พ่อ ของฉัน..! ทำไม ใจร้ายเหลือเกิน!!?

กระทู้คำถาม
จากกระทู้ก่อนหน้านี้ที่เราได้เขียนระบายความอึดอัดเกี่ยวกับแม่ที่แสดงความรักแบบสองมาตฐานระหว่างเรากับน้องสาว
แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง เราก็ยังยืนยันว่าเรารักแม่ของเรามาก แม้แม่จะทำแบบนั้นกับเราก็ตาม
เราอึดอัด เราไม่มีที่ให้พักพิงเวลาเผชิญโลกภายนอกมา พ่อและแม่ไม่เคยรับฟังอะไรเราเลย เราขาดที่พักพิงทางจิตใจ!
และเราขอบคุณทุกๆคำแนะนำจากเพื่อนๆจากกระทู้ที่แล้ว แต่มันมีสิ่งหนึ่ง ที่เราคิดว่ามันไม่ได้ผล และไม่มีวันได้ผล
นั่นก็คือ หันไปรักและทำดีกับพ่อแทน!!!
ทำไมเราถึงพูดแบบนี้  ..คือตั้งแต่ที่เราจำความได้ พ่อได้สร้างรอยแผลในหัวใจไว้ให้กับเรามากมาย
ก่อนอื่นบอกลักษณะนิสัยของพ่อเรานะ. พ่อเป็นคนเงียบๆ ขรึมๆ ในที่นี้คือเป็นคนขี้อาย จะพูดน้อยและเกรงใจกับคนที่ไม่ค่อยสนิท แต่จะพูดเยอะและวางท่ากับคนที่ตนสนิทมากๆ พ่อเชื่อคนง่าย ใครมาฟ้องอะไรเกี่ยวกับเรา(บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องจริงเลย)พ่อก็เชื่อหมด พ่อเป็นคนโมโหง่าย โมโหแล้วชอบตะคอก เสียงดัง ตี ชักสีหน้าใส่(ซึ่งต่างกับแม่ที่ไม่เคยตะคอกเราเลยสักครั้งในชีวิต)
เราจะเล่าถึงบาดแผลแต่ละรอยให้ฟัง....
-ตอนเราเด็กๆ ประมาณ5-6ขวบ ห้องนอนของพวกเราในครอบครัวจะมีสองเตียงแยกจากกัน ทุกๆคืนแม่จะเข้ามานอนเตียงเดียวกับเราและน้องสาว ส่วนพ่อนนอนเตียงคนเดียว มีอยู่คืนหนึ่งซึ่งดึกมากแลัว เราสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ไม่รู้ว่ากี่ทุ่ม แต่สายตาเราเหลือบไปเห็นแม่อยู่บนเตียงของพ่อ กำลังนั่งทำอะไรสักอย่าง เหมือนแกะผลไม้ เราพยามยามเพ่งมอง เพราะมันไม่ชัด ห้องก็ปิดไฟมืด เตียงเรามีมุ้งด้วย ซึ่งตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรลามกเลย ความคิดเด็กๆอายุเท่านั้นยังไม่ถึงหรอก เราแค่อยากรู้ว่าแม่ไปนั่งทำอะไรที่เตียงพ่อก็แค่นั้น จู่ๆพ่อก็ลงมานั่งพาดหลังกับเตียงที่เรานอน ซึ่งตอนแรกพ่อก็ไม่รู้ว่าเรากำลังมองอยู่  เราก็จ้องพ่อในระยะที่ใกล้ชิดมาก พลันพ่อหันหน้ามาสบตาเรา เราสบตาพ่อ(และทำท่าจะฉีกยิ้มให้พ่อด้วยความไร้เดียงสา) แต่นั่นเอง พ่อทำหน้าโมโหและเอื้อมมือมาหยิกและบิดลงที่แขนเราอย่างเต็มแรง พร้อมชี้หน้าและตะโกนเบาๆว่า "นอนไปเลย!!" เราพลิกตัวหันหลังไปอีกฝั่ง น้ำตาค่อยๆไหลอาบแก้มด้วยความเจ็บจากรอยหยิก ปนความไม่เข้าใจในการกระทำของพ่อ
-ตอนเด็กๆ เราชอบไปวิ่งเล่นกับญาติๆมาก. การได้เล่นกันหัวเราะเฮฮามันมีความสุขเหลือเกินสำหรับเด็กอย่างเรา แต่พ่อชอบดุด่าเราและน้อง ให้เข้าบ้านบางครั้งก็ให้เข้ามาทบทวนหนังสือตำราเรียน บางครั้งก็ไม่มีสาเหตุที่ไม่ให้เล่น(ให้นั่งอยู่ในบ้าน มองดูเพื่อนเค้าเล่นกันอยู่นอกบ้าน มองด้วยสายตาเศร้ามาก ) พ่อทำแบบนี้กับเราบ่อยมาก ชอบกีดกันไม่ให้เล่นกับเพื่อนๆเด็กๆที่ชอบออกมาวิ่งเล่นกันในตอนเย็น ..ซึ่งมันส่งผลต่อช่วงวัยของเราตอนโต เรารู้สึกกลัวการเข้าสังคม เรารู้สึกชอบการอยู่คนเดียวมากกว่าต้องอยู่กันหลายๆคน!!
-มีเช้าวันหนึ่ง เรากับน้องสาวตื่นสาย และทานข้าวเช้าช้าค่ะ พ่อเลยตะโกนสั่งให้กินเร็วๆ ตอนนั้นเรากับน้องสาวน้ำตาคลอไปกินข้าวไปเลยค่ะ กินเสร็จก็8โมงพอดี ซึ่งเวลานี้ที่ รร เข้าแถวกันแล้วค่ะ พ่อโมโหเราสองคนมาก ด้วยความโกรธพ่อเลยตะคอกและไล่ให้เราสองคนพี่น้องเดินไปเรียนเองในวันนี้ เรากับน้องตกใจมากค่ะ เพราะ รร อยู่ไกลจากบ้านประมาณ7กิโลได้ และบ้านเราก็อยู่ในซอยลึก พ่อตะโกนอีกทีให้เดินไป ไป ไปปป!!!!!!!!!ด้วยเสียงที่น่ากลัวมากค่ะ เรากับน้องเดินออกไปสวมรองเท้าพร้อมเริ่มสะอึกน้ำตาเริ่มไหลแล้วค่ะตอนนั้น แม่ได้แต่ยืนมองด้วยความสงสารเพราะสู้อะไรพ่อไม่ได้(แต่พ่อไม่เคยใช้กำลังกับแม่นะค่ะ แค่สุ้อารมพ่อไม่ได้) เรากับน้องเดินออกไปได้ครึ่งกิโล ก็มีเพื่อนพ่อขี่มอไซสวนทางมาเห็นเราสองคนพี่น้องเดินร้องไห้ในชุด นร เค้าก็ถามว่าทำไมมาเดินอยู่แบบนี้ล่ะ? เราสองคนตอบพร้อมคำพูดที่สะอึกๆว่าพ่อสั่งให้เดินไปโรงเรียน คนที่ถามก็ตกใจในคำตอบค่ะ แล้วเขาก็ขี่รถไปคุยกับพ่อที่บ้าน จนสุดท้ายพ่อก็ขับรถออกมารับเราสองคนพร้อมคำพูดไพเราะๆค่ะ และพาเรากับน้องสาวไปส่งที่ รร (เราไม่เคยเข้าใจในอารมของพ่อเลยค่ะ)
-*เราจะบอกทุกคนนะว่า เราก้อมีน้องชายคนสุดท้องด้วย ซึ่งอายุห่างกับเรา10ปี (คือเรามี3คนพี่น้อง เรา น้องสาว และน้องชายคนสุดท้อง) ซึ่งในปีนั้นที่แม่เราตั้งครรภ์. ใกล้คลอดแล้วล่ะ อีกแค่2เดือน ครอบครัวเราก็จะได้เห็นหน้าสมาชิกตัวน้อยแล้ว ..มีวันนึง ขณะที่พ่อกำลังสอนการบ้านเรา เราก็เอ่ยปากถามพ่อด้วยความตื้นตันที่จะได้เป็นพี่อีกครั้งว่า. "พ่อดีใจไหมที่น้องกำลังจะเกิดออกมาจากท้องแม่" พ่อตอบกลับมาแบบไม่หยุดคิดทันทีว่า"ดีใจทำไมล่ะ เกิดมาก้อมาแย่งกินแย่งใช้สมบัติอีก ไม่เห็นน่าดีใจตรงไหน!" พ่อพูดคำพูดนี้ด้วยสีหน้าที่เฉยชา คำตอบที่ได้จากพ่อ มันทำให้ความตื้นตันและความประทับใจในตัวพ่อลดลงแทบไม่เหลือเลยภายในใจของฉัน
-หลังจากที่แม่คลอดน้องออกมา ในช่วงแรกๆที่น้องชายเราหัดเดิน พ่อชอบฝากให้เราดูแลน้อง (ซึ่งตอนนั้น เราอายุ10ขวบ หรือยุ ป5เท่านั้น)เรายอมรับเรายังไม่รู้อีโน่อีเน่อะไรหรอก แต่ความคิดพ่อคงคิดว่าเราเป็นพี่ใหญ่สามารถเลี้ยงน้องได้มั้ง พ่อเลยสั่งให้ดูแลน้องให้ดี อย่าให้น้องล้ม แต่ทุกครั้งน้องก้อล้ม ทุกทีที่ล้มหัวน้องเราฟาดพื้นเสียงดังมาก น้องเราร้องลั่นบ้านเลย แน่นอนว่าเราไม่ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ แต่จะให้เราทำยังไง เศร้า เราก็ระมัดระวังและดูแลน้องอย่างดีที่สุดแล้ว เมื่อพ่อมาเห็นก็ด่าเรา วันนั้นอยู่บ้านญาติมีคนเยอะมาก พ่อให้เราดูน้องแบบนี้ล่ะ อยู่ๆน้องก็ล้มหัวฟาดพื้น พ่อมาถึงชี้หน้าด่าเลย"ดูน้องประสาไร นี่ไม่รู้เรื่องเลย บลาๆๆๆๆๆๆๆ" เรายืนอยู่ตรงนั้นยอมให้พ่อด่า ทั้งที่ในใจทั้งรู้สึกอายที่ญาติๆมอง(แต่ส่วนใหญ่มองเพราะเห็นใจเราที่โดนพ่อด่าแต่ก็ไม่มีใครมาขวางตอนที่พ่อด่าเราเลยสักคน ปล่อยให้พ่อด่าเราอยู่แบบนั้น) ทั้งอยากร้องไห้กับคำด่าของพ่อเหลือเกิน หลังจากพ่อด่าเสร็จก็หันกลับไปขว้าตัวน้องชายอุ้มมาโอ๋ เราก็ทำเป็นจะอาบน้ำและฝืนยิ้มแห้งๆเดินเข้าห้องน้ำไป หลังจากปิดประตูห้องน้ำคือ น้ำตาไหลพลากเลยค่ะ เราร้องฮือๆแบบหนักจริงๆตอนนั้น เปิดก็อกน้ำให้เสียงดังกลัวคนอื่นจะมาได้ยินเสียงร้องไห้ของเรา ตอนนั้นพนมมือขอพรต่อพระเจ้าทั้งน้ำตาเลยค่ะ เราขอไปว่า"ขอให้พระเจ้าหยุดอายุเราไว้ที่15ปีก้อพอ ซึ่งตอนนั้นเรา10ขวบ เราคิดว่าเราทนไม่ไหวแล้วที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ " ร้องอยู่นานค่ะแล้วเช็ดน้ำตาออกจากห้องน้ำไป ทำเหมือนไม่มีอะไร กลัวคนอื่นรู้ว่าร้อง T_______T
-พ่อ คือคนที่กีดกันไม่ให้เรามีแฟน!!
เมือ่เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ...ไม่ว่าจะคบกับใคร ดีหรือไม่ดี พ่อไม่ถามมากหรอกค่ะ แค่รู้ว่าเรามีแฟนก็โกรธและคอยขัดขวางตลอด เช่นถ้าวันไหนมาเจอเราคุยโทรศัพท์กับ ผช ก็จะริบโทรศัพท์และเอาไปเขวี้ยงเลยค่ะ จนโทรศัพท์พัง
นี่จึงเป็นเหตุผลที่เวลามีแฟน เรามักไม่อยากบอกให้ครอบครัวเรารู้ค่ะ ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งที่เราไม่เคยเกินเลยหรือแอบนัดเจอเลยสักครั้งกับแฟนแต่ละคนนะ แค่คุยอย่างเดียวจริงๆ แต่พ่อก็ยังกีดกันจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
-พ่อจะทำเหมือนไม่รู้จักเลยค่ะ เวลามีแขกหรือเพื่อนๆของพ่อที่มาจากต่างจังหวัดมาเยี่ยม พ่อกับแม่ก็จะคอยประคบประงมแบบซื้อ กุ้ง หอย ปู ปลา แพงๆมาปิคนิคกลางคืน ปิ้งย่างอย่างสนุกสนาน แต่ไม่ชวนเราสักคำค่ะ (เรามีบ้าน2หลัง ซึ่งห่างกันพอสมควร พ่อและแม่ปล่อยให้เราอยู่บ้านอีกหลัง โดยที่พวกเขากำลังปิคนิคเลี้ยงฉลองกับเพื่อนอยู่ที่บ้านอีกหลัง)  ไม่บอกเราแม้กระทั่งตอนไปซื้อวัตถุดิบอาหารที่ตลาดเพื่อมาเลี้ยงฉลองกับบรรดาเพื่อนๆของพ่อเลยค่ะ คือกับลูกพ่อแม่ไม่เคยทุ่มขนาดนี้เลยค่ะ
เหตุการณ์ข้างต้นที่เกิดขึ้น เรายอมรับค่ะ มันส่งผลต่อภาวะจิตใจเราในตอนที่เราโตอย่างมากค่ะ
เราไม่ได้รับไออุ่นเลยจากทั้งทางฝั่งพ่อ และฝั่งแม่ ซึ่งในทุกๆครั้งที่เรามีปัญหาหรือรู้สึกไม่สบายใจและทุกข์ใจ เราขอแค่มีที่พักพิงใจให้เราได้ระบาย แต่พ่อแม่เรา เค้าให้ตรงนี้กับเราไม่ได้ค่ะ
มันเลยทำให้เราเป็นคนที่รู้สึกอยากมีแฟนตลอดเวลา แต่คบใคร เราคบทีละคนเดียว ขอแค่เราได้มีคนรับฟัง และอยู่เขียงข้างก็พอค่ะ
และเราเป็นคนที่กลัวเสียงตะคอกมากค่ะ คือจำมาจากการตะคอกของพ่อ เลยทำให้ตอนนี้ เวลาโดนใครตะคอกใส่ พูดเสียงดังใส่ ก้อจะร้องไห้ทันทีค่ะ (อ่อนแอมากค่ะ)
สิ่งที่เกิดขึ้น เราพยายามคิดว่ามันคืออารมที่ไม่คงที่ของพ่อ จึงทำให้พ่อแสดงอาการแบบนั้นกับเรา แม้ตอนนี้เราจะโต อายุ20ปีบริบูรแล้ว แต่เหตุการบางอย่างก็ยังคงฝังอยู่ภายในใจตลอดเวลา
พอโตขึ้น พ่อไม่ค่อยทำอาการเหมือนตอนที่เราเป็นเด็กค่ะ จะมีบ้างก็บางอย่าง แต่ก็ยังคงเป็นที่พังพิงอะไรไม่ได้อยู่ดี
และนี่ก้อเป็นเหตุผลสำคัญที่เราไม่อยากกลับบ้านเลยค่ะ อยู่มหาลัยเห็นเพื่อนๆกลับบ้านกันทุกอาทิตย์ เราก็อิจฉาเขานะ บ้านเค้าคงมีความสุขคอยมอบให้เขาอยู่ เค้าเลยกลับบ่อย แต่เราไม่มีความสุขเลยเวลากลับบ้าน
....สุดท้ายนี้ เราคิดเพียงว่าไม่ว่าจะยังไงพ่อและแม่ก็เลี้ยงดูและคอยให้เงินกับเราได้เรียนหนังสืออยู่ได้ทุกวันนี้ พระคุณนี้หาที่ทดแทนไม่ได้เลยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้าใจค่ะ
..

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
พี่เห็นใจน้องมากเลย คงเจ็บปวดน่าดู พยายามอดทนนะคะ อยู่มาจนโตเป็นสาวแล้ว
เรียนให้จบ หางานทำ ห่างๆออกมาก่อนพักก่อน ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ตามหน้าที่
ตามสมควร ไม่รู้ว่าน้องจะเจออะไรอีกทางข้างหน้า หวังว่าน้องจะหลุดพ้น มีหน้าที่การงาน
มีสามี มีครอบครัวที่ดี ขอกอดหน่อยเร็ว สู้ๆนะน้อง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่