ละเอียดดีครับ เรื่อง หลวงปู่จันทา ปฏิบัติธรรมกับ หลวงปู่ขาว เพื่อเป็นตัวอย่างแก่นักปฏิบัติครับ

กระทู้สนทนา
หลวงปู่จันทา ถาวโร

ได้ญัตติเป็นธรรมยุต แล้วไปอยู่กับหลวงปู่ทับ (เขมโก) เจ้าอาวาสวัดป่าแพงศรี อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ วัดนั้นเป็นวัดป่าช้า ปีนั้นก็ตั้งใจทำความเพียรอย่างเต็มที่ อยู่ด้วยอิริยาบถ ๓ คือ เดิน ยืน นั่ง เท่านั้น เพราะอยากรู้ธรรม เห็นธรรม ไปศึกษาหลวงปู่ทับ ท่านก็ว่า

“ถ้า ทำความเพียรอ่อน ก็ไม่เป็นไป เพราะกิเลสกับธาตุขันธ์นั้นมันเหนียวแน่น ผูกมัดรัดรึงดวงจิตไว้ พร้อมทั้งกรรมชั่วช้าลามกนั้น ฉะนั้นจึงต้องทำความเพียรชนิดเอาตายเข้าว่า อย่างอุกฤษฏ์ ไม่ห่วงใยในชีวิตสังขาร เห็นว่า สังขารร่างกายนี้นั้น เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เป็นอสรพิษตัวร้ายกาจ ขบกัดให้เป็นทุกข์อยู่ทุกกาลสมัย นับตั้งแต่วันเกิดเป็นต้นมา”

“อสรพิษ ใหญ่นั้นคือ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย นี่แหละอสรพิษใหญ่ตัวร้ายกาจ ทีนี้จงทำความเพียรเผาจิตให้เร่าร้อนทั้งวันคืน ยืน เดิน นั่ง นอน เพื่อว่าจะเผากิเลสให้มันเร่าร้อน จะนำดวงจิตเข้าสู่สมาธิธรรมได้ เมื่อจิตเข้าสู่สมาธิธรรมได้แล้วนั้น แสงสว่างแห่งธรรมจะเกิดขึ้นแล้วจะได้เปลื้องตนออกจากอสรพิษใหญ่ และจิตจะได้บรรลุธรรม นอกนั้นไม่มี ไม่เป็นไป”

เมื่อหลวงปู่ทับว่า อย่างนั้นแล้ว ก็พอใจ เร่งทำความเพียรในปีแรก (๒๔๙๓) ตลอดไตรมาส ๓ เดือน ไม่นอน เดิน ยืน นั่ง เอาอิริยาบถ ๓ เท่านั้นแหละ
ข้าง ก็ ๒ - ๓ วัน ฉันครั้งหนึ่ง ฉันก็ฉันน้อย พอยังชีวิตให้เป็นไปเท่านั้น

เดินจงกรม บางวันมันเหนื่อยล้า ก็ยืนภาวนา มันจะหลับ หรืออย่างไรไม่ทราบ ปัสสาวะไหลออกมาไม่รู้ตัวนะ
นี่แหละ การทำความเพียรอย่างอุกฤษฏ์ไม่หวั่นไหว พอออกเดินไป รู้สึกว่าผ้าเปียก กำผ้ามาดม จึงรู้ว่าเป็นกลิ่นปัสสาวะ นั่นแหละ การทำความเพียรเป็นอย่างนั้น

เดือนที่ ๑ ผ่านไป เดือนที่ ๒ ก็ผ่านไป พอเดือนที่ ๓ จวนจะผ่านไป
จิตจึงสงบ เพราะการทำความเพียรเผากิเลสให้เร่าร้อน เผาร่างกายให้เร่าร้อนอ่อนเพลียละเหี่ยใจ อาหารของธาตุขันธ์ คือ กิน กับ นอน นั้นไม่มี มีแต่ทำความเพียรอย่างนั้น

ทีนี้บางคืน เดินแล้วก็ยืน ยืนนั่น หายใจเข้าว่า พุท หายใจออกว่า โธ ผ่อนลมหายใจเข้าออกให้น้อยลง กายสังขารคือลม (เครื่องปรุงกาย) อานาปานสติ คือ ลม (สติกำหนดลม) นั่นแหละ ต่อแต่นั้นมา จิตก็อ่อนลง ๆ ละเอียดลงไปทุกที สติกับจิต กับลมหายใจเข้าออกมันละเอียดเข้าทุกที บางทีจิตก็สงบ ก่อนที่จิตจะสงบนั้น จิตก็วงพุทโธ พอวางพับ จิตก็รวมพับลงถึงขั้น ขณิกสมาธิ (จิตสงบเล็กน้อย)

พอถึงขั้นนั้น ความอ่อนเพลียละเหี่ยใจ หิวโหยเหนื่อยล้าของร่างกายก็หายไปหมด รู้สึกสดชื่นแข็งแรงขึ้น นั่นแหละ อำนาจของความสงบเป็นอย่างนั้น เป็นของอัศจรรย์เลิศประเสริฐสุด แล้วศรัทธาก็เกิดขึ้นพร้อม วิริยะเกิดขึ้นพร้อม สติปัญญาเกิดขึ้นพร้อม เกิดความเห็นชอบว่า

“โอ๋..วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ นั้นจริงแท้ ผู้มีความเพียร จะต้องมีทุกข์ ทุกฺขมจฺเจติ ความทุกข์นั้นมันเผาธาตุขันธ์แล้วก็เผาใจด้วย นั่นแหละ จะล่วงทุกข์ได้ก็เพราะความเพียร เห็นธรรมได้ก็เพราะความเพียร นอกนั้นไม่มี“
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่