เราอยู่ต่างประเทศค่ะ เราทำงานและอยู่คนเดียว ก็ต้องค่อนข้างสู้ชีวิตเพราะเป็นผู้หญิงอยู่คนเดียวที่ต่างประเทศ ไม่มีใครเลยจริงๆค่ะ
พอเริ่มมีแฟนก็ย้ายเข้ามาอยู่บ้านแฟน ซึ่งบ้านแฟนเป็นครอบครัวคนไทย แต่แฟนเกิดและเติบโตที่ต่างประเทศ
ปกติบ้านเขาอยู่กัน3คน มีพ่อกับแม่แฟนและก็แฟนเราค่ะ ตอนมาอยู่แรกๆทุกอย่างก็โอเคค่ะ พ่อกับแม่ของเขาก็ดูไม่ติดอะไรที่เราย้ายเข้ามา
พ่อกับแม่แฟนค่อนข้างแก่แล้ว แม่เขาอายุ70กว่าๆ ส่วนพ่อเขาอายุจะ90แล้วค่ะ ทางบ้านแฟนทำธุรกิจส่วนตัว และแฟนก็ช่วยที่บ้านทำค่ะ ส่วนเราก็ทำงานของเราดูแลตัวเองไปด้วย แต่เราก็เริ่มเห็นสัญญาณบางอย่างตั้งแต่แรกๆว่าแม่เขามาบอกให้เราต้องไปคุยไปบอกแฟนแบบนู้นแบบนี้ อย่างเช่นเขาอยากไปบ้านเพื่อนแต่ให้เราไปโกหกแฟนว่าเราอยากไปเที่ยวแถวๆบ้านเพื่อนเขาแล้วให้แฟนขับรถพาไป เขาชอบพูดเรื่องลบๆเกี่ยวกับแฟนเราให้เราฟังค่ะ แต่สำหรับเราทุกคนมีข้อดีข้อเสียเป็นเรื่องปกติ แต่เรามองเห็นข้อดีๆของเขา อย่างเช่นเขาดูแลพ่อแม่เขา เวลาป่วยก็เป็นคนพาไปหาหมอตลอด ทั้งๆที่เขาก็มีน้องสาว แต่แฟนเราจะเป็นหลักดูและทุกอย่าง ซึ่งเราโอเคกับข้อนี้เพราะพี่ชายเราก็เป็นหลักให้ที่บ้านเราค่ะ ที่เราไม่โอเคกับนิสัยของแม่แฟนคือคำพูดเปรียบเทียบค่ะ เขาชอบพูดว่าลูกคนอื่นหาเงินได้เยาะมาก พูดจิกกัด ทำให้แฟนรู้สึกด้อย ที่เราต้องทนฟังเพราะบางทีเราออกไปทานข้าวนอกบ้านกันแล้วเราไปด้วย มันต่างจากที่บ้านเรามากค่ะ เพราะเราโตมากับการที่ครอบครัวไม่เอาเราไปเปรียบเทียบกับใคร แฟนเราไปคนใจเย็นและดีกับเราตามใจเรามาก เราก็พยายามดูแลแฟนให้ดีค่ะ กลับมาจากทำงานก็ทำกับข้าวให้แฟนเราทุกวัน เพราะแฟนเราไม่กินข้าวค้างคืนค่ะ
เรื่องมันเริ่มหนักขึ้นตั้งแต่เรารีโนเวทบ้านใหม่ แม่แฟนดูเครียดเรื่องค่าใช้จ่ายที่รีโนเวทบ้านมันบานปลายมาก เริ่มมีปากมีเสียงกัน แล้วแม่เขาเริ่มขึ้นเสียงใส่เราโดยไม่มีเหตุผล อย่างเช่นแฟนเอารถแม่เขาไปซ่อมให้ แล้วแม่เขาไม่พอใจที่แฟนเอารถที่ศูนย์ให้ชั่วคราวระหว่างซ่อม คิดว่ามันมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เขาก็มาบอกเราว่าแฟนเราแย่มาก เราก็ถามว่าค่าใช้จ่ายเพิ่มเท่าใหร่ ซึ่งราคาที่เขาบอกมันพอๆกับค่าแท็กซี่ เราเลยบอกความคิดเห็นเราว่าก็ให้คิดว่าเป็นค่าแท็กซี่ไปรับรถแล้วกัน เขาก็ตะคอกใส่เราเลยประมาณว่าก็คิดแบบนี้ไง เราก็งงมากแต่ก็ยิ้มๆแล้วเดินขึ้นห้องไป ครั้งที่ผิดใจกันคือเขาชอบมาว่าเรื่องปาป๊า(พ่อแฟน) ให้เราฟัง แล้วเราก็พูดออกมาว่า “บ่นป๊าทู๊กกกวัน” เสียงเชิงเล่นๆ แม่แฟนก็ขึ้นใส่เราเลย ประมาณว่าก็“ป่าป๊าทำไม่ถูกปิดหน้าต่างเสียงดังก็ต้องว่า โลกถึงได้เป็นแบบนี้ไง” ตอนนั้นเรารู้สึกงงมากเพราะนางขึ้นใหญ่โตมาก เราเลยพูดพร้อมยืนหั่นผักไปด้วยว่า “ไม่เป็นไร เราสบายใจ” คือเราพูดเพราะความงงอะ ว่า อะไร คือเรื่องแค่นี้ต้องขึ้นขนาดนี้เลยหรอ แล้วนางก็ขึ้นต่อเลยว่าทำไมเธอพูดอะไรแบบนี้ แล้วต่างคนต่างเงียบสักพัก เราเลยเดินไปขอโทษนางประมาณว่าถ้าทำให้ไม่สบายใจก็ขอโทษแล้วกัน แต่หลังจากนั้นความรู้สึกของเรากับนางก็ไม่เหมือนเดิม แฟนเห็นเราร้องให้เพราะเรื่องนี้ เราเห็นแฟนเราเดินไปพูดกับแม่เขา แต่ไม่ได้ยินว่าพูดอะไร แม่เขาตะโกนลั่นบ้านว่าก็ออกไปเลยสิ เราเลยบอกแฟนว่าไม่เป็นไรช่างมันเถอะ
บางทีเรานั้งแพคเสื้อผ้าส่วนตัวเรา เอาไปขายอยู่ในห้องเก็บของ(เราเอาของเราไปเก็บในนั้น) นางก็เปิดเข้ามาแล้วบอกจะเอาห้องนี้ทำเป็นห้องพระ
ครั้งนึงเรากำลังจะออกไปนอกบ้านไปกินข้าวกับแฟน นางก็พูดจิกกัดประมาณว่าให้เราไปสอนแฟนเรานะให้มีมารยาทว่าเวลาไปกินข้าวนอกบ้านให้มาชวนพ่อแม่บ้าง(เสียงนางคือจิกคำว่ามารยาทมาก) ซึ่งเราชวนเขาบางโอกาสอยู่แล้ว และป่าป๊าเป็นคนไม่ทานเนื่อสัตว์เวลาไปทานนอกบ้านต้องเลือกร้านที่มีเมนูผักให้ป่ะป๊าด้วย ในหัวเราคือแค่บอกว่าอยากไปด้วยก็พร้อมจะให้ไปแล้วอะ ไม่มีความจำเป็นต้องพูดจิกกัดเลย เพราพยิ่งนางพูดจิกกัดเราก็ไม่ค่อยอยากไปกินร่วมโต๊ะด้วยอะ มันต้องนั่งฟังหนีไปไหนไม่ได้
ล่าสุดเราทำกับข้าวอยู่ในครัว แล้วนางเถียงอะไรกับแฟนเราก็ไม่รู้ อยู่ดีๆนางก็ตะโกน(เชิงตั้งใจให้เราได้ยินด้วย)ว่า “พวกเธอไม่เคยบอกอะไรฉันอยู่แล้ว แล้วจะมาเอาอะไรกับฉัน” คือเราโกรธมากเพราะเราไม่ได้ทำอะไรเลย เราเดินกระทืบเท้าขึ้นบ้านไปเลย แฟนเราก็ตามขึ้นมาแล้วถามว่าเป็นอะไร เราบอกว่านี่มันtoxicมากนะ เราไม่ได้ทำอะไรนะ แล้วเราร้องให้หนักมาก แฟนบอกว่าแม่เขาเป็นแบบนี้แหละ ให้เราไม่ต้องสนใจ ปล่อยเขาไป คือเรารู้สึกตัวคนเดียวเลยอะ เราก็เอาไปเล่าให้เพื่อนฟังซึ่งแววตาเพื่อนคือเห็นใจเรามากอะ เห็นแบบนี้เราเลยร้องให้แล้วมาคุยกับแฟนอีกรอบ แฟนบอกประมาณว่าที่เราเสียใจเพราะคิดว่าเขาไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม แฟนเราบอกจริงๆเขาก็พูดกับแม่เขาว่าเราเสียใจเรื่องนี้ เราเลยถามว่าแล้วแม่เขาบอกว่าอะไร คำตอบคือแม่เขาก็ทำตีมึนประมาณว่าฉันพูดอะไรหรอ เราเลยบอกว่าเราเดินไปบอกแมาเขาได้ไหมว่าเราไใ่โอเคเรื่องนี้ แฟนบอกคำตอบก็จะเป็นเหมือนเดิม บ้านนี้จะเป็นแบบนี้ เพราะเขาเป็นคนอาวุโส เราเลยถามว่าเป็นคนอาวุโสแปลว่าจะพูดย้งไงกับใครก็ได้หรอ อย่างที่บ้านเราเราบอกได้นะว่าทำไมพูดแบบนี้ ไม่โอเคเลย แฟนเรายืนยันว่าบ้านเขาเป็นแบบนี้ เขาบอกคราวหน้าให้เราถามแล้วกันว่า “ทำไมหรอ/มีอะไรหรอ” แต่อย่าถามเชิงชวนทะเลาะ
เรารู้สึกอึดอัดตรงที่เรารักแฟนเรานะ แต่วันนึงเรากลัวจะไม่ไหวและตัดใจกับความสัมพันธ์นี่
แต่ระหว่างเรากับแฟนไม่ใีปัญหาอะไรเลยนะ เราคิดว่าเราประคับประคองไปรอดแน่นอน อย่างเดียวที่จะทำให้ถิดใจคือเรื่องแม่แฟนจริงๆ
ปัญหาคือเราต้องตัดเรื่องจะย้ายไปอยู่ข้างนอกกับแฟนไปเลย เพราะแม่เขาทุ่มเงินทำบ้านไปเยอะ งบซื้อบ้านใหม่คือต้องลืมไปเลย แล้วแฟนเราใช้เงินครอบครัวเขาค่ะ เพราะเขาทำงานกับครอบครัว
ย้ายมาอยู่บ้านแฟนแต่เจอพฤติกรรมของคนในครอบครัวเขาที่ทำให้เราอึดอัด
พอเริ่มมีแฟนก็ย้ายเข้ามาอยู่บ้านแฟน ซึ่งบ้านแฟนเป็นครอบครัวคนไทย แต่แฟนเกิดและเติบโตที่ต่างประเทศ
ปกติบ้านเขาอยู่กัน3คน มีพ่อกับแม่แฟนและก็แฟนเราค่ะ ตอนมาอยู่แรกๆทุกอย่างก็โอเคค่ะ พ่อกับแม่ของเขาก็ดูไม่ติดอะไรที่เราย้ายเข้ามา
พ่อกับแม่แฟนค่อนข้างแก่แล้ว แม่เขาอายุ70กว่าๆ ส่วนพ่อเขาอายุจะ90แล้วค่ะ ทางบ้านแฟนทำธุรกิจส่วนตัว และแฟนก็ช่วยที่บ้านทำค่ะ ส่วนเราก็ทำงานของเราดูแลตัวเองไปด้วย แต่เราก็เริ่มเห็นสัญญาณบางอย่างตั้งแต่แรกๆว่าแม่เขามาบอกให้เราต้องไปคุยไปบอกแฟนแบบนู้นแบบนี้ อย่างเช่นเขาอยากไปบ้านเพื่อนแต่ให้เราไปโกหกแฟนว่าเราอยากไปเที่ยวแถวๆบ้านเพื่อนเขาแล้วให้แฟนขับรถพาไป เขาชอบพูดเรื่องลบๆเกี่ยวกับแฟนเราให้เราฟังค่ะ แต่สำหรับเราทุกคนมีข้อดีข้อเสียเป็นเรื่องปกติ แต่เรามองเห็นข้อดีๆของเขา อย่างเช่นเขาดูแลพ่อแม่เขา เวลาป่วยก็เป็นคนพาไปหาหมอตลอด ทั้งๆที่เขาก็มีน้องสาว แต่แฟนเราจะเป็นหลักดูและทุกอย่าง ซึ่งเราโอเคกับข้อนี้เพราะพี่ชายเราก็เป็นหลักให้ที่บ้านเราค่ะ ที่เราไม่โอเคกับนิสัยของแม่แฟนคือคำพูดเปรียบเทียบค่ะ เขาชอบพูดว่าลูกคนอื่นหาเงินได้เยาะมาก พูดจิกกัด ทำให้แฟนรู้สึกด้อย ที่เราต้องทนฟังเพราะบางทีเราออกไปทานข้าวนอกบ้านกันแล้วเราไปด้วย มันต่างจากที่บ้านเรามากค่ะ เพราะเราโตมากับการที่ครอบครัวไม่เอาเราไปเปรียบเทียบกับใคร แฟนเราไปคนใจเย็นและดีกับเราตามใจเรามาก เราก็พยายามดูแลแฟนให้ดีค่ะ กลับมาจากทำงานก็ทำกับข้าวให้แฟนเราทุกวัน เพราะแฟนเราไม่กินข้าวค้างคืนค่ะ
เรื่องมันเริ่มหนักขึ้นตั้งแต่เรารีโนเวทบ้านใหม่ แม่แฟนดูเครียดเรื่องค่าใช้จ่ายที่รีโนเวทบ้านมันบานปลายมาก เริ่มมีปากมีเสียงกัน แล้วแม่เขาเริ่มขึ้นเสียงใส่เราโดยไม่มีเหตุผล อย่างเช่นแฟนเอารถแม่เขาไปซ่อมให้ แล้วแม่เขาไม่พอใจที่แฟนเอารถที่ศูนย์ให้ชั่วคราวระหว่างซ่อม คิดว่ามันมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เขาก็มาบอกเราว่าแฟนเราแย่มาก เราก็ถามว่าค่าใช้จ่ายเพิ่มเท่าใหร่ ซึ่งราคาที่เขาบอกมันพอๆกับค่าแท็กซี่ เราเลยบอกความคิดเห็นเราว่าก็ให้คิดว่าเป็นค่าแท็กซี่ไปรับรถแล้วกัน เขาก็ตะคอกใส่เราเลยประมาณว่าก็คิดแบบนี้ไง เราก็งงมากแต่ก็ยิ้มๆแล้วเดินขึ้นห้องไป ครั้งที่ผิดใจกันคือเขาชอบมาว่าเรื่องปาป๊า(พ่อแฟน) ให้เราฟัง แล้วเราก็พูดออกมาว่า “บ่นป๊าทู๊กกกวัน” เสียงเชิงเล่นๆ แม่แฟนก็ขึ้นใส่เราเลย ประมาณว่าก็“ป่าป๊าทำไม่ถูกปิดหน้าต่างเสียงดังก็ต้องว่า โลกถึงได้เป็นแบบนี้ไง” ตอนนั้นเรารู้สึกงงมากเพราะนางขึ้นใหญ่โตมาก เราเลยพูดพร้อมยืนหั่นผักไปด้วยว่า “ไม่เป็นไร เราสบายใจ” คือเราพูดเพราะความงงอะ ว่า อะไร คือเรื่องแค่นี้ต้องขึ้นขนาดนี้เลยหรอ แล้วนางก็ขึ้นต่อเลยว่าทำไมเธอพูดอะไรแบบนี้ แล้วต่างคนต่างเงียบสักพัก เราเลยเดินไปขอโทษนางประมาณว่าถ้าทำให้ไม่สบายใจก็ขอโทษแล้วกัน แต่หลังจากนั้นความรู้สึกของเรากับนางก็ไม่เหมือนเดิม แฟนเห็นเราร้องให้เพราะเรื่องนี้ เราเห็นแฟนเราเดินไปพูดกับแม่เขา แต่ไม่ได้ยินว่าพูดอะไร แม่เขาตะโกนลั่นบ้านว่าก็ออกไปเลยสิ เราเลยบอกแฟนว่าไม่เป็นไรช่างมันเถอะ
บางทีเรานั้งแพคเสื้อผ้าส่วนตัวเรา เอาไปขายอยู่ในห้องเก็บของ(เราเอาของเราไปเก็บในนั้น) นางก็เปิดเข้ามาแล้วบอกจะเอาห้องนี้ทำเป็นห้องพระ
ครั้งนึงเรากำลังจะออกไปนอกบ้านไปกินข้าวกับแฟน นางก็พูดจิกกัดประมาณว่าให้เราไปสอนแฟนเรานะให้มีมารยาทว่าเวลาไปกินข้าวนอกบ้านให้มาชวนพ่อแม่บ้าง(เสียงนางคือจิกคำว่ามารยาทมาก) ซึ่งเราชวนเขาบางโอกาสอยู่แล้ว และป่าป๊าเป็นคนไม่ทานเนื่อสัตว์เวลาไปทานนอกบ้านต้องเลือกร้านที่มีเมนูผักให้ป่ะป๊าด้วย ในหัวเราคือแค่บอกว่าอยากไปด้วยก็พร้อมจะให้ไปแล้วอะ ไม่มีความจำเป็นต้องพูดจิกกัดเลย เพราพยิ่งนางพูดจิกกัดเราก็ไม่ค่อยอยากไปกินร่วมโต๊ะด้วยอะ มันต้องนั่งฟังหนีไปไหนไม่ได้
ล่าสุดเราทำกับข้าวอยู่ในครัว แล้วนางเถียงอะไรกับแฟนเราก็ไม่รู้ อยู่ดีๆนางก็ตะโกน(เชิงตั้งใจให้เราได้ยินด้วย)ว่า “พวกเธอไม่เคยบอกอะไรฉันอยู่แล้ว แล้วจะมาเอาอะไรกับฉัน” คือเราโกรธมากเพราะเราไม่ได้ทำอะไรเลย เราเดินกระทืบเท้าขึ้นบ้านไปเลย แฟนเราก็ตามขึ้นมาแล้วถามว่าเป็นอะไร เราบอกว่านี่มันtoxicมากนะ เราไม่ได้ทำอะไรนะ แล้วเราร้องให้หนักมาก แฟนบอกว่าแม่เขาเป็นแบบนี้แหละ ให้เราไม่ต้องสนใจ ปล่อยเขาไป คือเรารู้สึกตัวคนเดียวเลยอะ เราก็เอาไปเล่าให้เพื่อนฟังซึ่งแววตาเพื่อนคือเห็นใจเรามากอะ เห็นแบบนี้เราเลยร้องให้แล้วมาคุยกับแฟนอีกรอบ แฟนบอกประมาณว่าที่เราเสียใจเพราะคิดว่าเขาไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม แฟนเราบอกจริงๆเขาก็พูดกับแม่เขาว่าเราเสียใจเรื่องนี้ เราเลยถามว่าแล้วแม่เขาบอกว่าอะไร คำตอบคือแม่เขาก็ทำตีมึนประมาณว่าฉันพูดอะไรหรอ เราเลยบอกว่าเราเดินไปบอกแมาเขาได้ไหมว่าเราไใ่โอเคเรื่องนี้ แฟนบอกคำตอบก็จะเป็นเหมือนเดิม บ้านนี้จะเป็นแบบนี้ เพราะเขาเป็นคนอาวุโส เราเลยถามว่าเป็นคนอาวุโสแปลว่าจะพูดย้งไงกับใครก็ได้หรอ อย่างที่บ้านเราเราบอกได้นะว่าทำไมพูดแบบนี้ ไม่โอเคเลย แฟนเรายืนยันว่าบ้านเขาเป็นแบบนี้ เขาบอกคราวหน้าให้เราถามแล้วกันว่า “ทำไมหรอ/มีอะไรหรอ” แต่อย่าถามเชิงชวนทะเลาะ
เรารู้สึกอึดอัดตรงที่เรารักแฟนเรานะ แต่วันนึงเรากลัวจะไม่ไหวและตัดใจกับความสัมพันธ์นี่
แต่ระหว่างเรากับแฟนไม่ใีปัญหาอะไรเลยนะ เราคิดว่าเราประคับประคองไปรอดแน่นอน อย่างเดียวที่จะทำให้ถิดใจคือเรื่องแม่แฟนจริงๆ
ปัญหาคือเราต้องตัดเรื่องจะย้ายไปอยู่ข้างนอกกับแฟนไปเลย เพราะแม่เขาทุ่มเงินทำบ้านไปเยอะ งบซื้อบ้านใหม่คือต้องลืมไปเลย แล้วแฟนเราใช้เงินครอบครัวเขาค่ะ เพราะเขาทำงานกับครอบครัว