เมื่อวันก่อนจขกท. ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์อาจารย์ท่านหนึ่งที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเกี่ยวกับประเด็นวัยรุ่นไทย ซึ่งอาจารย์ท่านนี้ได้ให้สาระที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตของเด็กไทยยุคใหม่ สาระสำคัญอยู่ที่ เด็กไทยสมัยนี้พอเรียนจบแล้วอยากเป็นเจ้านายตัวเองมากกว่าที่จะต้องไปทำงานอยู่ภายใต้คนอื่น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อยู่ที่โอกาสและความพร้อมทางปัจจัยของแต่ละคน แต่ก่อนที่จะเริ่มต้นเส้นทางนี้ ลองถามตัวเองดูว่า ทักษะทั้ง 4 ต่อไปนี้ เรามีพร้อมแล้วหรือยัง เรายังต้องเติมเต็มข้อไหนอีกบ้าง ลองดูนะครับ
1. การสื่อสารและการแก้ปัญหา
ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ด้วยบริบทของสังคมปัจจุบันที่เป็นสังคมก้มหน้ายึดติดกับเทคโนโลยีมากเกินไป จนทำให้เราลืมไปว่าการสื่อสารไม่ได้เป็นแค่การพูดไปพูดกลับเท่านั้น แต่สารที่เราสื่อไปในแต่ละครั้งล้วนมีความหมายที่ลึกซึ้ง พวกเขารับข้อมูลเยอะ แต่ยังขาดกระบวนการคิดที่เป็นระบบเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาต่างๆ ขาดความอดทน ใจร้อนอยากให้ปัญหาไปให้พ้นจากตัวเราเร็วๆ ดังนั้นอย่าลืมว่า บางปัญหาก็ไม่ได้แก้ได้ในทันที
2. การคิดวิเคราะห์
เพราะว่าโลกปัจจุบันเปลี่ยนไปเร็ว ข้อมูลเดิมๆ ที่คุณครูสอนอาจไม่เพียงพอ เคยมีคนพูดกันเสมอว่า สิ่งที่เราสอนในปัจจุบันอาจไม่สามารถนำไปใช้ได้จริงในอนาคตได้ ดังนั้นเด็กๆ ควรจะรับรู้ว่า สิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ในปัจจุบันเป็นแค่เครื่องมือ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์และแก้ปัญหาในอนาคต มากกว่าที่จะนำไปแก้ปัญหาหนึ่งสองสามสี่ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
3. การตรงต่อเวลา
การตรงต่อเวลาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กยุคใหม่ยังขาดวินัยการใช้ชีวิต แต่โลกความจริงเวลาไม่เคยคอยใคร ถ้าหากช้าไปแม้แต่นาทีเดียวเราอาจจะพลาดสิ่งที่เราควรจะได้รับไปตลอดเลยก็ได้ ยิ่งเดี๋ยวนี้การเปลี่ยนแปลงมักเกิดขึ้นตลอดเวลาโดยที่เราคาดเดาได้ยาก เด็กๆ วัยรุ่นสมัยนี้ทำอะไรก็อาจจะต้องคิดเผื่อเรื่องเวลาไว้ด้วย
4. การมีความคิดสร้างสรรค์
ประเด็นความคิดสร้างสรรค์ก็เป็นอีกเรื่องที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วงสำหรับวัยรุ่นไทย ทุกคนล้วนมีความคิดสร้างสรรค์อยู่แล้ว แต่ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่า วัยรุ่นยังขาดความเพียรพยายามที่จะลงมือปั้นความคิดออกมาเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้อย่างจริงจัง ชอบอ้างว่าไม่มีแรงบันดาลใจมากพอ แต่จริงๆ แล้วต้องคิดใหม่ว่า แรงบันดาลใจก็เหมือนกับเวลานั่นแหละ มันเดินไปพร้อมกัน ความเร็วเท่ากัน แรงบันดาลใจจึงไม่เคยคอยจนถึงเวลาประทานให้แก่ใคร ถ้าอยากหาแรงบันดาลใจเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ก็ต้องลงมือทำเท่านั้น และที่สำคัญคือต้องคิดต่างเพื่อสร้างความโดดเด่นให้แก่ตัวเอง จะเห็นได้ว่า หลายคนที่ประสบความสำเร็จก็มาจากการคิดในสิ่งที่คนส่วนใหญ่เขาไม่คิดกัน แต่ตอบโจทย์ความต้องการของคนทั่วไปได้ดี นี่แหละถึงจะเรียกว่าความคิดสร้างสรรค์
หากมีประเด็นใดที่ต้องการเพิ่มเติม ก็ร่วมแชร์กันได้นะครับ
ขอถามเด็กไทยสมัยนี้ มีทักษะที่จำเป็นทั้ง 4 นี้แล้วหรือยัง ???
1. การสื่อสารและการแก้ปัญหา
ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ด้วยบริบทของสังคมปัจจุบันที่เป็นสังคมก้มหน้ายึดติดกับเทคโนโลยีมากเกินไป จนทำให้เราลืมไปว่าการสื่อสารไม่ได้เป็นแค่การพูดไปพูดกลับเท่านั้น แต่สารที่เราสื่อไปในแต่ละครั้งล้วนมีความหมายที่ลึกซึ้ง พวกเขารับข้อมูลเยอะ แต่ยังขาดกระบวนการคิดที่เป็นระบบเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาต่างๆ ขาดความอดทน ใจร้อนอยากให้ปัญหาไปให้พ้นจากตัวเราเร็วๆ ดังนั้นอย่าลืมว่า บางปัญหาก็ไม่ได้แก้ได้ในทันที
2. การคิดวิเคราะห์
เพราะว่าโลกปัจจุบันเปลี่ยนไปเร็ว ข้อมูลเดิมๆ ที่คุณครูสอนอาจไม่เพียงพอ เคยมีคนพูดกันเสมอว่า สิ่งที่เราสอนในปัจจุบันอาจไม่สามารถนำไปใช้ได้จริงในอนาคตได้ ดังนั้นเด็กๆ ควรจะรับรู้ว่า สิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ในปัจจุบันเป็นแค่เครื่องมือ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์และแก้ปัญหาในอนาคต มากกว่าที่จะนำไปแก้ปัญหาหนึ่งสองสามสี่ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
3. การตรงต่อเวลา
การตรงต่อเวลาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กยุคใหม่ยังขาดวินัยการใช้ชีวิต แต่โลกความจริงเวลาไม่เคยคอยใคร ถ้าหากช้าไปแม้แต่นาทีเดียวเราอาจจะพลาดสิ่งที่เราควรจะได้รับไปตลอดเลยก็ได้ ยิ่งเดี๋ยวนี้การเปลี่ยนแปลงมักเกิดขึ้นตลอดเวลาโดยที่เราคาดเดาได้ยาก เด็กๆ วัยรุ่นสมัยนี้ทำอะไรก็อาจจะต้องคิดเผื่อเรื่องเวลาไว้ด้วย
4. การมีความคิดสร้างสรรค์
ประเด็นความคิดสร้างสรรค์ก็เป็นอีกเรื่องที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วงสำหรับวัยรุ่นไทย ทุกคนล้วนมีความคิดสร้างสรรค์อยู่แล้ว แต่ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่า วัยรุ่นยังขาดความเพียรพยายามที่จะลงมือปั้นความคิดออกมาเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้อย่างจริงจัง ชอบอ้างว่าไม่มีแรงบันดาลใจมากพอ แต่จริงๆ แล้วต้องคิดใหม่ว่า แรงบันดาลใจก็เหมือนกับเวลานั่นแหละ มันเดินไปพร้อมกัน ความเร็วเท่ากัน แรงบันดาลใจจึงไม่เคยคอยจนถึงเวลาประทานให้แก่ใคร ถ้าอยากหาแรงบันดาลใจเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ก็ต้องลงมือทำเท่านั้น และที่สำคัญคือต้องคิดต่างเพื่อสร้างความโดดเด่นให้แก่ตัวเอง จะเห็นได้ว่า หลายคนที่ประสบความสำเร็จก็มาจากการคิดในสิ่งที่คนส่วนใหญ่เขาไม่คิดกัน แต่ตอบโจทย์ความต้องการของคนทั่วไปได้ดี นี่แหละถึงจะเรียกว่าความคิดสร้างสรรค์
หากมีประเด็นใดที่ต้องการเพิ่มเติม ก็ร่วมแชร์กันได้นะครับ