ทั้งที่ในโลกใบนี้
มีสัตว์มากมาย และ สัตว์หลายชนิด ที่มีระบบประสาทการรับรู้ลึกซึ้ง มากกว่ามนุษย์
แต่เพราะความอหังการ ของมนุษย์ ที่ยึดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งในจักรวาล
แลัวพยายามอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดรอบตัวว่า มันคือความจริงหนึ่งเดียว
ทั้งที่จริง มันเป็นแค่ ความจริงแบบมนุษย์
เป็นความจริง ที่เกิดจากการรับรู้ผ่านระบบประสาทของมนุษย์
( มันไม่ได้เป็นความจริงสูงสุด หรือ ความจริงในระดับสัจธรรม )
ไม่ต่างอะไรกับ โลกความจริง ที่เกิดจากการรับรู้ ผ่านประสาทสัมผัสของสัตว์ชนิดต่างๆ
ฉนั้น....โลกจะเป็นอย่างไร ก็อยู่ที่ระบบประสาทสัมผัสของสัตว์ชนิดนั้นๆ สามารถที่จะรับรู้
ในระดับสัจธรรม โลกของความเป็นจริงจึงไม่มี
จะมีก็แต่
โลกความจริงแบบมนุษย์
โลกความจริงแบบหมู หมา กา ไก่
แรกเริ่มเดิมที
การรับรู้ของมนุษย์ ก็ไม่ต่างจากสัตว์ชนิดต่างๆ
มนุษย์ยังมองดอกกุหลาบสีแดง ไม่เป็นสีแดงเหมือนตอนนี้
แต่เพราะจิตเกิดการปรุงแต่ง ส่งผลทําให้ระบบประสาทส่วนต่างๆเกิดการพัฒนาตาม
สีสรรต่างๆจึงบังเกิดขึ้น มนุษย์จึงเริ่มมองเห็นดอกกุหลาบเป็นสีแดง
เหมือนทีวี เมื่อก่อนเป็นขาวดํา เวลานี้พัฒนาเป็น ทีวีสี
ไม่ว่าทีวีขาวดํา หรือ ทีวีสี มันก็เป็นความจริงเหมือนกัน
แต่เป็นความจริงคนละกาลเวลา
มันเป็นความจริง ในความไม่จริง
หรืออธิบายให้ชัดไปอีก
มันไม่มีความจริงอะไรให้ยึดถือทั้งสิ้น
มันเป็นแค่ความเปลี่ยนแปลง เพื่อรักษากฏแห่งความสมดุลย์ บนจักรวาลใบนี้
ในการเข้าถึงสัจธรรม( ความจริงสูงสุด )
หลักคําสอน หรือ หลักธรรมของศาสนาพุทธบางนิกาย จึงเน้นไปที่การทําลาย
ความคิดเชิงเหตุผลของมนุษย์ เพื่อไม่ให้เกิการยึดติต
แต่วิธีนี้มันค่อนข้างอันตราย เพราะหากทําลายความคิดเชิงเหตุผลไปแล้ว
มันก็เหมือนกลายเป็นคนไร้เหตุผล
ก็ต้องสร้างเหตุผล ที่ซ้อนเหตุผลขึ้นมาก่อน
เพื่อคอยควบคุมความไร้เหตุผล ให้อยู่ในเหตุผล
งงป่ะ...จบดีกั่ว
สาบานว่า......นี่เป็นกระทู้ในห้องการเมือง ในยุคที่กระทู้ปลิวเป็นว่าเล่น...( ไม่ได้ประชด..อิๆ )
--------------------
😊😊😊...นี่มัน.....โลกของความจริง หรือ ความลวง
มีสัตว์มากมาย และ สัตว์หลายชนิด ที่มีระบบประสาทการรับรู้ลึกซึ้ง มากกว่ามนุษย์
แต่เพราะความอหังการ ของมนุษย์ ที่ยึดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งในจักรวาล
แลัวพยายามอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดรอบตัวว่า มันคือความจริงหนึ่งเดียว
ทั้งที่จริง มันเป็นแค่ ความจริงแบบมนุษย์
เป็นความจริง ที่เกิดจากการรับรู้ผ่านระบบประสาทของมนุษย์
( มันไม่ได้เป็นความจริงสูงสุด หรือ ความจริงในระดับสัจธรรม )
ไม่ต่างอะไรกับ โลกความจริง ที่เกิดจากการรับรู้ ผ่านประสาทสัมผัสของสัตว์ชนิดต่างๆ
ฉนั้น....โลกจะเป็นอย่างไร ก็อยู่ที่ระบบประสาทสัมผัสของสัตว์ชนิดนั้นๆ สามารถที่จะรับรู้
ในระดับสัจธรรม โลกของความเป็นจริงจึงไม่มี
จะมีก็แต่
โลกความจริงแบบมนุษย์
โลกความจริงแบบหมู หมา กา ไก่
แรกเริ่มเดิมที
การรับรู้ของมนุษย์ ก็ไม่ต่างจากสัตว์ชนิดต่างๆ
มนุษย์ยังมองดอกกุหลาบสีแดง ไม่เป็นสีแดงเหมือนตอนนี้
แต่เพราะจิตเกิดการปรุงแต่ง ส่งผลทําให้ระบบประสาทส่วนต่างๆเกิดการพัฒนาตาม
สีสรรต่างๆจึงบังเกิดขึ้น มนุษย์จึงเริ่มมองเห็นดอกกุหลาบเป็นสีแดง
เหมือนทีวี เมื่อก่อนเป็นขาวดํา เวลานี้พัฒนาเป็น ทีวีสี
ไม่ว่าทีวีขาวดํา หรือ ทีวีสี มันก็เป็นความจริงเหมือนกัน
แต่เป็นความจริงคนละกาลเวลา
มันเป็นความจริง ในความไม่จริง
หรืออธิบายให้ชัดไปอีก
มันไม่มีความจริงอะไรให้ยึดถือทั้งสิ้น
มันเป็นแค่ความเปลี่ยนแปลง เพื่อรักษากฏแห่งความสมดุลย์ บนจักรวาลใบนี้
ในการเข้าถึงสัจธรรม( ความจริงสูงสุด )
หลักคําสอน หรือ หลักธรรมของศาสนาพุทธบางนิกาย จึงเน้นไปที่การทําลาย
ความคิดเชิงเหตุผลของมนุษย์ เพื่อไม่ให้เกิการยึดติต
แต่วิธีนี้มันค่อนข้างอันตราย เพราะหากทําลายความคิดเชิงเหตุผลไปแล้ว
มันก็เหมือนกลายเป็นคนไร้เหตุผล
ก็ต้องสร้างเหตุผล ที่ซ้อนเหตุผลขึ้นมาก่อน
เพื่อคอยควบคุมความไร้เหตุผล ให้อยู่ในเหตุผล
งงป่ะ...จบดีกั่ว
สาบานว่า......นี่เป็นกระทู้ในห้องการเมือง ในยุคที่กระทู้ปลิวเป็นว่าเล่น...( ไม่ได้ประชด..อิๆ )
--------------------