สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
ผมก็เคยเป็นครับ จะเป็นอยู่ช่วงที่ยังเรียนอยู่คือ จะเป็นคนที่นอนไม่ค่อยตรงเวลา พอจะนอนทีหัวมันก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย เป็นตั้งแต่อายุประมาณ 17ปี ทรมานมาก คืออยากหลับมากแต่หลับไม่ลง ฟุ้งซ่าน เพลียระหว่างวัน
ทางแก้คือพยายามหลับให้ตรงเวลาครับ เพิ่งมาปรับตัวได้ตอนเรียนจบละทำงาน พยายามฝืนหลับตรงเวลาประมาณ 3-4เดือน จากนั้นก็เป็นคนหลับง่ายแบบไม่รู้ตัวเลยครับ
ปล.ที่นอน และการออกกำลังกายก็มีผลนะครับ มากด้วย
ทางแก้คือพยายามหลับให้ตรงเวลาครับ เพิ่งมาปรับตัวได้ตอนเรียนจบละทำงาน พยายามฝืนหลับตรงเวลาประมาณ 3-4เดือน จากนั้นก็เป็นคนหลับง่ายแบบไม่รู้ตัวเลยครับ
ปล.ที่นอน และการออกกำลังกายก็มีผลนะครับ มากด้วย
ความคิดเห็นที่ 47
สภาพแวดล้อม
1. แสงต้องน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย
2. เสียงต้องเงียบที่สุด เท่าที่ทำได้
3. ที่นอน ให้สะอาด ไม่คับแคบ
4. ผ้าห่ม ตามสภาพอากาศหนาวร้อน พัดลมตั้งที่หัวเป่าจากกลางตัวลงไปหาเท้า อย่าเป่าช่วงอก หรือ ลมโชยเข้าจมูก ปอดจะชื้น ป่วย ยิ่งถ้าฝนตกตอนกลางดึก อากาศจะเย็นชื้น เช้ามาป่วยไอทันที !
เรื่องทางกาย
1. อย่านอนกลางวันครับ หรือ นอนพร่ำเพรื่อ
2. ไม่นอนมากไป
3. อย่ากินแล้วนอนครับ นมก็ไม่ได้ คือ ตอนที่ท้องมันมีกิจกรรม ย่อย มันจะพาให้นอนไม่หลับครับ ถ้าอิ่มมากๆก็จะอึดอัด อาหารไหลย้อนมาที่หลอดอาหาร นานๆก็เป็นกรดไหลย้อน ต้องให้ท้องว่างเลย 1 - 2 ชั่วโมงก่อนนอน
4. หยุดดื่มน้ำก่อนเข้านอน 1 ชั่วโมงครับ ถ้าดื่มลงไปมากพอควรให้รอเข้าห้องน้ำเลย 30 นาที เข้าให้เรียบร้อยแล้วค่อยเข้านอน
5. บริหารออกกำลังบ้างครับ ถ้าออกกำลังกายหนักๆเหนื่อยๆ นี่หลับสบายแน่นอนไม่ต้องฝืนอะไรเลย
เรื่องทางใจ
6. ลืมตัวลืมตนเสียครับ ลืมไปสะว่าตัวเองเป็นใครทำอะไร กำลังจะนอน นอนทำไม ลืมๆ เหตุผลไปให้หมด
7. ถ้ามีเรื่องกังวลจริงๆ ไปทำเสียให้เสร็จ บอกตัวเองไม่เสร็จ ไม่นอนโว้ย (พอบอกมันอย่างนั้นนะ ทำๆไปสักพักมันจะง่วง มันกวน แต่ถ้าเลือกนอน แล้วใจมันอยากทำ ก็จะไม่หลับ มันกวน จิตมันกวน 555+)
8. บางครั้ง ใจมันวางไม่ได้ไม่ยอมนอน ต้องใช้วิธีหลอกมันอีกแบบ คือ บอกตัวเองว่า ถ้าไม่นอนต้องลุกไปทำนั่น ทำนี่แล้วนะ เอาเรื่องที่ใจมันไม่อยากทำ แต่ต้องทำจริงๆ นะ ใจมันจะเบื่อหน่ายผ่อนคลาย อารมณ์เหมือน แหวะ ไม่เอาอะ แล้วมันก็จะวาง เคลิ้ม นอนไปเองก็มี
หลับตาลง บิดผ่อนคลายกล้ามเนื้อบ้าง คือ บิดแล้วผ่อนเป็นส่วนๆ ให้รู้สึกผ่อนคลาย ปล่อยสบายๆ ไม่ตั้งใจเกินไป
ในความมืดของการหลับตา ปล่อยวางหรือยัง ถ้าปล่อยแล้ว ไม่คิดนั่นนี่ ไม่คิดการงาน ไม่คิดเหตุผล ไม่คิดกำไรขาดทุน ไม่คิดแค้น ไม่คิดพยาบาท ไม่คิดรักใคร่อยากได้อยากมี ไม่คิดอยากเป็นแฟนใครที่ไหน ไม่สงสัยอะไร วางความกังวล ช่างมัน
ผ่อนลมหายใจสบายๆ อาจจะเริ่มเหมือนบิดร่างกายแล้วผ่อน คือ หายใจลึกๆ ก่อน สองสามครั้ง แล้วค่อยๆ ผ่อนระบาย จากนั้นก็ค่อยๆ นิ่งๆ หายใจเรื่อยๆ ต่อไป
ในความมืดของการหลับตา เริ่มทำความรู้สึกว่า เรามองเห็น ตรงนี้ อธิบายยาก คือ ส่วนตัวเนี่ย ถ้าคิดเยอะๆ คิดมากๆ มันจะไม่ได้สนใจ ภาพ ในความมืด แต่มันจะไปสนใจเรื่องที่คิดอยู่ ทีนี้ถ้าปล่อยเรื่องวางความคิด(โดยถ้ายังคิดเราจะยังรู้สึกตัวเราเป็นตัวเรา ชื่ออะไร เป้นใครทำไมอยู่ เดือดร้อนอะไร รำคาญอะไร กระทั่งว่า เราพยายามนอนอยู่ ก็ถือว่ายังไม่ปล่อยวาง เรื่องที่จะนอนก็ต้องปล่อย วาง ลืม) ถ้าความคิด มันวางลงไป เราจะเริ่มมองเห็นภาพมืดๆ ข้างหน้า เริ่มรุ้สึกว่าเหมือนใช้ ตา มองอยู่อีกครั้ง ทั้งที่หลับตา งงไหม ไม่งงเนอะ
เอาเป็นว่า ถ้าเริ่มเข้าสภาพมองเห็นด้วยตา ในการหลับตาตรงนี้ได้แล้ว ให้เริ่มป้อนความไร้สาระให้จิต จริงๆ คือ ป้อนความหลงให้มัน ได้แก่ ในความมืดที่เห็นเริ่มลองนึกภาพ ให้เห็นเป็นเรื่องอะไรก็ได้ เช่น การ์ตูนที่ชอบ หรือ ณ ตอนนั้นมันเห็นในความมืด แล้วเห็นภาพอะไรมา ก็ให้คิดวิจารณ์ตามมันไปเลย ประมาณว่าไร้สาระอะครับ สมมติผมเห็นสีแดง ผมก็คิดถึง.. วัวกระทิง .. นิมิตภาพที่เห็นจะเป็นวัวมาแระ จากนั้นอาจจะคิดถึง โคลอสเซียม (ผมเห็นภาพนักสู้วัวในคอลอสเซียม) ซึ่งอาจจะกระตุ้นให้ใจมันไหลไปเห็นภาพรูปปั้นโรมันที่เกี่ยวเนื่องกันอีก (แบบไหลๆ)
เมื่อไร ถ้าจิตใจของคุณเริ่มเห็นภาพ และเริ่มไหลไปตามภาพ มี่เราวิตกวิจารณ์ไปแล้วแบบนี้ เราจะเริ่มหลับแล้วครับ แล้วสติสัมปชัญญะก็จะถูกลดลงๆ จนกลายเป็นการหลับไป ระหว่างนี้ถ้ามีอะไรมากระตุกให้ตื่น คุณจะรู้สึกได้เองครับ ว่า จริงๆเมื่อครู่ยังรู้สึกว่าไม่ได้หลับ ยังพอจำได้ว่าเห็นภาพอะไร คิดเรื่องอะไร แต่ถ้าถูกกระตุกคุณจะบอกตัวเองได้ว่า หลับลงไปแล้วหลายส่วน ครับ และถ้ายาวๆไป ก็จะเข้าสู่การฝัน และนอนหลับไปเอง และเช่นกัน ถ้าระหว่างนี้ คุณเกิดไปเห็นภาพ หรือ ไปกระหวัด คิดเรื่องอะไรที่กังวลอยู่ขึ้นมาอีก เช่น เห็นเครื่องบินแล้วกลัวไปขึ้นเครื่องพรุ่งนี้ไม่ทัน อันนี้จิตมันจะกระตุกตัวเองครับ ว่า เห้ย ระวังนะ พรุ่งนี้จะตื่นไหม ถ้าไม่ทันจะทำไง สำคัญมากเลยนะ (เรื่องจริงล้วนๆ) ก็จะถูกกระตุกทำให้หลับไม่ลง วิธีแก้คือ คุณต้องเตรียมทุกอย่างให้พรักพร้อมไว้แล้วครับ และบอกตัวเองว่า เราทำพร้อมแล้ว ของครบ ตั๋วดีหมดแล้ว (ถ้าไม่ใช่ ลุกมาทำเลยครับ) และถ้ามันยังกังวล ต้องบอกตัวเองได้ครับ ว่า "ไม่ทันก็ช่างแง่ม เห๊อะ ! นอน !"
ผมเคยหลับยากมาก่อน เคยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน (รักผู้หญิงครับ) การนอนเป็นเรื่องยากครับ เป็นประโยคเดียวที่ผมตั้งใจจำมา จากสภาพที่เป็นตอนนั้น มันป่วยครับ คนไม่ป่วยไม่รู้หรอก เอาง่ายๆ บางคนปวดคลี่ทรมานมาก แต่พอคลี่พ้นตรูดก็ลืม ลืมทุกข์เสียสิ้น จริงไหมครับ นี่ไม่ถูกครับ 555 แต่เอาหนะ เยอะไป เอาเป็นว่า ผมรู้ดี การนอนยากมันเพราะอะไร ทุกวันนี้ นอนง่ายไร้กังวล
คนที่นอนง่ายตามธรรมชาติ มีสองแบบใหญ่ๆ
1. คนไม่ค่อยรับผิดชอบ 555+ ขออภัยครับ ไม่รู้จะนิยามยังไง คือ คนพวกที่ พูดว่า "ช่างแง่ม" บ่อยๆ ง่ายๆ เป็นหลักอะครับ คุณจะเรียกไรก็แล้วแต่ ผมเรียกไม่ค่อยรับผิดชอบแล้วกัน แบบว่าสบายๆ กับชีวิต(พวกที่ทำคนอื่นเดือดร้อนก็ไม่เป็นไรพวกนี้นอนเก่งครับ เชื่อว่านะ 555)
2. คนเข้าใจโลก พร้อมตาย ก็นั่นแหละครับ ชีวิตยังไม่ห่วง หรือทำชีวิตให้หมดห่วง มันก็นอนหลับง่ายสิครับ
ในทางธรรมะ มีบางหมวด ท่านบอกไว้เลยว่า อานิสงส์คือ หลับง่าย ผมจำไม่ได้แล้ว ว่าอะไร แต่ก็ รวมอยู่ใน ความไม่ขี้โกรธ ขี้โลภ ขี้พยาบาทละครับ (ยกเว้นขี้หลงไว้อย่างนึง เพราะผมเชื่อว่าคนหลงมาก น่าจะหลับง่าย ตามหลักการเบื้องต้นที่ยกมา แต่อาจจะไม่ถูกก็ได้ แต่ผมเชื่อว่า ลืมตัวลืมตน ลืมความเป็นจริงของโลกง่าย ๆ น่าจะหลับเก่ง)
ที่เล่ามาสำหรับคนทั่วไป ปุถุชนนะครับ ท่านที่เจริญสติมาแก่กล้า ผมเชื่อว่า วิธีการนอนแบบ ดำรงสติมั่นน่าจะแตกต่างค่อนข้างมาก อย่ามาใช้วิธีที่ผมบอกแล้วกัน ไม่น่าจะดีต่อการปฏิบัติ (แต่จะทราบอาการตามที่ผมเล่าได้ก็ต้องอาศัยการสังเกต และสติร่วมละครับ) ผมแนะนำไว้เป็นสำหรับคนทุกข์ที่นอนยากเท่านั้น
ส่วนไหนไม่ถูกต้องไม่เกิดประโยชน์ขออภัย ไว้ ณ ที่นี้ครับ ให้ลองพิจารณาตาม นำไปคิด ไปใช้ดูครับ
ขอทุกท่านจงเจริญ สติในกาย สติในจิต สติในธรรม เป็นผู้ไม่มีเวร หลับง่าย ไม่ทุกข์ร้อน มีสุขจากการพักผ่อนตามสมควรแห่ง ภพมนุษย์นี้โดยทั่วๆกัน
ขอเจตนาดี กรรมดีครั้งนี้ของผม ช่วยให้เป็นคนนอนง่าย ไม่กังวล ไร้อุปสรรคในการนอน เพื่อความเป็นไปที่ดีของสุขภาพ เป็นไปเพื่อการดำรงสัมมาอาชีวะ และเพื่อการปฏิบัติพรหมจรรย์ใดๆทั้งสิ้น ด้วยเทอญ
1. แสงต้องน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย
2. เสียงต้องเงียบที่สุด เท่าที่ทำได้
3. ที่นอน ให้สะอาด ไม่คับแคบ
4. ผ้าห่ม ตามสภาพอากาศหนาวร้อน พัดลมตั้งที่หัวเป่าจากกลางตัวลงไปหาเท้า อย่าเป่าช่วงอก หรือ ลมโชยเข้าจมูก ปอดจะชื้น ป่วย ยิ่งถ้าฝนตกตอนกลางดึก อากาศจะเย็นชื้น เช้ามาป่วยไอทันที !
เรื่องทางกาย
1. อย่านอนกลางวันครับ หรือ นอนพร่ำเพรื่อ
2. ไม่นอนมากไป
3. อย่ากินแล้วนอนครับ นมก็ไม่ได้ คือ ตอนที่ท้องมันมีกิจกรรม ย่อย มันจะพาให้นอนไม่หลับครับ ถ้าอิ่มมากๆก็จะอึดอัด อาหารไหลย้อนมาที่หลอดอาหาร นานๆก็เป็นกรดไหลย้อน ต้องให้ท้องว่างเลย 1 - 2 ชั่วโมงก่อนนอน
4. หยุดดื่มน้ำก่อนเข้านอน 1 ชั่วโมงครับ ถ้าดื่มลงไปมากพอควรให้รอเข้าห้องน้ำเลย 30 นาที เข้าให้เรียบร้อยแล้วค่อยเข้านอน
5. บริหารออกกำลังบ้างครับ ถ้าออกกำลังกายหนักๆเหนื่อยๆ นี่หลับสบายแน่นอนไม่ต้องฝืนอะไรเลย
เรื่องทางใจ
6. ลืมตัวลืมตนเสียครับ ลืมไปสะว่าตัวเองเป็นใครทำอะไร กำลังจะนอน นอนทำไม ลืมๆ เหตุผลไปให้หมด
7. ถ้ามีเรื่องกังวลจริงๆ ไปทำเสียให้เสร็จ บอกตัวเองไม่เสร็จ ไม่นอนโว้ย (พอบอกมันอย่างนั้นนะ ทำๆไปสักพักมันจะง่วง มันกวน แต่ถ้าเลือกนอน แล้วใจมันอยากทำ ก็จะไม่หลับ มันกวน จิตมันกวน 555+)
8. บางครั้ง ใจมันวางไม่ได้ไม่ยอมนอน ต้องใช้วิธีหลอกมันอีกแบบ คือ บอกตัวเองว่า ถ้าไม่นอนต้องลุกไปทำนั่น ทำนี่แล้วนะ เอาเรื่องที่ใจมันไม่อยากทำ แต่ต้องทำจริงๆ นะ ใจมันจะเบื่อหน่ายผ่อนคลาย อารมณ์เหมือน แหวะ ไม่เอาอะ แล้วมันก็จะวาง เคลิ้ม นอนไปเองก็มี
หลับตาลง บิดผ่อนคลายกล้ามเนื้อบ้าง คือ บิดแล้วผ่อนเป็นส่วนๆ ให้รู้สึกผ่อนคลาย ปล่อยสบายๆ ไม่ตั้งใจเกินไป
ในความมืดของการหลับตา ปล่อยวางหรือยัง ถ้าปล่อยแล้ว ไม่คิดนั่นนี่ ไม่คิดการงาน ไม่คิดเหตุผล ไม่คิดกำไรขาดทุน ไม่คิดแค้น ไม่คิดพยาบาท ไม่คิดรักใคร่อยากได้อยากมี ไม่คิดอยากเป็นแฟนใครที่ไหน ไม่สงสัยอะไร วางความกังวล ช่างมัน
ผ่อนลมหายใจสบายๆ อาจจะเริ่มเหมือนบิดร่างกายแล้วผ่อน คือ หายใจลึกๆ ก่อน สองสามครั้ง แล้วค่อยๆ ผ่อนระบาย จากนั้นก็ค่อยๆ นิ่งๆ หายใจเรื่อยๆ ต่อไป
ในความมืดของการหลับตา เริ่มทำความรู้สึกว่า เรามองเห็น ตรงนี้ อธิบายยาก คือ ส่วนตัวเนี่ย ถ้าคิดเยอะๆ คิดมากๆ มันจะไม่ได้สนใจ ภาพ ในความมืด แต่มันจะไปสนใจเรื่องที่คิดอยู่ ทีนี้ถ้าปล่อยเรื่องวางความคิด(โดยถ้ายังคิดเราจะยังรู้สึกตัวเราเป็นตัวเรา ชื่ออะไร เป้นใครทำไมอยู่ เดือดร้อนอะไร รำคาญอะไร กระทั่งว่า เราพยายามนอนอยู่ ก็ถือว่ายังไม่ปล่อยวาง เรื่องที่จะนอนก็ต้องปล่อย วาง ลืม) ถ้าความคิด มันวางลงไป เราจะเริ่มมองเห็นภาพมืดๆ ข้างหน้า เริ่มรุ้สึกว่าเหมือนใช้ ตา มองอยู่อีกครั้ง ทั้งที่หลับตา งงไหม ไม่งงเนอะ
เอาเป็นว่า ถ้าเริ่มเข้าสภาพมองเห็นด้วยตา ในการหลับตาตรงนี้ได้แล้ว ให้เริ่มป้อนความไร้สาระให้จิต จริงๆ คือ ป้อนความหลงให้มัน ได้แก่ ในความมืดที่เห็นเริ่มลองนึกภาพ ให้เห็นเป็นเรื่องอะไรก็ได้ เช่น การ์ตูนที่ชอบ หรือ ณ ตอนนั้นมันเห็นในความมืด แล้วเห็นภาพอะไรมา ก็ให้คิดวิจารณ์ตามมันไปเลย ประมาณว่าไร้สาระอะครับ สมมติผมเห็นสีแดง ผมก็คิดถึง.. วัวกระทิง .. นิมิตภาพที่เห็นจะเป็นวัวมาแระ จากนั้นอาจจะคิดถึง โคลอสเซียม (ผมเห็นภาพนักสู้วัวในคอลอสเซียม) ซึ่งอาจจะกระตุ้นให้ใจมันไหลไปเห็นภาพรูปปั้นโรมันที่เกี่ยวเนื่องกันอีก (แบบไหลๆ)
เมื่อไร ถ้าจิตใจของคุณเริ่มเห็นภาพ และเริ่มไหลไปตามภาพ มี่เราวิตกวิจารณ์ไปแล้วแบบนี้ เราจะเริ่มหลับแล้วครับ แล้วสติสัมปชัญญะก็จะถูกลดลงๆ จนกลายเป็นการหลับไป ระหว่างนี้ถ้ามีอะไรมากระตุกให้ตื่น คุณจะรู้สึกได้เองครับ ว่า จริงๆเมื่อครู่ยังรู้สึกว่าไม่ได้หลับ ยังพอจำได้ว่าเห็นภาพอะไร คิดเรื่องอะไร แต่ถ้าถูกกระตุกคุณจะบอกตัวเองได้ว่า หลับลงไปแล้วหลายส่วน ครับ และถ้ายาวๆไป ก็จะเข้าสู่การฝัน และนอนหลับไปเอง และเช่นกัน ถ้าระหว่างนี้ คุณเกิดไปเห็นภาพ หรือ ไปกระหวัด คิดเรื่องอะไรที่กังวลอยู่ขึ้นมาอีก เช่น เห็นเครื่องบินแล้วกลัวไปขึ้นเครื่องพรุ่งนี้ไม่ทัน อันนี้จิตมันจะกระตุกตัวเองครับ ว่า เห้ย ระวังนะ พรุ่งนี้จะตื่นไหม ถ้าไม่ทันจะทำไง สำคัญมากเลยนะ (เรื่องจริงล้วนๆ) ก็จะถูกกระตุกทำให้หลับไม่ลง วิธีแก้คือ คุณต้องเตรียมทุกอย่างให้พรักพร้อมไว้แล้วครับ และบอกตัวเองว่า เราทำพร้อมแล้ว ของครบ ตั๋วดีหมดแล้ว (ถ้าไม่ใช่ ลุกมาทำเลยครับ) และถ้ามันยังกังวล ต้องบอกตัวเองได้ครับ ว่า "ไม่ทันก็ช่างแง่ม เห๊อะ ! นอน !"
ผมเคยหลับยากมาก่อน เคยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน (รักผู้หญิงครับ) การนอนเป็นเรื่องยากครับ เป็นประโยคเดียวที่ผมตั้งใจจำมา จากสภาพที่เป็นตอนนั้น มันป่วยครับ คนไม่ป่วยไม่รู้หรอก เอาง่ายๆ บางคนปวดคลี่ทรมานมาก แต่พอคลี่พ้นตรูดก็ลืม ลืมทุกข์เสียสิ้น จริงไหมครับ นี่ไม่ถูกครับ 555 แต่เอาหนะ เยอะไป เอาเป็นว่า ผมรู้ดี การนอนยากมันเพราะอะไร ทุกวันนี้ นอนง่ายไร้กังวล
คนที่นอนง่ายตามธรรมชาติ มีสองแบบใหญ่ๆ
1. คนไม่ค่อยรับผิดชอบ 555+ ขออภัยครับ ไม่รู้จะนิยามยังไง คือ คนพวกที่ พูดว่า "ช่างแง่ม" บ่อยๆ ง่ายๆ เป็นหลักอะครับ คุณจะเรียกไรก็แล้วแต่ ผมเรียกไม่ค่อยรับผิดชอบแล้วกัน แบบว่าสบายๆ กับชีวิต(พวกที่ทำคนอื่นเดือดร้อนก็ไม่เป็นไรพวกนี้นอนเก่งครับ เชื่อว่านะ 555)
2. คนเข้าใจโลก พร้อมตาย ก็นั่นแหละครับ ชีวิตยังไม่ห่วง หรือทำชีวิตให้หมดห่วง มันก็นอนหลับง่ายสิครับ
ในทางธรรมะ มีบางหมวด ท่านบอกไว้เลยว่า อานิสงส์คือ หลับง่าย ผมจำไม่ได้แล้ว ว่าอะไร แต่ก็ รวมอยู่ใน ความไม่ขี้โกรธ ขี้โลภ ขี้พยาบาทละครับ (ยกเว้นขี้หลงไว้อย่างนึง เพราะผมเชื่อว่าคนหลงมาก น่าจะหลับง่าย ตามหลักการเบื้องต้นที่ยกมา แต่อาจจะไม่ถูกก็ได้ แต่ผมเชื่อว่า ลืมตัวลืมตน ลืมความเป็นจริงของโลกง่าย ๆ น่าจะหลับเก่ง)
ที่เล่ามาสำหรับคนทั่วไป ปุถุชนนะครับ ท่านที่เจริญสติมาแก่กล้า ผมเชื่อว่า วิธีการนอนแบบ ดำรงสติมั่นน่าจะแตกต่างค่อนข้างมาก อย่ามาใช้วิธีที่ผมบอกแล้วกัน ไม่น่าจะดีต่อการปฏิบัติ (แต่จะทราบอาการตามที่ผมเล่าได้ก็ต้องอาศัยการสังเกต และสติร่วมละครับ) ผมแนะนำไว้เป็นสำหรับคนทุกข์ที่นอนยากเท่านั้น
ส่วนไหนไม่ถูกต้องไม่เกิดประโยชน์ขออภัย ไว้ ณ ที่นี้ครับ ให้ลองพิจารณาตาม นำไปคิด ไปใช้ดูครับ
ขอทุกท่านจงเจริญ สติในกาย สติในจิต สติในธรรม เป็นผู้ไม่มีเวร หลับง่าย ไม่ทุกข์ร้อน มีสุขจากการพักผ่อนตามสมควรแห่ง ภพมนุษย์นี้โดยทั่วๆกัน
ขอเจตนาดี กรรมดีครั้งนี้ของผม ช่วยให้เป็นคนนอนง่าย ไม่กังวล ไร้อุปสรรคในการนอน เพื่อความเป็นไปที่ดีของสุขภาพ เป็นไปเพื่อการดำรงสัมมาอาชีวะ และเพื่อการปฏิบัติพรหมจรรย์ใดๆทั้งสิ้น ด้วยเทอญ
แสดงความคิดเห็น
อยากทราบเทคนิคคนที่เอาหัวสัมผัสหมอน แล้วสลบคาเตียงครับ?????
มีบางครั้ง ยังไม่ได้นอนเช้าแล้ว ตอนไปเรียนก็รู้สึกเพลีย เหนื่อยล้า ง่วงระหว่างเรียน
ใครมีเทคนิคดีๆแนะนำด้วยครับ