กระทู้นี้ว่าด้วย
1. การระบายส่วนตัว
2. แบ่งปันประสบการณ์ที่ดิฉันได้ประสบพบเจอมา
3. การทำงานที่ผิดพลาดของคนที่ทำงานในบริษัทจัดหางาน (อย่าเกิดเรื่องแบบนี้อีกเลยค่ะ)
สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ N ค่ะ ส่วนตัวแล้วไม่นึกว่าตัวเองจะต้องมีโอกาสมาตั้งกระทู้อะไรแบบนี้ด้วย แต่ทว่าเมื่อดิฉันนึก ๆ ไป ก็อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวที่เจอมา เพื่อให้คนที่กำลังหางานแบบดิฉันได้ระวังตัวและรับทราบว่าเรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นกับตัวท่านได้ เพื่อที่จะได้กระทำการใด ๆ ที่รัดกุมกว่าดิฉัน และป้องกันความผิดพลาดอันเนื่องมาจาก “ตัวบุคคล” ค่ะ
ในขณะที่เศรษฐกิจย่ำแย่ หลายที่จึงได้ปลดพนักงานออก ดิฉันเป็นอีกคนหนึ่งที่โดนบริษัทปลดออกพร้อมเพื่อนร่วมงานอีกกว่า 10 ชีวิต โดยทางบริษัทให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องลดขนาดบริษัทเนื่องด้วยปลายปีบริษัทประสบภาวะขาดทุน พร้อมทั้งให้เงินทดแทนตามที่กฎหมายแรงงานกำหนด ดิฉันจึงกลายสภาพเป็น “คนว่างงาน” ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลาดิฉันได้หางานพร้อมทั้งรับงานแปลเอกสารต่าง ๆ เพื่อจุนเจือครอบครัว การหางานที่ง่ายและประหยัดที่สุดเวลานี้คือการสมัครงานผ่านอินเตอร์เน็ตและแน่นอนว่า “บริษัทจัดหารงาน” เป็นสิ่งที่คนว่างงานอย่างเรา ๆ จำเป็นต้องพึ่งพา อันเนื่องมาจากบริษัทใหญ่หลาย ๆ บริษัทจะว่าจ้างให้ บริษัทจัดหางาน ทำหน้าที่ในการคัดกรองบุคคลก่อนที่จะเข้าไปสัมภาษณ์จริงกับบริษัทที่จะว่าจ้าง ดิฉันจึงได้ไปสัมภาษณ์กับบริษัทจัดหางานต่าง ๆ ไว้ด้วยค่ะ
ต่อจากนี้ขอเป็นการลำดับเหตุการณ์นะคะ
วันที่ 3 สิงหาคม
ดิฉันได้รับการติดต่อจากบริษัทจัดหางานที่ได้เคยสัมภาษณ์ แจ้งว่า มีบริษัทหนึ่งให้ความสนใจอยากจะทำการติดต่อไปพูดคุยโดยตรงกับทางบริษัท ซึ่งทางพนักงานของบริษัทจัดหางาน (ขออนุญาตเรียกว่า คุณ K) ได้ส่งรายละเอียดของ ตำแหน่ง หน้าที่ความรับผิดชอบ เงินเดือน ชื่อบริษัท คนติดต่อ มาให้ดิฉันทางอีเมล์ มีการแบ่งปันรายละเอียดและนัดวัน
วันที่ 17 สิงหาคม
ดิฉันได้เดินทางไปสัมภาษณ์กับบริษัทดังกล่าว
วันที่ 21 สิงหาคม
คุณ K แจ้งมาว่าทางบริษัทให้ความสนใจที่จะร่วมงานกับดิฉัน และขอให้ดิฉันแบ่งปันข้อมูลของงานอื่น ๆ ที่ดิฉันได้ไปสัมภาษณ์และรบกวนแจ้งข้อเสนอของบริษัทอื่นด้วย ดิฉันจึงให้ไป ซึ่ง ณ ขณะนั้นดิฉันได้ข้อเสนออีกที่หนึ่งค่ะและได้เงินเดือนเยอะกว่าค่อนข้างมากแต่เนื่องระบบการทำงานดิฉันจึงเลือกบริษัทที่ทางคุณ K นำเสนอ คุณ K รับปากจะไปเจรจาเรื่องเงินเดือนเพิ่มให้
วันที่ 25 สิงหาคม
คุณ K แจ้งว่าทางลูกค้าไม่สามารถให้เงินเดือนเพิ่มได้ แต่ทุกปีจะมีการเพิ่มเงินเดือนซึ่งขึ้นอยู่กับการทำงานของตัวพนักงาน พร้อมทั้งมีโบนัสให้ปีละ 2 ครั้ง รวมถึงแชร์สิ่งอื่น ๆ ที่บริษัทเสนอให้กับทางพนักงาน ดิฉันจึงตกลงที่จะทำงานด้วยเพราะถึงแม้เงินเดือนจะน้อยกว่าแต่หน้าที่การทำงานเป็นสิ่งที่ดิฉันด้องการทำ ที่สำคัญลักษณะทัศนคติในการทำงานของว่าที่เจ้านายในวันสัมภาษณ์ค่อนข้างเป็นบวก คุณ K ตกลงรับปากจะไปดำเนินการต่อเรื่องเอกสารต่าง ๆ ดิฉันจึงถามถึงวันเริ่มงาน คุณ K แจ้งว่าสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
วันที่ 1 กันยายน
ดิฉันได้โทรติดต่อคุณ K เพื่อที่จะถามถึงรายละเอียดและคอนเฟิร์มเรื่องวันเริ่มงาน ได้รับแจ้งว่าคุณ K ลาออกไปแล้ว จึงโอนสายให้คุยกับ คุณ J ซึ่งเป็นหัวหน้าคุณ K
คุณ J รับเรื่องจะไปดำเนินการต่อ
วันที่ 2 กันยายน
คุณ J โทรมาช่วงบ่าย แจ้งว่าทางบริษัทที่ดิฉันไปสัมภาษณ์นั้นได้ทำการยกเลิกที่จะว่างจ้างดิฉัน อันเนื่องจาก คุณ K แจ้งว่าดิฉันไม่พอใจกับยอดเงินเดือนที่ทางบริษัทให้ พร้อมทั้งแจ้งกับทางลูกค้าว่าดิฉันได้ข้อเสนอที่เยอะกว่าจากที่อื่น ทางลูกค้าไม่สามารถจ่ายเท่ากับอีกที่ได้ ฃ
สิ่งที่คุณ J สอบถามดิฉันคือ :
1. ดิฉันได้ทำการขอให้คุณ K ไปเจรจาเรื่องเงินเดือนหรือไม่?
2. บทสนทนาของดิฉันและคุณ K เป็นเช่นไร?
คุณ J ออกตัวว่าเธอเป็นบุคคลที่ไม่ได้อยู่ร่วมในการสนทนาระหว่างฉันกับคุณ K จึงไม่ทราบว่าเป็นข้อผิดพลาดจากทางใด จึงไม่สามารถที่จะกระทำการใด ๆ ได้ ทั้งนี้ทางบริษัทจัดหางานเองก็ไม่ได้มีผลประโยชน์ใด ๆ กับทั้งตัวดิฉันและลูกค้าอันเนื่องจากว่าไม่มีการว่าจ้างงานเกิดขึ้น ดิฉันจึงแจงรายละเอียดถึงบทสนทนาระหว่างดิฉันกับคุณ K เป็นอย่างไรบ้างและแจ้งกับทางคุณ J ว่า ตอนนี้ดิฉันก็ได้ปฎิเสธข้อเสนออีกที่หนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว
คุณ J ยังคงยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้อยู่ในบทสนทนาดังกล่าวจึงไม่ทราบว่าข้อผิดพลาดจากทางใด
พร้อมถามย้ำ ๆ ว่า “ดิฉันได้เกริ่นเรื่องเงินเดือนและมีการแจ้งว่าไม่พอใจกับตัวเงินที่ลูกค้านำเสนออีกทั้งมีการบอกให้คุณ K ไปเจรจาเรื่องเงินเดือนหรือไม่?”
ดิฉันพูดคุยกับคุณ J สักพักและบทสนทนาก็จะวนเวียนอยู่ที่ คุณ J ไม่สามารถทราบได้ว่าดิฉันได้พูดคุยอย่างไรกับคุณ K เอาไว้
ดิฉันจึงตัดสินใจบอกกับคุณ J ว่า
“ดิฉันมีการบันทึกการสนทนาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมระหว่างดิฉันและคุณ K อีกทั้งดิฉันยินดีที่จะส่งเทปการบันทึกเสียงดังกล่าวให้กับคุณ J เพื่อเป็นข้อพิสูจน์และคุณ J จะได้หมดข้อกังขา”
คุณ J แจ้งว่า ยินดีที่จะรับฟังและหากข้อผิดพลาดดังกล่าวเกิดจากตัวของพนักงาน สิ่งที่คุณ J จะทำได้คือ
1. เจรจากับทางบริษัทดังกล่าว (แต่ไม่รับประกัน)
2. หางานใหม่ให้ดิฉันให้เร็วที่สุด
นอกเหนือจากนี้ไม่สามารถทำอะไรได้
ดิฉันได้ส่งเทปการสนทนาดังกลาวให้กับทางคุณ J แล้วค่ะ
สิ่งที่ดิฉันอยากจะแบ่งปันจากประสบการณ์โดยตรงของดิฉันก็คือ หน้าที่ความรับผิดชอบของบุคคล 1 คนอาจจะส่งผลต่อบุคคลอื่น ๆ ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การสื่อสารที่ผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อคุณทำงานและได้รับมอบหมายงานต้องทำด้วยความรอบคอบ เสมือนเครื่องจักรใหญ่ หากแม้นฟันเฟืองตัวเดียวหายไป ก็สามารถทำให้เครื่องจักรดังกล่าวทำงานต่อไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพหรืออาจจะถึงขั้นใช้การไม่ได้
จากเหตุการณ์นี้ ดิฉันอาจจะยังไม่ทราบว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหากดิฉันไม่โทรติดตามผลกับทางบริษัทจัดหางานด้วยตัวเอง
ถึงบริษัทจัดหางานหรือฝ่ายบุคคล
หากคุณส่งใครหรือรับใครไปสัมภาษณ์งาน รบกวนสละเวลาสักนิดแจ้งให้ทางผู้สมัครทราบผลเถอะคะ หรือแจ้งให้ทราบว่าได้ดำเนินการไปถึงขั้นตอนใดหากผู้สมัครมีโอกาสได้งาน ไม่ใช่เงียบไปเลย
ส่วนตัวดิฉันเองตอนนี้ก็ต้องเริ่มต้นนับ 1 ใหม่ทั้งหมด ต้องเริ่มสมัครงานใหม่เพราะดิฉันไม่สามารถที่จะเชื่อถือใน “บริษัทจัดหางาน” ดังกล่าวได้อีก เนื่องจากฟังจากน้ำเสียงและคำพูดของคุณ J ดิฉันขอพูดตรง ๆ ว่า ดิฉันรับรู้ได้ว่าทางบริษัทได้ปัดความรับผิดชอบออกจากตัว ซึ่งตลอดระยะเวลาของการสนทนาจะมีแต่คำว่า “ทำอะไรไม่ได้มาก” “บริษัทเองก็ไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร” “ไม่สามารถรับประกันได้” อยู่หลายครั้ง
ขอบคุณที่อ่านค่ะ ..... และโชคดีสำหรับคนที่หางานทุกคนนะคะ
## เล่าสู่กันฟังและเตือน : เมื่อความหวังของฉันถูกบริษัทจัดหางานทำพัง ##
1. การระบายส่วนตัว
2. แบ่งปันประสบการณ์ที่ดิฉันได้ประสบพบเจอมา
3. การทำงานที่ผิดพลาดของคนที่ทำงานในบริษัทจัดหางาน (อย่าเกิดเรื่องแบบนี้อีกเลยค่ะ)
สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ N ค่ะ ส่วนตัวแล้วไม่นึกว่าตัวเองจะต้องมีโอกาสมาตั้งกระทู้อะไรแบบนี้ด้วย แต่ทว่าเมื่อดิฉันนึก ๆ ไป ก็อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวที่เจอมา เพื่อให้คนที่กำลังหางานแบบดิฉันได้ระวังตัวและรับทราบว่าเรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นกับตัวท่านได้ เพื่อที่จะได้กระทำการใด ๆ ที่รัดกุมกว่าดิฉัน และป้องกันความผิดพลาดอันเนื่องมาจาก “ตัวบุคคล” ค่ะ
ในขณะที่เศรษฐกิจย่ำแย่ หลายที่จึงได้ปลดพนักงานออก ดิฉันเป็นอีกคนหนึ่งที่โดนบริษัทปลดออกพร้อมเพื่อนร่วมงานอีกกว่า 10 ชีวิต โดยทางบริษัทให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องลดขนาดบริษัทเนื่องด้วยปลายปีบริษัทประสบภาวะขาดทุน พร้อมทั้งให้เงินทดแทนตามที่กฎหมายแรงงานกำหนด ดิฉันจึงกลายสภาพเป็น “คนว่างงาน” ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลาดิฉันได้หางานพร้อมทั้งรับงานแปลเอกสารต่าง ๆ เพื่อจุนเจือครอบครัว การหางานที่ง่ายและประหยัดที่สุดเวลานี้คือการสมัครงานผ่านอินเตอร์เน็ตและแน่นอนว่า “บริษัทจัดหารงาน” เป็นสิ่งที่คนว่างงานอย่างเรา ๆ จำเป็นต้องพึ่งพา อันเนื่องมาจากบริษัทใหญ่หลาย ๆ บริษัทจะว่าจ้างให้ บริษัทจัดหางาน ทำหน้าที่ในการคัดกรองบุคคลก่อนที่จะเข้าไปสัมภาษณ์จริงกับบริษัทที่จะว่าจ้าง ดิฉันจึงได้ไปสัมภาษณ์กับบริษัทจัดหางานต่าง ๆ ไว้ด้วยค่ะ
ต่อจากนี้ขอเป็นการลำดับเหตุการณ์นะคะ
วันที่ 3 สิงหาคม
ดิฉันได้รับการติดต่อจากบริษัทจัดหางานที่ได้เคยสัมภาษณ์ แจ้งว่า มีบริษัทหนึ่งให้ความสนใจอยากจะทำการติดต่อไปพูดคุยโดยตรงกับทางบริษัท ซึ่งทางพนักงานของบริษัทจัดหางาน (ขออนุญาตเรียกว่า คุณ K) ได้ส่งรายละเอียดของ ตำแหน่ง หน้าที่ความรับผิดชอบ เงินเดือน ชื่อบริษัท คนติดต่อ มาให้ดิฉันทางอีเมล์ มีการแบ่งปันรายละเอียดและนัดวัน
วันที่ 17 สิงหาคม
ดิฉันได้เดินทางไปสัมภาษณ์กับบริษัทดังกล่าว
วันที่ 21 สิงหาคม
คุณ K แจ้งมาว่าทางบริษัทให้ความสนใจที่จะร่วมงานกับดิฉัน และขอให้ดิฉันแบ่งปันข้อมูลของงานอื่น ๆ ที่ดิฉันได้ไปสัมภาษณ์และรบกวนแจ้งข้อเสนอของบริษัทอื่นด้วย ดิฉันจึงให้ไป ซึ่ง ณ ขณะนั้นดิฉันได้ข้อเสนออีกที่หนึ่งค่ะและได้เงินเดือนเยอะกว่าค่อนข้างมากแต่เนื่องระบบการทำงานดิฉันจึงเลือกบริษัทที่ทางคุณ K นำเสนอ คุณ K รับปากจะไปเจรจาเรื่องเงินเดือนเพิ่มให้
วันที่ 25 สิงหาคม
คุณ K แจ้งว่าทางลูกค้าไม่สามารถให้เงินเดือนเพิ่มได้ แต่ทุกปีจะมีการเพิ่มเงินเดือนซึ่งขึ้นอยู่กับการทำงานของตัวพนักงาน พร้อมทั้งมีโบนัสให้ปีละ 2 ครั้ง รวมถึงแชร์สิ่งอื่น ๆ ที่บริษัทเสนอให้กับทางพนักงาน ดิฉันจึงตกลงที่จะทำงานด้วยเพราะถึงแม้เงินเดือนจะน้อยกว่าแต่หน้าที่การทำงานเป็นสิ่งที่ดิฉันด้องการทำ ที่สำคัญลักษณะทัศนคติในการทำงานของว่าที่เจ้านายในวันสัมภาษณ์ค่อนข้างเป็นบวก คุณ K ตกลงรับปากจะไปดำเนินการต่อเรื่องเอกสารต่าง ๆ ดิฉันจึงถามถึงวันเริ่มงาน คุณ K แจ้งว่าสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
วันที่ 1 กันยายน
ดิฉันได้โทรติดต่อคุณ K เพื่อที่จะถามถึงรายละเอียดและคอนเฟิร์มเรื่องวันเริ่มงาน ได้รับแจ้งว่าคุณ K ลาออกไปแล้ว จึงโอนสายให้คุยกับ คุณ J ซึ่งเป็นหัวหน้าคุณ K
คุณ J รับเรื่องจะไปดำเนินการต่อ
วันที่ 2 กันยายน
คุณ J โทรมาช่วงบ่าย แจ้งว่าทางบริษัทที่ดิฉันไปสัมภาษณ์นั้นได้ทำการยกเลิกที่จะว่างจ้างดิฉัน อันเนื่องจาก คุณ K แจ้งว่าดิฉันไม่พอใจกับยอดเงินเดือนที่ทางบริษัทให้ พร้อมทั้งแจ้งกับทางลูกค้าว่าดิฉันได้ข้อเสนอที่เยอะกว่าจากที่อื่น ทางลูกค้าไม่สามารถจ่ายเท่ากับอีกที่ได้ ฃ
สิ่งที่คุณ J สอบถามดิฉันคือ :
1. ดิฉันได้ทำการขอให้คุณ K ไปเจรจาเรื่องเงินเดือนหรือไม่?
2. บทสนทนาของดิฉันและคุณ K เป็นเช่นไร?
คุณ J ออกตัวว่าเธอเป็นบุคคลที่ไม่ได้อยู่ร่วมในการสนทนาระหว่างฉันกับคุณ K จึงไม่ทราบว่าเป็นข้อผิดพลาดจากทางใด จึงไม่สามารถที่จะกระทำการใด ๆ ได้ ทั้งนี้ทางบริษัทจัดหางานเองก็ไม่ได้มีผลประโยชน์ใด ๆ กับทั้งตัวดิฉันและลูกค้าอันเนื่องจากว่าไม่มีการว่าจ้างงานเกิดขึ้น ดิฉันจึงแจงรายละเอียดถึงบทสนทนาระหว่างดิฉันกับคุณ K เป็นอย่างไรบ้างและแจ้งกับทางคุณ J ว่า ตอนนี้ดิฉันก็ได้ปฎิเสธข้อเสนออีกที่หนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว
คุณ J ยังคงยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้อยู่ในบทสนทนาดังกล่าวจึงไม่ทราบว่าข้อผิดพลาดจากทางใด
พร้อมถามย้ำ ๆ ว่า “ดิฉันได้เกริ่นเรื่องเงินเดือนและมีการแจ้งว่าไม่พอใจกับตัวเงินที่ลูกค้านำเสนออีกทั้งมีการบอกให้คุณ K ไปเจรจาเรื่องเงินเดือนหรือไม่?”
ดิฉันพูดคุยกับคุณ J สักพักและบทสนทนาก็จะวนเวียนอยู่ที่ คุณ J ไม่สามารถทราบได้ว่าดิฉันได้พูดคุยอย่างไรกับคุณ K เอาไว้
ดิฉันจึงตัดสินใจบอกกับคุณ J ว่า
“ดิฉันมีการบันทึกการสนทนาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมระหว่างดิฉันและคุณ K อีกทั้งดิฉันยินดีที่จะส่งเทปการบันทึกเสียงดังกล่าวให้กับคุณ J เพื่อเป็นข้อพิสูจน์และคุณ J จะได้หมดข้อกังขา”
คุณ J แจ้งว่า ยินดีที่จะรับฟังและหากข้อผิดพลาดดังกล่าวเกิดจากตัวของพนักงาน สิ่งที่คุณ J จะทำได้คือ
1. เจรจากับทางบริษัทดังกล่าว (แต่ไม่รับประกัน)
2. หางานใหม่ให้ดิฉันให้เร็วที่สุด
นอกเหนือจากนี้ไม่สามารถทำอะไรได้
ดิฉันได้ส่งเทปการสนทนาดังกลาวให้กับทางคุณ J แล้วค่ะ
สิ่งที่ดิฉันอยากจะแบ่งปันจากประสบการณ์โดยตรงของดิฉันก็คือ หน้าที่ความรับผิดชอบของบุคคล 1 คนอาจจะส่งผลต่อบุคคลอื่น ๆ ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การสื่อสารที่ผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อคุณทำงานและได้รับมอบหมายงานต้องทำด้วยความรอบคอบ เสมือนเครื่องจักรใหญ่ หากแม้นฟันเฟืองตัวเดียวหายไป ก็สามารถทำให้เครื่องจักรดังกล่าวทำงานต่อไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพหรืออาจจะถึงขั้นใช้การไม่ได้
จากเหตุการณ์นี้ ดิฉันอาจจะยังไม่ทราบว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหากดิฉันไม่โทรติดตามผลกับทางบริษัทจัดหางานด้วยตัวเอง
ถึงบริษัทจัดหางานหรือฝ่ายบุคคล
หากคุณส่งใครหรือรับใครไปสัมภาษณ์งาน รบกวนสละเวลาสักนิดแจ้งให้ทางผู้สมัครทราบผลเถอะคะ หรือแจ้งให้ทราบว่าได้ดำเนินการไปถึงขั้นตอนใดหากผู้สมัครมีโอกาสได้งาน ไม่ใช่เงียบไปเลย
ส่วนตัวดิฉันเองตอนนี้ก็ต้องเริ่มต้นนับ 1 ใหม่ทั้งหมด ต้องเริ่มสมัครงานใหม่เพราะดิฉันไม่สามารถที่จะเชื่อถือใน “บริษัทจัดหางาน” ดังกล่าวได้อีก เนื่องจากฟังจากน้ำเสียงและคำพูดของคุณ J ดิฉันขอพูดตรง ๆ ว่า ดิฉันรับรู้ได้ว่าทางบริษัทได้ปัดความรับผิดชอบออกจากตัว ซึ่งตลอดระยะเวลาของการสนทนาจะมีแต่คำว่า “ทำอะไรไม่ได้มาก” “บริษัทเองก็ไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร” “ไม่สามารถรับประกันได้” อยู่หลายครั้ง
ขอบคุณที่อ่านค่ะ ..... และโชคดีสำหรับคนที่หางานทุกคนนะคะ