สวัสดีครับ ตอนนี้ทำงานเบื่อๆ เลยหากระทู้ผีๆอ่าน อ่านไปอ่านมาอยากเล่าของตัวเองบ้าง ก็เจออยู่หลายครั้ง แต่ไม่ได้เห็นแบบว่าตัวต่อตัว แค่แบบว่าได้ยินได้สัมผัสแบบชัดๆ เริ่มเลยนะครับ ผิดพลาดประการไดขออภัยมานะที่นี่ด้วย
เรื่องที่ 1.
สมัยเรียนมัธยม ผมบวชเรียนอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ การเข้าไปอยู่ในวัดก็แบบที่ทุกคนรู้ๆกัน ว่าอาจจะมีเรื่องผีๆอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยพบเจอเลย มีแต่โดนคนอื่นหลอกว่าอย่างโน่นอย่างนี้ เจอจริงๆไม่เคยเลย แต่...ก็ได้มาสัมผัสกับตัวเองล่ะครับ ตอนนั้นปี 49 ผมอยู่ม.3แล้ว ได้รับมอบหมายให้เป็นพี่เณร(หัวหน้า) โดยจะให้คุ้มกุฏิ(หอพัก)ที่มีน้องๆเณรที่อยู่ชั้นม.2-ม.3จำวัดกัน(นอน) ตัวกุฏิเป็นแบบอาคารชั้นเดียว กว้างๆ อาศัยอยู่กัน 50 กว่าองค์และในกุฏิจะมีห้องเดี่ยวๆห้องหนึ่งให้ผมจำวัด ผมไม่ได้นอนคนเดียวนะครับ มีน้องชายและหลานชายอีกสององค์พักอยู่ด้วยกันในนั้น แยกจากพวกน้องเณรรูปอื่น จุตเริ่มต้นคือ มักจะได้มีน้องเณรบางคนที่ไม่ไปทำวัตรเย็น(สวดมนต์)หรือหลังจากทำวัตรเย็นเสร็จก็เดินกลับก่อน เณรบางรูปที่กลับมาก่อนก็มักเห็นคนอยู่ในกุฏิ (นิดหนึ่งครับตัวกุฏิมีหน้าต่างเป็นกระจกบานเลื่อนใสๆ) แต่พอเข้ามาในถึงในกุฏิจริงๆกลับไม่มีใครอยู่ มีน้องเณรคนหนึ่งเล่าให้ฟ้งว่า วันนั้นแกไม่ไปทำวัตรเย็นแล้วอยู่ในกุฏิคนเดียว อยู่ๆบาตรก็หมุนได้เอง บางคนอื่นเวลาอยู่คนเดียวก็รู้สึกว่าเหมือนมีใครมายืนอยู่ข้างหลัง และมักจะมีเลือดหยดเป็นจุดๆตามพื้นกุฏิ ซึ่งอันนี้ผมก็เห็น จนเรื่องมันบานปลายไปถึงหูพระอาจารย์ แรกๆไม่มีใครเชื่อ พระอาจารย์เองก็ยังบอกว่าอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้ คิดไปเองเรื่องพวกนี้ไม่มีอยู่จริงหรอก ที่นี่เป็นวัดเป็นที่ที่ทำความดี ไม่มีหรอกเรื่องพวกนี้ เมื่อเรื่องมันเริ่มเยอะขี้น น้องเณรบางองค์ก็เริ่มกลัว ผมเองก็กลัวจึงมีการเรียกประชุมกันทั้งกุฏิตอนประมาณซักสามทุ่มได้ พระอาจารย์ก็มาให้โอวาท ว่าอย่าไปกลัว บางทีเค้าอาจจะต้องการส่วนบุญอะไรก็ได้ ประมาณนี้ พอให้โอวาทและปลอบขวัญกำลังใจเสร็จ พระอาจารย์ก็ได้ให้พวกเราทั้งหมด นั่งสมาธิแล้วอุทิศบุญกุศลไปให้พวกเค้าทั้งหลาย พอนั่งสมาธิอะไรเสร็จก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว ก็แยกย้ายกันไปนอน
...............หลังจากที่ผมเช็คจำนวนสามเณรว่าจำวัดกันครบเรียบร้อยแล้ว ผมก็เข้ามาในห้อง แต่ผมก็ยังกลัวๆอยู่ เลยชวนน้องชายกับหลานสองคน นั่งสมาธิกันอีกรอบหนึ่ง ครับ ระหว่างที่กำลังนั่งสมาธิกันนั้น มันมีเสียงเหมือนคนๆหนึ่งในสี่คนลุกขี้น ได้ยินเสียงเท้าเดิน "แชะๆ" ไปที่หน้าต่าง แล้วก็เลื่อนกระจก เพื่อไป

น้ำลาย "ขากกกกถุ้ย" คือเสียงมันชัดมากจนผมเองก็คิดว่าคงเป็นใครในสี่คนนี้ที่ไปแน่ๆ แต่ไม่มีเสียงปิดหน้าต่างนะครับ มีแค่เสียงเปิด พอนั่งสมาธิเสร็จ แผ่เมตตาอะไรกันเสร็จ กำลังจะเข้านอนผมก็ถามว่า "เมื่อกี้ใครลุกไป

น้ำลายอ่ะ ไม่รอให้นั่งสมาธิให้เสร็จก่อนค่อยลุกก็ได้" แต่สิ่งพวกน้องๆถามผมคือ "อ่าวไม่ใช่พี่เหรอ ผมนึกว่าพี่ลุก ได้ยินเสียงมันลุกจากข้างหน้าผม " อีกคนก็ " อ่าวไม่ใช่เอ็งหรอ " ถามใครก็บอกอีกคนลุก ตกลงเมื่อกี้ไม่มีได้มีใครลุก แล้วไอ้เสียงลุก เดิน และเปิดหน้าต่างเมื่อกี้น่ะใคร ไม่รีรอครับ คลุมโปงทันที หน้าต่างที่เปิดอยู่ก็คงไว้อย่างงั้นเหละครับ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีเรื่องแปลกเกิดขี้นอีกเลย ทุกอย่างสงบจนผมเรียนจบล่ะครับ ............จบเรื่องที่ 1 ครับ
เรื่องที่ 2
เรื่องนี้เมื่อปีที่แล้วนี่เอง ประมาณตุลา ตอนนั้นเป็นช่วงทำโปรเจตจบที่จ.ลำปาง ผมไปเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนอีกสองคน รวมผมเป็นสาม ตัวบ้านเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวเล็กๆ ในบ้านมีห้องเล็กๆ3ห้องพออยู่ได้ ละแวกนั้นเป็นแถวชานเมือง อยู่ติดกับทางรถไฟ ข้างๆก็จะเป็นคูน้ำที่ขุดไว้ และเคยมีคนตกน้ำตายด้วย ตกเย็นมาบรรยากาศบริเวณนั้นจะเงียบมาก ไม่ค่อยมีบ้านคนอยุ่แค่หกโมงเย็นก็เงียบอย่างกะป่าช้าละ ตอนแรกเห็นบรรยากาศแทบไม่อยากจะอยู่แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัดและช่วงนั้นเปิดเทอมแล้วหาหออยู่ยากมาก เอาวะทนอยู่แค่เดือนสองเดือนก็เสร็จแล้ว แต่ผมเป็นคนกลัวผีมากก เวลาจะนอนคือทำไงก็ได้ให้ตัวเองรีบหลับให้เร็วที่สุดหรือไม่ก็ไม่นอนเลยทั้งคืนเปิดไฟไว้ รอเช้าๆได้ยินเสียงรถไฟค่อยนอน ก็อยู่มาได้อาทิตหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขี้น แต่แล้ว มีอยู่คืนหนึ่ง ผมอ่านหนังสืออยู่ประมาณตีสอง คือผังห้องผมจะอยู่ติดกับทางเดินข้างนอกพอดีเลย ถ้าใครเดินมาจะได้ยินหมด คืนนั้นก็อ่านหนังสือไปไม่คิดอะไร หลังผมก็พิงกับผนังห้อง จู่ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินอยู่กับที่อยู่ข้างหลังตรงทางเดิน แค่มีผนังกั้นไว้ ตอนแรกผมก็นึกว่าเพื่อนห้องข้างคงเดินมาเข้าห้องน้ำ เนื่องจากห้องน้ำอยู่ข้างนอกบ้านและเพื่อนคนนี้มันชอบเล่นเกมส์กลับมาก็ดึกๆ ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร อ่านหนังสือไป แต่ทำไมมันเดินอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนและเสียงเดินมันตรงกับที่ที่ผมนั่งเลย เดินอยู่ที่เดิมสิบนาทีผ่านเสียงก็ยังอยู่ ใจผมยังคิดในแง่ดีว่าเพื่อนคนทำอะไรตกเลยมาหา 15 นาทีผ่านไปเสียงก็ยังอยู่ ที่เดิมแบบเดิม ที่นี้ผมเริ่มตั้งเวลาว่ามันจะหยุดเมื่อไหร่ทำใจสู้ไว้อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้ ผ่านไป 30 นาทีกว่าเสียงก็ยังอยู่ ทีนี้มันคงไม่ใช่แล้วล่ะ เสียงเดินอยู่กับที่เป็นครึ่งชั่วโมง จังหวะการเดินเหมือนกันทุกก้าว ไม่ใช่ละ ลำปางช่วงนั้นหนาวแล้วด้วยคงไม่มีใครจะบ้ามาทำอะไรดึกแบบนี้หรอก ปิดหนังสือ ปิดไฟ คลุมโปงเลยครับ เสียงเดินมันยังอยู่ไม่ไปไหนเกือบสิบนาทีหลังจากผมนอนเสียงก็หายไป ไม่เดินอยู่กับที่แล้ว คราวเดินรอบบ้านเลย ได้ยินชัดๆ แต่ไม่เสียงการเดินไม่ได้หนักอย่างเมื่อกี้แล้ว เป็นเสียงเดินเบา แต่เร็วมาก โอ้โหนอนไม่หลับทั้งคืน โครตกลัวเดินวนอยู่อย่างงั้น ผมได้แต่นอนเหงื่อตกไม่กล้าเปิดผ้าห่ม ฟ้งเสียงเดินไปเรื่อยๆและเรื่อยๆจนเสียงมันหายไป ซักพักเสียงรถไฟมา โอ้อุ่นใจขี้นมาทันทีเลย จะเช้าแล้ว แล้วก็เผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีก็เที่ยง ไปเล่าให้เพื่อนฟ้ง คนนี้ไม่ใช่คนที่เล่นเกมนะครับ คนนี้อยู่อีกห้อง พอเล่าเสร็จเพื่อนมันบอกว่า เมื่อคืนไอ้เพื่อนที่มันชอบไปเล่นเกมดึกมันไม่ได้กลับห้อง(คงจะเล่นยันเช้าแหละ) และที่ซ็อกกว่านั้นคือ เพื่อนมันบอกว่า ไอ้คนที่มันชอบเล่นเกมดึกๆน่ะ มันเคยเป็นบวชเรียนมาและพัดลมที่มันเอาใช้ เป็นพัดลมที่อุทิศให้กับคนตาย มันเอามาจากวัดที่มันเคยเรียนอยู่ สังสัยเค้ามาตามทวงของเค้าแน่เลย เพื่อนก็ให้พระกับผมไว้ หลังจากนั้นก็ยังฝืนอยู่ห้องเดิมแต่ว่านอนไม่หลับไปหลายคืน บางวันก็ไม่นอนอยู่ยันเช้า แต่สุดท้ายก้อไม่ได้ย้ายไปไหนทนอยู่ที่นั่นจนชินละครับ จบครับ ...........ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ ใครมีเรื่องเล่ามาเล่าให้ฟ้งด้วยนะครับ
เรื่องผีๆที่เคยสัมผัสเจอ
เรื่องที่ 1.
สมัยเรียนมัธยม ผมบวชเรียนอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ การเข้าไปอยู่ในวัดก็แบบที่ทุกคนรู้ๆกัน ว่าอาจจะมีเรื่องผีๆอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยพบเจอเลย มีแต่โดนคนอื่นหลอกว่าอย่างโน่นอย่างนี้ เจอจริงๆไม่เคยเลย แต่...ก็ได้มาสัมผัสกับตัวเองล่ะครับ ตอนนั้นปี 49 ผมอยู่ม.3แล้ว ได้รับมอบหมายให้เป็นพี่เณร(หัวหน้า) โดยจะให้คุ้มกุฏิ(หอพัก)ที่มีน้องๆเณรที่อยู่ชั้นม.2-ม.3จำวัดกัน(นอน) ตัวกุฏิเป็นแบบอาคารชั้นเดียว กว้างๆ อาศัยอยู่กัน 50 กว่าองค์และในกุฏิจะมีห้องเดี่ยวๆห้องหนึ่งให้ผมจำวัด ผมไม่ได้นอนคนเดียวนะครับ มีน้องชายและหลานชายอีกสององค์พักอยู่ด้วยกันในนั้น แยกจากพวกน้องเณรรูปอื่น จุตเริ่มต้นคือ มักจะได้มีน้องเณรบางคนที่ไม่ไปทำวัตรเย็น(สวดมนต์)หรือหลังจากทำวัตรเย็นเสร็จก็เดินกลับก่อน เณรบางรูปที่กลับมาก่อนก็มักเห็นคนอยู่ในกุฏิ (นิดหนึ่งครับตัวกุฏิมีหน้าต่างเป็นกระจกบานเลื่อนใสๆ) แต่พอเข้ามาในถึงในกุฏิจริงๆกลับไม่มีใครอยู่ มีน้องเณรคนหนึ่งเล่าให้ฟ้งว่า วันนั้นแกไม่ไปทำวัตรเย็นแล้วอยู่ในกุฏิคนเดียว อยู่ๆบาตรก็หมุนได้เอง บางคนอื่นเวลาอยู่คนเดียวก็รู้สึกว่าเหมือนมีใครมายืนอยู่ข้างหลัง และมักจะมีเลือดหยดเป็นจุดๆตามพื้นกุฏิ ซึ่งอันนี้ผมก็เห็น จนเรื่องมันบานปลายไปถึงหูพระอาจารย์ แรกๆไม่มีใครเชื่อ พระอาจารย์เองก็ยังบอกว่าอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้ คิดไปเองเรื่องพวกนี้ไม่มีอยู่จริงหรอก ที่นี่เป็นวัดเป็นที่ที่ทำความดี ไม่มีหรอกเรื่องพวกนี้ เมื่อเรื่องมันเริ่มเยอะขี้น น้องเณรบางองค์ก็เริ่มกลัว ผมเองก็กลัวจึงมีการเรียกประชุมกันทั้งกุฏิตอนประมาณซักสามทุ่มได้ พระอาจารย์ก็มาให้โอวาท ว่าอย่าไปกลัว บางทีเค้าอาจจะต้องการส่วนบุญอะไรก็ได้ ประมาณนี้ พอให้โอวาทและปลอบขวัญกำลังใจเสร็จ พระอาจารย์ก็ได้ให้พวกเราทั้งหมด นั่งสมาธิแล้วอุทิศบุญกุศลไปให้พวกเค้าทั้งหลาย พอนั่งสมาธิอะไรเสร็จก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว ก็แยกย้ายกันไปนอน
...............หลังจากที่ผมเช็คจำนวนสามเณรว่าจำวัดกันครบเรียบร้อยแล้ว ผมก็เข้ามาในห้อง แต่ผมก็ยังกลัวๆอยู่ เลยชวนน้องชายกับหลานสองคน นั่งสมาธิกันอีกรอบหนึ่ง ครับ ระหว่างที่กำลังนั่งสมาธิกันนั้น มันมีเสียงเหมือนคนๆหนึ่งในสี่คนลุกขี้น ได้ยินเสียงเท้าเดิน "แชะๆ" ไปที่หน้าต่าง แล้วก็เลื่อนกระจก เพื่อไป
เรื่องที่ 2
เรื่องนี้เมื่อปีที่แล้วนี่เอง ประมาณตุลา ตอนนั้นเป็นช่วงทำโปรเจตจบที่จ.ลำปาง ผมไปเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนอีกสองคน รวมผมเป็นสาม ตัวบ้านเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวเล็กๆ ในบ้านมีห้องเล็กๆ3ห้องพออยู่ได้ ละแวกนั้นเป็นแถวชานเมือง อยู่ติดกับทางรถไฟ ข้างๆก็จะเป็นคูน้ำที่ขุดไว้ และเคยมีคนตกน้ำตายด้วย ตกเย็นมาบรรยากาศบริเวณนั้นจะเงียบมาก ไม่ค่อยมีบ้านคนอยุ่แค่หกโมงเย็นก็เงียบอย่างกะป่าช้าละ ตอนแรกเห็นบรรยากาศแทบไม่อยากจะอยู่แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัดและช่วงนั้นเปิดเทอมแล้วหาหออยู่ยากมาก เอาวะทนอยู่แค่เดือนสองเดือนก็เสร็จแล้ว แต่ผมเป็นคนกลัวผีมากก เวลาจะนอนคือทำไงก็ได้ให้ตัวเองรีบหลับให้เร็วที่สุดหรือไม่ก็ไม่นอนเลยทั้งคืนเปิดไฟไว้ รอเช้าๆได้ยินเสียงรถไฟค่อยนอน ก็อยู่มาได้อาทิตหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขี้น แต่แล้ว มีอยู่คืนหนึ่ง ผมอ่านหนังสืออยู่ประมาณตีสอง คือผังห้องผมจะอยู่ติดกับทางเดินข้างนอกพอดีเลย ถ้าใครเดินมาจะได้ยินหมด คืนนั้นก็อ่านหนังสือไปไม่คิดอะไร หลังผมก็พิงกับผนังห้อง จู่ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินอยู่กับที่อยู่ข้างหลังตรงทางเดิน แค่มีผนังกั้นไว้ ตอนแรกผมก็นึกว่าเพื่อนห้องข้างคงเดินมาเข้าห้องน้ำ เนื่องจากห้องน้ำอยู่ข้างนอกบ้านและเพื่อนคนนี้มันชอบเล่นเกมส์กลับมาก็ดึกๆ ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร อ่านหนังสือไป แต่ทำไมมันเดินอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนและเสียงเดินมันตรงกับที่ที่ผมนั่งเลย เดินอยู่ที่เดิมสิบนาทีผ่านเสียงก็ยังอยู่ ใจผมยังคิดในแง่ดีว่าเพื่อนคนทำอะไรตกเลยมาหา 15 นาทีผ่านไปเสียงก็ยังอยู่ ที่เดิมแบบเดิม ที่นี้ผมเริ่มตั้งเวลาว่ามันจะหยุดเมื่อไหร่ทำใจสู้ไว้อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้ ผ่านไป 30 นาทีกว่าเสียงก็ยังอยู่ ทีนี้มันคงไม่ใช่แล้วล่ะ เสียงเดินอยู่กับที่เป็นครึ่งชั่วโมง จังหวะการเดินเหมือนกันทุกก้าว ไม่ใช่ละ ลำปางช่วงนั้นหนาวแล้วด้วยคงไม่มีใครจะบ้ามาทำอะไรดึกแบบนี้หรอก ปิดหนังสือ ปิดไฟ คลุมโปงเลยครับ เสียงเดินมันยังอยู่ไม่ไปไหนเกือบสิบนาทีหลังจากผมนอนเสียงก็หายไป ไม่เดินอยู่กับที่แล้ว คราวเดินรอบบ้านเลย ได้ยินชัดๆ แต่ไม่เสียงการเดินไม่ได้หนักอย่างเมื่อกี้แล้ว เป็นเสียงเดินเบา แต่เร็วมาก โอ้โหนอนไม่หลับทั้งคืน โครตกลัวเดินวนอยู่อย่างงั้น ผมได้แต่นอนเหงื่อตกไม่กล้าเปิดผ้าห่ม ฟ้งเสียงเดินไปเรื่อยๆและเรื่อยๆจนเสียงมันหายไป ซักพักเสียงรถไฟมา โอ้อุ่นใจขี้นมาทันทีเลย จะเช้าแล้ว แล้วก็เผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีก็เที่ยง ไปเล่าให้เพื่อนฟ้ง คนนี้ไม่ใช่คนที่เล่นเกมนะครับ คนนี้อยู่อีกห้อง พอเล่าเสร็จเพื่อนมันบอกว่า เมื่อคืนไอ้เพื่อนที่มันชอบไปเล่นเกมดึกมันไม่ได้กลับห้อง(คงจะเล่นยันเช้าแหละ) และที่ซ็อกกว่านั้นคือ เพื่อนมันบอกว่า ไอ้คนที่มันชอบเล่นเกมดึกๆน่ะ มันเคยเป็นบวชเรียนมาและพัดลมที่มันเอาใช้ เป็นพัดลมที่อุทิศให้กับคนตาย มันเอามาจากวัดที่มันเคยเรียนอยู่ สังสัยเค้ามาตามทวงของเค้าแน่เลย เพื่อนก็ให้พระกับผมไว้ หลังจากนั้นก็ยังฝืนอยู่ห้องเดิมแต่ว่านอนไม่หลับไปหลายคืน บางวันก็ไม่นอนอยู่ยันเช้า แต่สุดท้ายก้อไม่ได้ย้ายไปไหนทนอยู่ที่นั่นจนชินละครับ จบครับ ...........ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ ใครมีเรื่องเล่ามาเล่าให้ฟ้งด้วยนะครับ