สวัสดีเพื่อนๆ เราขอเกริ่นก่อนว่า เราเป็น ผู้หญิงที่คบกับแฟนมา จะครบ 5 ปีแล้ว
เราเคยบอกสเปค ของเราตอนแฟนเราจีบว่า
เราชอบผู้ชายที่อุ้มเราได้
ความหมายของคำว่าอุ้มได้ ในสเปคเราคือ คนที่เป็นผู้นำ มีความคิด กล้าหาญ และแข็งแรง
การที่เราบอกความต้องการในตอนนั้น คือ เราต้องการแบบนั้นจริงๆ
แต่แฟนเราก็จะติดตลกว่า ” เราอุ้มเธอได้หน่า “
แรกๆ อะไรๆก็ดีไปหมด เราเป็นเหมือนนางฟ้า เป็นเจ้าหญิง เป็นคนที่ถูกดูแลเอาใจใส่
แต่มันแค่ตอนแรกจริงๆ เวลาผ่านไป เขากลับเผยมุมบางมุมออกมา
เราขอเล่าแบบยกตัวอย่างบางเรื่อง เช่น ขี่มอเตอร์ไซด์แล้วเราซ้อนท้าย เค้าชอบขี่ลงหลุม หรือขี่ไปตรงเส้นถนนที่แตก ต่างระดับ
ซึ่งทำให้ล้อรถปัด บางทีมองกระจกหลัง แต่มองนานมาก จนเกือบชนท้ายรถข้างหน้า
เราเกือบตายหลายครั้ง ซึ่งตอนคบกันแรกๆ ไม่เป็น เขาให้เหตุผลว่า มองไม่ค่อยเห็น กับแขนเคยเกิดอุบัตเหตุมา
เขาเป็นแบบนี้ประจำ เราเลยเริ่มพยายามช่วยมองทาง ช่วยเตือน ก็จะโดนโมโหในบางครั้งว่า “เออมองเห็นอยู่ รู้แล้วๆ”
แต่พอเราไม่พูด ก็เป็นเหมือนเดิม ขี่รถไม่ดูทาง ไปผิดทางบ่อยมาก หนักสุดคือ ไปผิดทางแบบจะขึ้นมอเตอร์เวย์ ต้องย้อนศรลงมา
เราเครียดเสมอเวลานั่งซ้อนท้าย จนกลายเป็นแพนิค ทรมานมาก หวาดระแวง ต้องคอยมองทางตลอดเหมือนขี่เอง เจอหลุม ต้องลุกเพื่อไม่ให้กระแทก
คือต้องเซฟตัวเอง เราเลยขอขี่เองในบางครั้ง และทำให้ดูว่า หลบยังไง มองกระจกยังไง
เรื่องต่อมา เป็นขับรถยนต์ เค้าเป็นคนอารมณ์ร้อน เราไม่เคยได้นั่งสบายใจเลย เขาจะชอบมองกระจกแล้วลืมมองข้างหน้า แล้วที่แย่คือ 1 เลนถนน เค้าขับชิดฝั่งขวามือ คือเกือบชนแบริเออร์ เรานั่งลุ้นอยู่ตลอดเวลา ว่าจะต้องเฉี่ยว ซักวัน แต่เขาไม่ยอมรับ เขาบอกว่าเขาขับพอดี แต่ล่าสุดที่เขาสอบใบขับขี่เขามาบอกว่า เขาสายตาเอียง เวลาขับกลับบ้านต่างจังหวัด ถ้าให้เขาขับ เขาจะเหนื่อยมากๆ เราจะไปหาเพื่อนก็งอแง ไม่อยากไป บอกว่าเหนื่อยขับรถมาไกล เราเลยตัดสินใจ ขับไปกลับเอง ทั้งหมด แล้วขับแบบนุ่มนวลด้วย ไม่ต้องกลัวอะไร พอถึงต่างจังหวัดเขาเองอยากไปฉลองกับเพื่อน เราก็ไปกับเขาได้ ไม่เหนื่อยเลย คือฉันแข็งแรงเกินแก สรุปฉันต้องดูแลเขายามแก่เฒ่าใช่ไหม นี่เรายังไม่แก่เลยนะ แต่เขาเสื่อมสมรรถภาพแล้ว
เรื่องต่อมา ฉันเล่นกับเขา บอกอยากขี่หลัง เขาบอกปวดหลัง ปวดขา คือเขาไม่เล่นกีฬาและไม่ออกกำลังกายด้วย ฉันที่นั่งตาปริบๆ ดูแฟนคนอื่น แต่ก็ทำได้แค่ปลง โอเคไม่เป็นไร
ทุกวันนี้ฉันคือคนที่ทำงานบ้าน 100% แฟนของฉ้นทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งที่สามารถพักที่ออฟฟิศ (ชั้นบน) ได้ฟรีฉันก็ได้มาอยู่ด้วยเขาเป็นตำแหน่งหัวหน้า ฉันที่ต้องโยกย้ายมากับเขา ก็ต้องหาเส้นทางไปทำงาน เส้นทางใหม่ๆ มีครั้งนึงเขาไปประจำที่สาขานอกเมือง ซึ่งถนนตรงนั้นจะมีสิบล้อวิ่งมากมาย ฉันต้องขี่มอเตอร์ไซด์ไปทำงาน ไป 45-50 นาที กลับ 45-50 นาที ฝ่าฝน ฝ่าหลุม ฝ่าทุ่งนา ฝ่ารถสิบล้อ เพื่อไปต่อรถไฟฟ้าไปทำงานต่อ
ฉันใช้เวลาเดินทางไป 2 ชม. กลับ 2 ชม. เหนื่อยแค่ไหนก็ยอม แต่แฟนฉันไม่ต้องเดินทาง เลิกงานแล้วสามารถเดินขึ้นชั้นบนแล้วนอนได้เลย
แต่ฉันยังต้อง กรอกน้ำ เก็บกวาดห้อง ซักผ้า ตากผ้า กว่าจะได้หลับ พอถึงวันหยุดแต่แฟนทำงาน แฟนก็ใช้ฉันให้ทำงานบ้าน ให้เหตุผลว่า ตัวเองทำงานเหนื่อย ถอดเสื้อผ้ากองทิ้งไว้ กระป๋องกาแฟ ไม้ปั่นหู ทิ้งไว้หมด ฉันใช้ชีวิตเหมือนคนรับใช้ เขาพูดกับแม่เขาว่า แล้วเราจะมีแฟนไว้ทำไม ?
ตอนแผ่นดินไหว ฉันโทรหาเขา ให้ช่วยมารับได้ไหม เพราะรถไฟฟ้าปิด ไม่มีรถสาธารณะอะไรเลย สิ่งที่ได้กลับมาคือขอคิดก่อน อีกแปบก็บอกต่อว่าจะโอนเงินให้ ให้ฉันนั่งแท๊กซี่กลับ ความเสียใจในตอนนั้นคือ เขาไม่ได้ฟังที่ฉันพูด หรือรู้สึกห่วงใยอะไรเลย ยิ่งตอนฉันวิ่งลงจากชั้น 17 ฉันคิดว่าฉันต้องตายแน่ๆ โทรหาเขา ร้องไห้ ซักพักเขาก็วางสาย ทั้งที่ฉันยังไม่ถึงชั้นล่าง จนในตอนนี้ แบตโทรศัพท์ฉันเหลือแค่ 4% เท่านั้น ฉันเลือกโทรบอกเขาให้เขามารับ แต่นัดเจอในทางที่เขาสะดวกไม่ต้องเบียดเสียดเข้ามา ฉันทำงานทีอโศก และเราพักที่ลาดกระบัง ฉันเลยนัดเจอเขาที่บิ๊กซีอ่อนนุช โดยทิ้งคำขอสุดท้ายพร้อมความกลัวไว้ว่า ฉันแบตจะหมดแล้ว นี่คือคำขอสุดท้ายให้ไปเจอกันที่ห้างบิ๊กซีอ่อนนุช ฉันจะเริ่มออกเดิน และรีบไปถึงให้เร็วที่สุด จากนั้นสายตัดไป ฉันเดินอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางฝูงชนที่ทยอยเดิน (ระยะทาง 15 กม.) ฉันเดินแบบไม่หยุด ชั่งไกลเหลือเกิน เดินจนเริ่มปวดส้นเท้า แต่ยังไม่หยุด เวลาผ่านไป เกือบ 2 ชม.กว่าๆ ฉันมองเห็นป้ายอ่อนนุช รีบเดินพร้อมใจที่อ่อนล้า ระหว่างทางที่เดินฉันคิดเสมอว่า ตอนนี้แบตหมด เขาต้องร้อนใจ เขาต้องมารอแล้วแน่ๆ ถ้าหยุดเดิน มันอาจจะทำให้เขารอนาน ฉันใช้เฮือกสุดท้ายฮึ้บตัวเอง เดินเข้าห้าง บิ๊กซีอ่อนนุช แต่ไม่เจอเขา จึงรีบขึ้นบรรไดเลื่อนค้นหา กลับมาชั้นล่างเดินหา ออกมาด้านนอกก็ไม่เจอ ฉันนั่งรอ ซักพักจึงตัดสินใจ เข้าไปขอยืมสายชาตจากคนในห้าง พอชาตแบตเสร็จ มีเพียงแม่ที่โทรมา และมีข้อความ line ของแฟนฉัน ถามว่าฉันอยู่ที่ไหน นั่นทำให้ใจชื้นว่าเขาน่าจะมาแล้ว จึงรีบกดโทรไป ปรากฏว่า เขายังไม่มา เขาบอกว่าไม่รู้ว่าต้องไปเห็นฉันไม่ตอบไลน์ และเข้าใจว่า ฉันจะโทรยืนยันอีกที เท่านั้นแหละ ความอดทนทั้งหมด มันพังลงจริงๆ เขาเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่อง เป็นคนที่ไม่มีความคิด ไม่มีความเป็นผู้นำ ไม่ปกป้อง ไม่แข็งแรง ตลอดระยะเวลา 5 ปี ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ฉันคือผู้นำ คือผู้แข็งแกร่งกว่าเขา ฉันกับเขาสลับกันได้เลยนะ ให้ฉันเป็นผู้ชาย ส่วนเขาเป็นผู้หญิง
ฉันควรไปต่อดีไหม ทำไมถึงไม่รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเลย 💔💔
แฟนที่อ่อนแอ
เราเคยบอกสเปค ของเราตอนแฟนเราจีบว่า
เราชอบผู้ชายที่อุ้มเราได้
ความหมายของคำว่าอุ้มได้ ในสเปคเราคือ คนที่เป็นผู้นำ มีความคิด กล้าหาญ และแข็งแรง
การที่เราบอกความต้องการในตอนนั้น คือ เราต้องการแบบนั้นจริงๆ
แต่แฟนเราก็จะติดตลกว่า ” เราอุ้มเธอได้หน่า “
แรกๆ อะไรๆก็ดีไปหมด เราเป็นเหมือนนางฟ้า เป็นเจ้าหญิง เป็นคนที่ถูกดูแลเอาใจใส่
แต่มันแค่ตอนแรกจริงๆ เวลาผ่านไป เขากลับเผยมุมบางมุมออกมา
เราขอเล่าแบบยกตัวอย่างบางเรื่อง เช่น ขี่มอเตอร์ไซด์แล้วเราซ้อนท้าย เค้าชอบขี่ลงหลุม หรือขี่ไปตรงเส้นถนนที่แตก ต่างระดับ
ซึ่งทำให้ล้อรถปัด บางทีมองกระจกหลัง แต่มองนานมาก จนเกือบชนท้ายรถข้างหน้า
เราเกือบตายหลายครั้ง ซึ่งตอนคบกันแรกๆ ไม่เป็น เขาให้เหตุผลว่า มองไม่ค่อยเห็น กับแขนเคยเกิดอุบัตเหตุมา
เขาเป็นแบบนี้ประจำ เราเลยเริ่มพยายามช่วยมองทาง ช่วยเตือน ก็จะโดนโมโหในบางครั้งว่า “เออมองเห็นอยู่ รู้แล้วๆ”
แต่พอเราไม่พูด ก็เป็นเหมือนเดิม ขี่รถไม่ดูทาง ไปผิดทางบ่อยมาก หนักสุดคือ ไปผิดทางแบบจะขึ้นมอเตอร์เวย์ ต้องย้อนศรลงมา
เราเครียดเสมอเวลานั่งซ้อนท้าย จนกลายเป็นแพนิค ทรมานมาก หวาดระแวง ต้องคอยมองทางตลอดเหมือนขี่เอง เจอหลุม ต้องลุกเพื่อไม่ให้กระแทก
คือต้องเซฟตัวเอง เราเลยขอขี่เองในบางครั้ง และทำให้ดูว่า หลบยังไง มองกระจกยังไง
เรื่องต่อมา เป็นขับรถยนต์ เค้าเป็นคนอารมณ์ร้อน เราไม่เคยได้นั่งสบายใจเลย เขาจะชอบมองกระจกแล้วลืมมองข้างหน้า แล้วที่แย่คือ 1 เลนถนน เค้าขับชิดฝั่งขวามือ คือเกือบชนแบริเออร์ เรานั่งลุ้นอยู่ตลอดเวลา ว่าจะต้องเฉี่ยว ซักวัน แต่เขาไม่ยอมรับ เขาบอกว่าเขาขับพอดี แต่ล่าสุดที่เขาสอบใบขับขี่เขามาบอกว่า เขาสายตาเอียง เวลาขับกลับบ้านต่างจังหวัด ถ้าให้เขาขับ เขาจะเหนื่อยมากๆ เราจะไปหาเพื่อนก็งอแง ไม่อยากไป บอกว่าเหนื่อยขับรถมาไกล เราเลยตัดสินใจ ขับไปกลับเอง ทั้งหมด แล้วขับแบบนุ่มนวลด้วย ไม่ต้องกลัวอะไร พอถึงต่างจังหวัดเขาเองอยากไปฉลองกับเพื่อน เราก็ไปกับเขาได้ ไม่เหนื่อยเลย คือฉันแข็งแรงเกินแก สรุปฉันต้องดูแลเขายามแก่เฒ่าใช่ไหม นี่เรายังไม่แก่เลยนะ แต่เขาเสื่อมสมรรถภาพแล้ว
เรื่องต่อมา ฉันเล่นกับเขา บอกอยากขี่หลัง เขาบอกปวดหลัง ปวดขา คือเขาไม่เล่นกีฬาและไม่ออกกำลังกายด้วย ฉันที่นั่งตาปริบๆ ดูแฟนคนอื่น แต่ก็ทำได้แค่ปลง โอเคไม่เป็นไร
ทุกวันนี้ฉันคือคนที่ทำงานบ้าน 100% แฟนของฉ้นทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งที่สามารถพักที่ออฟฟิศ (ชั้นบน) ได้ฟรีฉันก็ได้มาอยู่ด้วยเขาเป็นตำแหน่งหัวหน้า ฉันที่ต้องโยกย้ายมากับเขา ก็ต้องหาเส้นทางไปทำงาน เส้นทางใหม่ๆ มีครั้งนึงเขาไปประจำที่สาขานอกเมือง ซึ่งถนนตรงนั้นจะมีสิบล้อวิ่งมากมาย ฉันต้องขี่มอเตอร์ไซด์ไปทำงาน ไป 45-50 นาที กลับ 45-50 นาที ฝ่าฝน ฝ่าหลุม ฝ่าทุ่งนา ฝ่ารถสิบล้อ เพื่อไปต่อรถไฟฟ้าไปทำงานต่อ
ฉันใช้เวลาเดินทางไป 2 ชม. กลับ 2 ชม. เหนื่อยแค่ไหนก็ยอม แต่แฟนฉันไม่ต้องเดินทาง เลิกงานแล้วสามารถเดินขึ้นชั้นบนแล้วนอนได้เลย
แต่ฉันยังต้อง กรอกน้ำ เก็บกวาดห้อง ซักผ้า ตากผ้า กว่าจะได้หลับ พอถึงวันหยุดแต่แฟนทำงาน แฟนก็ใช้ฉันให้ทำงานบ้าน ให้เหตุผลว่า ตัวเองทำงานเหนื่อย ถอดเสื้อผ้ากองทิ้งไว้ กระป๋องกาแฟ ไม้ปั่นหู ทิ้งไว้หมด ฉันใช้ชีวิตเหมือนคนรับใช้ เขาพูดกับแม่เขาว่า แล้วเราจะมีแฟนไว้ทำไม ?
ตอนแผ่นดินไหว ฉันโทรหาเขา ให้ช่วยมารับได้ไหม เพราะรถไฟฟ้าปิด ไม่มีรถสาธารณะอะไรเลย สิ่งที่ได้กลับมาคือขอคิดก่อน อีกแปบก็บอกต่อว่าจะโอนเงินให้ ให้ฉันนั่งแท๊กซี่กลับ ความเสียใจในตอนนั้นคือ เขาไม่ได้ฟังที่ฉันพูด หรือรู้สึกห่วงใยอะไรเลย ยิ่งตอนฉันวิ่งลงจากชั้น 17 ฉันคิดว่าฉันต้องตายแน่ๆ โทรหาเขา ร้องไห้ ซักพักเขาก็วางสาย ทั้งที่ฉันยังไม่ถึงชั้นล่าง จนในตอนนี้ แบตโทรศัพท์ฉันเหลือแค่ 4% เท่านั้น ฉันเลือกโทรบอกเขาให้เขามารับ แต่นัดเจอในทางที่เขาสะดวกไม่ต้องเบียดเสียดเข้ามา ฉันทำงานทีอโศก และเราพักที่ลาดกระบัง ฉันเลยนัดเจอเขาที่บิ๊กซีอ่อนนุช โดยทิ้งคำขอสุดท้ายพร้อมความกลัวไว้ว่า ฉันแบตจะหมดแล้ว นี่คือคำขอสุดท้ายให้ไปเจอกันที่ห้างบิ๊กซีอ่อนนุช ฉันจะเริ่มออกเดิน และรีบไปถึงให้เร็วที่สุด จากนั้นสายตัดไป ฉันเดินอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางฝูงชนที่ทยอยเดิน (ระยะทาง 15 กม.) ฉันเดินแบบไม่หยุด ชั่งไกลเหลือเกิน เดินจนเริ่มปวดส้นเท้า แต่ยังไม่หยุด เวลาผ่านไป เกือบ 2 ชม.กว่าๆ ฉันมองเห็นป้ายอ่อนนุช รีบเดินพร้อมใจที่อ่อนล้า ระหว่างทางที่เดินฉันคิดเสมอว่า ตอนนี้แบตหมด เขาต้องร้อนใจ เขาต้องมารอแล้วแน่ๆ ถ้าหยุดเดิน มันอาจจะทำให้เขารอนาน ฉันใช้เฮือกสุดท้ายฮึ้บตัวเอง เดินเข้าห้าง บิ๊กซีอ่อนนุช แต่ไม่เจอเขา จึงรีบขึ้นบรรไดเลื่อนค้นหา กลับมาชั้นล่างเดินหา ออกมาด้านนอกก็ไม่เจอ ฉันนั่งรอ ซักพักจึงตัดสินใจ เข้าไปขอยืมสายชาตจากคนในห้าง พอชาตแบตเสร็จ มีเพียงแม่ที่โทรมา และมีข้อความ line ของแฟนฉัน ถามว่าฉันอยู่ที่ไหน นั่นทำให้ใจชื้นว่าเขาน่าจะมาแล้ว จึงรีบกดโทรไป ปรากฏว่า เขายังไม่มา เขาบอกว่าไม่รู้ว่าต้องไปเห็นฉันไม่ตอบไลน์ และเข้าใจว่า ฉันจะโทรยืนยันอีกที เท่านั้นแหละ ความอดทนทั้งหมด มันพังลงจริงๆ เขาเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่อง เป็นคนที่ไม่มีความคิด ไม่มีความเป็นผู้นำ ไม่ปกป้อง ไม่แข็งแรง ตลอดระยะเวลา 5 ปี ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ฉันคือผู้นำ คือผู้แข็งแกร่งกว่าเขา ฉันกับเขาสลับกันได้เลยนะ ให้ฉันเป็นผู้ชาย ส่วนเขาเป็นผู้หญิง
ฉันควรไปต่อดีไหม ทำไมถึงไม่รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเลย 💔💔