(ยืมไอดีพี่ชายของเพื่อนมาใช้นะคะ)
คำว่า "สู้ต่อไป..ทาเคชิ" จริงๆไม่เกี่ยวกับ ทาเคชิหรอก แต่ชอบคำว่าสู้ต่อไป เลยเอามาต่อเป็น วลีฮิต (สมัยไหนก็ไม่รู้)
ทำใมถึงคิดเขียนเปิดเผยชีวิตเน่าๆ แต่ได้ยาดีมาฟื้นฟูน่ะหรอก ก็เพราะฉันเอาไอดีเค้ามาเล่นแล้วเห็นตั้งกระทู้
เบื่อชีวิตตัวเองบ้างล่ะ อยากออกจากงานประจำบ้างล่ะ หรืออื่นๆ ที่มีแนวโน้มในทาง ท้อแท้ สินหวัง....
อยากให้คนที่คิดว่าตัวเองท้อแท้ และชิวิตย่ำแย่ ได้มาอ่านชีวิตฉันบ้าง เกิดจากเรื่องจริงตอนที่ชิวิตล่วงสุดขีด สิบกว่าปีแล้ว
ฉันไม่รู้ว่าชีวิตใครจะแย่ยิ่งกว่าฉันอีก แต่ที่ฉันอ่านๆมาไม่มีใครแย่เท่าฉัน แต่ถ้าใครแย่กว่าก็ขอให้ "สู้ต่อไป..ทาเคชิ"
(ยาวนิดนึงนะคะ...)
เริ่มแรกขอแอบกระซิบบอกเบาๆก่อนนะคะว่า ฉันเป็นทอม ค่ะ เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้วเพราะในหมู่เพื่อนมีแต่ผู้ชายและทอม
ฉันเป็นลูกคนเดียวของพ่อ แม่ หลังจากที่ฉันเกิดมาได้ 3 ขวบ พ่อแม่ของฉันเกิดอุบัติเหตุ รถคว่ำเสียชีวิตทั้งคู่ (แม่เสียที่โรงพยาบาท พ่อคาที่)
ฉันจึงได้รับการเลี้ยงดูจากยายคนเดียวของฉัน เพราะตาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตอนแม่กำลังท้องฉัน
แต่ชีวิตฉันอยู่ สุขสบาย โดยที่ยายจะให้ทุกอย่างเพราะฉันไม่มีพ่อแม่ แต่ฉันไม่ได้เอาแต่ใจนะเพราะ ฉันเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูด
หลังจากที่ฉันอายุได้ 14 ปี ยายก็เสียชีวิตลงด้วยโรคชรา แต่ฉันยังเด็กจึงไม่ได้รับอะไรเลยแม้แต่บาทเดียว
จริงๆตรงส่วนเรื่องเงินฉันยังไม่ได้คิดอะไรเพราะยังคิดว่าฉันมีเงินใช้อยู่ ฉันจึงได้มาอยู่กับลุงที่เป็นพี่ชายแม่ ลูกคนโตของยาย
แต่ลุงไม่ได้ใจดี ทำร้ายฉันตลอด ลุงคนนี้มีลูกชายสติไม่เต็ม เมียตาย เค้าอยู่แค่สองคนพ่อลูก
ลุงพยายามบอกให้ฉัน แต่งตัวเป็นผู้หญิง แต่ฉันไม่ชอบ เค้าก็จะตีๆๆๆๆๆ ฉันทุกวัน เค้าจะชอบเวลาฉัน พูดคำว่า "คะ..ค่ะ..ขา"
ฉันจึงพยายามพูดแบบนี้ตลอดเพื่อให้ลุงชอบ
พอฉันเรียน จบ ม.3 ลุงก็ไม่ให้เรียนต่อบอกว่าให้มาช่วยทำขนมขายดีกว่า คือลุงทำขนมไทยขาย ในตลาด จ. นครนายก
ฉันเริ่มเข้าสู่วัยสาวแล้วนี่ หน้าอกมันก็ใหญ่ขึ้นด้วย แต่เพื่อนฉันแนะนำให้ใส่ สเตรัดหน้าอก
ลุงฉันก็ชอบมาพูดจาแนวๆว่า หน้าอกทำใมเล็กเหมือนเดิม ไม่ใหญ่ขึ้นเลย ขอดูหน้าอกฉัน โดยอ้างว่าเค้าเป็นคนเลี้ยงฉันมา
เค้ามีสิทธิ์ได้ดูการเจริญเติบโตของหลาน คือตอนนั้นฉันยังไม่คิดไปเลยเถิด ไม่คิดว่าลุงจะลามก แต่ฉันก็ไม่ได้ให้ดูนะ
แล้วห้องที่ฉันอยู่ก็ไม่มีลูกบิด ลุงจะเข้ามาลูบๆ คลำๆ ฉันตอนนอนหลับเสมอ หนักเข้าก็คือถอดกางเกง แล้วอ้างว่า
จะดูขนนั่นน่ะขึ้นมาหรือยัง จะแนะนำการดูแลให้ ตอนนี้แระที่ฉันเริ่มไม่ไว้ใจลุงฉัน แต่ต้องทนอยู่เพราะ อายุ 15 ปี จะไปทำอะไรที่ไหนได้
เหลือลุงที่เป็นญาติฉันเพียงคนเดียว
สุดท้าย!! ฉันก็ไม่รอดสิ่งที่ฉันคิดไว้ว่าลุงต้องทำกับฉันแน่ๆ ก็ได้เกิดจริงๆ ฉันเป็นทอมก็จริง แต่เสียบริสุทธิ์ให้กับลุงฉัน T-T
เพราะฉันโดนขืนใจทำอะไรไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกอาทิตย์ ฉันแทบอยากจะฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอด ได้แต่ร้องไห้จนตาบวมไม่กล้าบอกใคร
จนฉันทนไม่ไหวหนีตายดาบหน้า จะทนอยู่ให้โดนขืนใจทุกอาทิตย์ได้ไง ตอนหลังๆเห็นเราไม่บอกใครเอาลูกชายสติไม่ดีเข้ามาดูฉันด้วย
ตรงส่วนนี้ฉันกล้าบอกแบบไม่ปิดบังเพราะอยากจะเตือนสาวๆ ที่มีญาติดูท่าทางไม่น่าไว้ใจให้อยู่ห่างๆไว้
พอฉันหนีออกมาโดยไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นเพราะฉันอ้างลุงว่าจะไปซื้อข้าวมากิน เงินติดตัว 35 บาท ตอนนั้นราคาข้าวจานละ 8 บาท
35 บาท คือเงินที่ฉันเก็บๆไว้จากการที่ลุงขืนใจแล้วให้เงินกินขนมครั้งละ 2 บาท
ฉันไม่รู้จะเพิ่งใคร เลยขึ้นรถสองแถวจะลงตรงไหนก็ช่างขอให้พ้นๆ ตรงนี้ไปก่อน สุดท้ายรถมาลงตรง องครักษ์ น่าจะจำไม่ผิดไม่รู้ชื่ออะไรลืมแล้ว - -
ฉันจึงเดินหางานไปเรื่อยๆ ขอเค้าล้างจานบ้าง เสริฟอาหารบ้าง แล้วฉันก็ได้งานล้างจานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
งานหนักพอสมควรเจ้าของร้านให้วันละ 25 บาท บอกว่าอายุยังน้อยอยู่จริงๆไม่มีไหนรับ
เรื่องนอนฉันก็นอนที่ร้านอาหารเวลาที่เค้าปิดร้าน
ทำอยู่ได้เกือบๆเดือน เจ้าของร้านก็ให้ค่าแรงวันละ 10 บาท บอกว่าตำรวจเข้ามาตรวจพนักงาน เราอายุไม่ถึงเค้าเลยต้องเสียค่าปรับ
แล้วจะหักจากเราวันละ 15 บาท จนครบ 4000 บาท ความคิดฉันตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่าอย่างน้อยก็มีงานทำ
ฉันเริ่มทำได้ ปีกว่าๆ เจ้าของร้านเริ่มเบี้ยวค่าแรงจ่ายช้ามั่ง ไม่ให้มั่ง อ้างว่าเป็นค่าที่พัก ที่ฉันนอนในร้าน แต่ฉันก็กัดฟันทนทำมันต่อไป
เพราะเศษข้าวที่เหลือจากลูกค้ายังมีให้ประทั่งชีวิตอยู่
จนกระทั่งผ่านไป 3-4 เดือนนี่แหละมั้ง มีลูกค้ารุ่นๆ 18-19 ปี เหมือนกับพากันมาเที่ยวกันยกแก๊งประมาณนั้น มากินอาหารที่ร้านที่ฉันทำงานอยู่
ก็มีสาวน้อยคนหนึ่ง รุ่นๆ 15 ปี ไม่รู้ว่าถูกชะตาหรือยังไง คนล้างจานตัวก็เลอะหน้าตามอมแมม ยังมาขอเบอร์โทรฉันอีก พอรู้ว่า
ฉันไม่มีโทรศัพท์ก็ขอจดที่อยู่ที่ร้านไปอีกแน่ะ โทรศัพท์รุ่นนั้น น่าจะเป็นจำพวก ซีเมนมีเสา หรือ โนเกีย 3310 นี่แระ ไม่เคยจับโทรศัพท์เลยไม่รู้
แต่เดาๆจากลูกค้าที่ใช้ๆกัน เค้าก็เขียนมาหาประจำฉันก็ส่งตอบกลับบ้างเป็นช่วงๆ เค้าได้มารู้ว่าชีวิตเราแย่เลยเอาไปเล่าให้แม่เค้าฟัง
แม่เค้าสงสารฉันจึงนั่งรถมารับฉันไปอยู่ด้วย ตอนนั้นเหมือน นางฟ้าเดินเข้ามาหาเลยล่ะ *-*
แม่ของหญิงคนนั้นก็ไม่ได้รังเกียจฉันและยังให้ฉันเป็นแฟนกับลูกสาวเค้าด้วย ใจดีเวอร์--
ให้ฉันช่วยทำงานในไร่ เค้าปลูกพืชผักสวนครัวไว้ขายเป็นเข่งๆ เข่งหนึ่งก็ตกประมาณ 80-90 กก. ฉันทำทุกอย่างในไร่เริ่มต้นเรียนรู้ทุกอย่าง
ขายผักเสร็จแม่ของแฟนก็ให้ค่าแรง 200 บาท ส่วนแฟนได้ 150 กินอยู่ที่บ้านเค้าอยากกินอะไรเค้าก็หามาให้ถือว่าเยอะมากๆสำหรับเงิน
เอาเก็บ 300 บาท แฟนเอาไปเรียน 50 บาท ตอนนั้นแฟนกำลังเข้า ปวช.1
หลังจากอยู่มาได้ประมาณ 2 ปีกว่า คิดว่าชีวิตเริ่มดีขึ้นเนื่องจากมีเงินเก็บเกือบๆ หมื่น แฟนก็กำลังขึ้น ปี 3 อีกแค่ปีเดียวจบ ปวช.
แม่ของแฟนก็เสียชีวิตลง เนื่องจากยาฆ่าแมลงและยาอื่นๆที่ใช้ในไร่ เข้าสู่กระแสเลือด พอแม่ของแฟนเสียชีวิตได้ 3 เดือน พ่อแฟนก็ไปมีเมีย
แล้วย้ายไปอยู่กับเมียใหม่โดยทิ้งลูกสาวคนเล็ก อายุ 6 ขวบ ไว้ให้ฉันกับแฟนฉันเลี้ยง บ้านที่อยู่ก็เป็นของป้า ซึ่งญาติๆทางนี้ไม่ชอบครอบครัวแฟน
จึงยึดคืนหลังจากที่ พ่อไปอยู่กับเมียใหม่ได้ 2 เดือน เงินทุกบาททุกสตางค์ พ่อเอาไปหมด ยังดีที่ฉันมีเก็บไว้ หมื่นกว่าๆ
3 ชีวิตต้องดิ้นรน หอบข้าวของไปอยู่กับลุงเจ้าของไร่ โดยอยู่ที่คอกวัว ซึ่งเป็นเพิงมุงจากเท่านั้นฝนตกก็เบียดๆกันหน่อย
พอฉันทำไร่กับแฟนได้ไม่นานการที่ได้ความรู้จากแม่ของแฟนจึงทำให้วันๆหนึ่งฉันได้เงินราวๆ 2000+
ลุงเจ้าของไร่เห็นว่าพวกฉันยังเด็กคิดว่าไม่สมควรได้ขนาดนี้ จึงให้คนละ 100 บาท เท่ากับได้วันละ 200 ถ้าวันไหนแฟนเรียนก็ได้ 100
แต่ฉันต้องทำทุกอย่างเหมือนตอนแม่ของแฟนอยู่ พอแฟนฉันเรียนจบไม่เท่าไหร่ ลุงก็ยึดที่คืนเพื่อไปทำเอง
ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว เนื่องจากเอาเงินที่เก็บไว้มาลงทุนในไร่ ค่ายา ค่าปุ๋ย ค่าต้นกล้า ละลายไปกับน้ำจาก ท่อนาค T-T
ให้คนอื่นเอาไปต่อยอดเป็นกำไร ฉันคงจะเป็นคนใจบุญ - -
ต่อมาก็ได้คำแนะนำจากรุ่นพี่ที่ขับรถส่งผัก ต่างจังหวัด-กรุงเทพฯ บอกว่าให้ไปทำงานที่ ตลาดยิ่งเจริญ ฉันก็เอาน้องไปฝากกับป้าก็ไม่มีใครรับ
ไม่มีญาติฝากใครไม่ได้ ป้าอ้างแต่ว่า "ไม่ได้ทำให้มันเกิดไม่ได้ตั้งท้องแล้วเบ่งมันออกมาจะรับเลี้ยงทำใม"
สุดท้ายจึงต้องหอบกันอีกครั้ง 3 ชีวิต เข้ากรุงเทพฯ เดินตามตลาดสอบถามหางาน แฟนก็เอาวุติไปหางานอื่นๆทำ
แต่แฟนฉันไม่สวยงานที่ กรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เลือกหน้าตา จึงหายาก ตัวฉันเข้ากรุงเทพมาด้วยเงิน 1800 กับ 3 ชีวิต และนอนตามซอยทางเดิน
ต่อมาฉันได้ทำงานเข็นรถส่งของในตลาดโดยที่ตกลงค่าจ้างจ่ายเป็นวัน วันละ 280 บาท ถือว่ายังดีที่มีงานเป็นรายวัน
ทำได้เดือนกว่าๆ เงินที่ว่าได้รายวันเนี่ยจริงๆ ได้ไม่ถึง 280 ด้วยซ้ำไป นายจ้างหาข้ออ้างมาหัก เดี๋ยวหัก ค่าส่งของช้า หักอะไหล่รถเข็นพัง
(แล้วอะไหล่รถเข็นก็ไม่ใช่แค่ตัวที่ฉันใช้นะ พังกี่ตัวหักเงินฉันทุกตัว) ตกๆแล้ววันๆหนึ่งฉันเหลือค่าแรง ไม่เกิน 120 บาท ต่ำสุด 60 บาทต่อวัน
ตอนนั้นก็เข้าช่วงข้าวจานละ 25 บาทแล้ว ฉันก็ประหยัดๆเอา โดยซื้อไข่ไว้ 10 ฟอง 30 บาท มาม่าแพ็ค 6 ห่อ 28 บาท
มื้อกลางวันก็อดเอา บางวันโชคดีหน่อยมีคนซื้อข้าวกล่องให้ในความมีน้ำใจที่ช่วยเค้ายกของเล็กๆน้อยๆ ฉันก็แบ่งเป็น 3 ส่วน กิน 3 คน มื้อกลางวัน
ส่วนมื้อเย็น ฉันก็ซื้อข้าว 10 บาท เอาไข่ 2 ฟองมาต้ม โดยขอน้ำร้อนจากคนขายกาแฟชง มาแช่ไข่จนน้ำมันเย็น จะทำไว้ก่อนที่จะไปเข้าซอยทางเดิน
ที่นอนประจำ - - เสร็จแล้วก็เอาไข่สองฟองบี้ๆ กับข้าว 10 บาท ใส่น้ำปลาที่ซื้อมาขวดละ 12 บาท แล้วแบ่งข้าวใส่ถุง 3 ถุง
มัดปากด้วยหนังกระติ๊กที่หล่นๆ เจาะตูดถุงดูดอร่อยอย่างบอกใครเชียวล่ะ กินกัน 3 คน ตกมื้อละ 16 บาท บางวันก็เอา มาม่าที่ซื้อมาใส่ถุง
เอาน้ำร้อนจากร้านกาแฟนั่นแระ วนขอหลายๆร้านหน่อย(เค้าจะได้จำหน้าไม่ค่อยได้ อุอุ) ปล่อยให้อืดเต็มถุงแล้วบี้ๆ
ผลัดกันกินจากตูดถุง ก็อิ่มไปอีกมื้อ เป็นแบบนี้ทุกวันก็ต้องประหยัดนี่น่า ไม่รู้ว่าวันไหนจะโดนแจ๊ตพอทแตกได้วันละ 60 บาท
ไหนแฟนจะต้องเอาเงินไปหางานอีก
ฉันก็ทำงานไปเรื่อยๆเก็บเงินไปเรื่อย บางวันก็ท้อ ร้องไห้ไม่อายใคร มันเหนื่อย มันล้า ตื่นตี 3 ทำงานยัน 2 ทุ่ม ใช้แรงงานยั่งกะทาส
แต่ต้องทน ยิ่งเห็นหน้าน้องกับแฟนเวลากินข้าวยิ่งน้ำตาไหล เคยบอกให้แฟนเลิกกับฉันแล้วหาผู้ชายจริงๆคบ เผื่อชีวิตแฟนจะดีขึ้น
ตัวฉันมันไม่เหลือใครแล้ว แฟนก็ไม่เลิกเค้าบอกแต่ว่า
"อดทนกันมาตั้งนาน หนักเอาเบาสู้ มีก็กินไม่มีก็อด แล้วจะให้ทิ้งไปสบายคนเดียวหรือไง เราต้องสู้ต่อไป เรื่อยๆ แม้ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่สักวันมันก็ต้องมาถึงอยู่ดี เราทำวันนี้ให้อนาคตที่จะมาถึงเป็นอนาคตที่ดีมันจะไม่ดีกว่าหรือ"
คำพูดประโยคนี้แระที่ทำให้ฉัน มีกำลังใจต่อสู้ขึ้นมา หนักแค่ไหนก็เอา เหนื่อยแค่ไหนก็สู้
ฉันฟันฝ่าอุปสรรค์นานาชนิด คนโกงทุกรูปแบบ เอารัดเอาเปรียบพร้อมกับเยียดหยามเพศที่ 3 อย่างฉันมามายจนนับไม่ถ้วน
ให้เขียนเล่าจริงๆ เว็บ pantip เต็มแน่ อุอุ ^^
สุดท้าย...ฉันสู้ทุกทางทุกรูปแบบ ปัจจุบันฉันมีเงินลงทุนเปิดร้านเกมส์ออนไลน์ แฟนทำงานธนาคาร ตอนนี้ น้องกำลังเข้า ม.1 วัยสดใสร่าเริงดี
ใครจะไปรู้ล่ะ เบื้องหลังเจ้าของร้านเกมส์ ที่มีแฟนเป็น พนักงานธนาคาร แต่งตัวดีๆ จะผ่านอะไรมาบ้าง
หวังว่าคนที่ท้อแท้กับชีวิตจะ อดทนเก็บออม และประหยัดกันได้นะคะ ฉันว่าทุกคนทำได้อยู่แล้วเรื่องประหยัดอยู่ที่ตัวเราเอง
ขอขอบคุณคำพูดดีๆ ในวันนั้นของแฟนฉันจริงๆที่ทำให้มีกำลังใจต่อสู้ขึ้นมาอีกครั้ง...และหวังว่าคนที่มีชีวิตคู่จะให้กำลังใจกันแบบนี้ด้วยนะคะ
ไม่ใช่ใช้แต่อารมณ์ อะไรๆก็เลิกๆ อยู่กันให้ยาวๆนานๆ นะคะ
เห็นมั้ยล่ะบอกแล้วที่ฉันมีทุกวันนี้ได้เพราะคำว่า "สู้ต่อไป..ทาเคชิ"
จากชีวิตมีกินอยู่อย่างสบาย ดิ่งลงเหวจนสินเนื้อประดาตัวกลับมามีฐานะพอกินอีกครั้ง!! เพราะคำว่า "สู้ต่อไป..ทาเคชิ"
คำว่า "สู้ต่อไป..ทาเคชิ" จริงๆไม่เกี่ยวกับ ทาเคชิหรอก แต่ชอบคำว่าสู้ต่อไป เลยเอามาต่อเป็น วลีฮิต (สมัยไหนก็ไม่รู้)
ทำใมถึงคิดเขียนเปิดเผยชีวิตเน่าๆ แต่ได้ยาดีมาฟื้นฟูน่ะหรอก ก็เพราะฉันเอาไอดีเค้ามาเล่นแล้วเห็นตั้งกระทู้
เบื่อชีวิตตัวเองบ้างล่ะ อยากออกจากงานประจำบ้างล่ะ หรืออื่นๆ ที่มีแนวโน้มในทาง ท้อแท้ สินหวัง....
อยากให้คนที่คิดว่าตัวเองท้อแท้ และชิวิตย่ำแย่ ได้มาอ่านชีวิตฉันบ้าง เกิดจากเรื่องจริงตอนที่ชิวิตล่วงสุดขีด สิบกว่าปีแล้ว
ฉันไม่รู้ว่าชีวิตใครจะแย่ยิ่งกว่าฉันอีก แต่ที่ฉันอ่านๆมาไม่มีใครแย่เท่าฉัน แต่ถ้าใครแย่กว่าก็ขอให้ "สู้ต่อไป..ทาเคชิ"
(ยาวนิดนึงนะคะ...)
เริ่มแรกขอแอบกระซิบบอกเบาๆก่อนนะคะว่า ฉันเป็นทอม ค่ะ เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้วเพราะในหมู่เพื่อนมีแต่ผู้ชายและทอม
ฉันเป็นลูกคนเดียวของพ่อ แม่ หลังจากที่ฉันเกิดมาได้ 3 ขวบ พ่อแม่ของฉันเกิดอุบัติเหตุ รถคว่ำเสียชีวิตทั้งคู่ (แม่เสียที่โรงพยาบาท พ่อคาที่)
ฉันจึงได้รับการเลี้ยงดูจากยายคนเดียวของฉัน เพราะตาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตอนแม่กำลังท้องฉัน
แต่ชีวิตฉันอยู่ สุขสบาย โดยที่ยายจะให้ทุกอย่างเพราะฉันไม่มีพ่อแม่ แต่ฉันไม่ได้เอาแต่ใจนะเพราะ ฉันเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูด
หลังจากที่ฉันอายุได้ 14 ปี ยายก็เสียชีวิตลงด้วยโรคชรา แต่ฉันยังเด็กจึงไม่ได้รับอะไรเลยแม้แต่บาทเดียว
จริงๆตรงส่วนเรื่องเงินฉันยังไม่ได้คิดอะไรเพราะยังคิดว่าฉันมีเงินใช้อยู่ ฉันจึงได้มาอยู่กับลุงที่เป็นพี่ชายแม่ ลูกคนโตของยาย
แต่ลุงไม่ได้ใจดี ทำร้ายฉันตลอด ลุงคนนี้มีลูกชายสติไม่เต็ม เมียตาย เค้าอยู่แค่สองคนพ่อลูก
ลุงพยายามบอกให้ฉัน แต่งตัวเป็นผู้หญิง แต่ฉันไม่ชอบ เค้าก็จะตีๆๆๆๆๆ ฉันทุกวัน เค้าจะชอบเวลาฉัน พูดคำว่า "คะ..ค่ะ..ขา"
ฉันจึงพยายามพูดแบบนี้ตลอดเพื่อให้ลุงชอบ
พอฉันเรียน จบ ม.3 ลุงก็ไม่ให้เรียนต่อบอกว่าให้มาช่วยทำขนมขายดีกว่า คือลุงทำขนมไทยขาย ในตลาด จ. นครนายก
ฉันเริ่มเข้าสู่วัยสาวแล้วนี่ หน้าอกมันก็ใหญ่ขึ้นด้วย แต่เพื่อนฉันแนะนำให้ใส่ สเตรัดหน้าอก
ลุงฉันก็ชอบมาพูดจาแนวๆว่า หน้าอกทำใมเล็กเหมือนเดิม ไม่ใหญ่ขึ้นเลย ขอดูหน้าอกฉัน โดยอ้างว่าเค้าเป็นคนเลี้ยงฉันมา
เค้ามีสิทธิ์ได้ดูการเจริญเติบโตของหลาน คือตอนนั้นฉันยังไม่คิดไปเลยเถิด ไม่คิดว่าลุงจะลามก แต่ฉันก็ไม่ได้ให้ดูนะ
แล้วห้องที่ฉันอยู่ก็ไม่มีลูกบิด ลุงจะเข้ามาลูบๆ คลำๆ ฉันตอนนอนหลับเสมอ หนักเข้าก็คือถอดกางเกง แล้วอ้างว่า
จะดูขนนั่นน่ะขึ้นมาหรือยัง จะแนะนำการดูแลให้ ตอนนี้แระที่ฉันเริ่มไม่ไว้ใจลุงฉัน แต่ต้องทนอยู่เพราะ อายุ 15 ปี จะไปทำอะไรที่ไหนได้
เหลือลุงที่เป็นญาติฉันเพียงคนเดียว
สุดท้าย!! ฉันก็ไม่รอดสิ่งที่ฉันคิดไว้ว่าลุงต้องทำกับฉันแน่ๆ ก็ได้เกิดจริงๆ ฉันเป็นทอมก็จริง แต่เสียบริสุทธิ์ให้กับลุงฉัน T-T
เพราะฉันโดนขืนใจทำอะไรไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกอาทิตย์ ฉันแทบอยากจะฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอด ได้แต่ร้องไห้จนตาบวมไม่กล้าบอกใคร
จนฉันทนไม่ไหวหนีตายดาบหน้า จะทนอยู่ให้โดนขืนใจทุกอาทิตย์ได้ไง ตอนหลังๆเห็นเราไม่บอกใครเอาลูกชายสติไม่ดีเข้ามาดูฉันด้วย
ตรงส่วนนี้ฉันกล้าบอกแบบไม่ปิดบังเพราะอยากจะเตือนสาวๆ ที่มีญาติดูท่าทางไม่น่าไว้ใจให้อยู่ห่างๆไว้
พอฉันหนีออกมาโดยไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นเพราะฉันอ้างลุงว่าจะไปซื้อข้าวมากิน เงินติดตัว 35 บาท ตอนนั้นราคาข้าวจานละ 8 บาท
35 บาท คือเงินที่ฉันเก็บๆไว้จากการที่ลุงขืนใจแล้วให้เงินกินขนมครั้งละ 2 บาท
ฉันไม่รู้จะเพิ่งใคร เลยขึ้นรถสองแถวจะลงตรงไหนก็ช่างขอให้พ้นๆ ตรงนี้ไปก่อน สุดท้ายรถมาลงตรง องครักษ์ น่าจะจำไม่ผิดไม่รู้ชื่ออะไรลืมแล้ว - -
ฉันจึงเดินหางานไปเรื่อยๆ ขอเค้าล้างจานบ้าง เสริฟอาหารบ้าง แล้วฉันก็ได้งานล้างจานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
งานหนักพอสมควรเจ้าของร้านให้วันละ 25 บาท บอกว่าอายุยังน้อยอยู่จริงๆไม่มีไหนรับ
เรื่องนอนฉันก็นอนที่ร้านอาหารเวลาที่เค้าปิดร้าน
ทำอยู่ได้เกือบๆเดือน เจ้าของร้านก็ให้ค่าแรงวันละ 10 บาท บอกว่าตำรวจเข้ามาตรวจพนักงาน เราอายุไม่ถึงเค้าเลยต้องเสียค่าปรับ
แล้วจะหักจากเราวันละ 15 บาท จนครบ 4000 บาท ความคิดฉันตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่าอย่างน้อยก็มีงานทำ
ฉันเริ่มทำได้ ปีกว่าๆ เจ้าของร้านเริ่มเบี้ยวค่าแรงจ่ายช้ามั่ง ไม่ให้มั่ง อ้างว่าเป็นค่าที่พัก ที่ฉันนอนในร้าน แต่ฉันก็กัดฟันทนทำมันต่อไป
เพราะเศษข้าวที่เหลือจากลูกค้ายังมีให้ประทั่งชีวิตอยู่
จนกระทั่งผ่านไป 3-4 เดือนนี่แหละมั้ง มีลูกค้ารุ่นๆ 18-19 ปี เหมือนกับพากันมาเที่ยวกันยกแก๊งประมาณนั้น มากินอาหารที่ร้านที่ฉันทำงานอยู่
ก็มีสาวน้อยคนหนึ่ง รุ่นๆ 15 ปี ไม่รู้ว่าถูกชะตาหรือยังไง คนล้างจานตัวก็เลอะหน้าตามอมแมม ยังมาขอเบอร์โทรฉันอีก พอรู้ว่า
ฉันไม่มีโทรศัพท์ก็ขอจดที่อยู่ที่ร้านไปอีกแน่ะ โทรศัพท์รุ่นนั้น น่าจะเป็นจำพวก ซีเมนมีเสา หรือ โนเกีย 3310 นี่แระ ไม่เคยจับโทรศัพท์เลยไม่รู้
แต่เดาๆจากลูกค้าที่ใช้ๆกัน เค้าก็เขียนมาหาประจำฉันก็ส่งตอบกลับบ้างเป็นช่วงๆ เค้าได้มารู้ว่าชีวิตเราแย่เลยเอาไปเล่าให้แม่เค้าฟัง
แม่เค้าสงสารฉันจึงนั่งรถมารับฉันไปอยู่ด้วย ตอนนั้นเหมือน นางฟ้าเดินเข้ามาหาเลยล่ะ *-*
แม่ของหญิงคนนั้นก็ไม่ได้รังเกียจฉันและยังให้ฉันเป็นแฟนกับลูกสาวเค้าด้วย ใจดีเวอร์--
ให้ฉันช่วยทำงานในไร่ เค้าปลูกพืชผักสวนครัวไว้ขายเป็นเข่งๆ เข่งหนึ่งก็ตกประมาณ 80-90 กก. ฉันทำทุกอย่างในไร่เริ่มต้นเรียนรู้ทุกอย่าง
ขายผักเสร็จแม่ของแฟนก็ให้ค่าแรง 200 บาท ส่วนแฟนได้ 150 กินอยู่ที่บ้านเค้าอยากกินอะไรเค้าก็หามาให้ถือว่าเยอะมากๆสำหรับเงิน
เอาเก็บ 300 บาท แฟนเอาไปเรียน 50 บาท ตอนนั้นแฟนกำลังเข้า ปวช.1
หลังจากอยู่มาได้ประมาณ 2 ปีกว่า คิดว่าชีวิตเริ่มดีขึ้นเนื่องจากมีเงินเก็บเกือบๆ หมื่น แฟนก็กำลังขึ้น ปี 3 อีกแค่ปีเดียวจบ ปวช.
แม่ของแฟนก็เสียชีวิตลง เนื่องจากยาฆ่าแมลงและยาอื่นๆที่ใช้ในไร่ เข้าสู่กระแสเลือด พอแม่ของแฟนเสียชีวิตได้ 3 เดือน พ่อแฟนก็ไปมีเมีย
แล้วย้ายไปอยู่กับเมียใหม่โดยทิ้งลูกสาวคนเล็ก อายุ 6 ขวบ ไว้ให้ฉันกับแฟนฉันเลี้ยง บ้านที่อยู่ก็เป็นของป้า ซึ่งญาติๆทางนี้ไม่ชอบครอบครัวแฟน
จึงยึดคืนหลังจากที่ พ่อไปอยู่กับเมียใหม่ได้ 2 เดือน เงินทุกบาททุกสตางค์ พ่อเอาไปหมด ยังดีที่ฉันมีเก็บไว้ หมื่นกว่าๆ
3 ชีวิตต้องดิ้นรน หอบข้าวของไปอยู่กับลุงเจ้าของไร่ โดยอยู่ที่คอกวัว ซึ่งเป็นเพิงมุงจากเท่านั้นฝนตกก็เบียดๆกันหน่อย
พอฉันทำไร่กับแฟนได้ไม่นานการที่ได้ความรู้จากแม่ของแฟนจึงทำให้วันๆหนึ่งฉันได้เงินราวๆ 2000+
ลุงเจ้าของไร่เห็นว่าพวกฉันยังเด็กคิดว่าไม่สมควรได้ขนาดนี้ จึงให้คนละ 100 บาท เท่ากับได้วันละ 200 ถ้าวันไหนแฟนเรียนก็ได้ 100
แต่ฉันต้องทำทุกอย่างเหมือนตอนแม่ของแฟนอยู่ พอแฟนฉันเรียนจบไม่เท่าไหร่ ลุงก็ยึดที่คืนเพื่อไปทำเอง
ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว เนื่องจากเอาเงินที่เก็บไว้มาลงทุนในไร่ ค่ายา ค่าปุ๋ย ค่าต้นกล้า ละลายไปกับน้ำจาก ท่อนาค T-T
ให้คนอื่นเอาไปต่อยอดเป็นกำไร ฉันคงจะเป็นคนใจบุญ - -
ต่อมาก็ได้คำแนะนำจากรุ่นพี่ที่ขับรถส่งผัก ต่างจังหวัด-กรุงเทพฯ บอกว่าให้ไปทำงานที่ ตลาดยิ่งเจริญ ฉันก็เอาน้องไปฝากกับป้าก็ไม่มีใครรับ
ไม่มีญาติฝากใครไม่ได้ ป้าอ้างแต่ว่า "ไม่ได้ทำให้มันเกิดไม่ได้ตั้งท้องแล้วเบ่งมันออกมาจะรับเลี้ยงทำใม"
สุดท้ายจึงต้องหอบกันอีกครั้ง 3 ชีวิต เข้ากรุงเทพฯ เดินตามตลาดสอบถามหางาน แฟนก็เอาวุติไปหางานอื่นๆทำ
แต่แฟนฉันไม่สวยงานที่ กรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เลือกหน้าตา จึงหายาก ตัวฉันเข้ากรุงเทพมาด้วยเงิน 1800 กับ 3 ชีวิต และนอนตามซอยทางเดิน
ต่อมาฉันได้ทำงานเข็นรถส่งของในตลาดโดยที่ตกลงค่าจ้างจ่ายเป็นวัน วันละ 280 บาท ถือว่ายังดีที่มีงานเป็นรายวัน
ทำได้เดือนกว่าๆ เงินที่ว่าได้รายวันเนี่ยจริงๆ ได้ไม่ถึง 280 ด้วยซ้ำไป นายจ้างหาข้ออ้างมาหัก เดี๋ยวหัก ค่าส่งของช้า หักอะไหล่รถเข็นพัง
(แล้วอะไหล่รถเข็นก็ไม่ใช่แค่ตัวที่ฉันใช้นะ พังกี่ตัวหักเงินฉันทุกตัว) ตกๆแล้ววันๆหนึ่งฉันเหลือค่าแรง ไม่เกิน 120 บาท ต่ำสุด 60 บาทต่อวัน
ตอนนั้นก็เข้าช่วงข้าวจานละ 25 บาทแล้ว ฉันก็ประหยัดๆเอา โดยซื้อไข่ไว้ 10 ฟอง 30 บาท มาม่าแพ็ค 6 ห่อ 28 บาท
มื้อกลางวันก็อดเอา บางวันโชคดีหน่อยมีคนซื้อข้าวกล่องให้ในความมีน้ำใจที่ช่วยเค้ายกของเล็กๆน้อยๆ ฉันก็แบ่งเป็น 3 ส่วน กิน 3 คน มื้อกลางวัน
ส่วนมื้อเย็น ฉันก็ซื้อข้าว 10 บาท เอาไข่ 2 ฟองมาต้ม โดยขอน้ำร้อนจากคนขายกาแฟชง มาแช่ไข่จนน้ำมันเย็น จะทำไว้ก่อนที่จะไปเข้าซอยทางเดิน
ที่นอนประจำ - - เสร็จแล้วก็เอาไข่สองฟองบี้ๆ กับข้าว 10 บาท ใส่น้ำปลาที่ซื้อมาขวดละ 12 บาท แล้วแบ่งข้าวใส่ถุง 3 ถุง
มัดปากด้วยหนังกระติ๊กที่หล่นๆ เจาะตูดถุงดูดอร่อยอย่างบอกใครเชียวล่ะ กินกัน 3 คน ตกมื้อละ 16 บาท บางวันก็เอา มาม่าที่ซื้อมาใส่ถุง
เอาน้ำร้อนจากร้านกาแฟนั่นแระ วนขอหลายๆร้านหน่อย(เค้าจะได้จำหน้าไม่ค่อยได้ อุอุ) ปล่อยให้อืดเต็มถุงแล้วบี้ๆ
ผลัดกันกินจากตูดถุง ก็อิ่มไปอีกมื้อ เป็นแบบนี้ทุกวันก็ต้องประหยัดนี่น่า ไม่รู้ว่าวันไหนจะโดนแจ๊ตพอทแตกได้วันละ 60 บาท
ไหนแฟนจะต้องเอาเงินไปหางานอีก
ฉันก็ทำงานไปเรื่อยๆเก็บเงินไปเรื่อย บางวันก็ท้อ ร้องไห้ไม่อายใคร มันเหนื่อย มันล้า ตื่นตี 3 ทำงานยัน 2 ทุ่ม ใช้แรงงานยั่งกะทาส
แต่ต้องทน ยิ่งเห็นหน้าน้องกับแฟนเวลากินข้าวยิ่งน้ำตาไหล เคยบอกให้แฟนเลิกกับฉันแล้วหาผู้ชายจริงๆคบ เผื่อชีวิตแฟนจะดีขึ้น
ตัวฉันมันไม่เหลือใครแล้ว แฟนก็ไม่เลิกเค้าบอกแต่ว่า
"อดทนกันมาตั้งนาน หนักเอาเบาสู้ มีก็กินไม่มีก็อด แล้วจะให้ทิ้งไปสบายคนเดียวหรือไง เราต้องสู้ต่อไป เรื่อยๆ แม้ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่สักวันมันก็ต้องมาถึงอยู่ดี เราทำวันนี้ให้อนาคตที่จะมาถึงเป็นอนาคตที่ดีมันจะไม่ดีกว่าหรือ"
คำพูดประโยคนี้แระที่ทำให้ฉัน มีกำลังใจต่อสู้ขึ้นมา หนักแค่ไหนก็เอา เหนื่อยแค่ไหนก็สู้
ฉันฟันฝ่าอุปสรรค์นานาชนิด คนโกงทุกรูปแบบ เอารัดเอาเปรียบพร้อมกับเยียดหยามเพศที่ 3 อย่างฉันมามายจนนับไม่ถ้วน
ให้เขียนเล่าจริงๆ เว็บ pantip เต็มแน่ อุอุ ^^
สุดท้าย...ฉันสู้ทุกทางทุกรูปแบบ ปัจจุบันฉันมีเงินลงทุนเปิดร้านเกมส์ออนไลน์ แฟนทำงานธนาคาร ตอนนี้ น้องกำลังเข้า ม.1 วัยสดใสร่าเริงดี
ใครจะไปรู้ล่ะ เบื้องหลังเจ้าของร้านเกมส์ ที่มีแฟนเป็น พนักงานธนาคาร แต่งตัวดีๆ จะผ่านอะไรมาบ้าง
หวังว่าคนที่ท้อแท้กับชีวิตจะ อดทนเก็บออม และประหยัดกันได้นะคะ ฉันว่าทุกคนทำได้อยู่แล้วเรื่องประหยัดอยู่ที่ตัวเราเอง
ขอขอบคุณคำพูดดีๆ ในวันนั้นของแฟนฉันจริงๆที่ทำให้มีกำลังใจต่อสู้ขึ้นมาอีกครั้ง...และหวังว่าคนที่มีชีวิตคู่จะให้กำลังใจกันแบบนี้ด้วยนะคะ
ไม่ใช่ใช้แต่อารมณ์ อะไรๆก็เลิกๆ อยู่กันให้ยาวๆนานๆ นะคะ
เห็นมั้ยล่ะบอกแล้วที่ฉันมีทุกวันนี้ได้เพราะคำว่า "สู้ต่อไป..ทาเคชิ"