*กราบสวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน กระผมเพิ่งจะตั้งกระทู้นี้เป็นกระทู้แรก หากผิดพลาดยังไงก็ขออภัยด้วยนะครับ
** ช่วงนี้อาจเห็นกระทู้แนวลด น้ำหนักบ่อยนะครับ แต่ผมกลับดีใจ เพราะอย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าการลดน้ำหนักเนี้ย มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงเราตั้งใจทำให้ได้ และที่สำคัญคือต้องมี
แรงบันดาลใจครับ
---กระทู้นี้ก็เป็นอีกหลายๆกระทู้คับที่แชร์ความสำเร็จและขอให้เป็นตัวจุดประกายไฟในตัวทุกคนให้กลับมาติดอีกครั้ง----
----[ประวัติความอ้วนของกระผม(ไม่อ่านข้ามไปได้เลยครับ)]---
จริงๆผมเองอยากแชร์ประสบการณ์ การลดน้ำหนักมานาน แล้ว แต่เพิ่งจะว่าง เริ่มเลยละกัน ผมเป็นนักศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งครับ อยู่ปี4 ตั้งแต่จำความได้ ผมก็..... ผอมครับ ผอมกระหร่อง แห้ง หุ่นเหมือนเด็ก เอทิโอเปียขาดสารอาหาร ขี้ก้างมากกก ข้าวไม่ค่อยกิน ญาติๆแนะนำให้กินตูดไก่ ญาติบอกจะได้อ้วนๆเดี๋ยวจะไม่โตเอา ซึ่งผมก็ชอบนะ (ตอนนั้นหนะนะ ตอนนี้แค่เห็นก็อ้วกพุ่งแล้ว) กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนซักที ตะตะแต่มันเริ่มตั้งแต่พ่อกับแม่ผมเริ่มมีกลุ่มความคิดที่ว่า เราพาลูกเราไปว่ายน้ำดีกว่าเดี๋ยวจะไม่โต เท่านั้นแหละครับก็ถึงจุดเปลี่ยน
พ่อกับแม่ผมพาไปว่ายน้ำตั้งแต่ป.2
หลังจากเรียนเสร็จขึ้นมาก็จะ ยัดเลยครับ
(เป็นกริยาช่องที่ 2 ของกิน) ยัดมันทุกอย่าง ตั้งแต่ชีสเบอร์เกอร์+แซนวิสแฮมชีส+บาบีคิว 10ไม้ +ลูกชิ้นทอด5ไม้ +โรตีใส่ไข่ใส่กล้วย+เลย์ห่อละ20+นมรสส้ม2 ถุง นี่คือสิ่งที่เด็กป.2กิน ในมื้อเดียว ผมทำแบบนี้ทุกวันที่ไปเรียนว่ายน้ำ (เรียนว่ายน้ำตั้งแต่ป.2 ถึง ป.6) หลังจากนั้นน้ำหนักผมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ
พุ่งเป็นดัชนีดาวน์โจน เลยครับ ขึ้นปีนึงนี่ 5-10 โล (ว่ายน้ำนี่ไม่ได้ช่วยอารายเลยช่ายม้ายยยย) เนื่องจากกินเยอะเกินจำเป็น หลังจากนั้นผมก็อ้วนมาโดยตลอด
---[เคยลดน้ำหนักมาก่อนไหม]---
ต้องบอกก่อนเลยว่าเคยลดน้ำหนักมาแล้วหลายรอบมากๆ ลองแบบสูตร อดอาหาร ไม่กินข้าวเย็น (แต่ตรูกินข้าวมืดเอาเฟร่ย 5555) กินผักสลัด ส้มตำ น้ำพริกผักสด ผักต้ม พยายามสุดๆ แล้วก็ท้อ กลับมากินแล้วก็อ้วนใหม่ (หนักกว่าเดิมอีกเพราะลดผิดวิธีผิดหลักเลย YOYO)
(**YOYO Effect คืออาการหลังจากที่เราลดปริมาณอาหารลง ร่างกายอันชาญฉลาดของเราจะเริ่มรับรู้ได้ว่าเราลดอาหาร ร่างกายเราจึงคิดว่าเราอดตาย

ผลคือร่างกายจะเริ่มลดการเผาพลาญลง เรื่อยๆ จนแทบไม่เผาพลาญ ส่งผลให้น้ำหนักไม่ลง เลยท้อ พอท้อเลยกลับไปกิน กินมาเรื่อยๆจนเกินจำเป็น สุดท้ายเลยอ้วนขึ้น ) ไม่เคยใช้ยาลดความอ้วนนะครับเพราะน้องเคยมาเล่าให้ฟัง ว่าเพื่อนมันทานแล้ว วูปเป็นลมไปต่อหน้าต่อตาเลย เลยกลัวเลยครับ การพยายามครั้งเกือบสุดท้าย ก่อนลดคือช่วง ปวช.2 นน.อยู่ประมาน 92กก. หักดิบไม่กินข้าวเย็น ทานผักสลัดอย่างเดียว นน.ลดไวมาก รู้สึกว่าจะสองเดือน เหลือ 85กก. ตอน รุ้สึกว่ามันเหนื่อยเหลือเกิน คิดช้าเฉื่อยสมองตื้อ เดินงง เลยเลิกครับคิดว่าพอละ 85 คือโอเค กลับมากินปกติ เท่านั้นแหละ น้ำหนักทะยานไปเป็น 95 ในเวลาอันรวดเร็ว เกิดอาการท้อครับ เลยปล่อยตัวยาว ผลคือ
น้ำหนักเริ่มเยอะครับตอนนี้ 90โล โดยหลอกตัวเองว่า ยังดูดีอยู่ครับโดยปล่อยตัวมาเรื่อยๆ

ตอนนี้ปี1 ครับ

คือตอนนี้น้ำหนักประมาน 95 กิโลครับแต่ให้กำลังใจตัวเองว่ายังได้อยู่หน่าาาา

และน้ำหนักมันก็ขึ้นมาเรื่อยๆคับ ตอนปี2 สิ่งที่ถนัดที่สุดคือ กิน

กิน

กิน และน้ำหนักก็ขึ้นมาเรื่อยๆ จนมาถึง 99.8 โดยที่ผมไม่รู้ตัว
---[แรงบันดาลใจในการลดนน.]---
ช่วงพฤษาคมปีที่แล้ว (2557) มีรายการนึงชื่อรายการ What the fat ใน Youtube (จิงๆรายการนี้มีตั้งแต่เดือน เมษายน ตอนนั้นผมเรียนอยู่มหาลัยปี2 ครับช่วงปิดเทอม) ครับเป็นรายการดีมากๆ บอกถึงเรื่องการลดความอ้วน แล้วมีพี่ จอร์จ เป็นพรีเซ็นเตอร์ครับ ส่วนตัวนั่งดูไปก็ไม่ได้คิดอะไรคือเห็นแล้วก็อ้อพี่เค้าเก่งเนอะผอมลงเรื่อยๆ จนมีอยู่วันนึงเพื่อนมันชวนไปงาน สมนาของบริษัทที่น้าเขาทำอยู่ เราเลยมีโอกาศชั่งน้ำหนักแบบละเอียด ของเครื่องชั่งนน. Tanita รุ่นอะไรสักอย่าง เครื่องมันวัดละเอียดมาก bmr, bmi, body fat%, body mucle, น้ำหนัก และ metabolism(ระบบเผาพลาญ) เพื่อนผมไปกันสองคนครับ ชื่อเฟิร์ส กับม่อน อายุเท่ากันคือ 20ปี บริบูรณ์พูนสุข
ม่อนขึ้นเขียงคนแรกครับ ชั่งออกมา (เอาคราวๆนะจำไม่ค่อยได้) อายุ20 ระบบเผาพลาญ เท่าคนอายุ 22 ผมก็แซวไอม่อน ว่าเฮ้ยไมระบบเผาพลาญเกินอายุวะ (แหนะไม่เจียม) ต่อมาเฟิร์สขึ้นช่างเป็นคนที่สอง ชั่งออกมา อายุ20 ระบบเผาพลาญเท่าคนอายุ 16 (อันนี้ไม่ค่อยแปลกใจ เพราะเฟิร์สเป็นผู้ชายตัวเล็ก) พอถึงตาเราขึ้นช่างป้าปปปป ผลออกมา อายุ 20 ระบบเผาพลาญ เท่าคนอายุ 44!!!!! OH MY HOLY SHIT !!! (แปลตรงตัว โอ้โหอึศักดิ์สิทธ์)คือระบบเผาพลาญพังอะพูดง่ายๆ กลับมานั่งซึมเลย ประกอบกับช่วงนั่นต้องทำใบขับขี่ เลยต้องไปตรวจสุขภาพจำได้ว่าวันก่อนไปตรวจนอนดึก นอนประมาน 5 ชั่วโมง ทุกขั้นตอนผ่านไปด้วยดีจนถึงขั้นตอนวัดความดัน พอถึงที่ปุ๊ปหมอก็วัดความดันเลย ปรากฏว่า ความดันเกิน หมอบอกว่าคุณมีภาวะความดันโลหิตสูง เราก็กำลังจะอ้าปากบอกไปว่า ผมนอนดึก หมอสวนทันควัน เพราะคุณ
อ้วนไง คำนั้นกระทบในสมองผมซ้ำไปซ้ำมาประมาน 7000 กว่าทีแล้วจึงหายไป หมอเลยบอกว่า นี่อายุยังไม่ถึง 30 เลยความดันขึ้นขนาดนี้ แล้วนี้คุณมีโอกาศ เป็นความดัน เบาหวานมากกว่าคนปกติด้วยนะ ผมกลับมานอนคิด ถ้าเราจะใช้ life style แบบที่เป็นอยู่อย่างนี้ ผมคงไม่รอดแน่ๆผมเพิ่ง 20 แต่มีความดัน หัวใจ เบาหวาน มารอผมอยู่เนี่ยนะ ผมต้องทำ ทำอะไรซักอย่างแล้ว ให้เทอนี้ไม่แคล้วไม่คล้าดกัน ถุ้ย!!!! ผมจะเปลี่ยน เพื่อให้ตัวเรา อยู่กับคนที่เรารักได้นานขึ้นนนนนนนนน สู้โว้ยยยยยยยย
---[ก้าวแรกสู่การลดน้ำหนัก]---
หาแรงบันดาลใจ+หาไอดอลครับไม่ใช่เน็ตไอดอลนะ แต่เป็นไอดอลทางด้านหุ่นหรือ คนที่เป็นแรงก่อเกิดกำลังใจครับ ของผมแน่นอนครับ จากพี่จอร์จ GGTK อาจารย์มาร์ค จากThai top fitness chris evan(กัปตันอเมริกา) ศึกษาเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของความอ้วน สุขภาพและการออกกำลังกาย ซึ่งมันก็เข้าใจยากพอสมควรในช่วงแรกๆ
เลิก ทศนคติที่ว่าเดี๋ยวค่อยทำ พรุ่งนี้ค่อยทำ ทำมันซะตั้งแต่วันนี้ ตอนนี้เลยครับ ปกติเป็นคนชอบเอาขนมปังแช่ในตู้เย็นเยอะๆ หลังจากเริ่มลดน้ำหนักก็โล๊ะออกหมดเลยครับ เลิกกิน ไม่มีการเสียดายอะไรทั้งนั้น (โคตรเสียดายอะแต่ห้ามใจไว้) ทำความเข้าใจกับเรื่องอาหารว่า ต้องคุมอาหาร ห้ามอด เพราะยิ่งอดก็ยิ่งเสียสุขภาพแต่ใช้การเปลี่ยนไปกินของที่ดีขึ้น จากไก่ติดหนัง ก็ไปกิน อกไก่ลอกหนังแทน ทำความเข้าใจเรื่อง แคลอรี่ว่าทานเท่าไหร่จึงจะไม่อ้วน
หุ่นที่ผมเลือกเป็นไอดอลคือ
พี่บัวขาวครับ 55555555
ส่วนนี้หุ่นผมคับ กากเกงไซส์ 42
เริ่มแรกก็คุมอาหารและออกกำลังกายครับ เดี๋ยวนะนี่คุมแล้วเหลือ ตอนนี้ประมาน 92 กิโลคับ
แล้วก็เริ่มถึงจุดตันที่น้ำหนักเริ่มไม่ลง ผมจึงเริ่มออกกำลังกายด้วยการ โบกโบกโบกสะบัดแขนโบกโบกโบก ถุ้ย! ไม่ใช่นะครับ ผมจึงเริ่มการ คาดิโอ ด้วยวิ่ง ตอนนี้น้ำหนักประมาน 86 วันนี้คือวันที่กลับไปชั่งอีกรอบ แล้วผลออกมาว่าระบบเผาพลาญของผม เท่าคนอายุ 27 น้อยลงกว่าเดิมแล้วดีใจ แต่ยังต้องไปต่อ
อาหารที่กินช่วงแรกๆ ก็จะประมานนี้ครับ

ทานง้ายยยยยง่ายยยย ใส่ปาก เคี้ยวๆๆๆๆๆๆ กลืน

ทำให้ทันน่ากินเพราะ

แทบกินไม่ลง

ขออนุญาติกรอนิดนึงครับ เพราะไม่ค่อยมีรูปช่วงนี้เท่าไหร่ (เริ่มทุเรศตัวเอง)
เริ่มผอมแล้วครับ น้ำหนักประมาน 76

เล่นเวทเองที่บ้านครับไม่ค่อยได้เข้าฟิตเนส
เข้าสู่ช่วง 70 อันนี้เข้าฟิสเนทที่มหาลัยครับ
และหยุดที่ น้ำหนัก 67 ครับ กางเกงไซส์ 33

ซ้ายน้า ขวาหลาน(ผมเอง)
เป็นการเดินทางที่แสนจะยาวนานแต่ก็คุ้มค่ามากครับ
จากนี้ผมจะสรุปหัวข้อและคำถามต่างๆไว้นะครับ
[ร่วมสร้างแรงบันดาล] แชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนัก จาก 99.8 โล เหลือ 67.3 ลดไป 33 โล ภายในเวลา 12 เดือน (หนักภาพ)
** ช่วงนี้อาจเห็นกระทู้แนวลด น้ำหนักบ่อยนะครับ แต่ผมกลับดีใจ เพราะอย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าการลดน้ำหนักเนี้ย มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงเราตั้งใจทำให้ได้ และที่สำคัญคือต้องมี แรงบันดาลใจครับ
---กระทู้นี้ก็เป็นอีกหลายๆกระทู้คับที่แชร์ความสำเร็จและขอให้เป็นตัวจุดประกายไฟในตัวทุกคนให้กลับมาติดอีกครั้ง----
----[ประวัติความอ้วนของกระผม(ไม่อ่านข้ามไปได้เลยครับ)]---
จริงๆผมเองอยากแชร์ประสบการณ์ การลดน้ำหนักมานาน แล้ว แต่เพิ่งจะว่าง เริ่มเลยละกัน ผมเป็นนักศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งครับ อยู่ปี4 ตั้งแต่จำความได้ ผมก็..... ผอมครับ ผอมกระหร่อง แห้ง หุ่นเหมือนเด็ก เอทิโอเปียขาดสารอาหาร ขี้ก้างมากกก ข้าวไม่ค่อยกิน ญาติๆแนะนำให้กินตูดไก่ ญาติบอกจะได้อ้วนๆเดี๋ยวจะไม่โตเอา ซึ่งผมก็ชอบนะ (ตอนนั้นหนะนะ ตอนนี้แค่เห็นก็อ้วกพุ่งแล้ว) กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนซักที ตะตะแต่มันเริ่มตั้งแต่พ่อกับแม่ผมเริ่มมีกลุ่มความคิดที่ว่า เราพาลูกเราไปว่ายน้ำดีกว่าเดี๋ยวจะไม่โต เท่านั้นแหละครับก็ถึงจุดเปลี่ยน
พ่อกับแม่ผมพาไปว่ายน้ำตั้งแต่ป.2
หลังจากเรียนเสร็จขึ้นมาก็จะ ยัดเลยครับ
(เป็นกริยาช่องที่ 2 ของกิน) ยัดมันทุกอย่าง ตั้งแต่ชีสเบอร์เกอร์+แซนวิสแฮมชีส+บาบีคิว 10ไม้ +ลูกชิ้นทอด5ไม้ +โรตีใส่ไข่ใส่กล้วย+เลย์ห่อละ20+นมรสส้ม2 ถุง นี่คือสิ่งที่เด็กป.2กิน ในมื้อเดียว ผมทำแบบนี้ทุกวันที่ไปเรียนว่ายน้ำ (เรียนว่ายน้ำตั้งแต่ป.2 ถึง ป.6) หลังจากนั้นน้ำหนักผมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ
พุ่งเป็นดัชนีดาวน์โจน เลยครับ ขึ้นปีนึงนี่ 5-10 โล (ว่ายน้ำนี่ไม่ได้ช่วยอารายเลยช่ายม้ายยยย) เนื่องจากกินเยอะเกินจำเป็น หลังจากนั้นผมก็อ้วนมาโดยตลอด
---[เคยลดน้ำหนักมาก่อนไหม]---
ต้องบอกก่อนเลยว่าเคยลดน้ำหนักมาแล้วหลายรอบมากๆ ลองแบบสูตร อดอาหาร ไม่กินข้าวเย็น (แต่ตรูกินข้าวมืดเอาเฟร่ย 5555) กินผักสลัด ส้มตำ น้ำพริกผักสด ผักต้ม พยายามสุดๆ แล้วก็ท้อ กลับมากินแล้วก็อ้วนใหม่ (หนักกว่าเดิมอีกเพราะลดผิดวิธีผิดหลักเลย YOYO)
(**YOYO Effect คืออาการหลังจากที่เราลดปริมาณอาหารลง ร่างกายอันชาญฉลาดของเราจะเริ่มรับรู้ได้ว่าเราลดอาหาร ร่างกายเราจึงคิดว่าเราอดตาย
ผลคือร่างกายจะเริ่มลดการเผาพลาญลง เรื่อยๆ จนแทบไม่เผาพลาญ ส่งผลให้น้ำหนักไม่ลง เลยท้อ พอท้อเลยกลับไปกิน กินมาเรื่อยๆจนเกินจำเป็น สุดท้ายเลยอ้วนขึ้น ) ไม่เคยใช้ยาลดความอ้วนนะครับเพราะน้องเคยมาเล่าให้ฟัง ว่าเพื่อนมันทานแล้ว วูปเป็นลมไปต่อหน้าต่อตาเลย เลยกลัวเลยครับ การพยายามครั้งเกือบสุดท้าย ก่อนลดคือช่วง ปวช.2 นน.อยู่ประมาน 92กก. หักดิบไม่กินข้าวเย็น ทานผักสลัดอย่างเดียว นน.ลดไวมาก รู้สึกว่าจะสองเดือน เหลือ 85กก. ตอน รุ้สึกว่ามันเหนื่อยเหลือเกิน คิดช้าเฉื่อยสมองตื้อ เดินงง เลยเลิกครับคิดว่าพอละ 85 คือโอเค กลับมากินปกติ เท่านั้นแหละ น้ำหนักทะยานไปเป็น 95 ในเวลาอันรวดเร็ว เกิดอาการท้อครับ เลยปล่อยตัวยาว ผลคือ
น้ำหนักเริ่มเยอะครับตอนนี้ 90โล โดยหลอกตัวเองว่า ยังดูดีอยู่ครับโดยปล่อยตัวมาเรื่อยๆ
ตอนนี้ปี1 ครับ
คือตอนนี้น้ำหนักประมาน 95 กิโลครับแต่ให้กำลังใจตัวเองว่ายังได้อยู่หน่าาาา
และน้ำหนักมันก็ขึ้นมาเรื่อยๆคับ ตอนปี2 สิ่งที่ถนัดที่สุดคือ กิน
กิน
กิน และน้ำหนักก็ขึ้นมาเรื่อยๆ จนมาถึง 99.8 โดยที่ผมไม่รู้ตัว
---[แรงบันดาลใจในการลดนน.]---
ช่วงพฤษาคมปีที่แล้ว (2557) มีรายการนึงชื่อรายการ What the fat ใน Youtube (จิงๆรายการนี้มีตั้งแต่เดือน เมษายน ตอนนั้นผมเรียนอยู่มหาลัยปี2 ครับช่วงปิดเทอม) ครับเป็นรายการดีมากๆ บอกถึงเรื่องการลดความอ้วน แล้วมีพี่ จอร์จ เป็นพรีเซ็นเตอร์ครับ ส่วนตัวนั่งดูไปก็ไม่ได้คิดอะไรคือเห็นแล้วก็อ้อพี่เค้าเก่งเนอะผอมลงเรื่อยๆ จนมีอยู่วันนึงเพื่อนมันชวนไปงาน สมนาของบริษัทที่น้าเขาทำอยู่ เราเลยมีโอกาศชั่งน้ำหนักแบบละเอียด ของเครื่องชั่งนน. Tanita รุ่นอะไรสักอย่าง เครื่องมันวัดละเอียดมาก bmr, bmi, body fat%, body mucle, น้ำหนัก และ metabolism(ระบบเผาพลาญ) เพื่อนผมไปกันสองคนครับ ชื่อเฟิร์ส กับม่อน อายุเท่ากันคือ 20ปี บริบูรณ์พูนสุข
ม่อนขึ้นเขียงคนแรกครับ ชั่งออกมา (เอาคราวๆนะจำไม่ค่อยได้) อายุ20 ระบบเผาพลาญ เท่าคนอายุ 22 ผมก็แซวไอม่อน ว่าเฮ้ยไมระบบเผาพลาญเกินอายุวะ (แหนะไม่เจียม) ต่อมาเฟิร์สขึ้นช่างเป็นคนที่สอง ชั่งออกมา อายุ20 ระบบเผาพลาญเท่าคนอายุ 16 (อันนี้ไม่ค่อยแปลกใจ เพราะเฟิร์สเป็นผู้ชายตัวเล็ก) พอถึงตาเราขึ้นช่างป้าปปปป ผลออกมา อายุ 20 ระบบเผาพลาญ เท่าคนอายุ 44!!!!! OH MY HOLY SHIT !!! (แปลตรงตัว โอ้โหอึศักดิ์สิทธ์)คือระบบเผาพลาญพังอะพูดง่ายๆ กลับมานั่งซึมเลย ประกอบกับช่วงนั่นต้องทำใบขับขี่ เลยต้องไปตรวจสุขภาพจำได้ว่าวันก่อนไปตรวจนอนดึก นอนประมาน 5 ชั่วโมง ทุกขั้นตอนผ่านไปด้วยดีจนถึงขั้นตอนวัดความดัน พอถึงที่ปุ๊ปหมอก็วัดความดันเลย ปรากฏว่า ความดันเกิน หมอบอกว่าคุณมีภาวะความดันโลหิตสูง เราก็กำลังจะอ้าปากบอกไปว่า ผมนอนดึก หมอสวนทันควัน เพราะคุณอ้วนไง คำนั้นกระทบในสมองผมซ้ำไปซ้ำมาประมาน 7000 กว่าทีแล้วจึงหายไป หมอเลยบอกว่า นี่อายุยังไม่ถึง 30 เลยความดันขึ้นขนาดนี้ แล้วนี้คุณมีโอกาศ เป็นความดัน เบาหวานมากกว่าคนปกติด้วยนะ ผมกลับมานอนคิด ถ้าเราจะใช้ life style แบบที่เป็นอยู่อย่างนี้ ผมคงไม่รอดแน่ๆผมเพิ่ง 20 แต่มีความดัน หัวใจ เบาหวาน มารอผมอยู่เนี่ยนะ ผมต้องทำ ทำอะไรซักอย่างแล้ว ให้เทอนี้ไม่แคล้วไม่คล้าดกัน ถุ้ย!!!! ผมจะเปลี่ยน เพื่อให้ตัวเรา อยู่กับคนที่เรารักได้นานขึ้นนนนนนนนน สู้โว้ยยยยยยยย
---[ก้าวแรกสู่การลดน้ำหนัก]---
หาแรงบันดาลใจ+หาไอดอลครับไม่ใช่เน็ตไอดอลนะ แต่เป็นไอดอลทางด้านหุ่นหรือ คนที่เป็นแรงก่อเกิดกำลังใจครับ ของผมแน่นอนครับ จากพี่จอร์จ GGTK อาจารย์มาร์ค จากThai top fitness chris evan(กัปตันอเมริกา) ศึกษาเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของความอ้วน สุขภาพและการออกกำลังกาย ซึ่งมันก็เข้าใจยากพอสมควรในช่วงแรกๆ เลิก ทศนคติที่ว่าเดี๋ยวค่อยทำ พรุ่งนี้ค่อยทำ ทำมันซะตั้งแต่วันนี้ ตอนนี้เลยครับ ปกติเป็นคนชอบเอาขนมปังแช่ในตู้เย็นเยอะๆ หลังจากเริ่มลดน้ำหนักก็โล๊ะออกหมดเลยครับ เลิกกิน ไม่มีการเสียดายอะไรทั้งนั้น (โคตรเสียดายอะแต่ห้ามใจไว้) ทำความเข้าใจกับเรื่องอาหารว่า ต้องคุมอาหาร ห้ามอด เพราะยิ่งอดก็ยิ่งเสียสุขภาพแต่ใช้การเปลี่ยนไปกินของที่ดีขึ้น จากไก่ติดหนัง ก็ไปกิน อกไก่ลอกหนังแทน ทำความเข้าใจเรื่อง แคลอรี่ว่าทานเท่าไหร่จึงจะไม่อ้วน
หุ่นที่ผมเลือกเป็นไอดอลคือ
พี่บัวขาวครับ 55555555
ส่วนนี้หุ่นผมคับ กากเกงไซส์ 42
เริ่มแรกก็คุมอาหารและออกกำลังกายครับ เดี๋ยวนะนี่คุมแล้วเหลือ ตอนนี้ประมาน 92 กิโลคับ
แล้วก็เริ่มถึงจุดตันที่น้ำหนักเริ่มไม่ลง ผมจึงเริ่มออกกำลังกายด้วยการ โบกโบกโบกสะบัดแขนโบกโบกโบก ถุ้ย! ไม่ใช่นะครับ ผมจึงเริ่มการ คาดิโอ ด้วยวิ่ง ตอนนี้น้ำหนักประมาน 86 วันนี้คือวันที่กลับไปชั่งอีกรอบ แล้วผลออกมาว่าระบบเผาพลาญของผม เท่าคนอายุ 27 น้อยลงกว่าเดิมแล้วดีใจ แต่ยังต้องไปต่อ
อาหารที่กินช่วงแรกๆ ก็จะประมานนี้ครับ
ทานง้ายยยยยง่ายยยย ใส่ปาก เคี้ยวๆๆๆๆๆๆ กลืน
ทำให้ทันน่ากินเพราะ
ขออนุญาติกรอนิดนึงครับ เพราะไม่ค่อยมีรูปช่วงนี้เท่าไหร่ (เริ่มทุเรศตัวเอง)
เริ่มผอมแล้วครับ น้ำหนักประมาน 76
เล่นเวทเองที่บ้านครับไม่ค่อยได้เข้าฟิตเนส
เข้าสู่ช่วง 70 อันนี้เข้าฟิสเนทที่มหาลัยครับ
และหยุดที่ น้ำหนัก 67 ครับ กางเกงไซส์ 33
ซ้ายน้า ขวาหลาน(ผมเอง)
เป็นการเดินทางที่แสนจะยาวนานแต่ก็คุ้มค่ามากครับ
จากนี้ผมจะสรุปหัวข้อและคำถามต่างๆไว้นะครับ