กทมเตรียมปรับขึ้นราคารถไฟฟ้าไม่เกิน 65 บาทตลอดสาย


วันที่ 8 ตุลาคม 2568 ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยแนวทางดำเนินการเรื่องชำระหนี้บีทีเอสซี และการดำเนินการเกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย โดยยืนยันความพร้อมในการชำระหนี้ตามคำสั่งศาลปกครองในคดีที่ 2 มีกำหนดจะดำเนินการจ่ายภายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ จำนวนเงินที่ต้องจ่ายเต็มก้อนอยู่ที่ประมาณ 32,000 ล้านบาท การชำระหนี้จำนวนดังกล่าวจะใช้เงินจาก "เงินสะสมจ่ายขาด" ซึ่งเป็นเงินที่ไม่มีภาระผูกพัน แม้ว่าจำนวน 3 หมื่นกว่าล้านบาทนี้ จะทำให้เงินสะสมจ่ายขาดลดลง แต่คาดว่าจะยังเหลือเงินสำรองประมาณ 5,000 ถึง 6,000 ล้านบาท และไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของ กทม.

นายชัชชาติ กล่าวว่า การตัดสินใจชำระหนี้นี้เป็นไปเพื่อปลดภาระ เนื่องจากศาลได้ตัดสินแล้วว่าสัญญานี้เป็นสัญญาที่ต้องปฏิบัติตาม แม้ว่า กทม. จะพยายามสู้มาโดยตลอด สาเหตุสำคัญที่ต้องรีบดำเนินการคือเพื่อหลีกเลี่ยงภาระดอกเบี้ยที่สูง ซึ่งคิดในอัตรา MLR + 1 ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยที่ได้รับจากการนำเงินไปฝากไว้มาก โดยปัจจุบันดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายมีจำนวนหลายล้านบาทต่อวัน

ในส่วนของโครงสร้างค่าโดยสาร การชำระหนี้อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปรับอัตราค่าโดยสารโดยตรง แต่เป็นเพราะปัจจุบัน กทม. ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการเดินรถส่วนต่อขยาย 1 และ 2 ปัจจุบัน กทม. มีค่าจ้างเดินรถประมาณ 8,000 ล้านบาทต่อปี แต่สามารถเก็บรายได้จากการเดินรถได้เพียง 2,000 กว่าล้านบาท ทำให้ กทม. ต้องจ่ายส่วนต่างถึง 6,000 ล้านบาท โดยนำเงินงบประมาณไปจ่าย

"รถไฟฟ้าสายสีเขียวมีสองส่วน คือ ส่วนไข่แดง รัฐเป็นสัมปทานกับบริษัทเอกชนอยู่แล้ว จะเก็บเงินตามสัญญาสูงสุดไม่เกิน 45 บาท ส่วนที่สอง คือ ส่วนต่อขยาย 1 และ 2 กทม.เก็บเงินเอง และจ้างเดินรถ ปัจจุบันค่าจ้างเดินรถส่วนนี้ประมาณ 8 พันล้านบาทต่อปี เราเก็บได้ประมาณ 2 พันล้านบาท ดังนั้น ต้องจ่ายส่วนต่างอีกประมาณ 6 พันล้านบาทต่อปี"

ดังนั้น เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและเพื่อความเป็นธรรมต่อประชาชนทุกคนที่ไม่ได้ใช้บริการรถไฟฟ้าในส่วนนี้ จึงมีความจำเป็นต้องปรับโครงสร้างราคาใหม่ โดยคาดว่าจะใช้หลักการคำนวณแบบทั่วไป คือ 17 บาท + 3X (ตามระยะทางที่วิ่ง) ซึ่งจะส่งผลให้ผู้โดยสารบางกลุ่มที่เดินทางในระยะทางสั้นๆ เช่น จากจตุจักรไปเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งเคยจ่ายปนะมาณ 15 บาท อาจจ่ายถูกลงเหลือเพียง 3-4 บาท ส่วนผู้ที่เดินทางไกลอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราค่าโดยสารตลอดสายจะถูกกำหนดไม่ให้เกิน 65 บาท

นายชัชชาติ ระบุว่า โครงการอัตรา 20 บาทตลอดสายเดิมนั้น ต้องพึ่งพารัฐบาลในการชดเชยค่าจ้างเดินรถให้ แต่เนื่องจากนโยบายดังกล่าวอาจหยุดชะงักไป จึงจำเป็นต้องสะท้อนความเป็นจริง เพราะท้ายที่สุดแล้วภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าวก็คือ เงินภาษีของประชาชน การตัดสินใจเรื่องการชำระหนี้และโครงสร้างราคานี้เป็นอำนาจของ กทม. เอง โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)


เตรียมตัวรับแรงครับ กรุงเทพมหานครต้องจ่ายค่าจ้างเดินรถประมาณปีละ 8,000 ล้านบาท ขณะที่การเก็บค่าโดยสาร สามารถเก็บได้เพียงประมาณ 2,000 ล้านบาท

รถไฟฟ้าไม่ลดแถมยังขึ้นอีก แต่ที่บอกว่า จตุจักรไปเซ็นทรัลลาดพร้าว  อาจจ่ายถูกลงเหลือเพียง 3-4 บาท อันนี้คือดีเหมือนกันนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่