่าที่แอบกังวลกันเอาไว้ เพราะการที่คน 4 คน พร้อมกระเป๋าเดินทาง 4 ใบ
จะต้องเดินทางร่วมกันตลอดระยะเวลา 8 วัน หากรถมีพื้นที่จำกัดก็คงจะอึดอัดจนเดินทางไม่สนุกเป็นแน่ ขนาดนี้ละคือขนาดที่เราพอใจที่สุดแล้ว
เมื่อเราตรวจรับรถ ทำสัญญาการเช่า และอธิบายรายละเอียดการใช้งานพวก GPS หรืออุปกรณ์เบื้องต้นเกี่ยวกับรถเป็นที่เรียบร้อย
จัดสัมภาระเข้าที่เข้าทาง ตั้ง GPS สำหรับเป้าหมายการเดินทางในวันนี้ สร้างความคุ้นเคยกับรถสักครู่
เพียงครึ่งชั่วโมงถัดมาเราก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางกันเสียที

เป้าหมายของวันนี้อยู่ที่ Karuizawa จังหวัด Nagano สาเหตุที่เลือกเมืองนี้เป็นปลายทางในวันแรก เพราะพี่ใหญ่กับหนูเล็กคุยกันไว้ก่อนแล้วว่า ระยะทางในการเดินทางต่อวันไม่ควรเกินวันละสองร้อยกิโลเมตรหรือหากเกินก็ไม่ควรถึงสามร้อยกิโลเมตร เพื่อเราจะได้ไม่ต้องรีบร้อนมากเกินไป แต่ก็ไม่ควรน้อยมากนักเพราะจะทำให้แผนที่เราวางไว้ในแต่ละวันผิดเพี้ยนไป ซึ่งจะทำให้มีผลต่อแผนการเดินทางทั้งหมดได้ในที่สุด
จาก Kawaguchiko ใช้ทางหลวงหมายเลข 137 เพื่อวิ่งออกสู่นอกเมือง
ตามเส้นทางนี้จะพาเราวิ่งเลาะเลียบให้ได้เห็นฟูจิและ Lake Kawaguchiko เป็นการอำลาก่อนที่จะกลับมาเยือนอีกครั้งในอีก 8 วันข้างหน้า
ถนนหนทางค่อนข้างรถเยอะอาจเพราะเพิ่งออกจากเมืองท่องเที่ยวอย่าง Kawaguchiko เพราะเมื่อวิ่งออกไปเรื่อยๆ รถก็ค่อยๆ น้อยลงตามลำดับ
ทำให้ขับรถกันได้สบายขึ้น แต่การขับรถในญี่ปุ่นอาจไม่เหมาะกับนักซิ่งเมืองไทย เพราะเขาจำกัดความเร็วไว้ที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แม้ถนนจะว่างเพียงใด ก็ขับได้เท่านั้น และมารยาทที่ควรจำก็คือ ห้ามขับรถจี้รถคันหน้า ซึ่งเป็นการขับที่ไร้มารยาทมากในสายตาคนญี่ปุ่น
แต่การขับไม่เร็วเช่นนี้จะว่าไปก็ดีไปอย่าง ทำให้ได้มีเวลาชื่นชมทิวทัศน์สองข้างทางแบบสบายๆ ทิวทัศน์สองข้างทางก็น่ามองเสียจริงๆ
ตลอดเส้นทางจะมีเทือกเขาขนานไปตลอดช่างน่าตื่นตาตื่นใจดี

แวะหาซื้อเสบียงที่ร้านสะดวกซื้อข้างทาง
หลังจากเดินทางออกนอกเมืองผ่านเมือง Kofu และ Kai ไปไม่นาน ก็เข้าเขตเมือง Hokuto

พวกเราสะดุดตากับธงปลาคาร์ฟหลากสีหลากขนาดที่ร้อยเป็นสายบนท้องฟ้าอยู่ข้างทาง ซึ่งจริงๆ แล้วตลอดเส้นทางที่ออกเดินทางมา
ก็ได้เห็นธงปลาติดอยู่ตามบ้านอยู่เหมือนกัน และก็พอจะมีความรู้มาเหมือนกันว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้จะเป็นวันเด็กแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่น
โดยในวันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปี ญี่ปุ่นได้กำหนดให้เป็น วันเด็กแห่งชาติ (Children's Day) แม้ว่าในอดีตจะกำหนดให้เป็นวันเด็กชาย (Boy's Day)
โดยครอบครัวที่มีบุตรชาย นอกจากพิธีบูชาตุ๊กตาที่ใส่ชุดนักรบแล้ว จะตั้งเสาธงปลาคาร์ฟไว้ภายในบริเวณบ้าน
ธงปลาคาร์ฟดั้งเดิม จะประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่อยู่บนสุด จะเป็นธงพู่ปลิว มี 5 สี ซึ่งแสดงถึงธาตุทั้ง 5 ชนิด
และถัดจากนั้นจะเป็นธงปลาคาร์ฟสีสันต่างๆ ตั้งแต่ 3 ตัวขึ้นไป ปลาคาร์ฟตัวใหญ่สีดำ หมายถึงพ่อ ส่วนสีแดง หมายถึงลูก และคนในครอบครัว
ให้ขึ้นไปแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้า เพื่อแสดงความยินดี และขอให้บุตรชายมีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ ไร้โรคภัยไข้เจ็บ เป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย
โตวันโตคืน เป็นการแสดงความรักและให้ความสำคัญกับบุตรชาย
เหตุที่ใช้ปลาคาร์ฟในเทศกาลนี้ เนื่องมาจาก ปลาคาร์ฟ ถือเป็นปลาที่แข็งแรง มีความเชื่อมาจากตำนานจีนว่า ปลาคาร์ฟนั้นสามารถว่ายทวนกระแสน้ำ
ในแม่น้ำฮวงโหได้จนกลายเป็นมังกร ชาวญี่ปุ่นจึงเอามาแทนเด็กผู้ชาย เพราะลูกผู้ชายควรมีใจสู้ความยากลำบากในชีวิตอย่างไม่ย่อท้อ
เช่นเดียวกับปลาคาร์ฟที่ว่ายทวนน้ำ ธงปลาคาร์ฟจึงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของวันนี้ไปในที่สุด
ปัจจุบันธงปลาคาร์ฟนิยมประดับในช่วงเดือนปลายเดือนเมษายนไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีกระแสลมจะแลดูสวยงาม
เห็นดังนี้พวกเราก็เลยแวะกันเสียหน่อย

ที่นี่คือ Minami Yatsugatake Hananomori Park เป็นสวนสาธารณะที่จัดกิจกรรมต้อนรับวันเด็กผู้ชายที่กำลังจะมาถึง

ร้านอาหาร

มาช่วงเวลานี้ยังพอมีซากุระให้ได้เห็น

มีร้านขายสินค้าจำพวกการฝีมือ ผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน ผักสดหน้าตาน่ากินเยอะแยะไปหมด

ยากิโซบะร้อนๆ

ชื่นชมซากุระกันแบบใกล้ๆ

มี ropeway ขึ้นชมวิวด้านบนด้วย

พวกเราเลือกใช้บริการสิ่งนี้กัน
พวกเราเดินเล่นชมบรรยากาศการพักผ่อนแบบคนญี่ปุ่นกันสักครู่ จากนั้นก็พากันออกเดินทางต่อเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายข้างหน้าต่อไป

วิวสวยๆ จากหน้าต่างรถ
ไม่นานนักเราก็เข้าเขตเมือง Karuizawa

สวนสาธารณะริมทาง

เมืองนี้เป็นเมืองที่เคยจัดโอลิมปิคฤดูร้อนเมืองปี ค.ศ.1964 และโอลิมปิคฤดูหนาวเมื่อปี ค.ศ.1998
ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่นิยมการเล่นกีฬากอล์ฟและสกีเป็นหลัก เพราะเท่าที่เห็นมีสนามกอล์ฟและสกีรีสอร์ทริมทางอยู่หลายแห่ง
แต่ที่โด่งดังในหมู่นักท่องเที่ยวก็คือ ชอปปิ้ง เอาท์เล็ตขนาดใหญ่ที่มีสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายยี่ห้อ ในเมื่อยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน เราก็แวะไปดีกว่า

มุ่งสู่ Karuizawa Prince Shopping Center

จอดรถกันก่อนออกสำรวจ

ต้นซากุระขนาดใหญ่รอทักทาย
ไปเดินช้อปปิ้งกัน

มีสวนสาธารณะด้านใน

เวทีกิจกรรมต้อนรับสัปดาห์ Golden Week

ชาวญี่ปุ่นมากันเป็นครอบครัว

ภาพประทับใจระหว่างการเดินเล่นคงเป็นภาพของคนญี่ปุ่นกับสุนัขน่ารักๆ ทั้งหลาย คนญี่ปุ่นมีทัศนคติต่อสุนัขที่อาจจะไม่เหมือนชาติอื่นในโลก
สุนัขของคนญี่ปุ่นไม่ได้เป็นเพียงสัตว์เลี้ยงเอาไว้แก้เหงา แต่เป็นเหมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
บางครั้งเราอาจพบว่าคนญี่ปุ่นอุ้มสุนัขแต่จูงลูกเล็กๆ ให้เดิน

ภาพนี้น่าจะยืนยันได้เป็นอย่างดี
จากที่นี่เราลองแวะเขาตัวเมือง ไปยังบริเวณที่เขาเรียกว่า Karuizawa Ginza ย่านนี้อาคารจะเป็นแนว Western Style
มีย่านถนนคนเดินคือ Ginza Dori และ Kyu-do

ความสุขของคนรักสุนัขที่ได้เห็นความรัก ความผูกพัน และการเอาใจใส่ของคนญี่ปุ่นต่อสมาชิกในบ้านอย่างแท้จริง

แหล่งรวมร้านอาหาร

ร้านนี้ขายนมอุ่นๆ

ขอปาร์ตี้กันหน่อย

สินค้าอื่นๆ และของที่ระลึกก็มีจำหน่าย
[CR] Japan Golden Week #2 ไปก็ไป เอาไงเอากัน (Drive to Karuizawa)
จากความเดิมตอนที่แล้ว
http://pantip.com/topic/34282313
หนูเล็ก พี่ใหญ่และผองเพื่อนมานอนกันอยู่ที่ Kawaguchiko กันแล้ว เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการตะลุยขับรถเที่ยวในอีก 8 วันข้างหน้า
พร้อมแล้ว ออกเดินทางกันต่อกับพวกเราเลยค่ะ
การมาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงย่างเข้าฤดูร้อน ฟ้าสว่างตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง อาจจะเพราะพวกเราเพิ่งเดินทางมาถึงเมื่อวานนี้เองจึงยังไม่รู้สึกอ่อนเพลียอะไร
จึงพากันตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อย ในขณะเดียวกันก็เก็บสัมภาระให้พร้อมสำหรับการออกเดินทางมุ่งขึ้นสู่ตอนเหนือตามแผนที่วางไว้ Kawaguchiko เช้านี้ ฟูจิยังคงมีหิมะปกคลุมอยู่อย่างสวยงาม นึกอิจฉาคนในหมู่บ้านนี้เสียจริงๆ
มีภูเขาฟูจิขนาดมหึมาให้ได้เห็นจากหน้าต่างบ้าน ที่สามารถมองได้ทุกวันทุกฤดูไม่รู้เบื่อ
เมื่อถึงเวลานัดหมายเราก็ไปรับรถที่สำนักงาน Nippon Rent A Car ซึ่งเขาได้นำมาจอดรอไว้ที่หน้าสำนักงานเป็นที่เรียบร้อย
สำหรับพาหนะในการเดินทางคือ โตโยต้า วิทช์ (Vitz) ที่มีรูปลักษณ์และขนาดแตกต่างจากบ้านเราเล็กน้อย
แต่เป็นการแตกต่างในทางดี นั่นคือค่อนข้างกว้าง นั่งสบายกว่าที่แอบกังวลกันเอาไว้ เพราะการที่คน 4 คน พร้อมกระเป๋าเดินทาง 4 ใบ
จะต้องเดินทางร่วมกันตลอดระยะเวลา 8 วัน หากรถมีพื้นที่จำกัดก็คงจะอึดอัดจนเดินทางไม่สนุกเป็นแน่ ขนาดนี้ละคือขนาดที่เราพอใจที่สุดแล้ว
เมื่อเราตรวจรับรถ ทำสัญญาการเช่า และอธิบายรายละเอียดการใช้งานพวก GPS หรืออุปกรณ์เบื้องต้นเกี่ยวกับรถเป็นที่เรียบร้อย
จัดสัมภาระเข้าที่เข้าทาง ตั้ง GPS สำหรับเป้าหมายการเดินทางในวันนี้ สร้างความคุ้นเคยกับรถสักครู่
เพียงครึ่งชั่วโมงถัดมาเราก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางกันเสียที
เป้าหมายของวันนี้อยู่ที่ Karuizawa จังหวัด Nagano สาเหตุที่เลือกเมืองนี้เป็นปลายทางในวันแรก เพราะพี่ใหญ่กับหนูเล็กคุยกันไว้ก่อนแล้วว่า ระยะทางในการเดินทางต่อวันไม่ควรเกินวันละสองร้อยกิโลเมตรหรือหากเกินก็ไม่ควรถึงสามร้อยกิโลเมตร เพื่อเราจะได้ไม่ต้องรีบร้อนมากเกินไป แต่ก็ไม่ควรน้อยมากนักเพราะจะทำให้แผนที่เราวางไว้ในแต่ละวันผิดเพี้ยนไป ซึ่งจะทำให้มีผลต่อแผนการเดินทางทั้งหมดได้ในที่สุด
จาก Kawaguchiko ใช้ทางหลวงหมายเลข 137 เพื่อวิ่งออกสู่นอกเมือง
ตามเส้นทางนี้จะพาเราวิ่งเลาะเลียบให้ได้เห็นฟูจิและ Lake Kawaguchiko เป็นการอำลาก่อนที่จะกลับมาเยือนอีกครั้งในอีก 8 วันข้างหน้า
ถนนหนทางค่อนข้างรถเยอะอาจเพราะเพิ่งออกจากเมืองท่องเที่ยวอย่าง Kawaguchiko เพราะเมื่อวิ่งออกไปเรื่อยๆ รถก็ค่อยๆ น้อยลงตามลำดับ
ทำให้ขับรถกันได้สบายขึ้น แต่การขับรถในญี่ปุ่นอาจไม่เหมาะกับนักซิ่งเมืองไทย เพราะเขาจำกัดความเร็วไว้ที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แม้ถนนจะว่างเพียงใด ก็ขับได้เท่านั้น และมารยาทที่ควรจำก็คือ ห้ามขับรถจี้รถคันหน้า ซึ่งเป็นการขับที่ไร้มารยาทมากในสายตาคนญี่ปุ่น
แต่การขับไม่เร็วเช่นนี้จะว่าไปก็ดีไปอย่าง ทำให้ได้มีเวลาชื่นชมทิวทัศน์สองข้างทางแบบสบายๆ ทิวทัศน์สองข้างทางก็น่ามองเสียจริงๆ
ตลอดเส้นทางจะมีเทือกเขาขนานไปตลอดช่างน่าตื่นตาตื่นใจดี
แวะหาซื้อเสบียงที่ร้านสะดวกซื้อข้างทาง
หลังจากเดินทางออกนอกเมืองผ่านเมือง Kofu และ Kai ไปไม่นาน ก็เข้าเขตเมือง Hokuto
พวกเราสะดุดตากับธงปลาคาร์ฟหลากสีหลากขนาดที่ร้อยเป็นสายบนท้องฟ้าอยู่ข้างทาง ซึ่งจริงๆ แล้วตลอดเส้นทางที่ออกเดินทางมา
ก็ได้เห็นธงปลาติดอยู่ตามบ้านอยู่เหมือนกัน และก็พอจะมีความรู้มาเหมือนกันว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้จะเป็นวันเด็กแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่น
โดยในวันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปี ญี่ปุ่นได้กำหนดให้เป็น วันเด็กแห่งชาติ (Children's Day) แม้ว่าในอดีตจะกำหนดให้เป็นวันเด็กชาย (Boy's Day)
โดยครอบครัวที่มีบุตรชาย นอกจากพิธีบูชาตุ๊กตาที่ใส่ชุดนักรบแล้ว จะตั้งเสาธงปลาคาร์ฟไว้ภายในบริเวณบ้าน
ธงปลาคาร์ฟดั้งเดิม จะประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่อยู่บนสุด จะเป็นธงพู่ปลิว มี 5 สี ซึ่งแสดงถึงธาตุทั้ง 5 ชนิด
และถัดจากนั้นจะเป็นธงปลาคาร์ฟสีสันต่างๆ ตั้งแต่ 3 ตัวขึ้นไป ปลาคาร์ฟตัวใหญ่สีดำ หมายถึงพ่อ ส่วนสีแดง หมายถึงลูก และคนในครอบครัว
ให้ขึ้นไปแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้า เพื่อแสดงความยินดี และขอให้บุตรชายมีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ ไร้โรคภัยไข้เจ็บ เป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย
โตวันโตคืน เป็นการแสดงความรักและให้ความสำคัญกับบุตรชาย
เหตุที่ใช้ปลาคาร์ฟในเทศกาลนี้ เนื่องมาจาก ปลาคาร์ฟ ถือเป็นปลาที่แข็งแรง มีความเชื่อมาจากตำนานจีนว่า ปลาคาร์ฟนั้นสามารถว่ายทวนกระแสน้ำ
ในแม่น้ำฮวงโหได้จนกลายเป็นมังกร ชาวญี่ปุ่นจึงเอามาแทนเด็กผู้ชาย เพราะลูกผู้ชายควรมีใจสู้ความยากลำบากในชีวิตอย่างไม่ย่อท้อ
เช่นเดียวกับปลาคาร์ฟที่ว่ายทวนน้ำ ธงปลาคาร์ฟจึงเป็นสัญลักษณ์สำคัญของวันนี้ไปในที่สุด
ปัจจุบันธงปลาคาร์ฟนิยมประดับในช่วงเดือนปลายเดือนเมษายนไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีกระแสลมจะแลดูสวยงาม
เห็นดังนี้พวกเราก็เลยแวะกันเสียหน่อย
ที่นี่คือ Minami Yatsugatake Hananomori Park เป็นสวนสาธารณะที่จัดกิจกรรมต้อนรับวันเด็กผู้ชายที่กำลังจะมาถึง
ร้านอาหาร
มาช่วงเวลานี้ยังพอมีซากุระให้ได้เห็น
มีร้านขายสินค้าจำพวกการฝีมือ ผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน ผักสดหน้าตาน่ากินเยอะแยะไปหมด
ยากิโซบะร้อนๆ
ชื่นชมซากุระกันแบบใกล้ๆ
มี ropeway ขึ้นชมวิวด้านบนด้วย
พวกเราเลือกใช้บริการสิ่งนี้กัน
พวกเราเดินเล่นชมบรรยากาศการพักผ่อนแบบคนญี่ปุ่นกันสักครู่ จากนั้นก็พากันออกเดินทางต่อเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายข้างหน้าต่อไป
วิวสวยๆ จากหน้าต่างรถ
ไม่นานนักเราก็เข้าเขตเมือง Karuizawa
สวนสาธารณะริมทาง
เมืองนี้เป็นเมืองที่เคยจัดโอลิมปิคฤดูร้อนเมืองปี ค.ศ.1964 และโอลิมปิคฤดูหนาวเมื่อปี ค.ศ.1998
ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่นิยมการเล่นกีฬากอล์ฟและสกีเป็นหลัก เพราะเท่าที่เห็นมีสนามกอล์ฟและสกีรีสอร์ทริมทางอยู่หลายแห่ง
แต่ที่โด่งดังในหมู่นักท่องเที่ยวก็คือ ชอปปิ้ง เอาท์เล็ตขนาดใหญ่ที่มีสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายยี่ห้อ ในเมื่อยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน เราก็แวะไปดีกว่า
มุ่งสู่ Karuizawa Prince Shopping Center
จอดรถกันก่อนออกสำรวจ
ต้นซากุระขนาดใหญ่รอทักทาย
ไปเดินช้อปปิ้งกัน
มีสวนสาธารณะด้านใน
เวทีกิจกรรมต้อนรับสัปดาห์ Golden Week
ชาวญี่ปุ่นมากันเป็นครอบครัว
ภาพประทับใจระหว่างการเดินเล่นคงเป็นภาพของคนญี่ปุ่นกับสุนัขน่ารักๆ ทั้งหลาย คนญี่ปุ่นมีทัศนคติต่อสุนัขที่อาจจะไม่เหมือนชาติอื่นในโลก
สุนัขของคนญี่ปุ่นไม่ได้เป็นเพียงสัตว์เลี้ยงเอาไว้แก้เหงา แต่เป็นเหมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
บางครั้งเราอาจพบว่าคนญี่ปุ่นอุ้มสุนัขแต่จูงลูกเล็กๆ ให้เดิน
ภาพนี้น่าจะยืนยันได้เป็นอย่างดี
จากที่นี่เราลองแวะเขาตัวเมือง ไปยังบริเวณที่เขาเรียกว่า Karuizawa Ginza ย่านนี้อาคารจะเป็นแนว Western Style
มีย่านถนนคนเดินคือ Ginza Dori และ Kyu-do
ความสุขของคนรักสุนัขที่ได้เห็นความรัก ความผูกพัน และการเอาใจใส่ของคนญี่ปุ่นต่อสมาชิกในบ้านอย่างแท้จริง
แหล่งรวมร้านอาหาร
ร้านนี้ขายนมอุ่นๆ
ขอปาร์ตี้กันหน่อย
สินค้าอื่นๆ และของที่ระลึกก็มีจำหน่าย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น