JJNY : ค่ายสฤษดิ์เสนาลงดาบ!│กกต.ฟันอาญา-เพิกถอนสิทธิ 2 นักล็อบบี้สว.│บิ๊กแดงแจงยิบ│'ทรัมป์'ชี้การเจรจายูเครนยังไม่ชัดเจน

ค่ายสฤษดิ์เสนา ลงดาบ! สั่งขังครูฝึก-ผบ.กองรักษาการณ์ 7 วัน ปม พลทหารราเชน เสียชีวิต
https://www.matichon.co.th/politics/news_5487805
.

.
ค่ายสฤษดิ์เสนา เข้าแจง กมธ.พัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา กรณี พลทหารราเชน เสียชีวิต สั่งขัง ครูฝึก ยศร้อยโท และผบ.กองรักษาการณ์ ยศจ่าสิบเอก 7 วัน ฐานปล่อยปละละเลย ประมาทเลินเล่อ และบกพร่องต่อหน้าที่
.
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตัวแทนมูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF) เข้าร่วมการประชุมกับคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค สมาชิกวุฒิสภา พร้อมรับฟังคำชี้แจงข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ทหาร สังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ หน่วยฝึกกรมรบพิเศษที่ 4 กรมรบพิเศษที่ 4 จังหวัดพิษณุโลก กรณี พลทหาราเชน ยวามื่อ เสียชีวิตภายในค่ายทหาร เมื่อวันที่ 11 พ.ย.2568 หลังเข้ารับการฝึกไม่ถึง 10 วัน
.
ในการประชุม กมธ.พัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภานี้ ประกอบด้วยตัวแทนมูลนิธิผสานวัฒนธรรมและทนายความผู้รับมอบอำนาจของมารดาของผู้เสียชีวิต, อัยการ, เจ้าหน้าที่ทหารกรมรบพิเศษที่ 4 ค่ายสฤษดิ์เสนา ซึ่งเป็นต้นสังกัดของพลทหารราเชน เข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับลำดับเหตุการณ์การรับตัวพลทหารใหม่ การอบรม การฝึก การประเมินเรื่องสุขภาพ จนถึงวันที่ พลทหารราเชน เสียชีวิต
.
และได้ชี้แจงถึงรายละเอียดที่ค่าย ได้เปิดเผยข้อมูลให้หน่วยงานรัฐ อาทิ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) , กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม และพนักงานอัยการ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ จ.พิษณุโลกและได้เปิดพื้นที่ให้เข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุภายในค่ายอีกด้วย
.
นอกจากนี้ตัวแทน ค่ายสฤษดิ์เสนา ชี้แจงให้ กมธ. การเมืองฯ ทราบด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุทางค่ายไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และ มีคำสั่งลงโทษขังครูฝึกชั้นยศร้อยโทและผบ.กองรักษาการณ์ ชั้นยศจ่าสิบเอก 7 วัน ฐานปล่อยปละละเลย ประมาทเลินเล่อ และบกพร่องต่อหน้าที่ อีกทั้งค่าย ได้ดำเนินการติดกล้องวงจรปิดเพิ่มตามคำแนะนำของ กมธ. การทหารฯ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก
.
ด้านตัวแทนอัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจงว่ากรณีการเสียชีวิตของพลทหารราเชน อาจจะไม่เข้าเงื่อนไขตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ เนื่องจากพลทหารราเชนไม่ได้เสียชีวิตโดยการควบคุมของเจ้าหน้าที่รัฐ ตามที่ค่ายชี้แจงมา จึงไม่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ 4 ฝ่าย ได้แก่ พนักงานอัยการ ฝ่ายปกครอง แพทย์ และพนักงานสอบสวน ร่วมชันสูตรพลิกศพ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
.
อย่างไรก็ตาม มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ตั้งข้อสังเกตว่า การพาตัวพลทหารราเชนกลับเข้ามาในค่าย หลังจากหลบหนีการเกณฑ์ทหาร พลทหารราเชนย่อมต้องถูกดำเนินคดีตามกฎระเบียบของทหาร ทว่าค่ายกลับปฏิเสธการควบคุมตัว และอ้างว่าในคืนเกิดเหตุดังกล่าว ได้ฝากตัวพลทหารไว้ที่ห้องรักษาการณ์ของค่ายเท่านั้น แต่ห้องดังกล่าวมีลักษณะเป็นลูกกรง มีเจ้าหน้าที่ทหารคอยเฝ้าตลอดเวลา
.
ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการควบคุมตัว ตามมาตรา 3 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ที่รวมถึงการจำกัดเสรีภาพของพลทหารในคืนวันเกิดเหตุ และหากพบว่าการเสียชีวิตของพลทหารราเชนมีลักษณะเป็นการควบคุมตัว จะต้องมีการตั้งสำนวนไต่สวนการตาย เพื่อพิสูจน์ว่า การเสียชีวิตดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยสาเหตุใด และอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่รัฐคนใด ดังนั้นการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป
.
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม รับแจ้งเหตุจากเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ภาคเหนือว่าพลทหารราเชน ยวามื่อ ทหารกองประจำการผลัดที่ 2/2568 สังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ หน่วยฝึกกรมรบพิเศษที่ 4 กรมรบพิเศษที่ 4 จังหวัดพิษณุโลก เสียชีวิตภายในค่ายทหาร หลังจากเข้ารับการฝึกไม่ถึง 10 วัน
.
จากนั้นทางมูลนิธิจึงร้องเรียนต่อศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ในพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมพูดคุยกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ทราบว่าครอบครัวยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิตและต้องการทราบความจริงที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนการเสียชีวิต จึงนำมาสู่การพยายามแสวงหาข้อเท็จจริงโดยหน่วยงานต่างๆ
.
การเสียชีวิตของพลทหารราเชน ไม่ใช่กรณีการเสียชีวิตของทหารเกณฑ์ครั้งแรก แต่แทบทุกปีที่มีการเกณฑ์ทหาร มักจะมีการสูญเสียเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แม้ทางกองทัพจะพยายามออกมาตรการในการป้องกันเหตุ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถยุติปัญหานี้ได้ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่มาตรการป้องกันต่างๆ ยังไม่สามารถเข้าถึงและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
.
มูลนิธิผสานวัฒนธรรมจึงขอเชิญชวนสื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจ ร่วมกันติดตามกรณีของพลทหารราเชน อย่างใกล้ชิด รวมถึงกรณีพลทหารอื่นๆ ที่เสียชีวิตภายในค่ายทหาร เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีการค้นหาความจริงโดยละเอียด และหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด เพื่อนำไปสู่การป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุการณ์การสูญเสียเช่นนี้อีกต่อไปในอนาคต
.

.
กกต. ฟันอาญา-เพิกถอนสิทธิ 2 นักล็อบบี้เลือกสว. เผยเป็น 1 ในว่าที่ผู้สมัครสส.ภูมิใจไทย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_10046105
.
กกต.ฟันอาญา-เพิกถอนสิทธิ 2 นักล็อบบี้เลือกสว. เผยเป็นหนึ่งในผู้อาสาลงสมัครสส.ภูมิใจไทย รอบหน้า แฉพฤติการณ์เปิดโรงแรมจัดประชุม ยื่นข้อเสนอรับเงินเป็นกิโล พร้อมจ่าย 10 ล้าน แลก 80 เสียง ซ้ำระบุทุกคนที่เข้าร่วมไม่กลับบ้านมือเปล่า ชี้เข้าข่ายสมคบคิด
.
เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2568 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต.ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายธนาวุฒิ แสงอรุณ ผู้มีสิทธิ์เลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับจังหวัดมหาสารคาม กลุ่มที่ 19 หมายเลข 6 ผู้ถูกร้องที่ 1 และนายสัจจพงษ์ ภูมิศักดิ์ บุคคลที่ไม่ใช่ผู้สมัคร ผู้ถูกร้องที่ 2 ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 62 และให้ดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 77(1)
.
เนื่องจากการไต่สวน ฟังได้ว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ให้ถ้อยคำยอมรับว่า ถูกชักชวนให้ไปจัดหาผู้มีสิทธิเลือกสว.ระดับประเทศ ให้มาประชุมที่โรงแรมปทุมธานี เพลส และประสงค์จะได้รับเงินส่วนแบ่งจากผู้มีสิทธิเลือกระดับประเทศที่เข้าร่วมประชุมวางแผนการเลือก
.
ประกอบกับมีพยานที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองนึ่งให้ถ้อยคำว่า ได้เดินทางไปที่โรงแรมปทุมธานีเพลส หลังผู้ถูกร้องที่ 1 ส่งข้อความไลน์ถึงตนว่าให้มาหาประสบการณ์ทางการเมือง และแนะนำให้ชักชวนเพื่อนที่เป็นผู้มีสิทธิ์เลือกระดับประเทศมาด้วย
.
ในวันดังกล่าวขณะที่อยู่โรงแรมปทุมธานีเพลส พยานเห็นผู้ถูกร้องที่ 1 เดินทักทายบุคคลอื่น ๆ และกล่าวถ้อยคำว่า “รู้จักคนอื่น ที่เป็นผู้มีสิทธิเลือกสว.ระดับประเทศหรือไม่ หากมีให้ชักชวนมา เพราะหากได้เข้าระดับประเทศ คุณเบิร์ดจะให้เงินเป็นกิโลเลยนะ แต่รายละเอียดให้รอคุณเบิร์ดมาชี้แจงเอง
.
บ่งชี้ถึงการเสนอผลประโยชน์ ในการเลือกสว. และสอดคล้องกับรายชื่อผู้เข้าพักโรงแรมปทุมธานีเพลสที่ปรากฏชื่อของ ผู้ถูกร้องที่ 1เป็นผู้เข้าพัก เพราะประสงค์จะได้ส่วนแบ่งจากผู้มีสิทธิเลือกระดับประเทศที่รู้จักและไปเข้าร่วมประชุม วางแผนการเลือก
.
กรณีจึงปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ทำหน้าที่เป็นตัวแทนหรือคนกลาง ชักชวนหรือจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกระดับประเทศมาที่โรงแรมปทุมธานีเพลส อันมาเพื่อสมคบคิด วางแผนหรือจัดเตรียมเพื่อลงคะแนนในการเลือกสว.ระดับประเทศ เพื่อลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด
.
โดยมีการจัด ทำ ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้เงิน หรือประโยชน์อื่นใดที่อาจคำนวณ เป็นเงินได้ อันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 77 (1) ซึ่งมีวัตถุประสงค์แห่งการกระทำเพื่อสมยอมกันในการลงคะแนนเลือกสว. อันมิได้เป็นการลงคะแนนเลือกกันเองตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 107
.
และพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. 2561 และมาตรา 33 ที่กำหนดให้สว.มาจากการเลือกกันเองของบุคคล ซึ่งมีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ อาชีพ ลักษณะ หรือประโยชน์ร่วมกัน หรือทำงานหรือเคยทำงานด้านต่าง ๆ ที่หลากหลายของสังคม โดยให้ใช้วิธีลงคะแนนลับตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ผู้สมัครนำข้อมูลดังกล่าวไปประกอบการตัดสินใจ ลงคะแนน มิใช่การสมยอมกันในการลงคะแนนเลือก
.
ซึ่งเป็นการทุจริตการเลือก อันทำให้การเลือกเป็นไปโดย ไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรมตามมาตรา62 และรัฐธรรมนูญมาตรา 226 ทั้งนี้ ตามแนวคำพิพากษา ศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ ลต สว 1/2568 คดีหมายเลขแดงที่ ลต สว 47/2568 ลงวันที่5 ส.ค.68
.
ส่วนนายสัจจพงษ์ ผู้ถูกร้องที่ 2 ซึ่งถูกกล่าวหาว่า ชักชวนผู้ร้องและผู้มีสิทธิ์เลือกระดับประเทศในแต่ละกลุ่มเข้าร่วมรับประทานอาหารที่ร้านนิตยาไก่ย่าง สาขาเมืองทองธานี และได้เสนอให้เงินแก่ทุกคน คนละ 200,000 บาท และเสนอให้เงินแก่ผู้ร้อง 10,000,000 บาท เนื่องจากผู้ร้องมีลูกทีมเป็นผู้มีสิทธิเลือกระดับประเทศจำนวน 80 คน
.
ผู้ถูกร้องที่ 1 จะเป็นผู้ดูแลการให้เงินเนื่องจากมีการส่งข้อความทางไลน์ระหว่างผู้ร้องและผู้ถูกร้องที่ 1 เกี่ยวกับการให้เงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกระดับประเทศเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเลือก
.
จากการไต่สวนพยาน 3 ปาก ให้ถ้อยคำยืนยันว่าผู้ถูกร้องที่ 2 เกี่ยวข้องกับการเลือกสว.และผู้ถูกร้องที่2 ให้ถ้อยคำยอมรับว่าได้นัดพบผู้ร้องที่ร้านนิตยาไก่ย่าง สาขาเมืองทองธานี เนื่องจากผู้ร้องขอให้ผู้ถูกร้องที่ 2 แนะนำผู้มีสิทธิเลือกระดับประเทศให้รู้จัก
.
จากการตรวจสอบแอปพลิเคชันไลน์พบหลักฐาน ภาพถ่าย บทสนทนาที่ผู้ถูกร้องที่ 2 ได้สนทนากับพยานของผู้ร้อง และพยานไต่สวนประกอบต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 22-25มิ.ย.67เกี่ยวกับการนัดหมายต่างๆ การแจ้งชื่อเข้าพักโรงแรม และข้อความแสดงแนวคิดว่า “24 เตรียมความพร้อมเรื่องกลุ่ม 25 ประชุมเตรียมปฏิบัติการ อุดมการณ์กลุ่มอิสระ
.
1. พวกเราคือกลุ่มอิสระไม่ขึ้นตรงพรรคการเมือง
.
2. ผู้สมัคร สว.ทุกท่านจะมี ศักดิ์ศรีในตัวเอง ทุกคนเป็น สว.ตัวแทนกลุ่มได้ ถ้ามีทีมงานในกลุ่มสนับสนุน (รวมทั้งสามารถเอาทีมงาน นอกกลุ่มเดียวกันมาสนับสนุนได้โดยกลุ่มจัดการจะแลกเปลี่ยนให้ในระบบ)
.
3. การจัดการเลือกตั้ง สว.รอบนี้ กลุ่มเราใช้ระบบ AI เข้ามาบริหารจัดการให้ (ให้ผู้สมัคร 4. สว.แต่ละท่านลงคะแนนตาม ระบบ AI กำหนด ให้เลือกเบอร์)
.
4. กลุ่มจะดูแลที่พักและการเดินทางในการเข้ามาเลือกตั้งให้ทุกคน ทุกคนที่เข้าร่วมอิสระจะไม่ กลับบ้านมือเปล่า”
.
และพยานไต่สวนประกอบอีก2 คนให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่าขณะรับประทานอาหารที่ร้านนิตยาไก่ย่างผู้ถูกร้องที่ 2 เสนอให้ตนเป็นผู้จัดหาผู้มีสิทธิเลือก ระดับประเทศมาให้ แต่ตนมิได้ดำเนินการตามที่เสนอ อีกทั้งเมื่อตรวจสอบบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “สัจจพงษ์ ภูมิภักดิ์” ของผู้ถูกร้องที่ 2 ช่วงวันที่ 17พ.ค.-27 มิ.ย.67 มีการโพสต์ข้อความ พร้อมภาพประกอบถึงการเมาประชุมดังกล่าว ในลักษณะมาทำงานใหญ่เพื่อชาติบ้านเมือง, เสร็จสิ้นภารกิจระดับประเทศ ถือว่าประสบความสำเร็จได้เรียนรู้งาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่