สวัสดีค่ะ นี่อาจจะกระทู้แรกของเราที่มีสาระแล้วก็ตั้งใจเขียนมากๆ ตามหัวข้อกระทู้เลยอะนะ กระทู้นี้เราจะพูดเกี่ยวกับโรคโฟเบีย(Phobia)
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าเราไม่ได้อ่านบทความ งานวิจัยหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับโฟเบียมาทุกชิ้น เราเขียนจากที่เราสังเกตและวิเคราะห์ออกมาค่ะ ไม่ได้อ้างอิงหลักวิชาการอะไรทั้งสิ้น ถ้าหากซ้ำกับใคร หรือมีงานวิจัย หรือมีใครออกมาบอกแล้ว ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะะ
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกันก่อน ไอคำว่าโฟเบียนี่เป็นชื่อโรคชนิดหนึ่ง ลักษณะของโรคนี้ก็กลัวโดยไม่มีสาเหตุ เช่น ที่ได้ยินบ่อยๆคือโรคกลัวรูเนอะ นอกจากนี้ยังมีโรคกลัวกระจก(Catoptrophobia) โรคกลัวการนั่ง(Kathisophobia) โรคกลัวสีขาว(Leukophobia) และอื่นๆอีกมากมายเป็นร้อยชนิด
ขออนุญาตแปะ
http://www.dek-d.com/board/view/1202467/ เผื่อใครอยากรู้เพิ่มเติมนะคะ ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ
โดยที่ตัวเจ้าของกระทู้เองก็มีโฟเบียเหมือนกันเช่นกลัวปลา กลัวตีนไก่ และอื่นๆ
และโรคยอดฮิต "โรคกลัวรู"
คืออาการตอนเป็นน่ะเหรอ ตัวเจ้าของกระทู้จะขนลุก แบบไล่จากก้นกบขึ้นมาถึงท้ายทอยเลย แล้วก็ไม่สามารถมองมันต่อไปได้ มีความรู้สึกเหมือนจะร้องไห้หรือไม่ก็ร้องไห้เลย บางครั้งหายใจไม่ออก จะอาเจียน
ใช่ค่ะมันไม่มีเหตุผล ไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึงกลัว
เอาล่ะทำความรู้จักกับโรคโฟเบียมาแล้วนิดนึงก็มาเข้าเรื่องกัน
เรื่องของเรื่องคือเราเป็นคนกลัวรู แต่ก็ไม่ได้ทุกรูนะ แค่บางอย่าง เช่น แตงโมที่มีเม็ด แล้วมันจะเป็นรูลึกเข้าไปใช่ไหม นั่นแหละ ขนลุกแทบอ้วก
หรือฟองน้ำที่อยู่ในทะเลก็ดี
มีอยู่วันนึงคุยเรื่องนี้กับเพื่อน เพื่อนก็บอกว่ามีเพื่อนเค้าคนนึงเป็นโฟเบียกลัวรูเหมือนกัน คนนั้นกินขนมปังไม่ได้เพราะกลัวรูของขนมปัง ในตอนนั้นเราก็ขำนะ คิดว่ามันไร้สาระ แบบจะบ้าหรอขนมปังเนี่ยนะ แต่แบบหลังจากนั้นเราก็เริ่มสังเกตว่ารูในขนมปังมันเป็นยังไง สักพักนึงประมาณหนึ่งสัปดาห์เรากลายเป็นคนกลัวรูขนมปังค่ะ งงตัวเองมาก
เราก็เริ่มสงสัยละว่าโฟเบียมันเกิดจากอะไรกันแน่ เลยลองสังเกตไปเรื่อยๆ
เราขอแบ่งเป็นสองอย่าง หนึ่งคือ
โฟเบียกรุ้ปใหญ่ เช่นโรคกลัวรู โรคกลัวสีเหลือง โรคกลัวอากาศเย็น
อีกกลุ่มหนึ่งคือสับเซตของโฟเบียกรุ้ปใหญ่ เช่นเรากลัวรู แต่ไม่ได้กลัวทุกรู หลอด ขนมปัง ถ้ำ อันนี้คือ
โฟเบียกรุ้ปเล็ก
จากการที่เราสังเกตเราก็ยังไม่รู้ว่าโฟเบียกรุ้ปใหญ่เกิดจากอะไร มันยังคงไม่มีเหตุผลค่ะ
แต่โฟเบียกรุ้ปเล็ก เราคิดว่ามันเกิดจากการที่เราช่างสังเกตเกินไป แบบว่ามองรายละเอียดมากเกินไป เพราะก่อนที่เราจะคุยกับเพื่อนคนนั้น เราไม่เคยสังเกตเลยว่ารูขนมปังเป็นยังไง แต่พอเริ่มสังเกต มันก็ขนลุกขึ้นมาจนกลายเป็นกลัวไปในที่สุด
อีกเหตุการณ์นึงคือ เมื่อเช้านี้ค่ะ เราจะทานแพนเค้กที่เหลือจากเมื่อวาน ซึ่งแช่ตู้เย็นไว้ คือแป้งมันก็จะเป็นรู อันนี้รู้อยู่แล้วเนอะ เรารู้ค่ะ แต่ไม่ได้สังเกตเลยว่าเป็นรู หลังจากเอาออกมาจากไมโครเวฟก็ราดน้ำเชื่อมค่ะ พอน้ำเชื่อมหยดไปในรูก็เป็นฟองอากาศขึ้นมา ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกอะไรนะคะ พอพี่สาวเดินมาทัก "อ้าว ไม่กลัวรูนั่นอ่อ" เราก็แบบ ห้ะ! รูไหน? เค้าก็บอก บนแพนเค้กไง พอเราหันไปมองปุ้ป เพิ่งอยู่ประมาณสิบวินาทีเท่านั้นแหละค่ะ ขนลุกเกรียวเลย แบบว่าคลื่นไส้ขึ้นมา แล้วก็น้ำตาไหลค่ะ ต้องให้แพนเค้กพี่สาวกินเอง เราไม่ไหวจริงๆ
และอีกหลายเหตุการณ์ที่นั่งเหม่ออยู่แล้วดันไปโฟกัสอะไรบางอย่างที่มีรูโดยไม่ได้ตั้งใจ เราก็เกิดอาการทันที
ดังนั้นเราจึงคิดว่า โฟเบียกรุ้ปเล็กน่าจะเกิดมาจากที่ดวงตาหรือสมองของเราหรืออะไรก็ตามเก็บรายละเอียดมากเกินไป ทำให้ถึงกลัวแค่บางอย่างทั้งๆที่มีโรคโฟเบียชนิดนั้นๆอยู่ในตัว
ใครมีประสบการณ์ หรือข้อสันนิษฐานอะไร หรือมีอะไรอยากแชร์ก็มาคุยกันได้นะคะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
Phobia โรคที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผลและมาเบียดเบียนชีวิตเราอย่างไม่มีเหตุผล
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าเราไม่ได้อ่านบทความ งานวิจัยหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับโฟเบียมาทุกชิ้น เราเขียนจากที่เราสังเกตและวิเคราะห์ออกมาค่ะ ไม่ได้อ้างอิงหลักวิชาการอะไรทั้งสิ้น ถ้าหากซ้ำกับใคร หรือมีงานวิจัย หรือมีใครออกมาบอกแล้ว ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะะ
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกันก่อน ไอคำว่าโฟเบียนี่เป็นชื่อโรคชนิดหนึ่ง ลักษณะของโรคนี้ก็กลัวโดยไม่มีสาเหตุ เช่น ที่ได้ยินบ่อยๆคือโรคกลัวรูเนอะ นอกจากนี้ยังมีโรคกลัวกระจก(Catoptrophobia) โรคกลัวการนั่ง(Kathisophobia) โรคกลัวสีขาว(Leukophobia) และอื่นๆอีกมากมายเป็นร้อยชนิด
ขออนุญาตแปะ http://www.dek-d.com/board/view/1202467/ เผื่อใครอยากรู้เพิ่มเติมนะคะ ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ
โดยที่ตัวเจ้าของกระทู้เองก็มีโฟเบียเหมือนกันเช่นกลัวปลา กลัวตีนไก่ และอื่นๆ
และโรคยอดฮิต "โรคกลัวรู"
คืออาการตอนเป็นน่ะเหรอ ตัวเจ้าของกระทู้จะขนลุก แบบไล่จากก้นกบขึ้นมาถึงท้ายทอยเลย แล้วก็ไม่สามารถมองมันต่อไปได้ มีความรู้สึกเหมือนจะร้องไห้หรือไม่ก็ร้องไห้เลย บางครั้งหายใจไม่ออก จะอาเจียน
ใช่ค่ะมันไม่มีเหตุผล ไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึงกลัว
เอาล่ะทำความรู้จักกับโรคโฟเบียมาแล้วนิดนึงก็มาเข้าเรื่องกัน
เรื่องของเรื่องคือเราเป็นคนกลัวรู แต่ก็ไม่ได้ทุกรูนะ แค่บางอย่าง เช่น แตงโมที่มีเม็ด แล้วมันจะเป็นรูลึกเข้าไปใช่ไหม นั่นแหละ ขนลุกแทบอ้วก
หรือฟองน้ำที่อยู่ในทะเลก็ดี
มีอยู่วันนึงคุยเรื่องนี้กับเพื่อน เพื่อนก็บอกว่ามีเพื่อนเค้าคนนึงเป็นโฟเบียกลัวรูเหมือนกัน คนนั้นกินขนมปังไม่ได้เพราะกลัวรูของขนมปัง ในตอนนั้นเราก็ขำนะ คิดว่ามันไร้สาระ แบบจะบ้าหรอขนมปังเนี่ยนะ แต่แบบหลังจากนั้นเราก็เริ่มสังเกตว่ารูในขนมปังมันเป็นยังไง สักพักนึงประมาณหนึ่งสัปดาห์เรากลายเป็นคนกลัวรูขนมปังค่ะ งงตัวเองมาก
เราก็เริ่มสงสัยละว่าโฟเบียมันเกิดจากอะไรกันแน่ เลยลองสังเกตไปเรื่อยๆ
เราขอแบ่งเป็นสองอย่าง หนึ่งคือโฟเบียกรุ้ปใหญ่ เช่นโรคกลัวรู โรคกลัวสีเหลือง โรคกลัวอากาศเย็น
อีกกลุ่มหนึ่งคือสับเซตของโฟเบียกรุ้ปใหญ่ เช่นเรากลัวรู แต่ไม่ได้กลัวทุกรู หลอด ขนมปัง ถ้ำ อันนี้คือโฟเบียกรุ้ปเล็ก
จากการที่เราสังเกตเราก็ยังไม่รู้ว่าโฟเบียกรุ้ปใหญ่เกิดจากอะไร มันยังคงไม่มีเหตุผลค่ะ
แต่โฟเบียกรุ้ปเล็ก เราคิดว่ามันเกิดจากการที่เราช่างสังเกตเกินไป แบบว่ามองรายละเอียดมากเกินไป เพราะก่อนที่เราจะคุยกับเพื่อนคนนั้น เราไม่เคยสังเกตเลยว่ารูขนมปังเป็นยังไง แต่พอเริ่มสังเกต มันก็ขนลุกขึ้นมาจนกลายเป็นกลัวไปในที่สุด
อีกเหตุการณ์นึงคือ เมื่อเช้านี้ค่ะ เราจะทานแพนเค้กที่เหลือจากเมื่อวาน ซึ่งแช่ตู้เย็นไว้ คือแป้งมันก็จะเป็นรู อันนี้รู้อยู่แล้วเนอะ เรารู้ค่ะ แต่ไม่ได้สังเกตเลยว่าเป็นรู หลังจากเอาออกมาจากไมโครเวฟก็ราดน้ำเชื่อมค่ะ พอน้ำเชื่อมหยดไปในรูก็เป็นฟองอากาศขึ้นมา ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกอะไรนะคะ พอพี่สาวเดินมาทัก "อ้าว ไม่กลัวรูนั่นอ่อ" เราก็แบบ ห้ะ! รูไหน? เค้าก็บอก บนแพนเค้กไง พอเราหันไปมองปุ้ป เพิ่งอยู่ประมาณสิบวินาทีเท่านั้นแหละค่ะ ขนลุกเกรียวเลย แบบว่าคลื่นไส้ขึ้นมา แล้วก็น้ำตาไหลค่ะ ต้องให้แพนเค้กพี่สาวกินเอง เราไม่ไหวจริงๆ
และอีกหลายเหตุการณ์ที่นั่งเหม่ออยู่แล้วดันไปโฟกัสอะไรบางอย่างที่มีรูโดยไม่ได้ตั้งใจ เราก็เกิดอาการทันที
ดังนั้นเราจึงคิดว่า โฟเบียกรุ้ปเล็กน่าจะเกิดมาจากที่ดวงตาหรือสมองของเราหรืออะไรก็ตามเก็บรายละเอียดมากเกินไป ทำให้ถึงกลัวแค่บางอย่างทั้งๆที่มีโรคโฟเบียชนิดนั้นๆอยู่ในตัว
ใครมีประสบการณ์ หรือข้อสันนิษฐานอะไร หรือมีอะไรอยากแชร์ก็มาคุยกันได้นะคะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ