เป็นกระทู้แรกของผมเลยนะครับ
มันจะยาวมากนะครับ
เป็นเหมือนนิยายชีวิตเลยล่ะครับ ผมเล่าอย่างละเอียดเลยนะครับ ฮ่าๆ เป็นการแชร์ประสบการเรื่องความรักครับลองอ่านกันดูนะครับ
เคยได้ยินพลังแห่งความรักไหมครับ มัน ยิ่งใหญ่จริงๆนะครับ อิอิ
ผู้อ่านอาจจะงง กันว่าทำไม ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อความรัก ถึงจะไม่สมหวังแต่ก็ได้พัฒนาตัวเอง ยิ่งไม่สมหวังก็จะยิงพัฒนาตัวเอง ซักวันเราคงจะเจอคนที่ใช่สำหรับเรา ผมคิดแบบนั้นมาตลอด มาดูกันว่าผมพัฒนาตัวเองอย่างไร
ก่อนอื่นนะครับ ผมขออนุญาตไม่บอกชื่อนะครับ (กลัวจะมีคนรู้ว่าเป็นใคร ฮ่าๆๆ)เอาเป็นว่าเรียกผมว่า บอย ก็ได้ครับ ผมจะเล่าตั้งแต่ก่อนเข้ามหาลัยเลยนะครับ เรื่องก็มีอยู่ว่าผมดันไปแอบชอบเพื่อนคนหนึ่งเข้าอะครับ เรารู้จักกันตั้งแต่ป.5ครับเธอทั้งสวยและน่ารักมากเลยครับเราเรียนอยู่ในห้องเดียวกันครับ
แต่ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่อะครับยังไม่รู้หรอกครับว่าความรักคืออะไรจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่าความรักคืออะไรอยู่ดี ตอนนั้นแค่รู้สึกว่าอยากดูแลเธอคนนั้นอยากพูดคุยด้วยอยากเห็นหน้าทุกวัน ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรไอ่ความรู้สึกนี้อะนะ แต่ผมก็ได้แค่มองดูอยู่ห่างๆแค่นั้นอะครับ แต่เมื่อก่อนผมก็แสบไม่ใช่เล่นเลยนะครับฮ่าๆๆ ผมชอบเข้าไปแกล้งเธอคนนั้นเป็นประจำเลยครับก็เพราะชอบนั้นแหละครับ ผมขออนุญาตแทนว่าเธอคนนั้นเอานะครับไม่อยากให้เขารู้ว่าเป็นเขา
เรารู้จักกันมาจนถึงม.4 มั้งครับเท่าที่จำได้นะครับเป็นเหตุการณ์แรกที่ช็อกสำหรับผมนะครับก็คือเธอคนนั้นก็ดันมีรุ่นพี่มาบอกรักซะได้ แล้วยังไม่พอนะครับเธอก็ตอบตกลงด้วย T^T เป็นเหตุการณ์แรกที่ทำให้ซ็อกเพราะว่าเหตูการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทั้นมันเลย ทำให้ผมรู้สึกเสียใจเอามากๆเลยครับ ไอ้คำว่าอกหักคงจะมีความรู้สึกเป็นแบบนี้สินะครับ ผมได้แต่พูดกับตัวเองว่าเราคงต้องตัดใจที่จะชอบเขาแล้วแหละ T^T แต่อย่างที่รู้ๆกันนะครับว่ารักในวัยเรียนมักจะไม่ยั่งยืน พอเธอคนนั้นขึ้นม.5 รุ่นพี่คนนั้นก็ทิ้งเธอไปผู้หญิงคนนั้น จากที่เธอคนเป็นคนที่ร่าเริงสดใสกลับเปลี่ยนไปกลายเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูดคุยกับใครผมเห็นก็เสียใจครับ ผมจึงตัดสินใจเข้าไปพูดคุยกับเธอคนนั้นอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้พูดคุยกันมาเกือบเป็นปีเพื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น เธอคนนั้นก็เปิดใจคุยกับผมด้วยนะครับ เธอเล่าอะไรๆต่างๆให้ผมฟังเยอะเลยครับ จากที่ห่างหายไปประมาณ 1 ปีจากม.4-ม.5 เราก็ได้กลับมาพูดคุยกันอีกครั้งในครั้งนี้ผมคิดว่าผมอยากจะจีบเธอคนนี้ผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งครับและทำการปรึกษาว่าควรจะทำอย่างไรดีเพื่อนก็แนะนำแนวทางต่างๆมากมายเลยครับ ผมก็ลองทำบ้างไม่ทำบ้างฮ่าๆๆ ผมเป็นคนขี้อายนะครับ >///< ผมเป็นคนอ้วนมากด้วยครับ เสียดายผมไม่มีรู้ให้ดูตั้งแต่ม.5 จนถึงม.6 ได้มีเรื่องราวมากมายเกิด
ขึ้น
สิ่งแรกที่ผมคิดก็คือการที่เราจะจีบใครซักคนหนึ่งเราจะต้องดูดีในสายตาเขาก่อน เราอ้วน!!! หุ่นไม่ดีจะมีสาวที่ไหนมองเรา ผมจึงตัดสินใจลดน้ำหนักจริงจังผมทำอะไรๆหลายอย่างเลยนะครับทั้งตั้งใจเรียนในห้องเรียนทั้งลดน้ำหนักผมคิดว่าถ้าเราเรียนเก่งขึ้นหุ่นดีขึ้นเธอคนนั้นก็น่าจะหันมามองเรานะ ผมจึงพัฒนาตัวเองแหลกเลยครับ แต่ช่วงระหว่างนี้เราสองคนก็คุยกันอยู่นะครับแต่คุยกันแบบเพื่อนเฉยๆ คุยกันตลอดอะครับส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนชวนคุยครับ ไม่สิไม่ใช่ส่วนใหญ่ ผมเป็นคนชวนคุยก่อนตลอดเลย ฮ่าๆๆ จนเพื่อนๆในห้องหลายคนเริ่มสงสัยอะครับ แต่ก็แค่สงสัยอะนะและผมเองก็คิดว่าเธอคนนั้นก็รู้ว่าผมมีความรู้สึกดีๆให้แต่ผมชอบอีกอย่างในตัวเธอคนนั้นนะครับถึงจะรู้แล้วว่าเราจะเข้ามาจีบก็ไม่ทำตัวตีตัวออกห่างซักนิดเลย ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ชอบเราก็คงจะตีตัวออกห่างไปแล้ว(หรือว่าเขาชอบเราวะ >///<)นั้นจึงทำให้ผมมีกำลังใจในการที่จะจีบมากๆเลยครับ
เออ...อย่าลืมนะครับว่าผมอ้วนมากหน้าตาก็ไม่ถึงกับขี้เหร่นะครับ ตัวเตี้ยด้วย ฮ่าๆๆ ผมทำเรื่องที่หลายๆคนคิดว่าบ้าทำไปได้ไง นั้นก็คือการวิ่งครับในระยะทางไกลๆแต่อาจจะไม่ไกลมากนะครับ ตอนนั้นถือว่าไกลละกันฮ่าๆๆ คืออย่างงี้ครับช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีงานโรงเรียนครับผมเลยได้มานอนที่บ้านเพื่อนที่แม่ขะจานและจากบ้านเพื่อนไปยังโรงเรียนระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร ผมก็บอกเพื่อนผมว่าผมจะวิ่งไปช่วยงานที่โรงเรียนฮ่าๆๆ เพื่อนๆต่างพากันหัวเราะ เพราะตั้ง15กิโลเลยนะจะไหวหรอขี่รถมาเอาไม่ดีกว่าหรอ จากวันนั้นผมก็วิ่งมาจริงๆครับ ออกจากบ้านเพื่อนตี5มาถึงโรงเรียนประมาณ 8โมง ฮ่าๆๆเหนื่อยมากกกกกกก แต่ก็มีเพื่อนบางคนไม่เชื่อนะครับ ฮ่าๆๆ
จากนั้นผมก็ทำอีกหลายครั้งเลยครับในช่วงนี้ก็ได้คุยกับเธอคนนั้นอยู่นะครับคุยแบบเพื่อนเหมือนเดิมฮ่าๆๆปอดแฮกครับไม่กล้าจีบ หลังจากงานโรงเรียนผ่านไปผมก็ออกกำลังกายทุกวันเลยครับหวังว่าซักวันเราจะต้องผอมหุ่นดีเพื่อให้เธอคนนั้นหันมามองเราบ้าง ในช่วงนี้ก็ขึ้นม.6แล้วครับเธอคนนั้นกลับมาสดใสร่าเริงเหมือนเดิมแล้วครับ ^^ ผมก็คุยกับเธอมาตลอดนะครับ
เออ...มีช่วงหนึ่งผมก็สงสัยอยู่นะครับว่าทำไมเธอคนนั้นถึงชอบมายืมโทรศัพท์ของผมไปเล่นเธอบอกว่าขอยืมไปฟังเพลง ผมก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไรคงเพราะชอบเพลงในโทรศัพท์ของเรามั้งแต่พอกลับมาคิดอีกทีโทรศัพท์เธอก็มีและเธอจะชอบเพลงในโทรศัพท์ของผมได้อย่างไรในเมื่อเธอไม่เคยฟังเพลงในโทรศัพท์ของผมฮ่าๆๆ(เธอบอกว่าชอบเพลงในเครื่องของผม) และยิ่งไปกว่านั้นนะดันมีรูปเธออยู่ในโทรศัพท์ของผมอีกด้วยเธอเอาโทรศัพท์ของผมไปถ่ายรูปตัวเองครับ >///< ตอนนี้ผมคิดว่าเธออาจจะมีใจให้เราแล้วก็ได้ฮ่าๆๆแต่ก็ไม่กล้าคิดอะไรมาก
ตอนนั้นผมน่าจะน้ำหนักประมาณ 82 กิโลนะครับสูง 162 cm ครับ คืออ้วนเตี้ยอะครับฮ่าๆๆหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้นผมจึงฮึดสู้อีกครั้งครับ คราวนี้เล่นกีฬาด้วยครับเล่นบาสครับคิดว่าน่าจะทำให้เราตัวสูงขึ้นฮ่าๆๆ(คิดไปเอง)แต่ก็สูงขึ้นจริงๆครับจาก 162 cm พอจบ ม.6 สูง165 cm ครับผมออกกำลังกายทุกๆเย็นเลยครับแต่กินอาหารเยอะเหมือนเดิมนะครับบางวันก็ลดปริมาณข้าวลงบ้างไม่กินขนมไม่กินของหวานเลยครับทำได้ 6เดือน น้ำหนักจาก 82-83 เหลือ 72กิโลครับ
ส่วนเรื่องที่ผมชอบเธอคนนั้นก็เริ่มแดงขึ้นมาแล้วครับจากคนที่รู้แค่คนสองคนตอนนี้รู้กันทั้งห้องเลยครับ ฮ่าๆๆอย่างที่บอกก่อนหน้านี้อะครับเธอคนนั้นกลับไม่ตีตัวออกห่างผมเลย ยังเป็นเหมือนเดิม เพื่อนๆในห้องบางที่ก็แซวผม จริงๆแล้วแซวทุกครั้งที่ผมเข้าหาเธอคนนั้นอะครับ ผมนี้อายมากเลยครับ(แต่มีความสุขนะครับ>///<) ช่วงนี้ก็ใกล้จะจบม.6แล้วครับก็เริ่มหามหาลัยเข้ากันแล้ว ผมคิดว่าเราคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะ คิดแล้วเศร้า T^T จึงคิดว่าจะไปบอกรักครับ แต่ยังหาโอกาศบอกไม่ได้เลย มัวแต่ยุ่งเรื่องหาที่เรียนต่อและผมเป็นคนขี้อายมากด้วยฮ่าๆๆ ผมได้ติดโครงการเรียนของมหาวิทยาลัยพะเยาครับ ผมและครอบครัวมาดูมหาลัย บรรยากาศดีมากเลยครับเป็นธรรมชาติสุดๆผมชอบมากๆเลยตัดสินใจจะเข้าที่เนี้ยแหละ
หลังจากจบม.6เกิดเรื่องบังเอิญมากๆ เธอคนนั้นก็เข้า มอพะเยาเช่นเดียวกัน ผมดีใจมากๆเลยครับ แต่เขาเข้าคนละคณะนะครับฮ่าๆๆ อย่างที่รู้ๆเด็กปี1 กิจกรรมเยอะมากสาขาผมก็เรียนหนักมากด้วยครับผมเรียน วิทยาศาสตร์เอกเคมีคู่ขนานการศึกษาครับ ทำให้ไม่ค่อยมีเวลามากนักก็ได้คุยกันไม่บ่อยเท่าไรและแล้วก็มีเรื่องที่ทำให้ผมช็อกรอบที่ 2 นั้นก้คือเธอคนนั้นมีแฟนแล้ว T^T ผมกะว่าจะหาโอกาศจะบอกรักเธอแล้วแต่มันก็สายไป วันนั้นยังจำได้ดีเลยวันที่จะไปซื้อข้าวที่ร้านอาหารใกล้ๆหอและผมก็ได้พบเธอคนนั้นนั้งอยู่กับแฟนของเขา ผมนี้เข่าอ่อนเลยแทบจะร้องไห้ออกมาเมื่อเธอทักผมและแนะนำแฟนของเธอให้ผมได้รู้จักผมเจ็บปวดมากๆเลยครับ T^T
ที่ผมช้าไปผมน่าจะบอกให้มันเร็วกว่านี้ อกหักรอบสองแล้วครับรอบนี้เจ็บที่สุดครับ วันนั้นพึ่งเข้าใจคำว่ากินข้าวไม่ลงเป็นครั้งครั้งแรกคือกินอะไรไม่ลงจริงๆครับจากอาหารที่ชอบกินอยู่ทุกวันกลับไม่มีรสชาติเลยแต่ผมไม่ร้องไห้นะครับผมเป็นคนร้องไห้ยากมากครับแม้แต่คนที่ผมรักมากอย่างปู่ของผมเมื่อรู้ข่าวว่าท่านเสียแล้วผมไม่ร้องเลย(ต่อหน้าญาติพี่น้องนะครับจริงๆแอบไปร้องไห้ในที่ไม่มีคนเห็นอะครับ)จนญาติพี่น้องถามว่าไม่รักปู่หรอ ผมก็ตอบไปว่ารักครับรักมากด้วยแต่น้ำตามันไม่ไหล(พูดเรื่องนี้แล้วมันเศร้า T^T )
จากเหตุการณ์ที่ช็อก รอบ 2 ผมประชดชีวิตโดยการกินครับกินแหลกเลยครับอยากกินอะไรกิน ในตอนนั้นคิดแค่ว่าเราจะทำทุกอย่างให้ดีไปทำไมในเมื่อเขาไม่หันมามองเราเลยจนตอนนี้ ปี 1 น้ำหนักขึ้นเป็น 78 กิโลละครับ ผมต้องทนกับความรู้สึกนี้นานเป็นปีเลยครับกว่าจะเริ่มดีขึ้นจนเริ่มตั้งตัวได้ก็ตอนปี 2 ครับน้ำหนักตอนนั้น 82 กิโลครับในตอนนี้ผมได้กลายเป็นพี่ไปซะแล้วจากเด็กที่เข้ามาปี1 เป็นน้อง ตอนนี้เป็นพี่แล้วครับฮ่าๆๆเร็วมากยังไม่ทันตั้งตัวเลยผมคิดว่าไม่เป็นไรผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวซักหน่อย
เออ.....เกือบลืม มีเหตุการณ์หนึ่งครับก่อนขึ้นปี 2 คือแฟนของเธอคนนั้นนอกใจดันไปมีคนใหม่อะครับทำให้คนที่ผมชอบอะเสียใจเอามากๆช่วงนั้นผมกำลังทำใจได้แล้วแท้ๆ เธอกลับมาขอคำปรึกษาผมครับ ผมกับเธอได้คุยกันอีกครั้งหลังหายเงียบไปเลยหลังมีแฟนเกือบๆปีเธอมาปรึกษาผม ขอโทษนะครับอาจจะตรงไปหน่อยนะครับ เขามาถามผมว่าถ้าผมไปเห็นแฟนของตัวเองนอนกับคนอื่นผมควรทำอย่างไร ผมจึงถามกลับไปว่า แล้วเธอรักเขามากไหม เธอก็ตอบว่ารักมากรักกว่ารุ่นพี่ที่เป็นแฟนคนแรกซะอีก ตอนนั้นผมแทบจะร้องไห้ คงจะเข้าใจความรู้สึกผมสินะครับ ผมปอดแหกเองแหละครับตอนนั้นผมน่าจะบอกรักออกไปเลย แต่ก็ไม่กล้า ผมเลยได้แค่ปลอบใจเธอคนนั้น ผมถามว่า เธอยังรักเขาคนนั้นหรือป่าว เธอก็ตอบว่ารักรักมากด้วย แล้วเธอยอมรับเขาได้ไหมละถ้าเขากลับมาขอโทษแล้วบอกว่าจะไม่ทำอีก เธอก็บอกว่าตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะยกโทษให้เขาได้ไหม ที่ผมถามเธอคนนั้นแบบนั้นเพราะรู้ว่ายังไงผู้ชายเมื่อมันทำผิดมันก็ต้องขอโทษและขอโอกาศแน่ๆและเรื่องก็เป็นไปตามที่ผมคิดไว้จริงๆครับเธอคนนั้นกับแฟนเขาก็กลับมาคบกันใหม่แต่ก็ได้ไม่นานอะครับก็เลิกกันเธอคนนั้นก็ไปมีแฟนใหม่และผมก็ไม่ได้ติดต่ออะไรเธออีกเลย
ผมเจ็บกับความรักมากพอควรเลยละครับ ทั้งๆที่ยังไม่เคยมีแฟนนะครับ ผมคิดว่าถ้ามีมันคงจะเจ็บกว่านี้มาก ต่อนะครับยังไม่ได้เข้าเรื่องจริงๆเลยนะเนี้ยฮ่าๆๆ เรื่องจริงๆต่อจากนี้ต่างหาก
พิมซะยาวเลย ฮ่าๆๆ เดียวมาต่อให้จบนะครับ
ถ้าคุณแอบชอบใครซักคน... แล้วรู้คำตอบดีว่า ถ้าไปบอกชอบเขา ยังไงก็ต้องถูกปฏิเสธเราควรจะบอกหรือไม่บอกดีครับ ?
มันจะยาวมากนะครับ
เป็นเหมือนนิยายชีวิตเลยล่ะครับ ผมเล่าอย่างละเอียดเลยนะครับ ฮ่าๆ เป็นการแชร์ประสบการเรื่องความรักครับลองอ่านกันดูนะครับ
เคยได้ยินพลังแห่งความรักไหมครับ มัน ยิ่งใหญ่จริงๆนะครับ อิอิ
ผู้อ่านอาจจะงง กันว่าทำไม ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อความรัก ถึงจะไม่สมหวังแต่ก็ได้พัฒนาตัวเอง ยิ่งไม่สมหวังก็จะยิงพัฒนาตัวเอง ซักวันเราคงจะเจอคนที่ใช่สำหรับเรา ผมคิดแบบนั้นมาตลอด มาดูกันว่าผมพัฒนาตัวเองอย่างไร
ก่อนอื่นนะครับ ผมขออนุญาตไม่บอกชื่อนะครับ (กลัวจะมีคนรู้ว่าเป็นใคร ฮ่าๆๆ)เอาเป็นว่าเรียกผมว่า บอย ก็ได้ครับ ผมจะเล่าตั้งแต่ก่อนเข้ามหาลัยเลยนะครับ เรื่องก็มีอยู่ว่าผมดันไปแอบชอบเพื่อนคนหนึ่งเข้าอะครับ เรารู้จักกันตั้งแต่ป.5ครับเธอทั้งสวยและน่ารักมากเลยครับเราเรียนอยู่ในห้องเดียวกันครับ
แต่ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่อะครับยังไม่รู้หรอกครับว่าความรักคืออะไรจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่าความรักคืออะไรอยู่ดี ตอนนั้นแค่รู้สึกว่าอยากดูแลเธอคนนั้นอยากพูดคุยด้วยอยากเห็นหน้าทุกวัน ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรไอ่ความรู้สึกนี้อะนะ แต่ผมก็ได้แค่มองดูอยู่ห่างๆแค่นั้นอะครับ แต่เมื่อก่อนผมก็แสบไม่ใช่เล่นเลยนะครับฮ่าๆๆ ผมชอบเข้าไปแกล้งเธอคนนั้นเป็นประจำเลยครับก็เพราะชอบนั้นแหละครับ ผมขออนุญาตแทนว่าเธอคนนั้นเอานะครับไม่อยากให้เขารู้ว่าเป็นเขา
เรารู้จักกันมาจนถึงม.4 มั้งครับเท่าที่จำได้นะครับเป็นเหตุการณ์แรกที่ช็อกสำหรับผมนะครับก็คือเธอคนนั้นก็ดันมีรุ่นพี่มาบอกรักซะได้ แล้วยังไม่พอนะครับเธอก็ตอบตกลงด้วย T^T เป็นเหตุการณ์แรกที่ทำให้ซ็อกเพราะว่าเหตูการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทั้นมันเลย ทำให้ผมรู้สึกเสียใจเอามากๆเลยครับ ไอ้คำว่าอกหักคงจะมีความรู้สึกเป็นแบบนี้สินะครับ ผมได้แต่พูดกับตัวเองว่าเราคงต้องตัดใจที่จะชอบเขาแล้วแหละ T^T แต่อย่างที่รู้ๆกันนะครับว่ารักในวัยเรียนมักจะไม่ยั่งยืน พอเธอคนนั้นขึ้นม.5 รุ่นพี่คนนั้นก็ทิ้งเธอไปผู้หญิงคนนั้น จากที่เธอคนเป็นคนที่ร่าเริงสดใสกลับเปลี่ยนไปกลายเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูดคุยกับใครผมเห็นก็เสียใจครับ ผมจึงตัดสินใจเข้าไปพูดคุยกับเธอคนนั้นอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้พูดคุยกันมาเกือบเป็นปีเพื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น เธอคนนั้นก็เปิดใจคุยกับผมด้วยนะครับ เธอเล่าอะไรๆต่างๆให้ผมฟังเยอะเลยครับ จากที่ห่างหายไปประมาณ 1 ปีจากม.4-ม.5 เราก็ได้กลับมาพูดคุยกันอีกครั้งในครั้งนี้ผมคิดว่าผมอยากจะจีบเธอคนนี้ผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งครับและทำการปรึกษาว่าควรจะทำอย่างไรดีเพื่อนก็แนะนำแนวทางต่างๆมากมายเลยครับ ผมก็ลองทำบ้างไม่ทำบ้างฮ่าๆๆ ผมเป็นคนขี้อายนะครับ >///< ผมเป็นคนอ้วนมากด้วยครับ เสียดายผมไม่มีรู้ให้ดูตั้งแต่ม.5 จนถึงม.6 ได้มีเรื่องราวมากมายเกิด
ขึ้น
สิ่งแรกที่ผมคิดก็คือการที่เราจะจีบใครซักคนหนึ่งเราจะต้องดูดีในสายตาเขาก่อน เราอ้วน!!! หุ่นไม่ดีจะมีสาวที่ไหนมองเรา ผมจึงตัดสินใจลดน้ำหนักจริงจังผมทำอะไรๆหลายอย่างเลยนะครับทั้งตั้งใจเรียนในห้องเรียนทั้งลดน้ำหนักผมคิดว่าถ้าเราเรียนเก่งขึ้นหุ่นดีขึ้นเธอคนนั้นก็น่าจะหันมามองเรานะ ผมจึงพัฒนาตัวเองแหลกเลยครับ แต่ช่วงระหว่างนี้เราสองคนก็คุยกันอยู่นะครับแต่คุยกันแบบเพื่อนเฉยๆ คุยกันตลอดอะครับส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนชวนคุยครับ ไม่สิไม่ใช่ส่วนใหญ่ ผมเป็นคนชวนคุยก่อนตลอดเลย ฮ่าๆๆ จนเพื่อนๆในห้องหลายคนเริ่มสงสัยอะครับ แต่ก็แค่สงสัยอะนะและผมเองก็คิดว่าเธอคนนั้นก็รู้ว่าผมมีความรู้สึกดีๆให้แต่ผมชอบอีกอย่างในตัวเธอคนนั้นนะครับถึงจะรู้แล้วว่าเราจะเข้ามาจีบก็ไม่ทำตัวตีตัวออกห่างซักนิดเลย ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ชอบเราก็คงจะตีตัวออกห่างไปแล้ว(หรือว่าเขาชอบเราวะ >///<)นั้นจึงทำให้ผมมีกำลังใจในการที่จะจีบมากๆเลยครับ
เออ...อย่าลืมนะครับว่าผมอ้วนมากหน้าตาก็ไม่ถึงกับขี้เหร่นะครับ ตัวเตี้ยด้วย ฮ่าๆๆ ผมทำเรื่องที่หลายๆคนคิดว่าบ้าทำไปได้ไง นั้นก็คือการวิ่งครับในระยะทางไกลๆแต่อาจจะไม่ไกลมากนะครับ ตอนนั้นถือว่าไกลละกันฮ่าๆๆ คืออย่างงี้ครับช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีงานโรงเรียนครับผมเลยได้มานอนที่บ้านเพื่อนที่แม่ขะจานและจากบ้านเพื่อนไปยังโรงเรียนระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร ผมก็บอกเพื่อนผมว่าผมจะวิ่งไปช่วยงานที่โรงเรียนฮ่าๆๆ เพื่อนๆต่างพากันหัวเราะ เพราะตั้ง15กิโลเลยนะจะไหวหรอขี่รถมาเอาไม่ดีกว่าหรอ จากวันนั้นผมก็วิ่งมาจริงๆครับ ออกจากบ้านเพื่อนตี5มาถึงโรงเรียนประมาณ 8โมง ฮ่าๆๆเหนื่อยมากกกกกกก แต่ก็มีเพื่อนบางคนไม่เชื่อนะครับ ฮ่าๆๆ
จากนั้นผมก็ทำอีกหลายครั้งเลยครับในช่วงนี้ก็ได้คุยกับเธอคนนั้นอยู่นะครับคุยแบบเพื่อนเหมือนเดิมฮ่าๆๆปอดแฮกครับไม่กล้าจีบ หลังจากงานโรงเรียนผ่านไปผมก็ออกกำลังกายทุกวันเลยครับหวังว่าซักวันเราจะต้องผอมหุ่นดีเพื่อให้เธอคนนั้นหันมามองเราบ้าง ในช่วงนี้ก็ขึ้นม.6แล้วครับเธอคนนั้นกลับมาสดใสร่าเริงเหมือนเดิมแล้วครับ ^^ ผมก็คุยกับเธอมาตลอดนะครับ
เออ...มีช่วงหนึ่งผมก็สงสัยอยู่นะครับว่าทำไมเธอคนนั้นถึงชอบมายืมโทรศัพท์ของผมไปเล่นเธอบอกว่าขอยืมไปฟังเพลง ผมก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไรคงเพราะชอบเพลงในโทรศัพท์ของเรามั้งแต่พอกลับมาคิดอีกทีโทรศัพท์เธอก็มีและเธอจะชอบเพลงในโทรศัพท์ของผมได้อย่างไรในเมื่อเธอไม่เคยฟังเพลงในโทรศัพท์ของผมฮ่าๆๆ(เธอบอกว่าชอบเพลงในเครื่องของผม) และยิ่งไปกว่านั้นนะดันมีรูปเธออยู่ในโทรศัพท์ของผมอีกด้วยเธอเอาโทรศัพท์ของผมไปถ่ายรูปตัวเองครับ >///< ตอนนี้ผมคิดว่าเธออาจจะมีใจให้เราแล้วก็ได้ฮ่าๆๆแต่ก็ไม่กล้าคิดอะไรมาก
ตอนนั้นผมน่าจะน้ำหนักประมาณ 82 กิโลนะครับสูง 162 cm ครับ คืออ้วนเตี้ยอะครับฮ่าๆๆหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้นผมจึงฮึดสู้อีกครั้งครับ คราวนี้เล่นกีฬาด้วยครับเล่นบาสครับคิดว่าน่าจะทำให้เราตัวสูงขึ้นฮ่าๆๆ(คิดไปเอง)แต่ก็สูงขึ้นจริงๆครับจาก 162 cm พอจบ ม.6 สูง165 cm ครับผมออกกำลังกายทุกๆเย็นเลยครับแต่กินอาหารเยอะเหมือนเดิมนะครับบางวันก็ลดปริมาณข้าวลงบ้างไม่กินขนมไม่กินของหวานเลยครับทำได้ 6เดือน น้ำหนักจาก 82-83 เหลือ 72กิโลครับ
ส่วนเรื่องที่ผมชอบเธอคนนั้นก็เริ่มแดงขึ้นมาแล้วครับจากคนที่รู้แค่คนสองคนตอนนี้รู้กันทั้งห้องเลยครับ ฮ่าๆๆอย่างที่บอกก่อนหน้านี้อะครับเธอคนนั้นกลับไม่ตีตัวออกห่างผมเลย ยังเป็นเหมือนเดิม เพื่อนๆในห้องบางที่ก็แซวผม จริงๆแล้วแซวทุกครั้งที่ผมเข้าหาเธอคนนั้นอะครับ ผมนี้อายมากเลยครับ(แต่มีความสุขนะครับ>///<) ช่วงนี้ก็ใกล้จะจบม.6แล้วครับก็เริ่มหามหาลัยเข้ากันแล้ว ผมคิดว่าเราคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะ คิดแล้วเศร้า T^T จึงคิดว่าจะไปบอกรักครับ แต่ยังหาโอกาศบอกไม่ได้เลย มัวแต่ยุ่งเรื่องหาที่เรียนต่อและผมเป็นคนขี้อายมากด้วยฮ่าๆๆ ผมได้ติดโครงการเรียนของมหาวิทยาลัยพะเยาครับ ผมและครอบครัวมาดูมหาลัย บรรยากาศดีมากเลยครับเป็นธรรมชาติสุดๆผมชอบมากๆเลยตัดสินใจจะเข้าที่เนี้ยแหละ
หลังจากจบม.6เกิดเรื่องบังเอิญมากๆ เธอคนนั้นก็เข้า มอพะเยาเช่นเดียวกัน ผมดีใจมากๆเลยครับ แต่เขาเข้าคนละคณะนะครับฮ่าๆๆ อย่างที่รู้ๆเด็กปี1 กิจกรรมเยอะมากสาขาผมก็เรียนหนักมากด้วยครับผมเรียน วิทยาศาสตร์เอกเคมีคู่ขนานการศึกษาครับ ทำให้ไม่ค่อยมีเวลามากนักก็ได้คุยกันไม่บ่อยเท่าไรและแล้วก็มีเรื่องที่ทำให้ผมช็อกรอบที่ 2 นั้นก้คือเธอคนนั้นมีแฟนแล้ว T^T ผมกะว่าจะหาโอกาศจะบอกรักเธอแล้วแต่มันก็สายไป วันนั้นยังจำได้ดีเลยวันที่จะไปซื้อข้าวที่ร้านอาหารใกล้ๆหอและผมก็ได้พบเธอคนนั้นนั้งอยู่กับแฟนของเขา ผมนี้เข่าอ่อนเลยแทบจะร้องไห้ออกมาเมื่อเธอทักผมและแนะนำแฟนของเธอให้ผมได้รู้จักผมเจ็บปวดมากๆเลยครับ T^T
ที่ผมช้าไปผมน่าจะบอกให้มันเร็วกว่านี้ อกหักรอบสองแล้วครับรอบนี้เจ็บที่สุดครับ วันนั้นพึ่งเข้าใจคำว่ากินข้าวไม่ลงเป็นครั้งครั้งแรกคือกินอะไรไม่ลงจริงๆครับจากอาหารที่ชอบกินอยู่ทุกวันกลับไม่มีรสชาติเลยแต่ผมไม่ร้องไห้นะครับผมเป็นคนร้องไห้ยากมากครับแม้แต่คนที่ผมรักมากอย่างปู่ของผมเมื่อรู้ข่าวว่าท่านเสียแล้วผมไม่ร้องเลย(ต่อหน้าญาติพี่น้องนะครับจริงๆแอบไปร้องไห้ในที่ไม่มีคนเห็นอะครับ)จนญาติพี่น้องถามว่าไม่รักปู่หรอ ผมก็ตอบไปว่ารักครับรักมากด้วยแต่น้ำตามันไม่ไหล(พูดเรื่องนี้แล้วมันเศร้า T^T )
จากเหตุการณ์ที่ช็อก รอบ 2 ผมประชดชีวิตโดยการกินครับกินแหลกเลยครับอยากกินอะไรกิน ในตอนนั้นคิดแค่ว่าเราจะทำทุกอย่างให้ดีไปทำไมในเมื่อเขาไม่หันมามองเราเลยจนตอนนี้ ปี 1 น้ำหนักขึ้นเป็น 78 กิโลละครับ ผมต้องทนกับความรู้สึกนี้นานเป็นปีเลยครับกว่าจะเริ่มดีขึ้นจนเริ่มตั้งตัวได้ก็ตอนปี 2 ครับน้ำหนักตอนนั้น 82 กิโลครับในตอนนี้ผมได้กลายเป็นพี่ไปซะแล้วจากเด็กที่เข้ามาปี1 เป็นน้อง ตอนนี้เป็นพี่แล้วครับฮ่าๆๆเร็วมากยังไม่ทันตั้งตัวเลยผมคิดว่าไม่เป็นไรผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวซักหน่อย
เออ.....เกือบลืม มีเหตุการณ์หนึ่งครับก่อนขึ้นปี 2 คือแฟนของเธอคนนั้นนอกใจดันไปมีคนใหม่อะครับทำให้คนที่ผมชอบอะเสียใจเอามากๆช่วงนั้นผมกำลังทำใจได้แล้วแท้ๆ เธอกลับมาขอคำปรึกษาผมครับ ผมกับเธอได้คุยกันอีกครั้งหลังหายเงียบไปเลยหลังมีแฟนเกือบๆปีเธอมาปรึกษาผม ขอโทษนะครับอาจจะตรงไปหน่อยนะครับ เขามาถามผมว่าถ้าผมไปเห็นแฟนของตัวเองนอนกับคนอื่นผมควรทำอย่างไร ผมจึงถามกลับไปว่า แล้วเธอรักเขามากไหม เธอก็ตอบว่ารักมากรักกว่ารุ่นพี่ที่เป็นแฟนคนแรกซะอีก ตอนนั้นผมแทบจะร้องไห้ คงจะเข้าใจความรู้สึกผมสินะครับ ผมปอดแหกเองแหละครับตอนนั้นผมน่าจะบอกรักออกไปเลย แต่ก็ไม่กล้า ผมเลยได้แค่ปลอบใจเธอคนนั้น ผมถามว่า เธอยังรักเขาคนนั้นหรือป่าว เธอก็ตอบว่ารักรักมากด้วย แล้วเธอยอมรับเขาได้ไหมละถ้าเขากลับมาขอโทษแล้วบอกว่าจะไม่ทำอีก เธอก็บอกว่าตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะยกโทษให้เขาได้ไหม ที่ผมถามเธอคนนั้นแบบนั้นเพราะรู้ว่ายังไงผู้ชายเมื่อมันทำผิดมันก็ต้องขอโทษและขอโอกาศแน่ๆและเรื่องก็เป็นไปตามที่ผมคิดไว้จริงๆครับเธอคนนั้นกับแฟนเขาก็กลับมาคบกันใหม่แต่ก็ได้ไม่นานอะครับก็เลิกกันเธอคนนั้นก็ไปมีแฟนใหม่และผมก็ไม่ได้ติดต่ออะไรเธออีกเลย
ผมเจ็บกับความรักมากพอควรเลยละครับ ทั้งๆที่ยังไม่เคยมีแฟนนะครับ ผมคิดว่าถ้ามีมันคงจะเจ็บกว่านี้มาก ต่อนะครับยังไม่ได้เข้าเรื่องจริงๆเลยนะเนี้ยฮ่าๆๆ เรื่องจริงๆต่อจากนี้ต่างหาก
พิมซะยาวเลย ฮ่าๆๆ เดียวมาต่อให้จบนะครับ