เราเป็นคนเชื้อสายจีน (ถือพวกเทพเจ้าจีนซะส่วนใหญ่ ไม่ขอเรียกตัวเองเป็นพุทธนะ เพราะครอบครัวเราไม่เข้าวัดไทย ชินกับศาลเจ้าแบบจีนๆ ธรรมเนียมจีนๆ พระสงฆ์หรือพระพุทธรูปที่บ้านและเราไม่ได้นับถือเป็นหลักน่ะค่ะ)
ส่วนแฟนเราเป็นคริสต์โปรเตสแตนท์ ระดับที่ถามคีย์เวิร์ดอะไรเกี่ยวกับในไบเบิลก็ท่องกลับมาได้เป็นวรรคๆ ไม่ไหว้สักการะอะไรทั้งสิ้น
(ห้องเรา แฟนติดรูปพระเยซูที่ประตูด้วย)
พวกเราเป็น host ให้แก่เหล่า couchsurfer ค่ะ และก็มีเพื่อนจากอินโดนีเซียมากเหมือนกัน
เรื่องอาหารการกิน วิธีทำไรงี้ อะไรเลี่ยงอะไรเขาทานได้เราจะศึกษาเสมอ แต่ถ้าบางมื้อเรากะแฟนจะจัดหมูบ้าง เบียร์บ้าง เราจะบอกเขาว่าเราไปทานข้างนอกค่ะ แต่เคสที่เราเจอแล้วเราไปไม่เป็นเลย แบบ... เยอะเกินไปปะวะ? เราก็คิดนะ ก็คือ
เราออกไปเดทกับแฟนข้างนอกบ้างไรบ้างเปลี่ยนบรรยากาศ และจะได้ไม่เอาพวกหมูหรือแอลกอฮอล์อะไรเข้าห้องด้วย เพื่อความสบายใจเค้า แขกคนนี้เป็นคนรู้จักที่เพื่อนอินโดฝากให้มาอยู่กับเราอีกทีค่ะ และดูค่อนข้างเคร่งศาสนามาก ดังนี้ค่ะ
1. นางจะสวม hijab เสมอ เพราะนางบอกว่ามีผู้ชายอยู่ด้วย ( แฟนเรา ) เขาจะถอดผ้าคลุมออกก็ต่อเมื่ออยู่กับผู้หญิงด้วยกัน หรือถ้าเป็นผู้ชายต้องเป็นคนในครอบครัวเช่น พ่อ กับสามีเท่านั้นค่ะ แม้แต่นอนแยกพื้นที่กัน แยกห้องกัน ก็ยังใส่ค่ะ ใส่ทั้งนอนอย่างนั้น
โอเค ประเด็นนี้เราเข้าใจ ปัดตกไป
2. ละหมาด 5 ครั้งต่อวัน ครั้งละประมาณ 30 นาที โดยเธอจะเปิดจอโทรศัพท์อ่านจากแอพเอามั้งคะ แล้วที่เรา awkward คือ ทิศทางห้องนอนพวกเราอยู่ทางทิศตะวันตก เขาก็จะหันหน้าไปทางทิศตะวันตกสิคะคุณ -*- เราเลยรู้สึกเหมือนเขากำลังสักการะหรือบูชาเราอยู่ 5 ครั้งต่อวันเลย แต่ก็เข้าใจเขานะ ประเด็นนี้ปัดตกไป
3. เรื่องอาหารการกิน เขาบอกว่าเราไม่ต้องทำอะไรให้เขาทาน (ไอ้เราก็เจตนาตั้งใจเป็น host หรือเจ้าบ้านที่ดี) เพราะเขาเกรงว่ากระทะ อุปกรณ์เครื่องครัวอะไรเรา ช้อนส้อม ฯลฯ ที่เรามีอยู่แล้ว เคยผ่านหมูมาก่อน (ที่ห้องทานหมูกันน้อยครั้งมากกกค่ะ เพราะเราไม่ชอบทานเนื้อสัตว์ ไก่นี่นานๆครั้ง หมูนี่นานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนๆทานครั้ง แต่เนื้อไม่ทานอยู่แล้วบ้านเชื้อสายจีน)
อันนี้เราพอเข้าใจได้นะ ก็คงแบบที่อาม่าเราไม่สั่งข้าวร้านมุสลิมเลย เพราะร้านเขามีเนื้อเป็นส่วนผสม ถึงจะสั่งผัดไท หรือกระเพราไก่ อาม่าก็จะไม่กิน เพราะถือว่าภาชนะต่างๆ และคนทำผ่านเนื้อวัวมาแล้วทั้งนั้น ไม่บริสุทธื์ เราก็เลย... เออๆ เขาก็คงอารมณ์เดียวกับอาม่ามั้งเนอะ
ก็นั่นแหละ ขนาดเราทำอาหารเช้าให้ง่ายๆ เช่น บัตเตอร์แพนเค้ก โจ๊กข้าวโอ๊ตใส่ไก่ คัพเค้ก ทำแอปเปิ้ลเชค เขาก็ดูไม่ยินดีทาน เพราะเหตุผลคือ มีด (ที่เอาไว้หั่นแอปเปิ้ล) เราน่าจะผ่านเนื้อสัตว์อื่นมา หม้อก็คงโดนหมูมา กระทะที่ทำแพนเค้กโดนหมูมา หรือแม้แต่แป้งขนมที่ทำคัพเค้กก็ไม่ได้มาจากโรงงานฮาลาล -*- เราเลยแบบ เอออออออ ไปไม่เป็นเลยว่ะค่ะ หากินกันเอาเองละกันเนอะ เพราะร้านอิสลามในละแวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะย่านที่เราอยู่เป็นย่านชาวคริสต์ซะส่วนมาก มีโบสถ์คริสถ์ในซอยก็สามสี่ที่แล้ว
4. เรื่องการอาบน้ำ นางอาบน้ำนานมากกกกกกกกก เราก็ลองเสริชข้อมูลดูนะ ก็ไปค้นเจอการอาบน้ำแบบอิสลาม .... เราก็สันนิษฐานว่านางอาบน้ำตามขั้นตอนตามหลักอิสลามแหละ
5. ที่งงที่สุดคือ ปกติเรากับแฟนจะจุ๊บทั้งที่แก้มและปากทุกเช้าก่อนออกไปทำงาน และทุกครั้งหลังจากเลิกงานกลับห้องกันแล้ว คือมันเป็นธรรมเนียมพวกเราน่ะ แต่พอมีนางอยู่เนี้ย เราก็แยกพื้นที่ ไปจุ๊บที่พื้นที่ครัวที่เขาไม่เห็น (คือมันใกล้ประตูเข้าออก มากกว่าห้องนอน) แต่เหมือนนางจะเข้ามาเปิดตู้เย็นมั้งคะ นางเห็น นางรีบหันหน้าหลบ นางเดินออก แล้วนางก็ไปที่โซฟานาง แล้วสักพัก พวกเราออกมา นางถามว่า ขอออกไปใช้ก๊อกน้ำที่ระเบียงได้ไหม? เราก็ไม่ได้ว่าไร ถึงจะแอบสงสัยว่าทำไมต้องระเบียง?
ตัวมู่ลี่มันแง้มอ่าค่ะ เราก็เลยเห็นว่านางเปิดก๊อกน้ำ (ที่มันเอาไว้ต่อเครื่องซักผ้า) เอามือรองน้ำแล้วมาลูบหน้าลูบตา แล้วก็นั่งยองๆทำท่าเหมือนสวดอะไรพึมๆพำๆอยู่นาน เรางงมากกกกกกก
คือ ถ้านางจะล้างมือล้างหน้า ก็ใช้ก๊อกที่อ่างล้างหน้าห้องน้ำก็ได้ (หรือว่าพวกเรายืนอยู่ในพื้นที่ครัวที่ใกล้ห้องน้ำ?) หรือล้างมือก็ใช้ซิงค์ก็ได้ ทำไมต้องไประเบียงงงงงง เราเลยสันนิษฐานว่า หรือเป็นเพราะนางเห็นคู่รักแสดงความรัก (แค่จุ๊บกันเนี่ยนะเฮ้ย?) แล้วนางถือว่าเป็น Zina ขนาดหนัก (เฮ้ยยย ยังไม่ได้อะจึ๊กกะดึ๋ยกันนะเฮ้ยยย) นางเห็นแล้วถือว่าเป็นบาป พระเจ้าทรงห้าม หรือนางรู้สึกแย่ของนางไปเอง ขอโทษพระเจ้าที่ไปเห็นอะไรไม่บังอาจบังควร เลยถึงกับต้องล้างลูกตาแล้วก็สวดขออภัยพระเจ้า เรางงอ่ะ เรางงมาก พวกเราทำอะไรผิดขนาดนั้น คุณเปิดเข้ามาเจอพวกเราเอง T___T
ป.ล. แท็ก backpack เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ couchsurfing
จูบกับแฟนในพื้นที่ส่วนตัว แต่เพื่อนมุสลิมมาเห็นบังเอิญ ทำไมเขาต้องล้างตาด้วย?!!
ส่วนแฟนเราเป็นคริสต์โปรเตสแตนท์ ระดับที่ถามคีย์เวิร์ดอะไรเกี่ยวกับในไบเบิลก็ท่องกลับมาได้เป็นวรรคๆ ไม่ไหว้สักการะอะไรทั้งสิ้น
(ห้องเรา แฟนติดรูปพระเยซูที่ประตูด้วย)
พวกเราเป็น host ให้แก่เหล่า couchsurfer ค่ะ และก็มีเพื่อนจากอินโดนีเซียมากเหมือนกัน
เรื่องอาหารการกิน วิธีทำไรงี้ อะไรเลี่ยงอะไรเขาทานได้เราจะศึกษาเสมอ แต่ถ้าบางมื้อเรากะแฟนจะจัดหมูบ้าง เบียร์บ้าง เราจะบอกเขาว่าเราไปทานข้างนอกค่ะ แต่เคสที่เราเจอแล้วเราไปไม่เป็นเลย แบบ... เยอะเกินไปปะวะ? เราก็คิดนะ ก็คือ
เราออกไปเดทกับแฟนข้างนอกบ้างไรบ้างเปลี่ยนบรรยากาศ และจะได้ไม่เอาพวกหมูหรือแอลกอฮอล์อะไรเข้าห้องด้วย เพื่อความสบายใจเค้า แขกคนนี้เป็นคนรู้จักที่เพื่อนอินโดฝากให้มาอยู่กับเราอีกทีค่ะ และดูค่อนข้างเคร่งศาสนามาก ดังนี้ค่ะ
1. นางจะสวม hijab เสมอ เพราะนางบอกว่ามีผู้ชายอยู่ด้วย ( แฟนเรา ) เขาจะถอดผ้าคลุมออกก็ต่อเมื่ออยู่กับผู้หญิงด้วยกัน หรือถ้าเป็นผู้ชายต้องเป็นคนในครอบครัวเช่น พ่อ กับสามีเท่านั้นค่ะ แม้แต่นอนแยกพื้นที่กัน แยกห้องกัน ก็ยังใส่ค่ะ ใส่ทั้งนอนอย่างนั้น
โอเค ประเด็นนี้เราเข้าใจ ปัดตกไป
2. ละหมาด 5 ครั้งต่อวัน ครั้งละประมาณ 30 นาที โดยเธอจะเปิดจอโทรศัพท์อ่านจากแอพเอามั้งคะ แล้วที่เรา awkward คือ ทิศทางห้องนอนพวกเราอยู่ทางทิศตะวันตก เขาก็จะหันหน้าไปทางทิศตะวันตกสิคะคุณ -*- เราเลยรู้สึกเหมือนเขากำลังสักการะหรือบูชาเราอยู่ 5 ครั้งต่อวันเลย แต่ก็เข้าใจเขานะ ประเด็นนี้ปัดตกไป
3. เรื่องอาหารการกิน เขาบอกว่าเราไม่ต้องทำอะไรให้เขาทาน (ไอ้เราก็เจตนาตั้งใจเป็น host หรือเจ้าบ้านที่ดี) เพราะเขาเกรงว่ากระทะ อุปกรณ์เครื่องครัวอะไรเรา ช้อนส้อม ฯลฯ ที่เรามีอยู่แล้ว เคยผ่านหมูมาก่อน (ที่ห้องทานหมูกันน้อยครั้งมากกกค่ะ เพราะเราไม่ชอบทานเนื้อสัตว์ ไก่นี่นานๆครั้ง หมูนี่นานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนๆทานครั้ง แต่เนื้อไม่ทานอยู่แล้วบ้านเชื้อสายจีน)
อันนี้เราพอเข้าใจได้นะ ก็คงแบบที่อาม่าเราไม่สั่งข้าวร้านมุสลิมเลย เพราะร้านเขามีเนื้อเป็นส่วนผสม ถึงจะสั่งผัดไท หรือกระเพราไก่ อาม่าก็จะไม่กิน เพราะถือว่าภาชนะต่างๆ และคนทำผ่านเนื้อวัวมาแล้วทั้งนั้น ไม่บริสุทธื์ เราก็เลย... เออๆ เขาก็คงอารมณ์เดียวกับอาม่ามั้งเนอะ
ก็นั่นแหละ ขนาดเราทำอาหารเช้าให้ง่ายๆ เช่น บัตเตอร์แพนเค้ก โจ๊กข้าวโอ๊ตใส่ไก่ คัพเค้ก ทำแอปเปิ้ลเชค เขาก็ดูไม่ยินดีทาน เพราะเหตุผลคือ มีด (ที่เอาไว้หั่นแอปเปิ้ล) เราน่าจะผ่านเนื้อสัตว์อื่นมา หม้อก็คงโดนหมูมา กระทะที่ทำแพนเค้กโดนหมูมา หรือแม้แต่แป้งขนมที่ทำคัพเค้กก็ไม่ได้มาจากโรงงานฮาลาล -*- เราเลยแบบ เอออออออ ไปไม่เป็นเลยว่ะค่ะ หากินกันเอาเองละกันเนอะ เพราะร้านอิสลามในละแวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะย่านที่เราอยู่เป็นย่านชาวคริสต์ซะส่วนมาก มีโบสถ์คริสถ์ในซอยก็สามสี่ที่แล้ว
4. เรื่องการอาบน้ำ นางอาบน้ำนานมากกกกกกกกก เราก็ลองเสริชข้อมูลดูนะ ก็ไปค้นเจอการอาบน้ำแบบอิสลาม .... เราก็สันนิษฐานว่านางอาบน้ำตามขั้นตอนตามหลักอิสลามแหละ
5. ที่งงที่สุดคือ ปกติเรากับแฟนจะจุ๊บทั้งที่แก้มและปากทุกเช้าก่อนออกไปทำงาน และทุกครั้งหลังจากเลิกงานกลับห้องกันแล้ว คือมันเป็นธรรมเนียมพวกเราน่ะ แต่พอมีนางอยู่เนี้ย เราก็แยกพื้นที่ ไปจุ๊บที่พื้นที่ครัวที่เขาไม่เห็น (คือมันใกล้ประตูเข้าออก มากกว่าห้องนอน) แต่เหมือนนางจะเข้ามาเปิดตู้เย็นมั้งคะ นางเห็น นางรีบหันหน้าหลบ นางเดินออก แล้วนางก็ไปที่โซฟานาง แล้วสักพัก พวกเราออกมา นางถามว่า ขอออกไปใช้ก๊อกน้ำที่ระเบียงได้ไหม? เราก็ไม่ได้ว่าไร ถึงจะแอบสงสัยว่าทำไมต้องระเบียง?
ตัวมู่ลี่มันแง้มอ่าค่ะ เราก็เลยเห็นว่านางเปิดก๊อกน้ำ (ที่มันเอาไว้ต่อเครื่องซักผ้า) เอามือรองน้ำแล้วมาลูบหน้าลูบตา แล้วก็นั่งยองๆทำท่าเหมือนสวดอะไรพึมๆพำๆอยู่นาน เรางงมากกกกกกก
คือ ถ้านางจะล้างมือล้างหน้า ก็ใช้ก๊อกที่อ่างล้างหน้าห้องน้ำก็ได้ (หรือว่าพวกเรายืนอยู่ในพื้นที่ครัวที่ใกล้ห้องน้ำ?) หรือล้างมือก็ใช้ซิงค์ก็ได้ ทำไมต้องไประเบียงงงงงง เราเลยสันนิษฐานว่า หรือเป็นเพราะนางเห็นคู่รักแสดงความรัก (แค่จุ๊บกันเนี่ยนะเฮ้ย?) แล้วนางถือว่าเป็น Zina ขนาดหนัก (เฮ้ยยย ยังไม่ได้อะจึ๊กกะดึ๋ยกันนะเฮ้ยยย) นางเห็นแล้วถือว่าเป็นบาป พระเจ้าทรงห้าม หรือนางรู้สึกแย่ของนางไปเอง ขอโทษพระเจ้าที่ไปเห็นอะไรไม่บังอาจบังควร เลยถึงกับต้องล้างลูกตาแล้วก็สวดขออภัยพระเจ้า เรางงอ่ะ เรางงมาก พวกเราทำอะไรผิดขนาดนั้น คุณเปิดเข้ามาเจอพวกเราเอง T___T
ป.ล. แท็ก backpack เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ couchsurfing